Saturday, September 20, 2014

Opposite Connection

                
                มันไม่ใช่อคติ... ก็แค่ไม่ชอบ ไม่สิ... แล้วทำไมต้องมาเปิดร้านตรงนี้ด้วยหล่ะ ? ความผิดกูเหรอ ? ไม่ใช๊ ไม่ใช่ เราไม่ผิดเลยสักนิดต่างหาก ! เราไม่ได้ผิด ท่องไว้ซีวอน กูไม่ผิดเว้ยยยย !
                “ถ้ามันย่นถาวรขึ้นมา กูไม่เอามึงส่งหมอหรอกนะเว้ย !” เอานิ้วดีดไปที่กลางหน้าผากของเพื่อนแรงๆจนขึ้นเป็นรอยแดงเด่นชัด ทันที่ที่ความเจ็บแผ่ซ่านไปทั่วหน้าผาก ผู้ถูกกระทำจึงหันขวับกลับมามองเจ้าของแรงกระแทกด้วยหน้าตาที่บ่งบอกได้ถึงความไม่พอใจ... ระดับปานกลาง
                “I wasn’t wrong !” สบถใส่หน้าเพื่อนซี้แล้วเดินจากไปพร้อมกับผ้ากันเปื้อนสีดำเข้มของตัวเอง ทิ้งจงฮุนที่ได้แต่มองตามด้วยความงุนงงกับอาการผิดปกติของเพื่อนไว้เบื้องหลัง
                เป็นเหี้ยไรของแม่งวะ ?” และเมื่อตัวเองไม่รู้เรื่อง จงฮุนจึงพาลอารมณ์เสยไปด้วยอีกคน – 3 –

                Thank you, Hope to see you again, sir” แจกยิ้มหวานให้กับลูกค้าที่หิ้วถุงของเดินออกไป เมื่อบานประตูปิดสนิท ขาเรียวก็เคลื่อนตัวไปยังอีกฝั่งของร้านซึ่งเต็มไปด้วยข้าวของมากมายระเกะระกะอยู่บนพื้น มือบางจัดการหยิบมันขึ้นมาจัดวางตามชั้นให้เป็นระเบียบ พร้อมกับเดินดูของรอบๆร้านไปด้วย
                เสียงเพลงบรรเลงยังคงดังต่อเนื่อง เล่นซ้ำมาตั้งแต่ช่วงเช้า กระทั่งตอนนี้ พระอาทิตย์กำลังจะลาจากขอบฟ้าไปแล้ว มันก็ยังคงเล่นวนซ้ำไปซ้ำมาเช่นเดิม เหงื่อเม็ดเล็กหยาดออกมาจากปลายจมูกโด่งบ่งบอกความเหนื่อยหอบจากการวางของเข้าชั้น เดาได้เลยว่าปริมาณของต้องบานตะไทเป็นแน่
                ลมด้านนอกร้านพัดพาเอาความหนาวเหน็บมาภายใน มู่ลี่สีเนื้อนวลสั่นไหวเพราะแรงลม ความเหน็บหนาวเรียงตัวรายรอบเรือนร่างของคยูฮยอนช้าๆ ดวงตากลมปิดลงซึมซับกับความยะเยือกเย็นที่เหมือนเช่นหัวใจของเขา... ที่ถูกแช่แข็งให้อยู่กับความพลาดพลั้งร่ำไป

                ผมกลับนะคร้าบบบ... จงฮุนตะโกนบอกคนในร้านก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าของตัวเอง แล้วเดินตามเพื่อนซี้ตัวสูงออกไปที่ด้านหน้า ซีวอนจัดการใส่รองเท้าให้เรียบร้อยแล้วยันตัวขึ้น ยืนรอเพื่อนที่กำลังมองหารองเท้าของตัวเองอยู่
                รองเท้ากูอยู่ไหนวะเนี่ย ?” มองอยู่นานสองนาน ก็ยังไม่เจอรองเท้าของตัวเองเสียที ซีวอนปรายตามองไปบนชั้นเพื่อจะช่วยหาด้วยอีกคน และไม่นานเกินรอ รองเท้าเจ้ากรรมก็วางลงบนพื้นดังแป๊ะด้วยฝีมือของผู้ช่วยเหลือ จงฮุนเงยหน้ามองเพื่อนพร้อมกับยิ้มแหยๆแล้วรีบยัดเท้าของตัวเองเข้าไปข้างใน
                ลมแรงนะว่ามั๊ย ?” หันไปถามเพื่อนที่เดินล้วงกระเป๋า เพราะเย็นมือ ร่างโปร่งมองหน้าเจ้าของคำถามที่ตอนนี้ทำตัวเหมือนไม่ได้พูดอะไรออกไป พร้อมกับพยักหน้าหงึกหงักเป็นการตอบคำถาม ซึ่งซีวอนไม่เห็นมันหรอก
                กูถามนี่ มึงได้ยินหรือเปล่า ?”
                หนาววว !
                ก็แค่นี้แหละ จะเงียบทำห่าอะไร... กลับดีๆนะเว้ย อย่าไปเมาที่ไหนหล่ะ ร่างสูงปลีกตัวเข้าตึกไปก่อนอีกฝ่าย จงฮุนโบกมือลาให้กับเพื่อนแล้วเดินตรงไปเพื่อจะหลับบ้านของตัวเองบ้าง ซีวอนมองตามร่างของเพื่อนจนกระทั่งลับตา เขาจึงเดินเข้าบ้านซึ่งเป็นตึกแถวไป
                ไฟในบ้านค่อยๆเปิดทีละดวง ห้องโถงเล็กๆ เงียบเชียบ ร้างผู้คน การอยู่คนเดียวเป็นชุดความเคยชินหนึ่งของซีวอนไปเสียแล้ว เพราะเป็นแบบนี้มาตั้งแต่อายุยังน้อย เขาจึงเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจใครนักจนหนักไปทางด้านเอาแต่ใจตัวเองเลยก็ว่าได้ รวมทั้งเรื่องของความรักหรือการอยู่เป็นคู่ก็ด้วย มันช่างห่างไกลความคิดของเขานัก
               
                แสงแดดอ่อนส่องผ่านผ้าม่านสีโอรสเข้ามากระทบกับนัยน์ตากลมที่ซ่อนอยู่ใต้เปลือกตา คยูฮยอนพลิกตัวหนีแสงแดดแล้วซุกหน้าลงกับหมอนข้างด้วยอาการเหมือนเด็กที่ไม่อยากตื่น หากแต่เมื่อใบหน้าเรียวกดลงกับใยผ้าแล้ว เสียงนาฬิกาปลุกก็ดังขึ้น ชวนให้สะดุ้งตื่นจากความงัวเงียเสียนี่... ได้ยินแล้วก็อยากจะเขวี้ยงมันไปให้ไกลตัว
                ขาเรียวก้าวลงมากจากเตียงอย่างทุลักทุเล พร้อมด้วยหน้าตาที่ไม่ค่อยจะสมประกอบสักเท่าไร่นัก ผมเผ้ายุ่งเหยิงเหมือนรังนก เสื้อผ้ายับยู่ยี่ย่นไปทุกส่วน ดวงตาที่เปิดเพียงครึ่งเดียวจ้องมองสารรูปที่สะท้อนผ่านกระจกบานยาวในห้องน้ำ มองไปมองมาช่างทำให้ขวัญผวาเสียเหลือเกิน
                เสียงน้ำไหลหยุดลง คยูฮยอนเดินออกมาจากห้องน้ำ ตรงรี่ไปที่ตู้เพื่อหาเสื้อผ้าชุดใหม่ด้วยหน้าตาที่ไฉไลกว่าเดิม มือบางไล่ไปเรื่อยเพื่อคัดสรรชุดที่น่าจะดูดี ดึงเสื้อเชิ้ตสีนวลออกมาแล้วจัดการแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนจะปิดไฟแล้วเดินออกจากห้องไป
                ฝากจักรยานด้วยนะคร้าบบบ เสียงสดใสในยามเช้าเตือนให้คยูฮยอนเงยหน้าออกไปมองหน้าร้านทั้ง เจ้าของจักรยานสีเหลืองส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรมาทางเขาที่เดินลงมาจากบันไดช้าๆ ผิดกับอีกคนถีบที่ทำหน้ามุ่ยใส่แล้วปลีกตัวไปล็อคจักรยาน... หลบรอยยิ้มของเขาที่ส่งกลับไปให้จงฮุน
                ไปทำหน้าแบบนั้นใส่พี่เค้า เดี๋ยวเย็นนี้ก็ไม่มีพาหนะกลับบ้านหรอก !” บ่นไปพร้อมกับมองหน้าเพื่อนตัวสูงที่ยังคงปั้นหน้าบูดไม่หาย แม้จะข้ามมาอีกฝั่งของถนนแล้วก็ตาม ซีวอนยักไหล่ให้กับจงฮุนแล้วรีบสาวเท้าเข้าร้านพิซซ่าไป ทิ้งให้จงฮุนต้องรีบวิ่งตามต้อยๆ
                พี่เค้าไปตบหน้าพ่อมึงหรือไงวะ ?”
                ถ้าอย่างนั้นกูคงรักเค้าตายเลยพูดไปตีแป้งไป จงฮุนมองหน้าเพื่อนทิฐิหนาแล้วหันกลับไปดึงพิซซ่าออกมาจากเตาอบ แล้วจัดมันลงจานอย่างชำนิชำนาญ
                พี่เค้าก็น่ารักดีออก... ไม่เหมือนมึง หน้าโหดสัส !” กระแทกชิ้นสุดท้ายลงบนจานใบสวยก่อนจะปลีกตัวออกห่างคนที่ตัวเองเพิ่งจะถากถางเสร็จ ซีวอนมองตามแผ่นหลังของอีกฝ่ายที่เคลื่อนห่างออกไปด้วยความรวดเร็วด้วยสายตาเอือมระอา... กัดกูซะตัวจะขาดแล้ว ไอ้จงฮุน !
               
                โชคดีนะเพื่อน อย่าลืมจักรยานหล่ะ !
                เออ ! มึงนั่นแหละเดินดีๆตะโกนบอกเพื่อนซี้ที่ถึงเวลาเลิกงานแล้ว วันนี้เป็นคิวของซีวอนที่จะต้องอยู่จนร้านปิด ส่วนจงฮุนก็จะกลับเวลาปกติ รายนั้นจึงปลีกตัวกลับไปก่อนโดยไม่รอเพราะกลัวว่าน้องชายต่างมารดาจะหิวแล้วร้องไห้งอแง แต่ใครจะเชื่อเล่า... แจจินหน่ะ โตตัวจะเป็นควายอยู่แล้ว !
                เสิร์ฟโต๊ะ 3 ที ซีวอน
                ครับพี่ ยิ้มรับคำสั่งแล้วเดินถือจานพิซซ่าไปเสิร์ฟให้ลูกค้าตามคำสั่ง เมื่ออาหารวางลง โปรยยิ้มหล่อให้กับลูกค้าแล้ว พ่อครัวรูปหล่อก็เดินกลับมาใยครัว จัดการทำงานของตัวเองไปเรื่อย ๆ ดวงตาคมเหลือบมองนาฬิกาเป็นระยะ เพื่อรอให้ถึงเวลาเลิกงานเสียที

                กลับแล้วนะครับ ตะโกนบอกคนในครัวที่เหลือแล้วเดินออกจากร้านไปเงียบๆ ครั้นเมื่อเงยหน้าขึ้นมองฟ้า เห็นเมฆครึ้มก่อตัวเต็มไปหมด ก็เป็นอันต้องเร่งฝีเท้า ข้ามไปเอาจักรยานที่ผูกไว้ที่มุมร้านฝั่งตรงข้าม แต่ฝนเจ้ากรรมก็ดันตกลงมาตอนที่เขาไขกุญแจเสร็จพอดี
                เวรเอ้ย !” สบถออกมาด้วยความไม่พอใจอย่างสูงสุด ซีวอนขยับตัวให้เข้าใกล้ร่มหลังคาน้อย ๆ ให้ได้มากที่สุด ใบหน้าเรียวมองไปที่ป้ายร้านซึ่งติดอยู่เหนือหัว ตัวอักษรภาษาอังกฤษเขียนไว้หราว่า “Hot Times” ครั้นเมื่อมองต่ำลงมาก็เป็นมู่ลี่สีเท้าที่บังสินค้าภายในเอาไว้ ว่าแล้วก็บ่นงุบงิบกับตัวเองด้วยอคติในใจกับร้านค้าแห่งนี้
                เมื่อไหร่จะได้กลับวะแม่ง...พึมพำเบาๆกับตัวเองที่กำลังนั่งอยู่บนพื้น เสียงฝนที่โหมกระหน่ำเข้ามาเรื่อยๆ ทำให้เค้าอดนึกภาพจำลองสภาพของตัวเองในขากลับไม่ได้ ผิวเนื้อใต้ร่มผ้าสัมผัสได้ถึงความชื้นแฉะเนื่องจากละอองฝน รวมทั้งกลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มก็เริ่มชุ่มน้ำ เมื่อหันไปมอยานพาหนะของเพื่อนสนิทก็พบว่า มันเองไม่ได้มีสภาพอะไรต่างไปจากเขาเลยสักนิดเดียว
                จะเข้ามาหลบฝนก่อนก็ได้นะ... เสียงบานประตูเปิดออกพร้อมกับร่างบางในชุดที่บางไม่แพ้หุ่น ผมปุยสีดำอมเทาประกายเมื่อแสงไฟที่ด้านหน้าร้านสะท้อน ใบหน้าหวานนั้นมีสภาพไม่ต่างจากคนเพิ่งตื่น แต่อย่างไรก็ตาม เขายังคงสัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นภายใต้ดวงตากลมคู่นั้นที่มันใกล้ปิด
ไม่รบกวนดีกว่าครับ
ฉันให้นายเลือกระหว่างพาราที่ไม่มีวันหาพบในนี้ กับแค่เดินเข้ามาอยู่กับขวดไวอากร้าซักพัก นิ้วบางชี้ไปที่ชั้นวางของด้วยท่าทางประชดประชันก่อนจะเดินกลับเข้ามาในร้านของตัวเอง โดยไม่วายปิดประตูให้กระแทกหน้าคนตัวสูงกว่า หากซีวอนตีความไม่ผิด คุณคนนั้นกำลังสื่อว่า ถ้าเค้าป่วย... จะไม่มีพาราให้กิน ดังนั้นขายาวจึงก้าวเข้าสู่ตัวร้านที่เขานึกแขยงในใจอย่างไร้เหตุผล
ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กถูกส่งให้กับคนที่ตัวสูงกว่า เขารับมาอย่างลวกๆแล้วจัดการขยี้ผมด้วยหวั่นว่าจะเป็นหวัด เมื่อเจ้าของสถานที่หายเข้าไปที่ด้านหลังร้าน ซีวอนก็กวาดสายตามองไปรอบตัวเขาที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ต่างๆที่ไม่คุ้นตา จะให้คุ้นได้ยังไงเล่า ! ก็ของพวกนี้มัน sex toys ทั้งนั้น
อ่ะ...เสียงหวานเรียกอีกฝ่ายที่เหมือนจะเหม่อลอยไปซักพัก ซีวอนยื่นมือไปรับแก้วชานั้นมาวางไว้บนโต๊ะ ในขณะที่อีกฝ่ายจัดการเดินไปเข็นจักรยานเข้ามาไว้ในร้านแล้วล็อคประตู ซีวอนมองด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยไว้ใจปนความงุนงงสงสัย แต่ยังไม่ทันได้อ้าปากถาม คนช่างสังเกต(สีหน้า) ก็ให้คำตอบกลับมาเสียก่อน
อยากนอนตายจมกองหิมะเป็นข่าวหน้าหนึ่งก็เชิญ ผายมือไปยังหน้าร้านที่เริ่มปกคลุมด้วยหิมะ ทำให้ซีวอนต้องพ่นลมหายใจออกมาอย่างเสียไม่ได้... โอเค ! กูจะนอนกับมึงนี่แหละ !!

เสียงเคาะประตูที่ชั้นสองทำให้คยูฮยอนต้องลุกขึ้นมาจากเตียง ละหนังสือที่อ่านเอาไว้บนหมอน ขาเรียวเดินไปยังบานประตูแล้วเปิดมันออกอย่างไม่ต้องสงสัย... จะมีใครหล่ะ ก็ต้องเป็นหมอนั่นอยู่แล้ว แต่เมื่อมือดึงบานประตูเข้ามา ภาพตรงหน้ากลับทำให้ร่างบางช็อคไม่น้อย
อย่าหาว่าเรื่องมากเลย คือผม... ไม่มีเสื้อ เกาหัวแกรกๆในสภาพเปลือยท่อนบน คยูฮยอนพยักหน้าเป็นอันว่ารับรู้แล้วเดินตรงเข้าไปที่ตู้เสื้อผ้าของตัวเอง เปิดหาเสื้อที่อีกฝ่ายน่าจะใส่ได้ ซึ่งมันต้องตัวใหญ่มากพอสมควร แต่คนตัวบางอย่างเขา จะไปมีเสื้อแบบนั้นได้ยังไงกัน ?
เมื่อรู้สึกว่าด้านนอกมันหนาวแปลก ๆ .ซีวอนจึงตัดสินใจเดินเข้ามาในห้องนอนของคยูฮยอนอย่างถือวิสาสะ แต่เพื่อไม่ให้มันดูรุกล้ำอาณาเขตเกินไป ร่างสูงจึงเดินไปยืนอยู่ที่ด้านหลังของอีกฝ่ายเงียบ ๆ มองคนตัวเล็กที่ก้มลงรื้อกองเสื้อผ้าของตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย
ตัวนี้สะ....ยันตัวขึ้นอีกที ก็ชนเข้ากับคางของอีกคนเสียเต็มแรง เล่นเอาเซถลาไปพิงเข้ากับตู้เสื้อผ้าพอดี เจ้าของคางแหลมๆได้แต่คลำป้อยๆไปบนใบหน้าของตัวเองอย่างเสียไม่ได้ หัวโคตรแข็ง !
เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย...
โทษทีๆ ข้างนอกมันหนาว ตัวนี้ใช่มั๊ย ?” ยืนนานๆ เริ่มรู้สึกกลัวแปลกๆ ก็คนตรงหน้าเค้าหน่ะ ขาย sex toys นะ แล้วเค้ามายืนเปลือยให้ดูนาน ๆ แบบนี้ ดีไม่ดีอาจจะโดนจับปล้ำได้ คยูฮยอนส่งเสื้อให้กับอีกฝ่ายแล้วเบี่ยงตัวเดินไปที่เตียง นอนอ่านหนังสือเหมือนเดิม
ขอบ...ฮึบ ! คุณ
อืม...มองคนที่ใส่เสื้อของตัวเองอยู่ แต่เหมือนว่าคยูฮยอนจะต้องรีบหาเสื้อตัวใหม่ให้กับซีวอนโดยเร่งด่วนเสียแล้ว เพราะเสื้อตัวนี้ มันเล็กเกินไปสำหรับซีวอนหน่ะสิ
ถอดๆ ตัวอื่นดีกว่า...รีบบอกอีกคนเพราะกลัวว่าเสื้อของตัวเองจะขาด ซีวอนที่เพิ่งจะยึดตัวลงไปในเสื้อได้ เบ้หน้าก่อนจะยอมถอดออกมาตามคำสั่ง แล้วหยิบเอาผ้าอีกผืนมาห่อตัวเอาไว้... มันปลอดภัยที่ไหนเล่า ปัดโธ่ !
ให้ตายเถอะ... ซึงฮยอนเอาเสื้อไปไว้ไหนหมดนะ
ถ้าไม่มีฉันนอนแบบนี้ก็ได้นะ
ไม่กลัวโดนฉันย่องไปปล้ำนายหรือไงพูดออกมาด้วยเสียงนิ่งเรียบ เล่นเอาอีกฝ่ายผงะไปซักพัก และว่าจะตั้งสิขึ้นมาได้อีกที ก็เพราะแรงสะกิดของอีกคนที่เรียกเขาให้เดินตามไปยังที่ไหนซักแห่ง
ขาเรียวนำคนตัวใหญ่กว่าขึ้นไปบนชั้นสาม ผลักบานประตูเล็กๆเข้าไป ยืนอยู่ในห้องนอนแคบ ๆ มือเล็กไล่ไปตามตู้เสื้อผ้า ในขณะที่ซีวอนก็สำรวจมองไปทั่วๆ ห้องซึ่งเต็มไปด้วย... ขวดน้ำหอมมากมาย กลิ่นของมันทำให้เขามีความรู้สึกเหมือนคนเมาแปลก ๆ ร่างสูงสะบัดหน้าเลี่ยงกลิ่นน้ำหอมเหล่านั้น แต่เหมือนจะไม่ทันแล้ว
อ่ะ...นี่... เฮ้ย ! ทำอะไรยื่นเสื้อให้กับอีกฝ่าย แต่เหมือนจะผิดคาดเมื่ออยู่ดี ๆ ซีวอนก็เอื้อมมือมาคล้องไว้ที่รอบเอวของเขาอย่างถือวิสาสะ คยูฮยอนพยายามผลักอีกคนให้ออกห่างตัวแต่ไม่เป็นผล ร่างบางจึงได้แต่พยายามเอื้อมมือไปปิดประตูห้องดังกล่าว... ห้องเก็บน้ำหอมปลุกอารมณ์
นาย...โอ้ย ! ตัวหนัก...ออกไปก่อนใบหน้าขาวเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ... ใกล้ขนาดนี้ก็ไม่ไหว เค้าเองก็ไม่ใช่คนที่อดทนอะไรเก่งนักหรอกนะ ไม่สิ... อดทนกับเรื่องแบบนี้แทบจะไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ ยิ่งมือของอีกคนไล้ไปตามต้นขา แทนที่จะผลักกับร้องครางออกมาเสียอย่างนั้น... คยูฮยอน ! ตั้งสติไว้ !!
นาย ! ปล่อยสิ...อ๊ะ!!” เชี่ยนี่ ! จับของกูทำไม TT
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
                สะดุ้งเฮือกเพราะสัมผัสของอีกคนที่จ่ออยู่ตรงหว่างขา แม้บานประตูปิดลงไปแล้ว แต่ฤทธิ์ยาก็ไม่ได้หายไปสักนิด ขาเรียวพยายามถีบคนตรงหน้าให้ออกไปจากร่างกายของตัวเอง แต่เหมือนยิ่งขืน กลับยิ่งทำให้ซีวอนลากนิ้วสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนสุดท้าย เจ้าของเรี่ยวแรงก็โถมเข้าหาคยูฮยอนได้สำเร็จ
                ฉัน...เป็นผู้ชาย ! เฮ้ยยย ! ปล่อย ๆๆๆๆ ทุบอีกคนระรัวเพื่อหวังให้อีกคนได้รับรู้บาง ซีวอนชะงักนิ่งค่อย ๆ ผ่อนแรงที่จับเอาไว้ออกมา ดวงตาเข้มจ้องเข้าไปข้างในนัยน์ตาหวานที่ตอนนี้สั่นระริกด้วยความหวาดหวั่น ลมหายใจแข็งกร้าวของทั้งคู่ปะทะกันในห้วงอากาศ เมื่อทุกอย่างเริ่มสงบ คยูฮยอนก็พ่นลมหายใจออกมา แต่ยังไม่ทันไร อีกฝ่ายกลับจู่โจมเข้าหาริมฝีปากบางอย่างไม่ทันตั้งตัว
                                อื้อออออออ !” ขบ เม้ม ละเลียด ชิม กลีบปากสีชมพูอ่อนจนกลายเป็นสีกุหลาบแดง เรี่ยวแรงที่เคยมีอยู่ใต้อำนาจร่างกายของคยูฮยอนถดถอยลงไปกองอยู่บนพื้นไม่ต่างจากกางเกงที่โดนปลดลงไป ขาเรียวหนีบเข้าหากันให้ได้มากที่สุดเพื่อปกป้องความบริสุทธิ์ของตัวเองเอาไว้ ในใจได้แต่สวดภาวนาขอให้น้ำหอมบ้าๆนั่นหมดฤทธิ์เสียที
                นาย ! ออกไป !!” ครั้นเมื่ออีกฝ่ายถอนริมฝีปากออกมา ร่างบางก็พยายามตะโกนแทรกโสตประสาทที่คลุมเคลือเข้าไป มือเล็กๆพยายามมองหาอาวุธใกล้ตัวเพื่อปกป้องตัวเอง แต่ดูเหมือนว่าในพื้นที่แคบที่ติดต่อกับบันไดนี้จะไม่มีอะไรที่เป็นอาวุธได้เลย มือบางจึงได้แต่พยายามผลักอีกฝ่ายออกห่างให้ไกลตัว
                ซีวอน ! นายได้ยินมั๊ย ? อ๊ะ ! ปล่อยฉัน !!” เรียกชื่อของอีกฝ่ายเพื่อตั้งใจจะปลุกให้อีกคนได้สติ แต่มันก็ช้าไปเสียแล้ว เมื่อขาที่เคยพยุงร่างของตัวเองไว้ได้ ทรุดลงไปตามอารมณ์ที่พุ่งขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว ลิ้นเรียวที่ไล่วนอยู่ตามเรียวขาทำให้คยูฮยอนไม่เหลือความพยายามในการยับยั้งอารมณ์ของตัวเองอีกต่อไป
                ซีวอน...อ๊ะ !
                ครับ... อีกฝ่ายขานกลับในขณะที่นอนคร่อมร่างบางตรงหน้าอยู่ ดวงตาคมก้มลงมองใบหน้าอีกฝ่ายที่ตอนนี้เริ่มมีหยาดน้ำตาไหลลงมา จมูกโด่งกดลงที่ข้างแก้มของอีกคนไปพร้อมๆกับมือที่เลื่อนลงมาปลดกระดุมเสื้อตัวบางออก เพียงนิ้วเรียวสัมผัสเบาๆบนอกขาวคยูฮยอนก็สะท้านไปทั้งร่าง... หยุดไม่ได้แล้วจริงๆ
                มือเรียวลูบที่ตามแนวกราม สอดมือเข้าไปในกลุ่มผมแล้วดีดตัวขึ้นมานั่งประจันหน้ากับอีกฝ่าย ริมฝีปากของทั้งสองแนบชิดติดกัน ลิ้นเรียวเกี่ยวพันกันอยู่ภายในโพรงปาก ร่างหนาถูกผลักจนชิดกำแพงโดยมีสะโพกนวลนั่งทับอยู่บนตัก มือเรียวกลัดตะขอกางเกงของอีกฝ่ายออกพร้อมกับเลื่อนริมฝีปากลงมาไซร้ลงที่ซอกคอ
                อืมม... จับไหล่เล็กๆของอีกฝ่ายไว้ ผลักอีกคนให้ติดกับราวจับบันได กางเกงขายาวที่ยังคงเปียกฝนอยู่ถูกถอดกองไว้ที่บันได นิ้วเรียวเกี่ยวขอบชั้นในของอีกฝ่าย รั้งมันลงมาอย่างรวดเร็วแล้วแล้วก้มตัวลงใช้ลิ้นของตัวเองลากไล้ไปทั่วทั้งส่วน ในขณะที่ซีวอนสอดนิ้วเข้าสู่ร่างกายของอีกคน
                อ๊ะ ! นาย... อ๊า ~” ทันทีที่ถูกล่วงล้ำ ร่างบางเชิดหน้าขึ้นร้องด้วยความตกใจ แต่ไม่นานเท่าไหร่ เริ่มคุ้นชินกับมันเป็นอย่างดี ลิ้นเล็กที่ทำหน้าที่ค้างไว้ จึงกลับไปปรนเปรอความต้องการให้อีกฝ่ายดังเดิม พร้อมกับเสียงครางหวานที่ชวนให้ซีวอนต้องเร่งจังหวะนิ้วของตัวเองให้ตามทันอารมณ์ของอีกฝ่าย
                นาย... เรียกอีก่ายด้วยน้ำเสียงเบาหวิวเมื่ออยู่ ๆ เจ้าของนิ้วเมื่อครู่กลับถอนมันออกมา แขนแกร่งอุ้มร่างบางให้ยืนขึ้น พิงกับราวบันได ก่อนที่จะค่อย ๆ แยกขาของอีกฝ่ายออกแล้วสอดแทรกแก่นกายของตัวเองเข้าไปภายในช้าๆ มือบางที่แต่เดิมเคยยึดราวบันได เปลี่ยนมาจิกลงบนแผ่นหลังสีแทนของอีกฝ่าย ใบหน้าเรียวเกยอยู่กับบ่าของอีกคนพร้อมกับเสียงร้องหวานหูซึ่งดังตามจังหวะกระแทก
                อ๊ะ อ๊ะ... ซีวอน...ครั้นเมื่อเรียกชื่ออีกฝ่าย เจ้าของชื่อก็ส่งความระอุผ่านริมฝีปากมาให้อีกฝ่ายในทันที ลิ้นเกี่ยวกันในเรียวปาก มือข้างหนึ่งประครองใบหน้าของกันและกัน ในขณะที่ซีวอนใช้แขนของตนโอบไปรอบเอวบางคอดเพื่อพยุงอีกฝ่ายเอาไว้... ยิ่งสัมผัสใกล้ชิดยิ่งรู้สึกเหมือนสติของเขากระเจิดกระเจิงไม่เหลือชิ้นดี ยิ่งได้ยินเสียงหวานร้องครางที่ข้างหู ยิ่งลุ่มหลงในความไพเราะของมัน ยิ่งเห็นใบหน้าแดงระเรื่อของร่างตรงหน้า ยิ่งทำให้เขาอยากจะครอบครองคนๆนี้เอาไว้ให้ได้ทั้งคืน. แม้ในเวลานี้ ที่ฤทธิ์ยาจางลงไปแล้วและเขารู้สึกตัวกับการกระทำของตัวเองเป็นอย่างดี
                พี่ครับ... อื้ม !
                ห๊ะ... อ๊า สะดุ้งเพราะเสียงเรียกของอีกฝ่าย พอดีกับที่เขาไม่สามารถต้านทานอารมณ์ในร่างกายของตัวเองได้ คราบสีขาวไหลย้อยลงมาที่ต้นขา รวมทั้งเปรอะไปบนแผงกล้ามของอีกคน ขาที่เคยถูกยกไว้ถูกวางลงที่พื้นช้าๆ ทั้งสองฝ่ายจ้องหน้ากันเหมือนมีบางอย่างจะบอก แต่คำพูดเหล่านั้นอาจกำลังถูกแทนที่ด้วยแรงผลักเบาๆของร่างเล็กที่ดันให้อีกฝ่ายต้องยอมนั่งลงบนขั้นบันได
                นิ้วเรียวไล่ไปตามหน้าท้องแกร่ง ปาดคราบน้ำที่เลอะอยู่ขึ้นมาป้ายไปบนแผงอกของอีกฝ่าย แล้วใช้ปลายลิ้นเลียเก็บมันอย่างจงใจในขณะที่อีกนิ้วก็ละเลงมันลงที่อกของตัวเองก่อนจะแอ่นมันให้กับอีกฝ่ายได้กวัดความหวานเหล่านั้นเข้าริมฝีปากไปบ้าง... มีหรือที่ซีวอนจะปฏิเสธมัน
                พร้อมๆกับการปรนเปรอที่ยอดอกสีชมพู มือบางก็เลื่อนลงไปจับส่วนอ่อนไหวของทั้งสองฝ่ายให้แนบติดก่อนจะรูดมันขึ้นลงตามความยาว ตั้งใจให้ต่างฝ่ายต่างต้องเสียดสีกันและกัน ดวงตากลมที่เคยนิ่งสนิทตอนนี้ เปลี่ยนเป็นสายตายั่วยวนที่ไม่อาจหาที่ติได้
                ซีวอนผละใบหน้าออกมาจากอกขาวนวลตรงหน้า ใช้มือตัวเองแกะนิ้วเรียวที่ไล้วนไปมาออกเป็นสัญญาณที่บอกให้คยูฮยอนยกสะโพกขึ้นตาม มือเรียวจับไปที่แก่นกายของอีกฝ่ายแล้วสอดเข้าไปในช่องทางของตัวเองอย่างจงใจพร้อมเสียงครางยางที่ทำให้ซีวอนกำลังจะเป็นบ้าในไม่ช้า
                อ๊ะ...อ๊าาาาา... สะโพกยกขึ้นลงตามจังหวะ เท่าที่ตัวเองจะเร่งได้ มือหนาของอีกฝ่าย ไล้ไปตามแก่นกายของอีกคน คยูฮยอนบิดตัวเองไปมาเพราะไม่อาทนรับความรู้สึกวาบหวิวเหล่านี้ได้ ร่างบางหอบหายใจไปพร้อมกับเสียงครางกระเส่าที่ร้องเรียกชื่อของอีกคนอย่างไม่เป็นภาษา เรียกเสียจนเสียงหวานนั้นก้องไปทั่วหัวของซีวอนจนทำให้อารมณ์ของเขาจมดิ่งลงไปเรื่อย ๆ และเขาเองไม่อาจรับรู้ถึงสียงของฝนที่ตกกระหน่ำลงมาได้เลย
                ซีวอน...อ๊า !” ซบลงกับบ่ากว้างของอีกฝ่ายเมื่อรู้สึกได้ว่า อีกคนกำลังปลดปล่อยเข้ามาในร่างกายของตน ร่างสูงโอบรอบเอวบางเอาไว้ ปล่อยให้อีกคนซบนิ่ง ๆ แขนแกร่งคว้าเสื้อมาให้อีกคนหนึ่งถือเอาไว้แล้วค่อย ๆ อุ้มร่างเล็กเดินลงไปที่ชั้นล่างทั้งๆที่เรียวแขนนั้นยังคงกอดเขาเอาไว้แน่น

                แรงสั่นสะเทือนจากมือถือปลุกให้เจ้าของเครื่องลืมตาตื่นขึ้นมา แขนแกร่งควานหาโทรศัพท์เครื่องบางที่กองอยู่บนพื้นพร้อมกับกดรับทั้งๆที่ยังไม่ได้ดูเบอร์โทรเข้า
                มึงอยู่ไหนวะเนี่ย ?” เสียงคุ้นหูของเพื่อนดังขึ้นทันทีที่เขากดรับสาย ซีวอนมองไปรอบตัว พลันสายตาสะดุดกับร่างที่นอนอยู่ด้านข้างของเขา แขนยันตัวขึ้นนั่งบนเตียงให้เต็มที่ ครั้นเมื่อผ้าห่มล่นลงมาก็เผยให้เห็นรอยข่วนบนอกที่มีอยู่ประปรายกับรอยสีแดง
                ได้ยินกูป่าววะ ? อยู่ไหนเนี่ย ?”
                เออ... วันนี้กูไม่ทำงานหว่ะจงฮุน เหมือนจะไม่ค่อยสบายเท่าไหร่
                “อ่าว... เปียกฝนหล่ะสิท่า ! เออ ๆ เดี๋ยวบอกผู้จัดการให้ อย่าลืมกินยานะมึง !
                                เออ ๆรับปากเพื่อนไปปัด ๆ จะกินห่าอะไรเล่า ก็เขาปกติดี แต่คนข้าง ๆ เขานี่สิ... จะเรียกว่าอะไรดี ? วางโทรศัพท์ลงบนพื้นห้องแล้วปัดผ้าห่มออกจากตัว แต่พอยืนขึ้นเต็มความสูงก็เป็นอันต้องนั่งกลับลงไปใหม่ ? กางเกงในก็ไม่มี เสื้อผ้ากองอยู่ที่พื้น อย่าบอกนะว่า...
                ฝ่ามือไวเท่าความคิด ถลกผ้าออกเล็กน้อยให้เห็นท่อนบนของคยูฮยอนอย่างชัดเจน และเมื่อพบว่าสภาพของคนที่นอนซมอยู่ข้าง ๆ นั้นไม่ต่างอะไรจากเขา ซีวอนก็แทนกรี๊ด ! ร่างสูงคว้าผ้าเช็ดตัวที่ใกล้ที่สุดมาห่อตัวแล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปด้วยความเร็วแสง... กูต้องตรวจสอบ !!

                มันก็ไม่เจ็บนี่หว่า...บีบที่สะโพกของตัวเอง พร้อมกับมองกระจกไปด้วย เมื่อพบว่าตัวเองยังคงปกติ สมองก็คิดไปถึงคนที่นอนอยู่บนเตียง ซีวอนพยายามตั้งสติแล้วคิดดูว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น... แต่จะว่าไป คนบนเตียงจะเป็นยังไงบ้าง ? เพราะถ้าไม่ใช่เขาที่โดน ก็ต้องเป็นพี่คนนั้น... จริงมั๊ย ?
                ขายาวก้าวกลับไปที่เตียงซึ่งตัวเองเพิ่งจะลุกขึ้นมา มองใบหน้าหวานที่ซุกลงกับหมอนเหมือนเด็กหนีแสงอาทิตย์ ฝ่ามือหนาเกาหัวแกรกๆ เสยกลุ่มผมยุ่งเหยิงของตัวเองไปมา เขาเองก็ห่างจากการกระทำแบบนี้มานานมากแล้ว นานเสียจนตอนนี้เริ่มจะทำอะไรไม่ถูก... อันที่จริงทำอะไรไม่ถูกมาตั้งแต่ตอนตื่นแล้วหล่ะ
                กับผู้ชายก็ไม่เคย... แม่เจ้าโว้ย ! นี้มันอะไรวะ ?” นั่งลงบนเตียงเหมือนเดิม พร้อมกับบ่นพึมพำเสียงค่อย ด้วยกลัวว่าคนที่นอนหลบแดดจะตื่นขึ้นมาจากฝัน ซีวอนค่อย ๆ ทิ้งตัวลงบนเตียงข้างๆอีกฝ่าย แรงยวบของมันทำให้คยูฮยอนเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาเล็กน้อย แต่สุดท้ายร่างบางก็หันกลับไปขดตัวลงในผ้าห่มเหมือนเดิม
                ขี้เซาชะมัด... นอนมองคนข้าง ๆ ด้วยแววตาเรียบเฉยพลางนึกถึงเมื่อวานที่เขามีเรื่องกับลูกค้ารายหนึ่งจากร้านของคยูฮยอนที่ดูเหมือนจะเป็นไอ้พวกบ้ากามที่มาลวนลามพนักงานในร้านพิซซ่าของเขา แต่ความหวังดีที่เข้าไปช่วย กลับทำให้โดนผู้จัดการต่อว่าจนไม่เหลือชิ้นดี แถมโดนไอ้คนข้างๆนี่ด่ากราดใส่ให้อีก...
                จะมานอนนึกแค้นก็ใช่เหตุ ว่าแล้วร่างสูงก็เดินเข้าห้องน้ำไปอีกรอบแล้วรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็ว ก่อนจะออกมาเดินเข้าครัว ทำอาหารให้กับคนที่นอนซมอยู่บนที่นอน ที่ไม่รู้ว่ารายนั้นเขาตื่นสายหรือป่วยไปแล้วกันแน่... ข้าวต้มเสร็จเมื่อไหร่ค่อยไปดูแล้วกัน
                ยกจานอาหารเข้าห้องนอนที่เงียบสงบแล้ววางมันเอาไว้บนโต๊ะที่ข้างหัวเตียง ซีวอนค่อย ๆ สะกิดอีกคนที่ควรจะลืมตาตื่นได้แล้ว แรงเขย่าไม่มากมายถูกส่งไปเพื่อหวังให้อีกคนตื่นขึ้นมา คยูฮยอนสะบัดตัวเล็กน้อยเมื่อโดนสะกิด แต่เมื่อครั้งที่สองและสามตามมาเขาก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองคนที่ยืนอยู่ข้างเตียง
                เอ่อ... กิน...กินข้าวก่อน
                อ่ะ... คืองง... เสียงที่ไม่คุ้นนักทำให้คยูฮยอนเริ่มลำดับเหตุการณ์ และความหนาวแปลก ๆ บนเรือนร่างของเขากำลังช่วยรื้อฟื้นเรื่องเมื่อคืนได้เป็นอย่างดี และทันทีที่มันถูกปะติดปะต่อกันอย่างครบถ้วนแล้ว ร่างบางก็รีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเองเอาไว้แล้วหันขวับไปมองนาฬิกาในทันที
                นะ...นาย หยิบผ้าเช็ดตัวให้หน่อย...สะกิดบอกคนที่เข้ามาปลุกให้ช่วยเหลือเขาสักนิด ซีวอนเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วมองหาผ้าเช็ดตัวในขณะที่คยูฮยอนอาศัยช่วงที่อีกฝ่ายหันหลังก้มลงมองสภาพกายของตัวเองใต้ผ้าห่มด้วยแววตาไม่สู้ดี... ไอ้น้ำหอมเวรตะไล ! TT
                “อ่ะ... เดินไหวนะ...
                จะรู้เหรอ ?” ปากไวเสมอ จริงมั๊ย ? ดวงตากลมสัญญาณไปบอกให้อีกคนหันหลังไป ซึ่งซีวอนก็โอเคที่จะทำอย่างนั้น เพียงแต่ไม่ว่าจะหันหรือไม่ กระจกก็สะท้อนภาพคนด้านหลังให้เห็นอยู่ดี ทันทีที่ผ้าห่มเปิดออก ร่างสูงที่เหลือบมองผ่านทางกระจกก็แทบต่อยหน้าตัวเอง รอยแดงจ้ำเป็นลายตามผิวขาวเนียน หนำซ้ำที่ต้นขาของอีกฝ่ายยังเปรอะคราบเลือดที่แห้งติดอยู่ด้วย... เมื่อคืนนี้มันอะไรกันวะ ?
                เอ่อ.. นาย...
                ฮะ ?”
                คือ... ลุกไม่ไหว... บอกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้มพร้อมกับเอาผ้าเช็ดตัวพันตัวเองไว้ให้ได้มากที่สุด ซีวอนหันหน้ากลับไปมองอีกคนที่งัวเงียเต็มทน พอหันมาเห็นรอยแดงเหล่านั้นเต็มตา เขาหล่ะอยากจะรู้ว่าเมื่อคืนตัวเองทำอะไรลงไปบนตัวคนๆนี้บ้างเหลือเกิน ทำไมมันถึงได้มากมายเหมือนตาสับประรดขนาดนี้
                ร่างสูงเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายแล้วประคองขึ้นมาแต่เหมือนว่าแม้แต่แรงจะยกแขนขึ้นมาเกาะบ่าเขา คยูฮยอนยังไม่มี เจ้าของผลงานศิลปะสีกุหลาบจึงตวัดแขนรวบไปรอบเอวอีกฝ่าย จับแขนเล็ก ๆ ขึ้นมาคล้องคอของเขาเอาไว้แล้วอุ้มอีกคน กึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว... เดี๋ยวผ้าหลุดอีก  = =
                “นั่งนิ่ง ๆ เดี๋ยวผมช่วย...
                ไม่ต้อง!
                เดินไม่ไหวอยู่นะ... สังขารหน่ะสังขาร
                นะ...นั่นแหละ...อาบได้
                เมื่อคืนเห็นมากกว่านี้อีกปลอบใจเหรอ ? ไม่เชิงหรอก แต่มันก็ทำให้อีกคนยอมจิ๊ปากแล้วเลิกดันตัวเขาออกมาจากม่านเสียที คยูฮยอนค่อยนั่งลงกับพื้นห้องน้ำในขณะที่ซีวอนก็จัดการพับขากางเกงขึ้นแล้วเดินไปหยิบสบู่ที่หน้ากระจกมาให้อีกคน
                ถูให้ ?”
                ไม่ต้อง... รีบเอื้อมมือไปคว้าสบู่มาจากมืออีกคนแต่นั่งบนพื้นกับยืนเต็มความสูงมันต่างกันราวฟ้ากับดิน ซีวอนนั่งลงข้างๆแล้วจัดการเทสบู่ใส่มือตัวเองแล้วรีบฟอกมันลงที่หลังของอีกฝ่ายช้า ๆ โดยที่อีกคนหมดโอกาสจะขัดขืน เพราะแค่ขยับขา... มันก็เจ็บแปล้บ ! ไปทั้งสะโพกเสียแล้ว
                แบมือ ให้ถูเองแล้วบีบครีมอาบน้ำลงบนมือของอีกคน คยูฮยอนค่อย ๆ ยืดขาออกมาแล้วถูไปตามเรียวขา ขจัดเอาคราบทั้งหลายทั้งปวงออกไป ไม่มีเสียงอะไรโพล่งออกมาจากปากของอีกร่างบางเลยแม้ซักนิดจนซีวอนเองก็ไม่รู้จะเดาได้อย่างไรว่าอีกฝ่ายนั้นรู้สึกอย่างไรกันแน่ในตอนนี้
                เจ็บเหรอ ?”
                “...”
                พี่เจ็บเหรอ ? ผมช่วยมั๊ย ?”
                ไม่ต้อง...ไม่เป็น...ไรกัดฟันตอบออกไปเสียงแผ่วจนอีกฝ่ายเริ่มใจสั่น ผมสีน้ำตาลปรกลงมาบังดวงตาหวานที่ตอนนี้เริ่มจะชื้นน้ำตา แต่คยูฮยอนต้องกลั้นมันเอาไว้ เจ็บสิ เจ็บโคตรๆ เจ็บมากด้วย เจ็บจนร้องไม่ออกไม่อยากจะเดินไปไหน มันมากกว่าเจ็บตามตัว แต่มันเจ็บข้างในอก มันแค้นว่าที่แท้เราเองก็สำส่อนเหมือนที่คนอื่นเค้าว่ากัน
                เฮ้ย... พี่ คือเมื่อคืน ผมผิดเอง... ผมขอโทษ พี่อย่าคิดมากนะ...ผมแค่
                ช่างเถอะ... ล้างออกให้หน่อย...เสียงหวานยังคงแผ่วเบาเหมือนเดิม ซีวอนจึงได้แต่ก้มหน้ารับคำขอนั้นแล้วจัดการให้อีกคนแต่โดยดี กระทั่งจบกระบวนการ เมื่อน้ำหยุดไหล ซีวอนย่อตัวลงให้อีกคนขึ้นมาขี่หลังและคยูฮยอนรับคำเชิญนั้นด้วยการคล้องแขนของตัวเองลงบนคอของอีกฝ่าย ยึดบ่ากว้างไว้วางใบหน้าของตัวเองที่ตอนนี้น้ำตาไหลลงมาจนถึงคาง
                ขอโทษ... กระซิบเบาๆด้วยน้ำเสียงสั่นเครือที่ข้างหูของซีวอนเมื่ออีกฝ่ายวางเขาลงบนเตียง ผ้าเช็ดตัวอีกผืนถูกหยิบมาเช็ดหัวให้อีกคน เช็ดน้ำตาที่ไหลลงมา ให้พ้นใบหน้าเรียวนั้นไปเสีย ด้วยระยะที่ใกล้ชิดขนาดนี้มันทำให้ซีวอนมองหน้าอีกฝ่ายได้ชัดขึ้นกว่าเดิม ขอโทษ ? บ้าหรือเปล่าไอ้พี่ติงต๊อง เค้าต่างหากที่ควรพูดคำนั้น ล่อพี่ซะยับเยินเลย = =
                “เอ่อ... พี่ไม่ต้องร้องสิ... ผมเข้าใจ ผมรู้...ผะ ยังไม่ทันพูดอะไรอีกคนก็กอดซีวอนเอาไว้แน่นจนร่างสูงพูดอะไรต่อไม่ได้ เสียงสะอื้นที่อยู่ใกล้ชิดเริ่มทำให้ซีวอนเริ่มจะใจสั่น นึกถึงคำพูดที่เคยกล่าวนินทาเจ้าของร้านเอาไว้ ก้องไปก้องมาเป็นลูกบอลอยู่ในหัว สารพัดคำเปรียบเปรยของเขาตอนนี้มันทำให้เขาเองรู้สึกโดนบีบหัวใจ เพราะนอกจากเขาจะเป็นคนพูดจาโกหกแล้ว เขายังทำเพียงแค่ตัดสินคนจากภายนอกเท่านั้น
                เอ่อ... พี่ครับ แต่งตัวแล้วกินข้าวดีกว่า ผมทำข้าวต้มมาให้ด้วยนะค่อย ๆ ผละออกจากร่างบางให้อีกฝ่ายได้จัดการแต่งตัวให้เรียบร้อย เปลี่ยนไปหยิบข้าวต้มที่ตั้งไว้จนชืดเสียแล้วมาให้อีกคนบนเตียง คยูฮยอนมองตามท่าทางของซีวอนแล้วนั่งรอนิ่งๆ เฉย ๆ อย่างว่าง่าย
                มาพี่ เดี๋ยวผมป้อน หนึ่ง สอง สั้ม ! อ้ามมมทำท่าอ้าปากให้อีกคนอ้าปากตามไปด้วย ฝ่ามือเล็กๆ ยกขึ้นมาปาดน้ำตาแล้วค่อย ๆ ตะล่อมข้าวต้มคำน้อยเข้าไปปากไปช้า ๆ แม้ว่ามันจะเย็นแล้วแต่รสชาติของมันก็ยังคงลงตัวอยู่ สมกับที่เป็นพ่อครัวมือดีของร้านจริงๆ
                เวลาหนึ่งวันผ่านไปแบบไม่เร็วไม่ช้า กระทั่งใกล้ค่ำ เมื่อพาคยูฮยอนไปอาบน้ำเสร็จแล้ว ซีวอนจึงต้องขอตัวกลับบ้านไปก่อน ซึ่งร่างบางก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่กล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงเบาหวิว ร่างสูงเดินลงไปที่ชั้นล่างแล้วเข็นจักรยานออกมาเตรียมถีบกลับอย่างเงียบๆ... พรุ่งนี้เค้าควรหาอะไรมาฝากพี่คยูฮยอนหรือเปล่า ?

                หายดีแล้วหรือไง ?”
                เออ บอกปัดเพื่อนสนิทไปแบบนิ่ง ๆ จักรยานสีเหลืองจอดลงที่หน้าร้านเหมือนอย่างเคย จงฮุนเดินไปที่บานประตูแล้วผลักเข้าไป ร่างบางยืนจัดกระปุกยาบางอย่างอยู่ที่ด้านหลังเคาท์เตอร์โดยไม่ทันสังเกตว่ามีคนผลักประตูเข้ามาพอดี
                พี่คยูฮยอนคร้าบบบ !
                ห๊ะ ? เฮ้ยย !” เพราะเสียงเรียกของจงฮุนแท้ๆ ทำให้คยูฮยอนตกใจ ร่างบางจึงหันหน้าไปโขกกับฝาตู้พอดี ทำให้กระปุกยาที่ตัวเองเพิ่งจะจัดเข้าไป ร่วงลงมาที่พื้นกระจัดกระจาย เดือดร้อนถึงผู้มาเยือนทั้งสองต้องเข้าไปช่วยเก็บข้าวของในร้านกันอย่างรีบเร่ง โดยเฉพาะซีวอนที่ดูเป็นเดือดเป็นร้อนอย่างยิ่งเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังเดินไม่ค่อยถนัด
                เดี๋ยวผมเก็บเองดีกว่า พี่ไปนั่งเถอะร่างสูงหันไปบอกกับอีกฝ่ายที่ค่อย ๆ ก้มตัวลงไปอย่าทุลักทุเล จงฮุนที่อยู่ใกล้กว่าจึงค่อย ๆ พยุงคยูฮยอนเข้าไปนั่งแล้วลงมาช่วยซีวอนเก็บกระปุกยาที่ตกอยู่บนพื้น
                ไวอากร้า ? มึงน่าจะมีซักป๋องนะซีวอน ได้ข่าวว่านกเขาไม่ขัน ?”
                เหอะๆ แต่อย่างมึงต้องทีละสามเม็ด ?” โต้กลับเพื่อนซี้ไป แล้วเหลือบไปมองคยูฮยอนเล็กน้อย เห็นร่างบางนั่งขยับปากบ่นพึมพัมอยู่คนเดียวก็อดจะยิ้มไม่ได้ ครั้นเมื่ออ่านริมฝีปากอีกคนออก ก็เป็นเป็นอันต้องสะกดกลั้นเสียงหัวเราะของตัวเองเอาไว้เพราะคำบ่นของอีกคนมันช่างจะเหมือนเด็กสิ้นดี
ก็ถ้ามันไม่ขันป่านนี้กูก็คงเดินได้ดีกว่านี้หรอก
                มึงรู้ยัง เราได้หยุดหนึ่งอาทิตย์หว่ะ
                อ่าว ? ทำไมอ่ะ ?”
                พักร้อน... สาขาใหญ่เขาส่งนักงานมาฝึกงานสิบวัน กูเลยกะจะกลับบ้านที่ต่างจังหวัดหว่ะ ไปด้วยกันป่าว ?”
                ไม่หว่ะ... ขอกูเที่ยวเดี่ยวๆดีกว่าเมื่อประเด็นการพูดคุยจบลง สองเพื่อนซี้ก็ลงมือตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อไปหากแต่กับเพื่อนกล้ามใหญ่ เขากลับนึกถึงเจ้าของร้านฝั่งตรงข้ามที่ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง เดินไหวหรือเปล่า ? แล้วป่านนี้จะกินข้าวหรือยัง... ว่าไปแล้ว เย็นนี้ก่อนกลับบ้าน แวะไปหาซักหน่อยดีกว่า

                ปิดแล้วครับ... ทันทีที่เสียงกระดิ่งดังขึ้น คยูฮยอนก็ตะโกนบอกทันที ซีวอนค่อย ๆ ผลักปิดประตูปิดลงแล้วเดินมาหาอีกคนที่กำลังก้มๆเงย ๆ อยู่กับสมุดบัญชี ร่างบางเหลือบขึ้นมามองอีกฝ่ายช้าๆแล้วก้มหน้าลงไปจัดการงานของตัวเองเหมือนเดิมโดยไม่คิดจะเอ่ยปากทักทายอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
                หายเจ็บหรือยัง ?”
                ก็ดีขึ้นบ้าง ตอบโดยไม่คิดจะมองหน้าอีกฝ่ายทำให้ซีวอนคิดว่าอีกคนคงจะโกรธเขาอยู่ไม่น้อย คยูฮยอนปิดสมุดของตัวเองแล้วสอดมันลงไปที่ลิ้นชักใต้โต๊ะก่อนจะพยุงตัวขึ้นยืนเต็มความสูง มองหน้าอีกฝ่ายด้วยแววตาว่างเปล่า ไม่สื่ออะไรใดๆทั้งสิ้น
                ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ทำตัวเป็นภาระให้นายหรอก
                ไม่ใช่แบบนั้น อันที่จริงผมแค่อยากขอโทษ
                “... ฉันสะเพร่าเองแหละยิ้มบางๆบอกอีกคนแล้วเดินช้าๆไปที่ชั้นวางซีดี มือบางค่อย ๆ พลิกมันลงมาแล้วเอื้อมมือไปดึงโซ่เส้นเล็กเพื่อให้มู่ลี่ปิดบังข้าวของภายในร้านให้เรียบร้อย เมื่อซีวอนเห็นดังนั้นจึงเดินไปยังอีกฝั่งแล้วทำแบบเดียวกันกับอีกฝ่ายโดยไม่ลังเลใจ
                ดวงตาคมกวาดมองไปรอบร้าน ไม่ใช่แววตาที่ขยะแขยง ไม่ใช่แววตาที่ดูถูกดูแคลน แต่มันนิ่งเฉย เขามองผ่านกระจกไปยังร้านพิซซ่าฝั่งตรงข้าม พนักงานฝึกงานใหม่คนหนึ่งยกขยะมาทิ้งที่ด้านนอกร้านด้วยแววตาเบื่อหน่าย วูบหนึ่งที่เขาคิดขึ้นมาได้ว่าโลกนี้ คนเราก็อาจต้องทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ เหมือนกับตัวเขาที่ไม่ชอบการตีแป้ง แต่ก็ต้องทนเรียนมันเรื่อยมา กระทั่งตอนนี้ แม้เขาเองเป็นพ่อครัว เขาก็ยังไม่ชอบการตีแป้งอยู่ดี คยูฮยอนเองอาจจะไม่อยากขายของพวกนี้ก็ได้ แต่มันมีเหตุผลจำเป็นหนิ ที่จะต้องทำ
                มองอดีตอยู่เหรอ ?”
                “...” น้ำเสียงเรียบสะกิดซีวอนให้หลุดออกมาจากความคิดของตัวเอง เขาหันไปมองใบหน้าของคนข้างๆที่จ้องมองไปยังจุดเดียวกับเขา แขนเรียวเอื้อมไปดึงมู่ลี่ปิดลงแทนอีกฝ่ายที่ยังคงค้างมือเอาไว้อย่างนั้นแล้วเดินกลับไปที่เคาท์เตอร์เพื่อจัดการปิดไฟภายในร้าน แล้วจึงหยิบสเปรย์ดับกลิ่นขึ้นมาฉีดในอากาศ
                นายแยกแยะชีวิตออกแล้วเหรอ ?”นึกไปถึงเมื่อไม่กี่วันก่อนที่เขายืนด่าซีวอนปาวๆเนื่องจากหมอนี่ดูถูกเขาจนเสียหาย ร่างบางนั่งลงบนโซฟาแล้วหันหน้าไปจ้องอีกฝ่ายที่ยังคงยืนค้างอยู่ที่เดิม
                หมายความว่าไง...
                ความชอบกับความจำเป็น... ไม่ได้รังเกียจมันแล้วนี่ ?” ดิลโด้อันโตถูกเขวี้ยงไปใกล้ๆกับที่ซีวอนยืน ร่างสูงก้มลงมองเจ้าแท่งพลาสติกจอมปลอมนั้นแล้วหยิบมันขึ้นมาถือเอาไว้ หมุนไปหมุนมาในอากาศแล้วเดินลงมานั่งข้างๆอีกคนที่เอนคอมองเพดานอยู่
                คงงั้นหล่ะมั้งครับ...
                เฮ้อ... เกลียดความจำเป็นที่ทำให้เราชอบ ว่ามั๊ย ?”
                หมายถึง ?” ยังคงสนุกกับการสำรวจอาวุธในมือของตัวเอง คยูฮยอนมองอีกคนที่เหมือนจะอยากรู้อยากเห็นกับเจ้าดิลโด้เป็นพิเศษ ร่างบางคว้ามันมาจากมือของอีกคนแล้วกดปุ่มให้มันทำงานก่อนจะส่งกลับไปให้ซีวอนเหมือนเดิม
                ฮะๆ... ถ้ามันมีซักร้อยอัน เอามาแต่งบนต้นคริสมาสต์คงสวย
                สะท้อนความหื่นกามของซานต้าอย่างชัดเจน คยูฮยอนคลี่ยิ้มออกมาแล้วจ้องไปที่ปลายสุดของแท่งพลาสติกซึ่งมีแสงสีชมพูปนม่วงวูบวาบอยู่ ซีวอนหันไปมองหน้าอีกฝ่ายทันทีโดยใช้แสงนั้นเป็นเหมือนไฟฉายส่องมองแววตาของอีกฝ่าย
                บางทีฉันก็อยากมีความรู้สึกที่แตกต่างกับมันนะ
                “...” คยูฮยอนลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล ขาเรียวค่อย ๆ ก้าวเดินออกไปจากที่นั่งตรงนั้นในขณะที่ซีวอนยังคงจ้องมองไปที่เจ้าแท่งนั้นอยู่เช่นเดิม แขนแกร่งตวัดดึงร่างบางที่กำลังเดินผ่านหน้าเขาไปลงมานั่งบนตัก กดสันจมูกของตัวเองลงบนแผ่นหลังไม่กว้างนั้น นิ้วยาวเกี่ยวปิดสวิชต์ให้กับมัน บรรยากาศภายในห้องจึงเหลือเพียงความมืดและเขาสองคน
                เมื่อคืนผมรู้ตัว...
                ฉันก็รู้
                ตอนที่เราอยู่บนเตียงผมรู้... แต่ผมหยุดไม่ได้
                ฉันก็หยุดไม่ได้
                ตอนนี้ผม... มันอาจจะดูงี่เง่า แต่ซีวอนก็ไม่อาจหยุดลงไปได้จริง ๆ ? หรือน้ำหอมนั่นรั่วออกมาจากตู้ ? แต่ใครจะสนใจในเมื่อคยูฮยอนก้มหน้าลงมาประทับจูบเบาๆบนริมฝีปากของเขา จะเรียกหาน้ำหอมทำไม ในเมื่อนิ้วเรียวนั้นกำลังกลัดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาออกทีละเม็ด แล้วรูดปลายนิ้วลงบนอกของเขาอย่างจงใจ
                แบบนี้หรือเปล่า ?”
                                ประมาณนั้นแหละครับ กรีดรอยยิ้มให้อีกฝ่ายแล้วผลักร่างบางนอนลงบนโซฟา ลิ้นเรียวสอดเข้าหาอีกฝ่ายเหมือนกับมือของซีวอนที่สอดเข้าไปเอวคอดใต้ร่มผ้า กลิ่นน้ำหอมผู้ชายอ่อนๆปนกับกลิ่นของพิซซ่ากระทบกับประสาทการรับรู้ของคยูฮยอน ร่างบางขบเบาๆลงบนริมฝีปากอีกฝ่ายเบา ๆ
                พิซซ่าร้านนายก็อร่อยนะ... แต่คนทำอร่อยกว่า ปลดเสื้อของอีกคนลงไปกองอยู่บนพื้น ดวงตาหวานมองเข้าไปภายในนัยน์ตาคมนั้น ซีวอนยิ้มบางๆออกมาโดยไม่พูดอะไร ริมฝีปากบางขบลงบนอกของอีกคน แลกกันกับฝ่ามือที่วกวนอยู่กับการปลดกางเกงของยาวของเขาลงไป
                พลิกร่างบางลงแนบโซฟาแล้วค่อยๆถอดเสื้อยืดคอย้วยสีเทาออกไปให้พ้นตา มือหนาสัมผัสลงบนอกของอีกฝ่าย ไล้ลงมาเรื่อยๆ ในขณะที่อีกมือ ยังคงปรนเปรออยู่ที่ท่อนเนื้อซึ่งกำลังแข็งตัวขึ้นเรื่อยๆ อารมณ์ที่ปะทุสูง แสดงออกมาผ่านความชื้นแฉะที่คนตัวใหญ่กว่าสัมผัสได้จากปลายส่วนนั้น มันเยิ้มจนทำให้ซีวอนอยากครอบครองเรือนร่างนี้เร็วๆ
                อื้ม...ครางหวานเรียกร้องให้อีกฝ่ายลงไม้ลงมือให้มากกว่านี้ ดวงตากลมส่งสายตาหวานเชื่อม จ้องลงที่ใบหน้าอีกคนในขณะที่เรียวขาของตนก็แยกออกตาม พาดปลายเท้าเอาไว้ที่พนักพิง รอให้นิ้วที่ไล้วน สอดเข้ามาข้างในช่องทางที่เปิดรับ ริมฝีปากเรียบยกยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะค่อยๆลากปลายนิ้วลงมาเรื่อยๆ จนถึงปากทางเข้าที่กำลังรอการเข้ามาของแขกคนพิเศษ
                กดปลายนิ้วลงไปช้าๆ แต่กลับเรียกเสียงครวญครางจากอีกฝ่ายได้มหาศาล คยูฮยอนกระตุกอกเล็กน้อย ขมวดคิ้วจนเป็นปมอยู่ที่กลางหน้าผากเพราะเจ้าของนิ้วพี่ไม่ยอมสอดลงไปจนสุดเสียที สุดท้าย สะโพกบางจึงรับหน้าที่กระแทกเข้าไปหาสัมผัสนั้นด้วยตนเอง ทำเอาซีวอนประหลาดใจไม่น้อย แต่ก็ยังคงสนองกลับด้วยการกดนิ้วที่สองเข้าไปจนมิดอย่างไม่รอช้า
                อ๊า... ซีวอน... ครางเรียกคนขี้แกล้งเพราะความไม่พอใจ มือเล็กๆ จิกลงบนที่พนักพิง ระบายอารมณ์และความต้องการที่เหมือนจะสูงเกินควร ร่างสูงกระตุกรอยยิ้มแล้วก้มลงทาบริมฝีปากกับอีกคน สอดลิ้นเข้าไปกวาดต้อนพร้อมด้วยการหยอกล้อช่องทางด้วยการวนนิ้ว ควานไปทั่วๆ ทำเอาอีกร่างกระตุกขึ้นมาโอบรอบคออีกฝ่ายในทันที
                เริ่มขยับปลายนิ้วเข้าออก ในขณะที่ปลายจมูกโด่งไล้ไปทั่วๆอกขาวเนียนจองอีกคน คยูฮยอนขยับสะโพกรับจังหวะนั้น ฝ่ามือเรียวกดไปที่กลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มให้แนบลงมาข้างตัวเพื่อนสนองอารมณ์ของตนเอง พร้อมด้วยการกวาดสายตาลงไปมองที่มือที่กำลังขยับเข้าออกอยู่ในร่างกายของตน
                ซีวอน... อ๊ะ ยังพูดไม่ทันจบประโยค นิ้วของพี่ก็กระแทกเข้าหาตัวเขาอย่างแรง คยูฮยอนสะดุ้งขึ้นมาแล้วรีบก้มลงมามองอีก่ายของตัวเอง ซีวอนเงยหน้าขึ้นมาหาร่างบางแล้วยักคิ้วให้เล็กน้อย ในขณะที่ร่างบางส่งสายตาหวานเชื่อมไปตอบกลับ พร้อมกับช้อนปลายคางนั้นขึ้นมา...
                แค่นี้เองเหรอ ?” ทันทีที่คยูฮยอนพูดจบ นิ้วที่สองและสามก็ตามเข้าไป ควานลึกอยู่ภายในนั้น ราวกับต้องการล้วงหาสมบัติล้ำค้า ร่างบางเผยอริมฝีปาก ครางออกมาไม่เป็นศัพท์ ดิ้นเร่าไปทั่วในขณะที่นิ้วทั้งสามยังคงวนอยู่ภายในร่างกายของตน
                อ๊า ... อ๊า ครางซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า ขาเรียวชันขึ้นมาทั้งสองข้าง ตอดรับนิ้วที่ดันลึกเข้ามาเรื่อยๆจนสุด ร่างสูงถอนนิ้วออกมาอย่างรวดเร็วก่อนจะกระแทกท่อนเนื้อของตนเองเข้าไปแทนที่ ร่างทั้งร่างทาบลงกับตัวของคยูฮยอน เลื่อนริมฝีปากของตนเอง ดูดดุนไปที่ยอดอกของอีกคน มืออีกข้างก็ลูบไปทั่วตัว
                อื้อ... อ๊า.. อย่างนั้นแหละ...อื้มมครางตอบรับด้วยความพอใจ ขาที่แยกออกอยู่แล้วยิ่งแยกให้กว้างขึ้นกว่าเดิม มือบางกดที่ท้ายทอยของร่างสูงเข้ามาพร้อมขยับสะโพกรับแรงกระแทกถี่ระรัว ฟันขาวขบไปบนยอดอก แล้วเม้มเนื้อนวลนั้นจนเป็นรอยแดงที่เห็นชัด
                เร็วอีก...อ๊า...จะไปแล้ว.. สั่งกำชับบอกคนที่กำลังลิ้มรสร่างกายของตนเองอยู่ ซีวอนเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ร่างบางก่อนจะเร่งจังหวะสะโพกของตนเองเข้าไปอีก เสียงครางหวานดังขึ้นมาจนสุดพร้อมกับความรู้สึกแฉะบริเวณหน้าท้องของอีก่าย ร่างบางทิ้งตัวลงนอนยวบไปกับเบาะสีแดง หอบหายใจจนอกกระเพื่อมเห็นซี่โครงชัดเจน
                ยังไม่ทันจะได้หยุดพัก คยูฮยอนพลิกตัวขึ้นมาอีกครั้ง ก้าวลงไปนั่งอยู่บนพื้น จ่อริมฝีปากลงตรงกลางตัวของอีกคนที่นั่งพิงพนักอยู่ มือบางเอื้อมขึ้นมาลูบไล้ไปทั่วๆ จนสัมผัสได้ถึงความต้องการที่ผนวกรวมกันจนแข็งอยู่ภายใน นิ้วเกลี่ยไปทั่วๆอย่างใจเย็น แล้วจึงค่อยใช้ปลายลิ้นของตัวเอง โลมเลียไปทั่วราวกับเป็นอมยิ้มของเด็กตัวเล็กๆ
                อื้มม.. คยูฮยอนอ่าครางเรียกชื่ออีกฝ่ายพร้อมกับกดกลุ่มผมสีดำลงไปให้แนบชิด ฝ่ามือเล็กหยอกเล่นไปกับส่วนนั้นด้วยความสนุกสนาน ในขณะที่ลิ้น ก็เก็บในทุกรายละเอียดความเสียวซ่าน กวัดไปทั่วๆจนซีวอนต้องบิดสะโพกเพื่อคลายความต้องการของตนเองไม่เผลอกระแทกเข้าหาอีก่ายไปมากกว่านี้ หากแต่คนข้างล่าง ก็ช่างจะยั่วยวนเขาด้วยการแหกแข้งแหกขาเสียเหลือเกิน
                ปลายลิ้นเรียวโลมเลียไปจนทั่ว ซีวอนครางเบาๆแล้วดึงอีกฝ่ายขึ้นมา แขนแกร่งโอบไปรอบเอวบางคอดแล้วปล่อยสะโพกมนลงบนหน้าตักของตัวเอง ดวงตาหวานจ้องมองอีกฝ่ายพร้อมประทับริมฝีปากของตัวเองลงไป ฝ่ามือเล็กยังคงทำหน้าที่ปรนเปรอให้อีกฝ่ายไม่หยุดหย่อนกระทั้งร่างสูงปล่อยความต้องการออกมาจนเต็มฝ่ามือบาง
                หืม ?”
                เปล่า... อ๊ะ !” รู้สึกตัวอีกครั้ง ร่างบางก็โดนล่วงล้ำด้วยแท่งพลาสติกจอมปลอมที่เป็นประเด็นอยู่เมื่อครู่ ซีวอนกดมันเข้าไปลึกกว่าเดิมจนคยูฮยอนสะดุ้งด้วยความตกใจ นิ้วยาวเกี่ยวสวิชต์ของมันให้เริ่มทำงาน เล่นเอาอีกคนแทบจะทรงตัวไม่อยู่บนตักของอีกฝ่าย
                ซีวอน... อ๊ะ... อ๊า... อ๊า...กดใบหน้าของตัวเองลงบนบ่าของอีกฝ่ายด้วยอายเสียงหวานที่ร้องระงม ร่างสูงยักคิ้วขึ้นก่อนจะจับไปที่ท่อนเนื้อของอีกฝ่ายแล้วรูดมัน พร้อม ๆ กับมืออีกข้างที่ขยับแท่งพลาสติกเข้าออก คยูฮยอนยึดบ่าแกร่งเอาไว้แน่น ใบหน้าหวานเชิดขึ้น ขบมั่วไปตามใบหูของอีกฝ่าย ไล้โครงหน้าคมเข้มนั้นลงมาเรื่อย แต่ความรู้สึกที่แล่นพล่านก็ไม่ได้น้อยลงไปเลยสักนิด
                ไม่...อ๊า...ซีวอน...อ๊ะ...ฮ๊า... ถอนหายใจยาวเมื่อสิ่งที่ทำให้เขาอึดอัดได้สงบลง ร่างบางทิ้งตัวลงกับอีกฝ่ายแบบโถมทับทั้งร่าง คนที่นั่งเป็นเบาะถอนเจ้าอาวุธร้ายออกมาจากอีกฝ่ายแล้วอุ้มร่างบางเดินขึ้นบันได้ไป เสียงหอบหายใจที่ห่างหูไปไม่ถึงสิบเซนบอกได้ว่าคนที่ซบอยู่นั้นเหนื่อยแค่ไหน... แต่เดี๋ยวก็หาย ใช่มั๊ยหล่ะ ?
               
                                ตวัดแขนเรียวมากอดคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ ด้วยลักษณะท่าทางที่เรียกว่าออดอ้อน คยูฮยอนซุกหน้าลงกับอกเปล่าที่กระเพื่อมขึ้นลง เสียงท้องร้องปลุกอีกคนให้ตื่นจากความฝันเช่นกัน ดวงตากลมช้อนขึ้นมองดวงตาคมที่จ้องมาทางเขาเหมือนรู้ว่าอะไรที่เขากำลังพยายามเรียกร้อง
                นะ...
                ไหนหล่ะ ? ค่าอาหารนิ้วเรียวยกขึ้นดีดที่ปลายจมูกอีกฝ่ายอย่างหม่นไส้ แล้วแทนที่มันด้วยริมฝีปากของตัวเองที่แตะลงไปเบา ๆ ซีวอนลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับผ้าเช็ดตัวที่พันอยู่รอบเอวปล่อยให้ร่างบางนอนรออย่างเดิม... คยูฮยอนยิ้มตามร่างสูงที่เดินออกไปก่อนจะหลับตาเข้าสู่ความฝันของตัวเองอีกครั้ง
ทัศนคติ ความรู้สึก มุมมอง ความคุ้นเคย สิ่งที่เห็น ความต้องการ เปลือกนอก
ความรัก


ปัดฉิมลิขิต.
                หน้าตาดูสดใสขึ้นนะ... ไปทำไรมาวะ ?”
                อยู่แถวนี้แหละ พักผ่อนเต็มที่ ตอบเพื่อนสนิทไปอย่างคุ้นเคยก่อนจะจัดการปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองให้เรียบร้อย จงฮุนเดินยกพิซซ่าออกเสิร์ฟแล้วกลับเข้ามาช่วยลงหน้าพิซซ่าเหมือนเดิม ซีวอนยิ้มออกมาน้อย ๆ พร้อมกับฮัมเพลงไปด้วย
                เดี๋ยวไปหาอะไรกินกันมั๊ย ?” เมื่อเห็นว่าใกล้เวลาเลิกงานแล้ว จงฮุนก็เอ่นปากชวนเพื่อนซี้ ซีวอนพยักหน้าเป็นอันว่าตอบตกลง ครั้นเมื่อเสียงกริ่งของพิซซ่าถาดสุดท้ายดังขึค้น สองเพื่อนซี้ก็ได้เวลาเปลี่ยนกะงาน ทั้งคู่จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะเดินออกมา
                ร่างสูงเดินข้ามไปฝั่งตรงข้ามเพื่อเอาจักรยานเหมือนเดิม ฝ่ามือหนาเคาะเรียกคนในร้านให้เดินมาหา คยูฮยอนเงยหน้าขึ้นมองก่อนะจเปิดประตูออกมาหารุ่นน้องทั้งสองที่ยืนอยู่หน้าร้าน คนหนึ่งอารมณ์ดีจนผิดผี ส่วนอีกคนก็งงเป็นไก่ตาแตก
                ไปกินข้าวด้วยกันมั๊ย ?”
                ที่ไหนหล่ะ ?”
                ที่ไหนวะ ?” หันไปถามต้นเรื่องคนชวน จงฮุนยักไหล่เป็นเชิงว่าหาเอากลางทาง คยูฮยอนพนักหน้าตกลงแล้วจัดการรูดมู่ลี่ลงปิดร้านก่อนจะเดินออกมาจากตัวร้าน พร้อมกับอ้อมไปด้านหลังเข็นจักรยานสีเหลืองกับอีกคันออกมาด้วย
                มึงปั่นไปก่อนเลย... เดี๋ยวกูตาม
                อ่ะ...เออๆ จงฮุนถีบจักรยานนำหน้าอีกสองคู่ที่นั่งซ้อนท้ายกันอยู่ มือก็ยกขึ้นเกาหัวด้วยสีหน้างง ๆ .... มันไปได้กันตอนไหนวะ ?


 end

Misunderstand

                 ร่างบอบบางนั่งเท้าคางอยู่ในห้องพักของตัวเองอย่างคิดไม่ตก ตากลมไล่มองไปยังภาพของสมาชิกแต่ละคนก่อนจะมาหยุดลงที่สมาชิกคนที่ 12 คิมคิบอม
เฮ้อ” ริมฝีปากอิ่มระบายลมหายใจออกมาอย่างคิดหนัก นิ้วเรียวทาบลงไปบนโครงหน้าหล่อของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน
ฉันเหนื่อยจังเลยคิบอม ไม่ว่าจะทำยังไงนายก็ไม่หันมามองฉันบ้างเลย” เสียงหวานใสเปรยขึ้นก่อนจะเปลี่ยนเป็นฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะ ปล่อยให้ความคิดล่องลอยไป น้ำตาหยดใสไหลลงมาจากดวงตาสวยอย่างท้อแท้ แรงสะอื้นน้อยๆทำให้ไหล่บอบบางสั่นเทา
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น มือเล็กยกขึ้นมาเช็ดน้ำตาออกลวกๆ ก่อนจะรีบเดินไปเปิดประตูพร้อมรอยยิ้มกว้างเช่นทุกที
ฮยอก พี่ฮันให้มาตามไปกินข้าว” ซองมินพูดขึ้นหากแต่ร่างอวบกลับทำตาโตแล้วผลักคนตัวเล็กกว่าเข้ามาในห้องนอน
แกร้องไห้เหรอ” สะกิดเล็กน้อยด้วยคำถามอย่างห่วงใย ทำให้คนที่หยุดร้องไห้ไปแล้วกลับปล่อยน้ำตาออกมาอีกระลอกได้อย่างง่ายดาย
ซองมิน ฉันรักเขาทำยังไงฉันก็รักเขา” ระบายความอัดอั้นออกไปจากหัวใจดวงน้อยๆ มืออวบยกขึ้นลูบแผ่นหลังเล็กไปมาอย่างเข้าใจ หากจะมีคนที่ไม่เคยเข้าใจอะไรเลยก็คงจะเป็นคิมคิบอม
ไม่เป็นไรนะฮยอก เราลองมาพยายามกันอีกซักครั้งดีไหม” ซองมินพูดขึ้นอย่างใจดี มืออวบลูบผมนิ่มของคนในอ้อมกอดไปด้วยอย่างปลอบโยน ใบหน้าน่ารักขมวดคิ้วมุ่นอย่างกลุ้มใจไม่แพ้กัน คนอย่างคิบอมไม่เคยแสดงออกเลยซักครั้งทำให้ไม่มีใครดูออกเลยว่าภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยนั้น คิมคิบอมกำลังคิดอะไรอยู่
ไปกินข้าวกันเถอะ” ฮยอกแจร้องไห้จนพอใจก็ผละออกพร้อมรอยยิ้มที่ใครต่อใครต่างลงความเห็นว่ามันเหมาะกับใบหน้าหวานมากกว่าน้ำตา
อืม” ซองมินรับคำพร้อมกับจูงมือของอีกฝ่ายออกไป

คิบอม ฉันอยากกินปลาอ่ะแกะให้หน่อยสิ” เสียงของเจ้าแม่คนสวยประจำวงดังขึ้นก่อนที่ทั้งสองคนจะก้าวเข้าไปด้านใน ภาพแรกที่ปรากฎแก่สายตาคือภาพที่คิบอมกำลังตั้งใจแกะปลาพร้อมรอยยิ้มอย่างเต็มใจ หัวใจดวงน้อยเจ็บร้าวหากแต่บนใบหน้ายังคงระบายยิ้มสดใสเช่นเคย
ฉันแกะให้เอาไหมคิบอม” เสียงใสเอ่ยถามอย่างหวังดีเมื่อเห็นท่าทางเก้ๆกังๆนั้น
ไม่ต้อง” ตอบกลับเรียบเฉย แต่ฮยอกแจก็ยังคงยิ้ม ยิ้มให้กำลังใจตัวเอง
แกนั่นแหละไม่ต้อง ฮยอกแจแกะให้พี่หน่อย” ฮีชอลเองที่คงทนรอไม่ไหวกระชากจานออกมาจากคิบอมแล้วยัดเยียดใส่มือเล็กก่อนจะระบายยิ้มสวยมาให้อย่างขอบคุณ ฮยอกแจรับมาอย่างว่าง่ายก่อนจะแกะปลาเนื้อสวยส่งให้ฮีชอลไปเรื่อยๆจนข้าวของตัวเองยังไม่พร่องไปแม้แต่น้อย เมมเบอร์คนอื่นๆที่นั่งทานข้าวกันอยู่ก่อนแล้วได้แต่มองอัญมณีของวงอย่างสงสาร
ฮยอกอ้าปากสิ” ดงเฮที่นั่งอยู่ด้านข้างตักข้าวผัดพอดีคำมาจ่อให้ ใบหน้าหวานระบายยิ้มรับเล็กน้อยก่อนจะกินเข้าไป มือเล็กยังคงง่วนกับการแกะปลาให้ฮีชอลอยู่อย่างนั้น
นายจะให้พี่ฮีชอลกินจนถึงก้างเลยเหรอไง” เสียงทุ้มพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะดึงจานออกมาจากตรงหน้าของฮยอกแจ
อ่า ขอโทษนะ” เสียงใสพูดขึ้นแล้วหันไปหยิบช้อนส้อมของตัวเองขึ้นมาตักข้าวกิน ริมฝีปากอิ่มยังคงฉีกยิ้มน้อยๆอย่างไม่รู้สึกอะไร หากแต่หัวใจดวงน้อยกำลังเจ็บแสนสาหัส น้ำตาหยดใสวาววับอยู่ในตาสวยแค่เจ้าของกระพริบตาเพียงเล็กน้อยมันก็หายไปเหลือเพียงแววตาสดใสดังเดิม บรรยากาศบนโต๊ะอาหารดูอึดอัดไปถนัดตา
คิบอม นายไปซื้อมาร์กพอกหน้าให้ฉันหน่อยสิ” เสียงใสๆของฮีชอลดังขึ้นทำลายความเงียบนั้น น้องชายตระกูลเดียวกันเหลือบมองคนเป็นพี่อย่างไม่บอกอารมณ์
ผมต้องไปถ่ายละคร” ตอบกลับเรียบๆแล้วอ่านบทในมือต่อไป
เดี๋ยวผมไปซื้อให้ก็ได้ฮะ” ร่างบางอาสาขึ้นมาแทนเพราะไม่อยากให้คิบอมถูกดุ
อ่า ฮยอกแจถ้านายไปก็ต้องพ่วงแฝดลีอีกสองคนไปด้วยน่ะสิ” ฮีชอลพูดขึ้นพลางใช้ความคิด
ผมไปคนเดียวได้ฮะพี่” รับปากอีกครั้ง เพื่อให้ฮีชอลสบายใจ ตาสวยของฮีชอลสบตากับลีดเดอร์ของวงอย่างหนักใจไม่แพ้กัน
น้องชายของเขามันจะเย็นชาไปถึงไหนกัน
งั้นผมไปก่อนนะ” พูดจบร่างบางก็ลุกขึ้นทันทีก่อนที่จะเดินออกไป แค่เพียงก้าวพ้นห้องอาหารเท่านั้นน้ำตามากมายก็พรั่งพรูออกมา
นายร้องไห้ทำไม” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นเบื้องหลังทำให้ฮยอกแจรีบเช็ดน้ำตาออก ก่อนจะหันไปยิ้มสดใสให้
คิบอมจะไปถ่ายละครแล้วเหรอ” เสียงใสถามขึ้นอย่างร่าเริง แต่มือแกร่งของคนตรงหน้ากลับจับไหล่บางบีบเอาไว้แน่น จ้องเข้ามาในดวงตาสวยอย่างค้นหา ก่อนที่พระเอกหนุ่มจะถอนหายใจออกมาและปล่อยมือลงข้างลำตัว
แล้ววันนี้นายจะไปอัดรายการได้ยังไง ตาบวมแบบนี้” เสียงทุ้มพูดขึ้นอีกครั้ง นิ้วแกร่งไล้อยู่ที่ขอบตาล่างอย่างแผ่วเบา ใบหน้าใสเปลี่ยนสีฉับพลันก่อนจะเบี่ยงตัวหลบ
ไม่อยากให้การกระทำใจดีของคิบอมเพียงเล็กน้อยทำให้ต้องงมงายต่อไป
กับรักที่ไม่มีวันได้คืนมา
ฉันต้องรีบไปซื้อของให้พี่ฮีชอล ไปก่อนนะ” เสียงหวานรีบบอกก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปอีกทาง
หมับ
มือแกร่งจับแขนเล็กเอาไว้ซะก่อน
ไปพร้อมกับฉัน ฉันจะออกไปทำงานเหมือนกัน” ร่างสูงพูดขึ้นก่อนจะดึงให้อีกคนเดินตามกันออกไป ด้านหลังมีสายตานับสิบคู่จ้องมองมา
มันอะไรกันเนี่ย” อีทึกพูดขึ้นอย่างสับสนกับน้องคนเกือบสุดท้อง
นั่นสิ คิบอมมันจะเอายังไงแน่” ซีวอนอีกคนที่ทนดูมานานแล้ว ทุกครั้งที่เห็นฮยอกแจฝืนยิ้มใครหลายๆคนต่างเจ็บปวดไปพร้อมๆกัน
เราจะทำอะไรได้นอกจากรอ” ฮันกยองเปรยขึ้นมาแผ่วเบา
รออะไรฮะพี่” คยูฮยอนหันไปถามทันทีอย่างอยากรู้
รอวันที่คิบอมมันรู้ใจตัวเอง
“…”
หรือไม่ก็รอวันที่ฮยอกแจตัดใจได้แล้ว” หนุ่มจีนพูดอีกครั้งนั่นทำให้เยซองหันไปตบบ่าพี่ชายอย่างชื่นชมในคำพูดนั้น
พี่ใช้ภาษาเกาหลีได้ดีขึ้นเยอะเลย” เสียงชื่นชมดังมาจากเรียวอุค สร้างรอยยิ้มให้กับทุกคนจากสถานการณ์ตึงเครียดได้เป็นอย่างดี ซองมินหันไปมองหน้ากับดงเฮแล้วได้แต่หันกลับไปมองประตูห้องที่ปิดลงไปนานแล้ว

ขอบใจนะคิบอม ว่าแต่นายอยากได้อะไรรึเปล่า” ใบหน้าหวานหันมาขอบคุณคนขับรถอย่างร่าเริงและไม่ลืมที่จะออกปากถามอย่างห่วงใย
ไม่ล่ะ” คิบอมคิดไปครู่หนึ่งแล้วตอบกลับมา
ตั้งใจทำงานนะไปล่ะ” พูดจบก็เตรียมเปิดประตูรถลงไปแต่ติดที่มือแกร่งของใครอีกคนที่จับต้นแขนเล็กเอาไว้
นายน่าจะหัดอำพรางตัวเองบ้าง
หมวกไหมพรมใบสวยถูกสวมลงมาที่ศรีษะเล็กอย่างอ่อนโยน
อ่า ขอบใจ
นี่ด้วย” จบด้วยการใส่แว่นกันแดดอันโตมาที่ใบหน้าหวาน ฮยอกแจก้มหน้างุดพร้อมกับแก้มสีแดงเปล่งปลั่ง
ขอบใจนะ” บอกอีกครั้งแล้วทำท่าจะเดินลงจากรถไป
นี่” เสียงเรียกทำให้คนตัวเล็กหันกลับมามองอีกครั้ง
นายจะเอาอะไรรึเปล่าคิบอม
มาร์กพอกหน้าของพี่ฮีชอลน่ะ ใช้แบบเป็นกระปุกนะไม่ได้เป็นแผ่น” คิบอมพูดขึ้น หากแต่คนฟังที่ยิ้มรับกลับยิ้มเจื่อนลง พยักหน้ารับเล็กน้อยแล้วก้าวลงจากรถไปเพราะหากพูดออกมาซักคำน้ำตาคงไหลออกมาเป็นแน่
คิมคิบอม เมื่อไหร่กันที่นายจะใส่ใจฉันเหมือนที่นายใส่ใจพี่ฮีชอลบ้าง
ฮยอกแจ” คนขับกดกระจกลงมาเรียกอีกครั้ง ร่างบางเพียงแค่หันกลับไปมองเท่านั้น
หมวกน่ะของพี่ฮีชอลอย่าทำขาดล่ะ” คำพูดทำร้ายจิตใจดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่รถคันนั้นจะแล่นออกไป เหลือไว้เพียงคนคนนึงที่เจ็บช้ำจนแทบจะไม่มีแรงก้าวขา
นายห่วงแม้กระทั่งหมวกของเขาสินะ
ผมอยากเกลียดพี่จริงๆ แต่ผมก็เกลียดพี่ไม่ลงเพราะพี่เป็นพี่ของผม
ถ้าผมจะเกลียดผมคงต้องเกลียดตัวเอง
รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีวันได้เป็นแบบนั้น
แต่ก็ยังดึงดันที่จะรักต่อไป
ผมเหนื่อยจังเลย ผมจะหยุดดีไหม
ฮยอกแจ เอานมสตอร์เบอร์รี่ไหม” คังอินหันมาถามรุ่นน้องตัวเล็กที่ตอนนี้ยังนั่งกดเกมส์อยู่กับคยูฮยอนไม่มีทีท่าว่าเจ้าตัวจะหิวแต่อย่างใดจนต้องเดินเข้ามาถาม
อ่า ขอบคุณฮะ วางไว้เลย” เสียงใสตะโกนตอบ คังอินมองน้องชายปลงๆแล้วใจดีหยิบนมมาเจาะแล้ววางไว้ข้างๆ ตากลมยังคงจ้องไปที่จอโทรทัศน์ใหญ่เบื้องหน้าแทบไม่กระพริบ
แอด
เสียงเปิดประตูดังขึ้นอีกครั้งหากแต่คนสองคนตรงหน้าจอกลับไม่รับรู้ถึงการมาเยือนแม้แต่น้อย
อ้าวคิบอม ทำไมวันนี้มาที่นี่ได้ล่ะ” อีทึกที่เดินออกมาจากครัวออกปากถาม ทำให้ใครอีกคนที่เล่นเกมส์อยู่ถึงกับหยุดชะงักไปทันที
พี่ฮะเป็นอะไรรึเปล่า” คยูฮยอนที่เห็นคู่ต่อสู้ในเกมส์หยุดชะงักไปดื้อๆก็ต้องกดหยุดเกมส์แล้วหันมาถามอย่างห่วงใย หากแต่มองตามตากลมไปก็พบกับคิบอมที่ยืนคุยหัวเราะอยู่กับฮีชอล มือแกร่งเอื้อมไปกุมมือเล็กของฮยอกแจเอาไว้
ฉันไม่เป็นไรหรอก” แม้จะเจ็บแค่ไหน ฮยอกแจก็มักที่จะเลือกบอกว่าไม่เป็นไรเสมอ
ผมหิวน่ะมีอะไรให้ผมกินบ้าง” เสียงของคิบอมดังเข้าโสตประสาทของฮยอกแจอีกครั้ง
นายกินนมสตอร์เบอร์รี่ของฉันไหม” ถามเสร็จก็แทบอยากจะตบปากตัวเอง แม้จะบอกกับตัวเองอีกครั้งว่าจะหยุดแต่เอาจริงทำไม่ได้เลย
ฉันไม่อยากจูบนายทางอ้อม
สมใจไหมลีฮยอกแจ
นายมันยุ่งไม่เข้าเรื่อง
แต่พี่ฮยอกแจยังไม่ได้แตะเลยนะครับ” คยูฮยอนเถียงออกไปทันที พร้อมกับดึงใบหน้าหวานให้ซบลงมาบนบ่ากว้างของตัวเองด้วย ไม่นานนักก็รู้สึกถึงความชื้นที่หัวไหล่
แต่ฉันไม่ชอบ” น้ำเสียงที่ตอบกลับมาอีกครั้งทำให้คยูฮยอนกำหมัดแน่นอย่างหมดความอดทน
ก็ดี ผมจะได้กินเอง” คยูฮยอนพูดจบก็จัดการหยิบนมกล่องนั้นขึ้นมาดูดทันที ฮีชอลเลยรีบพาตัวคิบอมเข้าไปในห้องครัวก่อนจะเกิดสงครามของน้องเล็กสองคน

ฮยอกแจ ยิ้มหน่อยสินายเป็นแบบนี้แล้วหดหู่ชะมัด” เสียงของดงเฮดังขึ้นพร้อมกับนิ้วเรียวที่หยิกหมับมาที่แก้มใสของฮยอกแจแล้วออกแรงเล็กน้อยดึงปากเล็กๆนั่นให้ฉีกยิ้มออกมา ตอนนี้ทุกคนเตรียมตัวจะไปเที่ยวทะเลกันหลังจากที่ได้รับอนุญาตให้หยุดพักผ่อนได้หนึ่งอาทิตย์เต็มๆ
ไปกันเถอะ” เรียวอุคโผล่หน้าเข้ามาเรียกแต่ก็เห็นบรรยากาศซึมเศร้าเช่นกัน ร่างเล็กของเรียวอุคเดินเข้ามาบีบไหล่ของฮยอกแจเอาไว้ไร้ซึ่งคำพูดใดๆ ตลอดหลายวันที่ผ่านมารุ่นพี่หน้าหวานคนนี้พยายามทำทุกอย่างเพื่อเอาใจเจ้าชายน้ำแข็งของวงแต่มันกลับไม่มีประโยชน์อะไรเลย
เรียวอุค พี่ใช้ให้มาตามนะ” เสียงของอีทึกดังขึ้นอีกคนก่อนจะโผล่เข้ามาในห้องของฮยอกแจหัวหน้าวงตาสวยเดินเข้ามายีผมนุ่มของนักเต้นประจำวงแล้วมัดมือชกโดยการถือกระเป๋าเดินทางของฮยอกแจออกไปก่อน
เอาความเศร้าไปทิ้งทะเลกันเถอะ” คนตาสวยเหลียวหลังกลับมาบอก นั่นทำให้ฮยอกแจยิ้มออกมาน้อยๆที่มุมปาก
ไปเถอะ” ฮยอกแจที่ร่าเริงกลับมาแล้วทำให้อีกสองคนยิ้มดีใจแล้วพากันกอดคอเดินไป
ช้าจังเลยพวกนายเนี่ย” ซองมินเอ่ยแซวทันทีที่เห็นหน้าของทั้งสามคน ฮยอกแจขยับยิ้มเล็กน้อยแล้วเดินไปนั่งด้านหลังริมหน้าต่าง ตาสวยปิดลงเพื่อหลีกหนีโลกแห่งความเป็นจริง
คิบอมแกหันไปหยิบขนมถุงนั้นมาให้หน่อยดิ” เสียงของฮีชอลดังเข้ามาในโสตประสาทพร้อมกับชื่อของคนที่ฮยอกแจไม่อยากเจอมากที่สุด
ต้องแกะด้วยไหม” เสียงทุ้มที่ถามกลับทำให้ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น
อิจฉา..
ลีฮยอกแจกำลังอิจฉา คิมฮีชอล
นี่ฮยอกแจอย่าเพิ่งหลับเรามาเล่นเกมส์กัน” เสียงของคังอินดังขึ้นทำให้ตาสวยจำใจต้องเปิดออกเพราะขี้เกียจมีปัญหากับจอมพลังของวง
เกมส์อะไรฮะ เมื่อคืนผมนอนดึกนะ” เสียงหวานเอ่ยค้านทำท่าจะหลับไปอีกรอบ แต่ว่าซีวอนกลับเดินมาดึงไหล่บางเอาไว้ได้ทัน
ซีวอน นายกล้าขัดใจฉันเหรอ” เสียงหวานว่าขึ้นอย่างหงุดหงิดแต่ฮันกยองอีกคนที่เดินมาดึงฮยอกแจออกตรงกลางรถเพื่อที่จะได้เล่นเกมส์ได้ถนัด
เกมส์เราก็ไม่มีอะไรมากหรอกนะ แค่ฉันจับฉลากได้สมาชิกคนที่เท่าไหร่คนนั้นต้องตอบคำถามของเพื่อนๆในวงตามความเป็นจริง” คังอินอธิบายสั้นๆ
เดี๋ยวนะคังอิน ต้องตอบคำถามของทุกคนเลยเหรอ” ชินดงส่งเสียงถามอย่างไม่เข้าใจ
นั่นดิ งี้ใครโดนจับขึ้นมาก็ซวยเลยดิ” อีทึกร้องออกมาอีกคนเมื่อเห็นว่ามันไม่ยุติธรรม
อ่า ตามนี้แหละ” คังอินแย้งออกมา ทำให้ไม่มีใครกล้าปริปากออกมาซักคนฮยอกแจนั่งหาวไปสัปหงกไปจนเยซองที่นั่งอยู่ข้างๆต้องดึงใบหน้าหวานให้มาซบลงบนไหล่ของตัวเองอย่างขำขัน
ทำอะไรอยู่ถึงไม่หลับไม่นอน” เสียงแหบเสน่ห์เปรยขึ้นมา
ก็เห็นหลับสนิทนี่ฮะ” ดงเฮตอบออกมา
แกรู้ได้ไง” เยซองถามต่อ
ก็ฮยอกนอนอยู่กับผมนี่” ดงเฮตอบกลับแล้วยิ้มออกมาน้อยๆ ซองมินที่นั่งอยู่ข้างๆก็เพียงแค่ยิ้มมาบางๆเท่านั้น ก็เมื่อวานเขาสองคนนอนกอดฮยอกแจเอาไว้ตรงกลางนี่นา คิบอมเองก็ยังคงนั่งข้างฮีชอลด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ตามเดิม
เอาล่ะๆ มาเริ่มเกมส์กันเถอะหนทางอีกยาวไกล” คังอินยุติบทสนทนานั้นแล้วยื่นกระบอกแก้วใสไปตรงหน้าของอีทึกเพื่อให้อีทึกเป็นคนเปิดเกมส์
เลข 8” คังอินตะโกนออกมาเสียงดังลั่น ทำให้เรียวอุคกับฮันกยองต้องสะกิดลิงตัวน้อยๆเพื่อให้ตื่นขึ้นมาจากนิทราแสนสุข
อะไรฮะ” เสียงหวานถามขึ้นตาปรือเล็กน้อย บ่งบอกว่าไม่อยากตื่นขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย
ฮยอกแจนายต้องสัญญามาก่อนว่านายจะเล่นเกมส์ของเราด้วยความสัจจริง” คังอินออกปากถาม คนน่ารักพยักหน้ารับอย่างขอไปที จนหลายๆคนแอบยิ้มอย่างสมใจ
เสร็จเราแน่ ไอ้ไก่เอ๊ย
เพราะฉะนั้นลุกขึ้นยืน” สิ้นเสียงของคังอินหลากหลายมือต่างพากันดันฮยอกแจให้ลุกขึ้นยืนหากแต่คนที่เพิ่งตื่นยังไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้เซถลาออกไปด้านหน้าจนหัวเกือบทิ่มดีที่มีมือของใครบางคนดึงแขนเล็กเอาไว้ก่อน  จากที่เซไปด้านหน้ากลับเซถอยหลังมานั่งแปะอยู่บนตักของคนๆนั้น
คิบอม” คนน่ารักหันไปมองใบหน้าหล่อ อย่างตกใจแก้มขาวเปลี่ยนเป็นสีชมพูเรื่ออย่างห้ามไม่ได้
ซุ่มซ่าม” เขินได้ไม่นานเท่าไหร่ คิบอมก็ขัดขึ้นมาด้วยคำว่านั้น
ขอโทษ” ฮยอกแจรีบบอกแล้วก้มหน้างุดอย่างรู้สึกผิด มือเล็กเกาะเบาะเอาไว้เพื่อที่จะประคองตนเองให้ลุกขึ้นยืนหากแต่แขนแกร่งกลับโอบเอวบางเอาไว้
นั่งตอบคำถามของพี่คังอินตรงนี้ก็ได้” พูดออกมาเสียงเรียบ แต่อีกหลายชีวิตบนรถกลับหันไปยิ้มให้กันอย่างสมใจ
น้ำแข็งแกเริ่มละลายแล้วแหละ
ไอ้เจ้าคิมคิบอมหน้าตาย
งั้นฉันเริ่มนะ” หัวหน้าวงดูจะดี๊ด๊าเป็นพิเศษ
เอาสิ” ฮีชอลรับคำอย่างนึกสนุก
ฮยอกแจ นายเป็นเคะหรือเมะ” คำถามของอีทึกดังขึ้นพร้อมกับเสียงโห่ร้องของสมาชิกคนอื่นๆในวง ใบหน้าหวานเลิกลั่กขึ้นมาทันที
นี่มันเกมส์อะไรเนี่ย
อ่า ผมเป็นเคะ” หนสุดท้ายก็จำต้องตอบออกไป โดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่าเจ้าของตักกำลังระบายยิ้มเช่นกัน
ฉันต่อๆ” ฮีชอลรีบเสนอตัวเองขึ้นมาทันที
นายสนิทกับเมะคนไหนที่สุดในวง” คำถามของฮีชอลทำให้เสียงครึกครื้นเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นเงียบสงบทันที
ถ้าด๊องเป็นเมะ ก็คงจะเป็นด๊องแหละฮะ” นิ่งคิดทบทวนไปเล็กน้อยแล้วตอบออกมา
ฉันเป็นเคะนะ” เสียงของดงเฮขัดขึ้นมา จนเรียวอุคที่ควบตำแหน่งคนรักอดหันมามองค้อนไม่ได้
ช่างเถอะๆ พี่ฮันต่อเลย” คังอินตัดปัญหาแล้วหันมาให้ฮันกยองถามต่อ หนุ่มจีนเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะยิงคำถามออกมา
นายชอบกินอาหารฝีมือใครมากที่สุด” จบคำถามของฮันกยองคนต้นคิดก็แทบจะหงายหลัง นี่เฮียแกไม่รู้เรื่องอะไรเลยเหรอไง
ก็ต้องของพี่ฮันกับเรียวอุคสิฮะ” ตอบกลับทันทีอย่างไม่ลังเล คำถามนี้ทำให้ฮยอกแจเริ่มใจชื้นขึ้นมา
ฉันจะถามแล้วนะ” เยซองรีบข้ามฮันกยองมาที่ตัวเองทันที ฮยอกแจหันมามองตาแป๋วโดยที่ลืมไปเลยว่าตัวเองนั่งอยู่บนตักของใคร
นายแอบชอบใครในวงของเรา” สิ้นคำถามของเยซอง ฮยอกแจเบิกตากว้างทันทีหัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำ เหงื่อเม็ดเล็กเริ่มผุดขึ้นมาบนใบหน้า สมาชิกแต่ละคนดูจะตั้งใจฟังมากเป็นพิเศษ
เอ่อ…”

ตอบมาเลยฮยอกแจ นายสัญญาแล้วนะ” คังอินคะยั้นคะยออย่างอยากรู้ คนน่ารักหันกลับไปหาเพื่อนของตัวเองก็พบว่าซองมินกับดงเฮเบนหน้าหนีไปอีกทาง ปากอิ่มขมุบขมิบอย่างอารมณ์เสีย
ไอ้เพื่อนทรยศเอ๊ย
พี่ฮะ” เสียงหวานเรียกคนท้วงเสียงอ่อย จะให้บอกได้อย่างไรก็ในเมื่อคนที่ชอบกำลังเป็นเก้าอี้ให้ตัวเองอยู่แบบนี้
ใจเต้นแรง ทั้งๆที่คิบอมเองอาจจะไม่คิดอะไรเลยด้วยซ้ำ
ฮยอกแจ ตอบเร็ว” อีทึกอีกคนที่ร่วมคาดคั้น
ข้อนี้ขอผ่านฮะ” เสียงใสว่าแล้วโบกมือกลายๆเป็นเชิงว่าไม่ตอบ
โอเคๆ น้องคงเขินน่ะ” ฮีชอลออกโรงช่วยเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ยนตักของน้องชายร่วมตระกูลใกล้จะร้องไห้เต็มที มือเรียวสวยขยี้ผมนิ่มๆอย่างเอ็นดูแล้วหันไปให้คนอื่นถามต่อ
ฉันจะถาม ฮยอกแจนายชอบใครในวงเรารึเปล่า” คังอินเป็นคนถามคนต่อมา ในเมื่อถามตรงๆไม่ตอบก็ถามอ้อมๆเอาแล้วกัน
เอ่อ ไม่ได้ชอบฮะ” เสียงหวานตอบออกไปแต่ก็ลังเลเล็กน้อย
ห้ามโกหกนะฮยอก” ฮันกยองเองก็อดไม่ได้ที่จะท้วง
ผมไม่ได้โกหกนี่นา” ใบหน้าน่ารักยู่ใส่
งั้นนายรักใครในวงเราบ้างรึเปล่า” ชินดงรีบถามขึ้นมาทันที ใบหน้าขาวซับสีเรื่อพร้อมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ สมองกำลังประมวลผลไปด้วย
คนในวงมีตั้งสิบกว่าคน
แค่ยอมรับว่ารักใครไปซักคน
คงไม่มีคนจับได้หรอก
ฮะ” รับคำแถมพยักหน้าน้อยๆ คังอินหันไปลอบยิ้มกับคนอื่นๆอย่างสมใจ
ซองมิน ถึงคิวของนายแล้ว” เยซองหันไปเร่งเมื่อเห็นท่าทีอึกอักของซองมินแฝดลีอันดับหนึ่ง
คนที่นายรักเขาอายุน้อยกว่านายใช่ป่ะ”  คำถามอ้อมๆของซองมินเหมือนการขุดหลุมฝังฮยอกแจทั้งเป็น ตากลมหันกลับไปมองอย่างตัดพ้อแต่ซองมินก็ทำได้แค่ส่งสายตาขอโทษกลับมา
ก็ใครจะกล้ามีปัญหากับคังอินกันล่ะ
ถ้าใช่ คนที่เข้าข่ายก็มีแค่ ดงเฮ คิบอม ซีวอน และคยูฮยอน” ชินดงเริ่มคิดก่อนจะนับเมะที่อายุน้อยกว่าออกมา
ตอบเร็ว” หลากหลายเสียงพยายามเร่งขึ้นมา หากแต่คนที่ลุ้นที่สุดตอนนี้คงจะเป็นเจ้าของตักที่ฮยอกแจนั่งอยู่มากกว่า ฮยอกแจเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อรู้ตัวว่าพลาดไปถนัด
แค่สี่คน
เด็กอนุบาลยังเดาออกเลย
ดงเฮ คบกับเรียวอุค
คยูฮยอน คบอยู่กับ ซองมิน
เหลือแต่คิมคิบอมกับซีวอน
เอายังไงดีล่ะ ฮยอกแจ
ผมง่วงแล้ว นอนก่อนนะฮะ” แล้วก็ตัดปัญหามันดื้อๆก่อนจะเดินกลับไปนั่งกุมหัวใจตัวเองที่ด้านหลังตามเดิม เมมเบอร์คนอื่นๆก็เลือกที่จะไม่คาดคั้นยังไงกลับจากทริปนี้ฮยอกแจจะต้องมีแต่รอยยิ้ม ซีวอนเดินตามมานั่งข้างๆ
ผมรู้นะว่าไม่ใช่ผม” เสียงของซีวอนดังขึ้นมาทำให้ตาสวยต้องเปิดออกอีกครั้ง ใบหน้าน่ารักหันขวับมามองคนพูดทันที สายตาเจ้าเล่ห์ของซีวอนถูกส่งมา
กลับที่แกไปเลยไป” เสียงใสออกปากไล่พร้อมกับทั้งดันทั้งผลักให้ร่างสูงใหญ่ลุกออกไป
ไม่เอาหรอก แกล้งคนมีความสุข” คุณชายชเวตอบหน้านิ่งแขนแกร่งยกขึ้นโอบไหล่เล็กเอาไว้สบตากับใครอีกคนที่จ้องมาอย่างไม่สะทกสะท้าน
แกล้งคนนี่มันสนุกจริงๆเลย

แล้วทำไมผมถึงต้องพักกับฮยอกแจ” ร่างบางที่เพิ่งก้าวลงจากรถชะงักไปทันทีที่ได้ยินเสียงของคิบอม ใบหน้าหวานหันไปมองคนอื่นๆที่รวมกลุ่มกันอยู่ก่อนแล้ว
เราแบ่งห้องกันแล้วนี่นา” อีทึกเปรยขึ้นมาอย่างหงุดหงิด หากแต่คิบอมเองก็หงุดหงิดเช่นกัน
ผมไปนอนกับคนอื่นก็ได้ฮะ” เสียงหวานขัดขึ้นมาก่อนที่อีทึกจะทำสงครามกับคิบอมซะก่อน
จะได้ยังไงล่ะฮยอก เราจับฉลากกันแล้วนะ” ฮีชอลอีกคนที่ออกปากท้วง
แต่ว่า…”
ผมนอนก็ได้” คิบอมขัดขึ้นก่อนจะเดินผ่านหน้าฮยอกแจไปราวกับว่ารุ่นพี่คนนี้ไม่มีตัวตน มือเล็กบีบแน่นแต่ปากอิ่มยังคงฉีกยิ้มอยู่อย่างนั้น
ฮยอกแจ นายมานอนกับฉันก็ได้นะ” ซองมินเดินเข้ามาพูดแถมท้ายมาด้วยคยูฮยอน น้องเล็กของวงพยักหน้าสนับสนุนเต็มที่
ไม่เป็นไรหอก” ฮยอกแจตอบออกมา ใครจะกล้าขัดคู่รักของคนอื่นได้ลง
งั้นเดี๋ยวฉันไปส่งนายที่ห้องนะ” ดงเฮที่เดินเขามาพร้อมกับเรียวอุคออกปากบอก ใช้มืออีกข้างยกกระเป๋าของเพื่อนรักขึ้นมา แล้วพาฮยอกแจเดินไป
มันจะได้ผลเหรอคังอิน” ลีดเดอร์ตาสวยหันไปมาถามรุ่นน้องหน้าหมีที่มองตามไป
ดีกว่าเราไม่ทำอะไรนะครับ” คังอินตอบกลับ
พวกนายทำอะไรทำไมไม่บอกฉันบ้างล่ะ” ฮีชอลที่ยืนเยื้องไปด้านหลังแหวขึ้นมา ข้างกายมีเยซองกับชินดงคอยจับแขนห้ามเอาไว้ก่อนที่เจ้าแม่ขาวีนจะอาละวาด
ก็นายไม่ได้คบกับไอ้ป่องนั่นอยู่เหรอ” ฮันกยองส่งเสียงถามอย่างไม่เข้าใจ
ถ้าฉันคบกันอยู่แล้วพวกแกทำแบบนี้ เพื่ออะไรฮะ” ฮีชอลตวาดแว้ด
ใจเย็นๆสิพี่ซิน พวกเราทำเพื่อฮยอกนะ” คำตอบของซีวอนยิ่งทำให้ฮีชอลขมวดคิ้วมุ่นอย่างงุนงง
ทำเพื่อฮยอก ทำอะไร
“…”
ให้ฮยอกกับคิบอมรักกันน่ะเหรอ” ฮีชอลขึ้นเสียงสูง
ไม่ใช่หรอก” แต่คำตอบของอีทึกกลับทำให้ฮีชอลงงหนักเข้าไปอีก
ใครจะกล้าเข้าไปแยกพี่กับคิบอมล่ะฮะ” เยซองพูดขึ้นมาอีกคน ใบหน้าหล่อหมองเศร้านึกสงสารฮยอกแจขึ้นมา
พวกนายหมายความว่าไง” ฮีชอลสะบัดตัวออกมาจ้องหน้าทีละคนนิ่งๆ
ถ้าทำให้ฮยอกแจรักกับคิบอมเขาจะช่วย
แต่นี่มันอะไรกัน
พวกเรากำลังช่วยให้ฮยอกแจตัดใจจากคิบอมน่ะ” สิ้นคำตอบของคังอิน ฮีชอลก็แทบลงไปดิ้นอยู่กับพื้น
แล้วเกมส์บนรถนั่น พวกนายไม่ได้ต้องการให้ฮยอกสารภาพรักเหรอ” ถามอีกครั้งอย่างไม่เข้าใจ
นั่นก็ส่วนนึงแต่อีกส่วนคือให้คิบอมปฏิเสธออกมา ฮยอกจะได้ไม่ต้องเจ็บอีก” ซีวอนเป็นคนตอบออกมา
อ่า ฉันจะบ้าตายเพราะพวกแก
“…”
ฉันกับไอ้ป่องนั่นไม่ได้เป็นอะไรกัน
ห๊า!!”
และที่สำคัญ ไอ้ป่องมันรักฮยอกแจ อ๊าก คิมฮีชอลจะบ้าตาย” จบประโยคของฮีชอลทุกคนได้แต่หันไปมองหน้ากันเอง แต่ว่าไม่ทันแล้วตอนนี้ฮยอกแจหายไปกับคิบอมแล้ว สมาชิกคนอื่นๆหันไปยิ้มให้กันเมื่อได้รับคำยืนยันจากฮีชอลว่าไม่ได้คบกับคิบอม ทุกคนเดินหน้าเต็มที่ตามแผนเดิม
แหมการวางแผนซ้อนแผนแบบนี้มันก็เหนื่อยเอาการอยู่นะเนี่ย

ฉันจะนอนโซฟาให้แล้วกัน” เมื่อร่างบางก้าวเข้ามาในห้องพัก คิบอมก็พูดขึ้นก่อนจะโยนกระเป๋าของตัวเองไปไว้บนโซฟาเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่กลางห้อง ตาสวยมองเลยไปยังเตียงเดี่ยวแล้วเลือกที่จะไม่ต่อปากต่อคำ คิมคิบอม คงรังเกียจลีฮยอกแจ
ฉันคงใช้ห้องนี้แค่อาบน้ำเท่านั้น นายนอนเตียงเถอะ” หากแต่หัวใจบังคับไม่ได้ ยังไงฮยอกแจก็ยังอดห่วงคิบอมไม่ได้ ตัวก็สูงขนาดนั้นจะไปนอนขดอยู่บนโซฟาได้ยังไง
ตามใจแล้วกัน” คิบอมพูดกลับมาก่อนจะหุนหันเดินออกไป ปล่อยให้ใครอีกคนนั่งลงบนเตียงกว้างพร้อมน้ำตาที่ไหลริน
เจ็บไหมฮยอกแจ
ความพยายามของนายมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย
มันไม่สามารถผ่านเข้าไปถึงหัวใจของคนที่นายรักได้เลย
ร่างบอบบางพาตัวเองเข้าไปชำระร่างกายเพื่อเปลี่ยนชุด ก่อนจะกลับออกมาในชุดนอนขาเล็กก้าวออกไปจากห้องเพื่อจะไปนอนห้องของดงเฮ
ก๊อกๆๆ
อ้าวฮยอก” ซองมินเป็นคนมาเปิดประตูพร้อมกับมองตาบวมเป่งของเพื่อนรัก ดงเฮกับเรียวอุคที่เป็นเจ้าของห้องได้ยินชื่อผู้มาเยือนทำให้รีบเผ่นมารับแทบไม่ทัน อ้อมแขนอบอุ่นมากมายทำให้น้ำตาหยดใสต้องไหลลงมาอีกรอบ
ฉันเหนื่อยแล้ว ฉันหยุดทุกอย่างแล้ว” เสียงหวานปนสะอื้นเอ่ยบอก ในขณะที่คนฟังได้แต่นิ่งรับการตัดสินใจนั้น

มากินข้าวได้” ฮันกยองไล่เคาะไปทั่วทุกห้อง ก่อนที่ฮยอกแจจะเดินออกมาจากห้องของดงเฮเป็นคนแรกสภาพอ่อนโรยนั้นทำให้ฮันกยองต้องประคองเอาไว้
ฮยอกหยุดแล้วพี่ฮัน” คำตอบจากเรียวอุคทำให้ฮันกยองงงหนักเข้าไปอีก พออีกคนรักอีกคนเย็นชา พออีกคนเริ่มรักอีกคนกลับเหนื่อยเกินไปที่จะรอ
จะมีอะไรวุ่นกว่าเรื่องของหัวใจอีกไหมเนี่ย

มากินบาร์บีคิวกันเถอะ” อีทึกส่งเสียงเรียกร่าเริงแต่พอมองหน้าของอีกหกคนที่เดินมากลับตีหน้ายุ่ง
พวกมันไปเครียดอะไรกันมา
พี่ผมมีเรื่องจะบอก” เป็นซองมินที่เดินเข้าไปกระซิบบอก พอลีดเดอร์คนสวยรู้เท่านั้นก็ถึงกับกุมขมับทันที
ว่าแต่คิบอมไปไหนเนี่ย” ฮีชอลส่งเสียงถามขึ้นมา เพราะห่วงน้องชายหากแต่คนฟังอย่างฮยอกแจกลับร้องไห้ออกมาอย่างอ่อนแอ
ไม่ร้องนะฮยอก พอแล้ว” ดงเฮรีบดึงเพื่อนเข้ามากอดแทบไม่ทัน
ทำไมมันถึงได้ยากขนาดนี้นะ” เสียงหวานพูดออกมาแผ่วเบามือเล็กปาดน้ำตาออกจากใบหน้าเงียบๆ คนอื่นๆที่รู้เรื่องแล้วได้แต่กระจายตัวเพื่อบอกให้ครบทั้งวง และก็มีปฏิกิริยาตอบรับไม่ต่างกันคือกุมขมับไปตามๆกัน ฮีชอลก็เป็นอีกคนที่พลั้งปากออกไปตอนนี้เลยนั่งตบปากตัวเองเป็นการลงโทษ
ฮยอกแจ ไปตามคิบอมให้หน่อยสิ” คังอินที่เงียบไปนานเพราะเกิดเปลี่ยนแผนกะทันหันสั่งขึ้นมา เล่นเอาน้องๆในวงมองค้อนอย่างไม่พอใจทันที
ผมไปเองดีกว่า” ซีวอนรับอาสาแต่กลับถูกคังอินจับเอาไว้
ฮยอกแจ พี่วานหน่อยไม่ได้เหรอ” คังอินย้ำออกมาอีกครั้ง ร่างบอบบางลุกขึ้นยืนก่อนจะโบกมือให้เพื่อนเชิงไม่เป็นไร
ถ้าจะเจ็บก็คงจะต้องเจ็บให้ถึงที่สุด” ประโยคสุดท้ายหันมาบอกทำให้ดงเฮกับซองมินได้แต่นั่งอึ้งไป
พี่ทำอะไรของพี่เนี่ย” คยูฮยอนอดไม่ได้จึงหันมาต่อว่าพี่หมีใจร้ายของวง
แกมาว่าฉันทำไมเนี่ย
พี่ก็เห็นอยู่ว่าพี่ฮยอกจะหยุดแล้ว พี่ทำได้ยังไง” เรียวอุคอีกคนที่สวนกลับมา
อะไรของพวกแก
พี่น่ะใจร้าย” สองลีประสานเสียงขึ้นมาพร้อมกัน
คิบอมรักฮยอกแจ” คังอินบอกออกไป
แล้วไง พี่น่ะ ห๊า!!!” ดงเฮที่เถียงออกมาร้องเสียงดังลั่น
คิบอมมันรักฮยอกแจ” คราวนี้กลายเป็นทุกคนประสานเสียงขึ้นมาพร้อมกันก่อนที่คนขี้โวยวายทั้งสี่คนจะยิ้มเจื่อนกลับมาให้
แล้วก็ไม่บอกตั้งแต่ต้น” พร้อมกับอ้อมแอ้มพูดออกมา

คิบอม” ฮยอกแจเรียกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า คิบอมเพียงแค่หันกลับมามองก่อนจะมองไปยังทะเลเหมือนเดิม
พี่คังอินให้มาตามไปกินข้าว” ฮยอกแจบอกถึงจุดประสงค์ของตัวเองทันที
ทำไมไม่ให้พี่คังอินมาตามเอง” คำพูดของคิบอมกรีดลึกลงมาในหัวใจบอบช้ำ ตอนแรกที่ว่าจะไม่ร้องไห้ให้คิบอมเห็นจะเก็บคำว่ารักไว้กับตัวเองไปจนตาย ก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาแต่ก็เลือกที่จะก้มหน้าปล่อยน้ำตาซึมหายไปกับผืนทราย
คิมคิบอมหัวใจของนายก็เหมือนผืนทราย
เติมเท่าไหร่มันก็ไม่เคยเต็มเลย
พี่คังอินไม่ว่างน่ะ ฉันเลยมาตามแทน” ร่างบางควบคุมเสียงไม่ให้สั่นแล้วออกปากพูดไป คิบอมชำเลืองมองทางหางตาเล็กน้อยก่อนจะเดินเฉียดไหล่บางกลับไปทางเดิม มือเล็กยกขึ้นมากลั้นเสียงสะอื้นของตัวเองก่อนจะทรุดลงไปนั่งบนพื้นทราย
ฉันเคยมีตัวตนในสายตาของนายบ้างไหม คิมคิบอม

อ้าวคิบอมแล้วฮยอกแจล่ะ” เสียงทักของฮันกยองทำให้ร่างสูงหันกลับไปมองเบื้องหลังที่ว่างเปล่า เขาคิดว่าฮยอกแจจะเดินตามเขามาแต่เปล่าเลย ไม่มีแม้แต่รอยเท้าของคนที่เดิมตามมา
ฉันให้ฮยอกไปตามแกไม่เจอเหรอ” คังอินถามขึ้นอีกครั้งมองเลยไปด้านหลัง
เจอครับ” คิบอมตอบออกไป หากแต่หัวใจกลับเป็นห่วงคนตัวเล็กจับใจ
แล้วฮยอกแจไปไหนซะล่ะ” อีทึกถามอีกครั้ง
ผมไม่ทราบ” คำตอบแสนเย็นชานั้นทำให้แฝดลีสองคนผุดลุกขึ้นยืนอย่างโกรธจัด
เสียแรงจริงๆที่ฮยอกแจรักแก” คำพูดแรกของซองมินกระตุ้นให้คิบอมหันไปมองได้ไม่ยากนัก
พี่หมายความว่าไง
แกมันฉลาดได้ทุกเรื่องยกเว้นเรื่องหัวใจ” ดงเฮด่ากลับมาทำท่าจะวิ่งออกไปตามเพื่อนรัก แต่คิบอม กลับวิ่งตัดหน้าออกไป แต่ยังไงดงเฮก็ยังดึงดันที่จะไปอยู่ดี นั่นทำให้เมมเบอร์คนอื่นๆตามไปพร้อมกัน
คิบอมที่เดินกลับไปทางเดิมมองซ้ายขวาอย่างร้อนใจ ฮยอกแจหายไปไหน ตาคมมองตามรอยเท้าเล็กไปริมหาดและเลือกที่จะเดินตามรอยเท้านั้นไป ภาพตรงหน้าทำให้เขาปวดใจอย่างบอกไม่ถูกร่างเล็กของฮยอกแจกอดเข่าอยู่บนก้อนหินใหญ่ลมแรงพัดเข้ามาใส่จนต้องห่อตัวเข้าหากันอย่างหนาวเหน็บ น้ำตาหยดใสไหลออกมาไม่ขาดสาย คิบอมไม่รอช้าก้าวเข้าไปหาแทบจะทันที
นายร้องไห้ทำไม” อยากจะพูดให้ดีกว่านี้แต่ก็ทำได้แค่นี้ ฮยอกแจรีบเช็ดน้ำตาหันกลับมายิ้มให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
คิบอม มานี่ได้ไง” ถามกลับอย่างร่าเริงก่อนที่คิบอมจะเข้าไปอุ้มร่างเล็กลงมาจากหินก้อนนั้น ฮยอกแจตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนยอมยืนนิ่งๆอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นที่โหยหามาตลอด
นายยังไม่ตอบคำถามฉันเลย” เสียงอบอุ่นส่งกลับมาพร้อมกับมือแกร่งที่ลูบศรีษะเล็กอย่างปลอบโยน ดงเฮที่วิ่งตามมาถึงเป็นคนแรกเบรกจนตัวโก่งแต่ชินดงที่กลิ้งตามมาติดๆกลับเบรกไม่อยู่ล้มทับจนดงเฮลงไปแบนติดกับทราย คนอื่นๆที่ตามมาพากันกลั้นขำแล้วลากเมมเบอร์อีกสองคนไปแอบไว้หลังต้นไม้ริมหาด
พอดี ลมมันแรงน่ะฉันเลยแสบตา” ฮยอกแจตอบออกไป ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาราวกับไม่เจ็บปวดใดๆ
เลิกโกหกฉันซักทีได้ไหมฮยอกแจ” คิบอมเองก็ดูเหมือนว่าความอดทนจะหมดลง เสียงทุ้มตวาดลั่นจนร่างน้อยในอ้อมกอดสะดุ้งเฮือก ก่อนที่ร่างสูงจะระบายลมหายใจออกมาแล้วกดใบหน้าหวานแนบมากับอกของตัวเอง
อย่าทำแบบนี้เลยคิบอม
“…”
นายไม่รู้เหรอไง ว่าที่นายทำแบบนี้มันทำให้ฉันคิดเข้าข้างตัวเอง ฮึก
“…”
ฉันเจ็บมากเลย อย่าใจดีกับฉันอีกเลย” คนตัวเล็กพูดต่อก่อนจะพยายามดันอกแกร่งออกห่าง แต่คิบอมยิ่งรัดแน่นขึ้นไปอีก
นายนี่มันเป็นไก่ซื่อบื้อจริงๆ” เสียงบ่นดังออกมา แต่ฮยอกแจกลับช้อนตาขึ้นมามองอย่างไม่เข้าใจ มือแกร่งปาดน้ำตาออกให้อย่างอ่อนโยนพร้อมเรียวปากได้รูปที่กดทับลงมาบนริมฝีปากอิ่มอย่างนุ่มนวล ลิ้นร้อนเกี่ยวพันกันเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกที่มี
อื้อ” เสียงครางหวานทำให้คิบอมละออกมาอย่างอ้อยอิ่ง เรียวปากได้รูปยังคงคลอเคลียอยู่บนริมฝีปากบวมเจ่อนั้น
ฉันจะพูดเรื่องไหนก่อนดีล่ะเนี่ย” คิบอมพูดขึ้นราวกับไม่รู้ว่าตัวเองจะพูดอะไร ใบหน้าหวานแดงก่ำจนคนมองอดไม่ได้ที่จะกดจมูกลงไปบนนั้น เหล่ากองเชียร์พากันปิดปากอย่างอายแทนเต็มที่แต่ตาของแต่ละคนกลับยิ่งเบิกโตขึ้นเพื่อมองให้ถนัดๆ
ฮึก” เสียงสะอื้นทำให้คิบอมดึงคนตรงหน้าเข้ามากอดอีกครั้ง
เลิกร้องไห้ได้แล้วเด็กโง่” เสียงนุ่มเอ่ยบอกพร้อมจูบซับที่ขมับเล็ก
ฉันโตกว่านายอีกนะ” แม้จะร้องไห้แต่ก็ยังเถียง คิบอมหัวเราะเล็กน้อยกับนิสัยเด็กๆนั้น
ฉันรักนายนะฮยอกแจ” เสียงนุ่มพูดขึ้นอย่างจริงจัง ตากลมเงยขึ้นมามองอีกคนอย่างไม่อยากจะเชื่อ น้ำตาไหลออกมามากขึ้นด้วยความดีใจ
ฉันก็รักคิบอม รักมาก” ฮยอกแจบอกออกมาแล้วโผเข้ากอดอีกฝ่ายเอาไว้ทันที ปล่อยให้น้ำตาแห่งความยินดีไหลลงมาจนเปียกเสื้อของคิบอมไปหมด
ขี้แยจริงๆเลยแฟนใครเนี่ย” คิบอมพูดขึ้นพร้อมกับขยี้ผมนิ่มอย่างหมั่นเขี้ยว
แฟนคิบอมนั่นแหละ” ตอบเองก็เขินเองเพราะไม่คิดว่าจะได้มีวันนี้ วันที่ผืนทรายอย่างคิบอมถูกเติมเต็ม
ฉันจะพูดรอบเดียวนะ และนายต้องตั้งใจฟัง” คิบอมพูดขึ้นอีกครั้ง ฮยอกแจพยักหน้ารับไม่ใช่เพียงแค่ฮยอกแจเท่านั้นที่ตั้งใจฟัง กองเชียร์มากมายก็ตั้งใจฟังด้วยเช่นกัน
ที่ฉันไม่ให้นายแกะปลาตอนนั้นเพราะว่าฉันไม่อยากให้นายต้องลำบาก ฉันอยากให้นายกินข้าวไปตามสบาย แค่นี้นายก็ผอมจะแย่แล้ว ที่ฉันตามนายออกมาแล้วบอกว่าจะไปส่งเพราะว่าฉันไม่อยากให้นายเดินทางไปเองคนเดียว จริงๆวันนั้นฉันมีงานตอนเย็น ที่ฉันคว้านายเอาไว้ตอนที่เราอยู่บนมินิบัสกันไม่ใช่เพราะว่าฉันอยู่ใกล้ ถ้านายสังเกตดีๆตอนแรกฉันนั่งอยู่ริมหน้าต่างแล้วเป็นพี่ฮีชอลที่นั่งริมทางเดินแต่พอเห็นนายเซไปข้างหน้าฉันรีบลุกขึ้นมาคว้านายเอาไว้ก่อนจะดันพี่ฮีชอลเข้าไปข้างใน
“…” ฮยอกแจมองคนพูดตาปริบๆ
ที่ฉันไม่อยากนอนห้องเดียวกับนาย เพราะฉันกลัว กลัวว่าฉันจะเผลอไปทำอะไรนายเข้าแล้วนายจะเกลียดฉัน” พูดจบก็มองหน้าคนฟังอย่างเขินๆ แต่กองเชียร์รีบเก็บข้อมูลกันแทบไม่ทัน
แต่นายใส่ใจเรื่องของพี่ฮีชอล” เสียงหวานแย้งขึ้น คิบอมโคลงศรีษะไปมาก่อนจะตอบ
ที่ฉันบอกนายเพราะฉันกลัวนายจะถูกดุ และเรื่องหมวกไหมพรมฉันก็แค่เขินเลยไม่กล้าบอกนายตรงๆว่ามันเป็นของฉัน” คิบอมตอบออกมาแล้วยิ้มมาให้อย่างอ่อนโยน
แต่นายเคยบอกว่าไม่อยากจูบกับฉันทางอ้อม” เสียงหวานอ้อมแอ้มบอก ยิ่งทำให้คนฟังดูคนน่ารักตรงหน้าอย่างรักมากขึ้นไปอีก
เพราะว่าฉันอยากจูบกับนายจริงๆนี่นา” จบคำตอบก็ยืนยันคำพูดด้วยจูบอ่อนหวานอีกครั้ง
เลิกสงสัยในความรักของฉันได้แล้ว
“…”
ไม่ว่ายังไง คิมคิบอมก็รักลีฮยอกแจคนเดียว

คิบอมมี่” เสียงหวานเอ่ยเรียกคนรักพร้อมกับเดินเข้าไปกอดเอวหนาไว้อย่างออดอ้อน ความรักของคนทั้งคู่ราบรื่นมาโดยตลอดหากไม่ติดที่ว่าคิบอมขี้หึงจนเกินไป
นายไปยืนจับมือกับมินโฮในรายการนั้นทำไม” คิบอมออกปากถามอย่างหงุดหงิด ร่างบางหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะยื่นจมูกไปหอมแก้มป่องๆของคนรัก
ขี้หึงเหมือนกันนะเรา” อีทึกอดไม่ได้ที่จะออกปากแซว
พี่ก็” พูดออกมาแค่นั้นแล้วก็เงียบไป
นี่คิบอม ฉันน่ะแอบรักนายมาตั้งนานนะ อย่าหึงไปเลยน่า
“…”
อย่าสงสัยในความรักของฉันสิ ยังไงฮยอกแจก็เป็นของคิบอมคนเดียว” จบประโยคน่ารักๆคนพูดก็ถูกปิดปากช่างเจรจากลางห้องพักทันที เมมเบอร์คนอื่นๆได้แต่มองกันอย่างชินชา
ไม่น่าให้มันรักกันเลย
ประเจิดประเจ้อตลอดเวลา


THE END!!!