TAINTING
THE PURE DOVE
โดคยองซู...
คุณบรรณารักษ์ห้องสมุดตัวเล็กในสายตาของ
'แบดบอย' อย่างโอเซฮุนคือ...
ต้น
แบบของ 'เด็กดี' ตามคอนเซปต์ของ 'รักเรียนตัวอย่าง'
ที่วันๆ นอกจากจะก้มหน้าก้มตาตั้งใจเรียน
เวลาว่างก็หาเวลามาช่วยงานอาจารย์จนได้หน้าที่บรรณารักษ์ห้องสมุด
(ที่ถึงจะไม่ค่อยมีใครสนใจจะหาโอกาสไปใช้บริการ)
แต่เจ้าตัวก็ทำหน้าที่ได้ดีแบบไม่มีข้อบกพร่อง
จนกลับบ้านค่ำมืดดึกดื่นแบบทุกวัน
แน่นอนว่าเซฮุนไม่ได้เกลียดอะไรคยองซูหรอก...
แต่ไม่เกลียดก็ไม่ได้แปลว่าชอบนี่นะ
"ฮึก... ไม่... ไม่เอา... อื๊อ..."
เสียง
สะอื้นดังอู้อี้ดังระงมจากริมฝีปากเล็กๆ
ซึ่งถูกประกบป้องเอาไว้ด้วยฝ่ามือใหญ่ของเด็กหนุ่มร่างสูงในชุดนักเรียนหลุด ลุ่ย
ไม่มีโอกาสเล็ดลอดออกไปจากห้องสมุดหลังโรงเรียนในเวลาใกล้สองทุ่มเต็มทีที่
ดูเหมือนจะไม่มีใครเหยียบย่างเข้ามาแม้แต่คุณลุงภารโรง
"นี่ อยู่นิ่งๆ ไม่เป็นเหรอ"
เสียง
ทุ้มที่อบอวลด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์สาดพ่นใส่ดวงหน้าอ่อนเยาว์อย่างรำคาญ
ดวงหน้าหวานหล่อเหลาของโอเซฮุน...
ลูกชายคนเล็กของนายตำรวจระดับสูงที่ได้ชื่อว่าถูกตามใจตั้งแต่เด็กจนเข้า
ข่ายใกล้เสียคนเต็มทีก้มลงแตะหน้าผากกับหน้าผากของร่างเล็กๆ ของบรรณารักษ์ตัวน้อยที่ได้ชื่อว่า...
ทั้ง 'ใสซื่อ' และ 'น่ารัก' จนชวนให้เซฮุนหมั่นไส้อยู่บ่อยๆ ซึ่งเขากดเอาไว้กับหน้าตักของตัวเอง
พลางเพิ่มแรงกดที่ปลายนิ้วจนผิวหน้าขาวกลายเป็นรอยแดงช้ำ
"ไม่เอาน่า อย่าดื้อสิ อุตส่าห์จะช่วยเพิ่มสีสันชีวิตให้ วันๆ
เอาแต่ใส่แวนหนาๆ ขลุกอยู่ในห้องสมุด ก้มๆ เงยๆ อยู่กับหนังสืองี่เง่าพวกนี้
น่าเบื่อตายเลย" ถึงน้ำเสียงกลั้วหัวเราะในลำคอจะบ่งบอกอาการมึนเมา
แต่ท่อนแขนอีกข้างของโอเซฮุนก็กดรั้งหัวไหล่เล็กของบรรณารักษ์คนเก่งประจำ
ห้องสมุดกลางเอาไว้ไม่ให้ดิ้นสะบัดหลุดออกจากพันธนาการได้อย่างมั่นคง
ยิ่งเห็นว่าหน่วยตากลมโตเริ่มปรากฏน้ำใสๆ
ขึ้นคลอเลี้ยง โอเซฮุนก็ยิ่งรู้สึก 'สนุก' ความ
เอาแต่ใจที่หล่อเลี้ยงตัวตนของคุณชายตัวสูงมาตั้งแต่เล็กจนโตยิ่งเป็นราวกับ
เสียงกระซิบที่บอกเซฮุนว่า... ยิ่งของที่บริสุทธิ์เหมือนผ้าขาว ก็ยิ่งน่าสาดสีใส่ให้เปื้อนสกปรกจนซักไม่ออก
โอเซฮุนแย้มรอย
ยิ้ม... ที่แม้ภายนอกจะดูสวยงามราวกับรอยยิ้มของเทพยดาตัวน้อย
แต่เจตนาที่ฉายชัดทางแววตายามเมื่อคนตัวบางช้อนหน่วยตาเรียวขึ้นสบตากับร่าง
หนาแต่ด้อยส่วนสูงกว่าของเพื่อน... คู่หู? คู่นอน? คู่... อะไรซักอย่างซึ่งเขาเองก็ยังหาจำกัดความไม่ได้ ที่กำลังใช้ฝ่ามือกร้านๆ
ของมันกดตรึงข้อเท้าทั้งสองข้างของบรรณารักษ์ตัวเล็กเอาไว้
"ล็อกประตูแล้วดีแล้วใช่มั้ย"
คนตัวสูงเอ่ยถามในขณะที่กดริมฝีปากลงกับกกหูของร่างที่ทั้งพยายามดิ้นทั้ง
สะบัดหน้าหนีเมื่อปลายลิ้นของเซฮุนค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปในช่องรูหู เรียกเสียงหัวเราะหึๆ
จากคนผิวคล้ำกว่าที่ตอนนี้เปลี่ยนไปใช้หน้าขากดส่วนล่างของ 'เหยื่อ'
ตัวน้อยเอาไว้
แล้วสอดมือเข้าไปในสาบเสื้อนักเรียนสีขาวก่อนลากไส้สัมผัสผิวกายนุ่มนิ่ม
ด้านในอย่างนึกสนุก
"โหยมึง จะสองทุ่มเข้าไปแล้ว ถึงไม่ล็อกก็ไม่มีใครถ่อสังขารมาห้องสมุดร้างๆ
นี่หรอก"
ยิ่งเสียงอู้อี้ที่พยายามจะร้องวิงวอนขอความเห็นใจปะปนกับเสียงสะอื้นอย่างน่า
สงสารของบรรณารักษ์ตัวเล็กที่ตอนนี้ดูเหมือนจะถอดใจเลิกต่อต้านไปแล้ว
แต่ก็ยังอุตส่าห์พยายามกระถดถอยกายให้ห่างจากฝ่ามือกร้านที่ยังเริ่มการบีบ
เค้นผิวกายใต้ร่มผ้าของเขาอย่างสนุกมือ
"อื้อ... อื๊อ......."
ถึงใบหน้าน่ารักของคุณบรรณารักษ์เด็กดีจะเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลรินเป็นทาง
แต่เซฮุนก็ไม่ได้รู้สึกสงสารหรือเห็นใจสักนิด ตรงข้าม...
เด็กหนุ่มกลับรู้สึกตลกจนอยากหัวเราะออกมาดังๆ เมื่อร่างเล็กๆ
ที่เขาตรึงแน่นเอาไว้กับตักของตัวเองสะดุ้งจนตัวโยนในทันทีที่เสื้อเชิ้ตขาว
ถูกกระชากจนกระดุมขาดวิ่น...เผยแผ่นอกขาวโพลนไล่ลงจนถึงหัวกางเกงที่ตอนนี้
กลายเป็นเป้าหมายใหม่ของไอ้คุณชายลูกนักการเมืองชื่อดัง แต่สันดานแม่งไม่ได้ดีเหมือนที่ควรจะเป็นเลยสักนิด
โอเซฮุนนึกวิจารณ์เพื่อนสนิทที่ได้ชื่อว่าเป็นเหมือนอีกครึ่งหนึ่งของตัว
เองอย่างไม่ได้ยี่หระอะไรนัก เพราะถึงไอ้จงอินมันจะเหี้ยยังไง...
อย่างน้อยพวกเขาสองคนก็ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานานจนแค่มองตาก็รู้ความคิดในใจ
อีกฝ่ายก็แล้วกัน
แล้วมือเร็ว
แค่ไม่ถึงเสี้ยววินาทีก็เล่นจนกางเกงหลุดออกไปจากข้อเท้าแล้วแบบนี้
แม่งกะกินก่อนแล้วให้เขาตามเล็มเศษเหลือตามสันดานโปรดปรานเด็กซิงๆ
อีกแน่
แต่เซฮุนก็ไม่คิดจะบ่นหรอกนะ
เพราะไม่ว่าจะกินก่อนหรือกินหลัง...
เขาก็มีโอกาสได้สัมผัสเสี้ยววินาทีที่ตุ๊กตากระเบื้องถูกทำลายจนแตกสลายลงกับมือได้เหมือนกัน
ยิ่งแผ่นอกบางๆ
กระเพื่อมขึ้นลงเหมือนหายใจไม่ออกเพราะไอ้เพือนเวรของเขามันไม่ใจดีพอจะช่วย
ปรนเปรอให้คุณบรรณารักษ์คนดีมีโอกาสได้ผ่อนคลายความตื่นกลัว
ปลายนิ้วกร้านสอดลึกเข้าไปยังช่องทางเบื้องหลังอย่างไม่ปราณีปราศรัย
เรียกเสียงกรีดร้องและแรงดิ้นอย่างบ้าคลั่งจากคนตัวเล็กที่ตอนนี้คงเจ็บปวด
จนแทบบ้า
แต่มันก็แค่ทำให้เซฮุนรำคาญ
เด็กหนุ่มได้แต่ส่ายหน้าหน่ายๆ
ก่อนยกมือขึ้นจากกลีบปากอิ่มแล้วยัดผ้าเช็ดหน้าของตัวเองเข้าไปอุดเอาไว้แทน
แล้วตวัดสอดเข้าไปล็อกช่วงรักแร้ของร่างเปลือยเปล่าที่เหลือเพียงเสื้อเชิ้ต
ขาวหลุดลุ่ยเอาไว้อย่างใจเย็น
"เชี่ย โคตรแน่น"
ไอ้เวรจงอินบ่นแบบนั้นก็จริง
แต่รอยยิ้มเหี้ยมกลับระบายกระตุกข้างมุมปาก บอกให้เซฮุนรู้ว่า... ในใจคงพอใจเหี้ยๆ
เพราะ
แทนที่จะถอนมือออกมาแล้วไปหาเครื่องมือทุ่นแรงที่มันพกติดตัวไว้ใช้ยามจำ
เป็นเสมอในกระเป๋ามาช่วยหล่อลื่น แม่งกลับจงใจเพิ่มนิ้วสอดเข้าไปทั้งอย่างนั้น
ถึงจะโหดร้ายกับ
'เหยื่อ' แค่ไหน
แต่เซฮุนก็รู้ดีว่ามันเขาคงช่วยอะไรไม่ได้
ของแบบนี้มันอยู่ที่ความพึงพอใจที่กลายเป็นรสนิยมของเพื่อนคู่หูไปแล้ว
โอ
เซฮุนเอาหัวเป็นประกันได้เลยว่า... ถ้าแม่งไม่ได้ชื่อพ่อค้ำคอเอาไว้ ป่านนี้ไอ้เพื่อนสนิทของเขาอาจได้เข้าไปนอนกินข้าวแดงในคุกให้บันเทิงใจเล่น
เหมือนชาวบ้านบ้างแล้ว
"อื๊อ...อื๊อ!!!"
เสียงกรีด
ร้องร่ำไห้ที่ดังอู้อี้ออกมาจากปากที่ถูกอุดเอาไว้ของคุณบรรณารักษ์ตัวเล็ก
ที่เซฮุนจำได้ว่ามักจะมีรอยยิ้มสว่างไสวระบายบนใบหน้าจนเขานึก 'หมั่นไส้'
อยู่เสมอๆ
เรียกสันดานดิบที่หลับไหลอยู่ใต้ดวงหน้าเรียบเฉยของคุณชายโอให้ตื่นขึ้นมาในฉับพลันแม้แขนทั้งสองข้างจะยังตรึงร่างเบื้องล่างเอาไว้
แต่ปลายนิ้วเพรียวยาวของเซฮุนก็ยังสามารถลากไล้ไปสัมผัสยอกอกอ่อนนุ่มก่อน
ใช้ปลายเล็บจิกลงไปอย่างมันเขี้ยว
ดวงตากลมๆ
ของคุณบรรณารักษ์เหลือกโพลง
แต่เซฮุนก็ไม่แน่ใจหรอกว่าเส้นเลือดที่ปูดขึ้นข้างหน้าผากของ 'เหยื่อตัวน้อย'
น่ะมาจากฝีมือเขาหรือไอ้เพื่อนชั่วที่ตอนนี้ละมือไปสอดเข้าในหัวกางเกงแล้ว
พยายาม 'ปลุก' ความต้องการของมันให้พร้อมทำงานอย่างเร่งร้อนกันแน่
"นี่มึงจะเข้าไปทั้งอย่างงั้นเรอะ"
"อันสุดท้ายใช้กับมึงไปอ่ะ"
ถ้า
เป็นคนอื่นอาจจะตีความ 'สาร' ของเซฮุนผิด... แต่เพราะเป็นคิมจงอิน
มันเลยแค่หันมายักคิ้วตอบอย่างไม่ยี่หระ
ในแบบที่ปลุกความทรงจำให้คุณชายโอระลึกขึ้นได้ในทันทีว่า 'บทรัก'
กับไอ้ห่านี่ก่อนหน้านี้หนึ่งวันมันบัดซบแค่ไหน
"กับเด็กนี่ไม่ต้องใส่หร๊อก... กูมั่นใจว่าแม่งไม่เคยโดนใครเอา"
คำพูดไร้สมองของมันทำเอาเซฮุนได้แต่ส่ายหน้าหน่ายๆ
มองไอ้เพื่อนเวรที่ตอนนี้ปลดกางเกงของตัวเองลงอย่างช่ำชองราวสมองสนใจอยู่
เรื่องเดียว
จนไม่มีแก่ใจจะแคร์ความหวาดกลัวที่ฉายชัดออกมาทางใบหน้าของคุณบรรณารักษ์ตัว
เล็กที่ตอนนี้เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุดทั้งที่ปากถูกอุดเอาไว้อย่างนั้นเลยสัก นิด
แต่เซฮุนก็ไม่ใจดีพอจะเตือนหรือห้ามมันหรอก
เขาโอเคแล้วกับการเฝ้ามองดวงตากลมโตค่อยๆ กดปิดลง...
จนสุดท้ายก็กลายเป็นหลับตาปี๋ในตอนที่มือกร้านๆ ของจงอินมันแหวกเรียวขาเล็กๆ
ออกกว้าง
แล้วเริ่มกดส่วนปลายของความต้องการที่ตื่นจนเต็มตัวเข้าไปตรงปากทางอ่อนนุ่ม
"อี๊อ......!!!"
อาจ
จะเพราะปลายนิ้วเล็กๆ
ของคุณบรรณารักษ์ทั้งจิกทั้งทึ้งราวกับพยายามระบายความเจ็บปวดลงไปบนขา
กางเกงของเขา
เซฮุนเลยรู้สึกว่าขืนปล่อยให้ไอ้จงอินมันพยายามกดกายเข้าไปทั้งแบบนั้น
คุณบรรณารักษ์อาจจะไม่ไหว... สลบไปโดยที่พาเอากางเกงของเขาเน่าหนอนไปด้วย แล้วเขาจะสนุกได้ยังไงล่ะ?
คุณชายโอส่ายศีรษะพลางก้มหน้าลงลากปลายลิ้นกับกลีบปากที่เผยออ้าเพราะถูกอุดเอา
ไว้ของคยองซูก่อนวาดปลายนิ้วค่อยๆ
ไล่สัมผัสจากส่วนโคนของความต้องการของเหยื่อตัวเล็กเพื่อช่วยให้อีกฝ่าย ค่อยๆ
ผ่อนคลายอย่างไม่รู้ตัว
ถึงเซฮุนจะไม่ใช่คนใจดี
แต่เขาก็ไม่บ้าดีเดือดพอจะ 'ทำลาย' คนที่เคยมองหน้าแล้วยิ้มให้กันแบบไร้จิตสำนึกแบบที่ไอ้จงอินมันชอบทำหรอกแล้ว
ก็ดูเหมือนจะเป็นเพราะ 'ความใจอ่อน' ของเซฮุนล้วนๆ
ที่ช่วยให้ไอ้คนที่พยายามแทรกกายเข้าไปในช่องทางที่ทั้งคับแคบและบีบแน่น
ซึ่งมาจากความตื่นกลัวบวกกับประสบการณ์อันน้อยนิดของคุณบรรณารักษ์สามารถกด
กายเข้าไปจนมิดได้ในที่สุด
ปลายนิ้วเพรียวยาวเพิ่มความ
รุนแรงในการสัมผัสเพื่อให้ร่างเบื้องล่าง 'ไปให้ถึง' ก่อนที่ไอ้เพื่อนเวรของเขาจะเพิ่มแรงกระแทกเข้าออกอย่างหนักหน่วงจนร่างเล็ก
สั่นคลอนไปทั้งตัวถึงจะรู้ว่าตอนนี้หยาดเลือดสีแดงสดเริ่มไหลซึมลงมาตาม
แนวต้นขาแต่เซฮุนก็รู้ว่า... จะให้ไอ้จงอินมันหยุดมือตอนนี้น่ะเหรอ
ไปหลับแล้วฝันเอาน่าจะดีกว่า
ริมฝีปากสีอ่อนกระตุกรอยยิ้ม
มุมปากเมื่อของเหลวหนืดเหนอะฉีดพ่นออกมาจากกายส่วนหน้าของร่างที่กระตุกสั่น
เพราะผ่านการปลุกเร้าจากมือของเขาเซฮุนวาดฝ่ามือที่เปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดหยดสีขาวกลับมาแลบปลายลิ้นเลียไล่ไปตามแนวปลายนิ้ว
เด็กหนุ่มยักไหล่เล็กน้อย
แม้จะรู้สึกถึงดวงตาที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำที่ยังคงไหลรินของคยองซูจับ
จ้องอยู่ที่ใบหน้าของตัวเอง แต่เซฮุนก็ผละมือจากผิวกายขาวที่ตอนนี้แดงช้ำเป็นปื้นของบรรณารักษ์ตัวเล็ก
แล้วผละลุกออกไปยืนกอดอกเอนหลังพิงชั้นหนังสือด้วยท่วงท่าไม่ต่างอะไรกับนาย
แบบตามแคทวอล์ก
เขาจำได้ว่าเฝ้ามองไอ้เพื่อนเวรกระแทกสะโพกเข้าออกร่างเล็กๆ
ที่ในตอนนี้ไร้เรี่ยวแรงต่อต้านอยู่อีกพักใหญ่
จนกระทั่งมันได้ลดปล่อยความอัดอั้นทั้งหมดออกมานั่นแหละ
เซฮุนถึงสาวเท้าเข้าไปผลักร่างสมส่วนที่เพิ่งจะจัดแจงรูดซิบกางเกงตัว
เองอย่างทุลักทุเลออกห่างจนมันแทบหน้าทิ่มทั้งๆ
ที่มันก็ไม่ได้ยืนชิดร่างที่นอนหายใจรวยรินของคุณบรรณารักษ์ที่ตอนนี้ดู
ยั่วยวนอย่างไม่น่าเชื่อนัก... เซฮุนก็แค่ 'หมั่นไส้' อยากให้แม่งเจ็บตัวบ้างเท่านั้น
"เชี่ยฮุน ทำบ้าไรวะ!"
ไอ้เวรคิมจงอินส่งเสียงโวยวาย
แต่สุดท้ายก็ยักไหล่เนือยๆ
เมื่อใบหน้าหวานหล่อเหลาของเพื่อนคู่หูตวัดไปแค่นเสียงไม่ดังนัก
"ถึงคิวกูแล้ว"
เซฮุนไม่รู้หรอกว่าแววตาเลื่อนลอยที่ยังเปียกชื้นด้วยหยาดน้ำตาของคุณบรรณารักษ์ตัวเล็กล่องลอยไหนแล้ว
แต่เขาจะถือว่าคยองซูกำลังมองเขาอยู่ก็แล้วกันถึงจะบอกไอ้จงอินไปว่า 'ถึงคิวเขาแล้ว'
แต่เอาเข้าจริง...
สภาพร่างเปลือยเปล่าที่ยังคงสั่นระริกประดับด้วยรอยช้ำเป็นจ้ำกับหยาดเลือด
สีแดงสดหยดพาดผ่านซอกขาด้านใน... ก็ทำให้เซฮุนหมดอารมณ์
มือบางผอมค่อยๆ
ดึงเอาผ้าเช็ดหน้ายับย่นออกมาจากปากของคุณบรรณารักษ์ในขณะที่ฝ่ามืออีกข้างก็ประคองข้างแก้มไว้อย่างนุ่มนวลเซฮุนไม่ใช่คนอ่อนโยน
ที่สำคัญเขาไม่ใช่คนใจดี... โอเซฮุนก็แค่ไม่อยากทิ้ง 'คนไม่มีทางสู้'
เอาไว้ในสภาพแบบนี้
ถึง
สภาพของผ้าจะค่อนข้างแย่ แต่เซฮุนก็ตัดสินใจใช้มันค่อยๆ เช็ด 'หยาดเลือด'
และของเหลวสีขุ่นที่ไอ้เพื่อนเวรของเขาปล่อยทิ้งเอาไว้ออกจากซอกขาและร่าง
กายด้านหลังของบรรณารักษ์ตัวเล็กอย่างแผ่วเบาดวงตาเหม่อลอยยังคงจับ
จ้องอยู่ที่ใบหน้าของเขาในตอนที่เซฮุนค่อยๆ
ช้อนร่างที่เขาเพิ่งจัดแจงใส่เสื้อผ้ากลับเข้าที่ให้อย่างลวกๆ ขึ้นมาอุ้มเอาไว้
โดยไม่สนใจสายตาตั้งคำถามแถมรำคาญของไอ้เพื่อนตัวดำที่ตอนนี้แม่งชิ่งหมุน
ตัวเดินออกไปแล้วด้วยความรำคาญตามประสาพวกสันดานเสีย...
ชอบเล่นสนุกแล้วทิ้งเศษขยะเอาไว้ให้เขาตามล้างตามเช็ดเหมือนทุกครั้ง
ถึงจะดูเหมือนสติหลุดลอยไปแล้ว
แต่เซฮุนก็จับสังเกตได้ว่าสติรับรู้ของอีกฝ่ายยังคงชัดเจน เพราะร่างเล็กๆ
สะดุ้งเฮือกในทันทีที่เขาโน้มใบหน้าลงกระซิบถามข้างผิวแก้มนุ่ม
"หอนายอยู่หลังโรงเรียนใช่มั้ย ให้ฉันไปส่งนะ"
โอเซฮุนไม่แน่ใจว่ารอยยิ้มจะระบายเหนือริมฝีปากของเขาทำไม...
แต่ที่แน่ๆ อยู่ดีๆ
ภายในอกก็ร้อนวูบขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผลเมื่อดวงหน้าอ่อนเยาว์ของคนในอ้อมแข ค่อยๆ
พยักหน้าช้าๆร่างสูงโปร่งประคับประคองคุณบรรณารักษ์ตัวน้อยอ่านประตูห้องสมุดออกไปโดยที่ไม่ลืมปิดไฟดวงสุดท้ายให้มืดสนิทลง
เพียงแต่...
ในตอนนั้นโอเซฮุนคงไม่มีโอกาสได้รับรู้หรอกว่า...กล้องวีดีโอที่จับภาพทุกการกระทำของพวกเขาในห้องนั้นมาตลอดตั้งแต่วินาทีแรกที่เซ
ฮุนกับจงอินก้าวเข้ามา... ก็หยุดการทำงานลงด้วยเช่นกัน
ถึงแม้จะได้ชื่อว่า
'ไม่รู้จักความรัก' และ 'ไม่เคยรักใคร'
แต่...
ตั้งแต่คืนนั้น หัวใจของโอเซฮุนก็อ่อนยวบทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าเศร้าๆ
ของคุณบรรณารักษ์ใบหน้าซึ่งปราศจากรอยยิ้มเหมือนที่เคยมี ใบหน้าที่ประดับเพียงแววตาเหงาเศร้าและตื่นกลัวทุกครั้งที่ใครสักคนเขยิบกายเข้าใกล้
ก็ทำให้เซฮุนอยากกอดโดคยองซูเอาไว้ แล้วพยายามปลอบประโลมว่า 'ไม่เป็นไรนะ
เดี๋ยวทุกอย่างจะดีขึ้น' แต่คนตัวเล็กก็สะดุ้งเฮือกจนตัวโยนทุกครั้งที่เขาก้าวเข้าไปตวัดแขนโอบกอดจากเบื้องหลัง
"ไม่ตกใจซักครั้งได้ปะ"
เซฮุนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะหัวเราะไปทำไม
แต่เด็กหนุ่มก็รู้สึกดีจนไม่อยากปล่อยคนตัวเล็กกว่าที่พยายามขืนตัวออกจากอ้อมแขนให้เป็นอิสระริมฝีปากสีอ่อนแตะลงที่ผิวแก้มนุ่ม
แล้วส่งเสียงกระซิบแผ่วเบา
"ขออยู่แบบนี้ซักพักนะ"
แม้เสียงของคยองซูจะเบามาก...
แต่เซฮุนก็มั่นใจว่าเขาได้ยินคำตอบรับ
'อื้อ...' เบาๆ จากกลีบปากเล็กๆ คู่นั้น
โดคยองซูเป็นคนน่ารัก
ไม่ใช่แค่หน้าตา
แต่ออร่าสว่างไสวรอบตัวก็ทำให้เซฮุนรู้สึกดี ดังนั้น ไม่ว่าอีกฝ่ายจะทำตาโตใส่ด้วยความตกใจบ่อยครั้งแค่ไหน
เซฮุนก็จะแก้ปัญหาด้วยการเดินเข้าไปกอดไว้ให้แน่นขึ้นเท่านั้น แค่ได้อยู่ใกล้ๆ คนๆ
นี้ เซฮุนก็ได้สัมผัสถึง 'ความคาดหวังในชีวิต' ที่มากขึ้นในแต่ละวัน
เขา
เริ่มไม่อยากเป็นฝ่ายกอดคยองซูไว้โดยที่อีกอีกคนไม่ได้คิดไม่ได้แสดงออกถึง
ความต้องการจะอยู่ใกล้ๆ เหมือนกับที่เขารู้สึกอีกต่อไปแล้วเซฮุนเริ่ม
ต้องการให้อีกฝ่ายยิ้มให้เข้าบ้าง... เริ่มต้องการให้คยองซูวาดฝ่ามือเล็กๆ
คู่นั้นขึ้นมากอดตอบ หรือแม้กระทั่งจูบตอบเขาบ้างสักนิดก็ยังดิ
เซฮุนไม่รู้...
ไม่รู้เลยสักนิดว่า 'หัวใจ' ของเขาเริ่มค่อยๆ คืบคลายเข้าสู่วัฏฏะของ...
ความหลงใหลหลงใหลในตัวตน...
หลงใหลในทุกสิ่งทุกอย่างของคุณบรรณารักษ์ตัวเล็กที่เซฮุนกับไอ้เพื่อนเวรเคยช่วยกัน
'ทำร้าย' จนแทบแตกสลายคามือ
แล้วเซฮุนก็ไม่โง่เง่าพอจะเชื่อว่าในโลกนี้จะยังมีมนุษย์หน้าไหนบ้าพอจะ
'รัก' คนที่ข่มขืนตัวเองได้อย่างเต็มหัวใจหรอก
แต่ถึงอย่างนั้น...
ส่วนลึกในใจเขาก็ยังคงหวังอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเสี้ยววินาทีที่มือเล็กๆ
ของคยองซูไม่สะบัด หนีอย่างที่เคยเมื่อฝ่ามือใหญ่กว่าของเซฮุนเคลื่อนเข้าเกาะกุมประสานเอาไว้
ในตอนที่เขาอาสาพาคุณบรรณารักษ์ตัวเล็กเดินไปส่งที่หอพักด้านหลังโรงเรียน
"ขอบคุณที่มาส่ง"
ถึงแม้คยองซูจะก้มหน้าพึมพำเสีงเบาจนแทบจับใจความไม่ได้
แต่ภายในหัวใจของเซฮุนกับร้อนวาบรอยยิ้มระบายเหนือดวงหนาหวานหล่อเหลา ก่อนฝ่ามือใหญ่จะวางลงยีผมนุ่มๆ
ของคนตัวเล็กกว่าอย่างนุ่มนวล
"เปลี่ยนจากขอบคุณเป็นจุ๊บแก้มทีนึงได้มั้ย"
โอเซฮุนมั่นใจว่าเขาพูดเล่น
เพราะในตอนนั้นสาบานได้ว่าความคิดชั่วๆ ไม่ได้วิ่งขึ้นมาในสมองเหมือนปกติ
โดยเฉพาะเวลาที่อยู่กับไอ้เวรคิมจงอินเลยสักนิดดังนั้นดวงตาคู่สวยจึง เบิกโพลงนิดๆ
เมื่อร่างบอบบางข้างกายเขย่งปลายเท้าขึ้นมาประทับริมฝีปากเข้ากับข้างแก้ม เขาเบาๆ
แล้วรีบผละห่างทันทีอย่างประหวั่น
"พรุ่งนี้เจอกันนะ"
เซฮุนไม่แน่ใจว่ารอยยิ้มของเขาตอนนี้มันกว้างแค่ไหน
ที่แน่ๆ คือเด็กหนุ่มยังคงยืนอยู่ตรงนั้น เฝ้ามองร่างเล็กๆ
ของคุณบรรณารักษ์วิ่งผ่านประตูหอพักขึ้นไปจนหายไปจากสายตา
พรุ่งนี้เจอกันนะคยองซู...
ฉันหวังว่าพรุ่งนี้นายจะชอบฉันมากกว่าวันนี้นะ
โอเซฮุนไม่แน่ใจว่าทำไมช่วงนี้เขาถึงฮัมเพลงรักน้ำเน่าบ่อยขึ้นเรื่อยๆ
จนแทบจะกลายเป็นนิสัย
แต่ทุกครั้งที่รู้ตัว...
ริมฝีปากสีอ่อนก็ขยับปลดปล่อยท่วงทำนองออกมาอย่างไม่รู้ตัว คอยงซูชอบร้องเพลง แล้วคุณบรรณารักษ์ตัวเล็กก็ร้องเพลงได้เพราะมากๆ
ด้วย
ช่วงหลังๆ
เวลาที่ห้องสมุดไม่มีใครมาเยือน
เซฮุนจึงมักจะไปออดอ้อนขอให้อีกฝ่ายร้องเพลงให้ฟังอยู่บ่อยๆ ในตอนแรกคยองซูก็ดูเคอะเขินและประหม่าอยู่มาก
แต่ช่วงหลังๆ คนตัวเล็กก็สามารถขับขานท่วงทำนองเป็นจังหวะสอดประสานกับเสียงเป็ดๆ
ที่ไม่ค่อยจะได้เรื่องสักเท่าไหร่ของเซฮุนได้อย่างน่าพิศวง แม้ตอนแรกจะนึกสับสน
แต่ตอนนี้เซฮุนตอบตัวเองได้เต็มปากแล้วว่า...
เขาคงชอบคุณบรรณารักษ์ตัวเล็กเข้าให้แล้ว
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดยังไงกับตัวเอง
แต่ภาพรอยยิ้มที่เริ่มผุดกลับมาระบายบนใบหน้าของคยองซูกช่วยให้เซฮุนรู้สึก
ผ่อนคลายตามไปด้วย ถึงแม้จะไม่อาจแก้ไขอดีตได้
แต่จากวันนี้เซฮุนก็สัญญากับตัวเองว่า...
เขาอยากจะทำให้คยองซูกลับมายิ้มได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง
เพียงแต่...
เสียววินาทีที่ขายาวๆ ของเซฮุนก้าวไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องสมุด
เสียงกรีดร้องคุ้นหูก็ดังออกมาจากบริเวณโต๊ะบรรณารักษ์ที่คยองซูมักใช้เป็นที่นั่งประจำของตัวเอง
เสียงร้อง...
เสียงร้องของคยองซูที่กรีดหัวใจของเซฮุนให้แสบชาไปด้วย
"ปล่อย...!!! อื้อ........ ไม่เอา!!!"
รอยยิ้มบนใบหน้าหวานหล่อเหลาเลือนหายไปในเสี้ยววินาที
โอเซฮุนกัดกรามกรอดพร้อมกับวิ่งกระโจนเข้าไปภายในห้องสมุดอันแสนเงียบงันใน ทันที
เพียงเพื่อจะพบกับ...ภาพร่างคุ้นตาของไอ้เพื่อนคู่หูกำลังกดร่างเล็กๆ
ของบรรณารักษ์คนสำคัญของเขาเอาไว้กับโต๊ะทำงาน
"อ้าว เซฮุน มาช่วยกูจับหน่อยดิวะ แม่งดิ้นชิบหาย"
ใบหน้าคมเข้มอันคุ้นเคยหันมากระตุกยิ้มมุมปากกวนประสาทให้เซฮุนในแบบที่ต่อให้
อีกฝ่ายไม่ต้องพูดออกมาเขาก็รู้ได้ในทันทีว่า... มันหมายความอย่างนั้นจริงๆ ความหมายของไอ้จงอินที่บอกว่า...
ถ้ามึงปฏิเสธคำขอของกู เท่ากับมึงไม่เห็นแก่ความเป็นเพื่อนของเรา
ใช่...
เพราะเซฮุนคบกับมันมานาน
นานพอจะรู้ดีว่า...
คนอย่างคิมจงอินไม่ได้พิศวาสอะไรคยองซูสักนิด
ที่มันทำแบบนี้เพราะเขา...
เพราะเขาเพียงคนเดียว
"กูบอกให้มึงมาจับมันให้กูทำ หูหนวกเหรอวะ โอเซฮุน"
ถึงแม้ดวงตากลมโตของคยองซูที่ในตอนนั้นเผลอหยุดดิ้นต่อต้านจนกลายเป็นว่าถูกมือ
กร้านของจงอินกดแผ่นอกลงติดกับโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ได้อย่างง่ายดาย
จะช้อนขึ้นสบกับดวงตาที่ทำได้เพียงแค่หลุบต่ำลงมองพื้นด้วยแววตาทั้งเจ็บปวด
และเว้าวอนเพียงใด ร่างสูงโปร่งของเซฮุนก็ทำได้เพียงแค่...
เดินตรงไปกดลำแขนทั้งสองข้างของคยองซูลงกับพื้นโต๊ะ
ช่วยให้คิมจงอินสามารถปลดกางเกงของอีกฝ่ายลงอย่างง่ายดายได้เท่านั้น
"ต้องแบบนี้สิ เซฮุนของกู..."
โอ
เซฮนรู้สึกว่าท้องไส้ของเขาปั่นป่วนจนอยากจะอาเจียนออกมา...
ยิ่งคยองซูไม่ยอมส่งเสียงออกมาเลยสักนิด ปากเล็กๆ เม้มแน่นจนแทบจะช้ำเขียวแต่แววตาที่หล่อรื้นด้วยหยาดน้ำตาคู่นั้นกลับช้อนมองใบหน้าของเซฮุนไม่วาง
เขาก็ยิ่งรู้สึกเหมือนกับโลกสนสวยที่วาดเอาไว้กำลังจะทลายลงไปต่อหน้า
ยิ่งเสียงครึมครางแสดงความพึงพอใจของไอ้จงอินดังเสียดแทรกเข้าไปในโสตประสาทแค่ไหน
หัวใจของเซฮุนก็ยิ่งเหมือนกับถูกกรีดลึกลงไปทั้งเป็นเท่านั้น
โอเซฮุนรู้สึกราวกับว่าช่วงเวลาก่อนที่ไอ้เพื่อนสนิทของเขามันจะปลดปล่อยออกมา
ในร่างของบรรณารักษ์ตัวน้อยที่ในตอนนี้ดูเลื่อนลอยราวกับใกล้หมดสติลงไปแล้ว
นั้นช่างยาวนานเหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์
แต่สุดท้ายทุกสิ่งทุกอย่างก็จบลง...พร้อมๆ
กับหัวใจของโอเซฮุนที่ถูกฉีกทำลายลงเพราะน้ำมือของไอ้คนที่เข้ามาตวัดลำแขน
โอบรอบบั้นเอวของเขาเอาไว้ ก่อนกระซิบแผ่วเบาด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความสาแก่ใจ
"มึงกับกูเป็นตัวตนอีกครึ่งหนึ่งของกันและกัน กูไม่ปล่อยให้มึงหนีไปมีความสุขคนเดียวหรอก
โอเซฮุน"
ถึงแม้อาจจะเคยได้ชื่อว่าไร้หัวใจแต่ในทันทีที่ร่างสมส่วนของคิมจงอินผละจากไป...
หยาดน้ำตาก็รินไหลลงมาจากหน่วยตาเรียวของคุณชายโอราวห่าฝนเซฮุนผลุนผลันเข้าช้อนประคองร่างที่สลบไสลหมดเรี่ยวแรงของบรรณารักษ์ตัวเล็ก
ขึ้นมากอดแนบอก
ในขณะที่ฝ่ามืออีกข้างก็พยายามเช็ดปาดคราบน้ำตาที่เประเลอะทั่วดวงหน้าอ่อน
เบาว์ออกอย่างทุกลักทุเล
กลีบปากสีอ่อนพร่ำพรรณาเพียงคำว่า...
ขอโทษ...
ฉันขอโทษนะ...
คยองซู
เสี้ยววินาทีที่หยาดน้ำตาของโอเซฮุนหล่นลงกระทบผิวหน้าของร่างในอ้อมแขนฝ่ามือเล็กๆ
ของคยองซูก็ค่อยๆ วาดขึ้นสัมผัสกับผิวแก้มตอบของเด็กหนุ่มร่างสูงที่ได้ชื่อว่า 'ทำร้าย'
เขาอย่างแสนสาหัส เพียงแต่ในคราวนี้...โดคยองซุกลับแย้มรอยยิ้ม หากมันช่างเป็นรอยยิ้มที่เศร้าสร้อยเหลือเกิน
"ไม่ต้องขอโทษหรอกเซฮุน... แค่ออกไปจากชีวิตเราก็พอ"
"ไม่ต้องมาให้เราเห็นหน้าอีกได้มั้ย... เราขอร้อง"
ความรักครั้งแรกของโอเซฮุนจบลงพร้อมกับคราบน้ำตา
เขา
ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกแบบไหนในตอนที่จำเป็นต้องเดินกลับเข้าไปในอ้อมแขนของ
ไอ้เพื่อนเวรที่เพียรเฝ้าบอกแต่ว่า... ไม่มีใครเหมาะกับมึงเท่ากูอีกแล้วในโลกใบนี้
นั่นสิ... บางทีคยองซูอาจจะดีเกินไป ดีเกินกว่าคนไร้ค่า... ไร้หัวใจอย่างเขา
คนเลวๆ
ที่เลือกจะทำร้ายคยองซูซ้ำซากเพียงเพราะกลัว...
ไม่กล้าขัดคำสั่งของเพื่อนที่ได้ชื่อว่าเป็นอีกครึ่งหนึ่งของชีวิต
อย่างเขาบางทีอาจจะดีแล้วที่จะตื่นมาพบร่างของตัวเองนอนกองอยู่ท่ามกลางห้องที่รกรุงรังไปด้วยขวดเหล้าและเศษซากจากปาร์ตี้ในคืนวาน
เพียงแต่...
ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่หลับตาลง
สิ่งแรกในมโนสำนึกของโอเซฮุน...
กลับกลายเป็น...
ภาพรอยยิ้มของโดคยองซูอยู่ทุกครั้งไป
END
No comments:
Post a Comment