Friday, September 19, 2014

Tainting The Pure Dove

TAINTING THE PURE DOVE



โดคยองซู...
คุณบรรณารักษ์ห้องสมุดตัวเล็กในสายตาของ 'แบดบอย' อย่างโอเซฮุนคือ...

ต้น แบบของ 'เด็กดี' ตามคอนเซปต์ของ 'รักเรียนตัวอย่าง' ที่วันๆ นอกจากจะก้มหน้าก้มตาตั้งใจเรียน เวลาว่างก็หาเวลามาช่วยงานอาจารย์จนได้หน้าที่บรรณารักษ์ห้องสมุด (ที่ถึงจะไม่ค่อยมีใครสนใจจะหาโอกาสไปใช้บริการ)
แต่เจ้าตัวก็ทำหน้าที่ได้ดีแบบไม่มีข้อบกพร่อง จนกลับบ้านค่ำมืดดึกดื่นแบบทุกวัน
แน่นอนว่าเซฮุนไม่ได้เกลียดอะไรคยองซูหรอก...

แต่ไม่เกลียดก็ไม่ได้แปลว่าชอบนี่นะ


"ฮึก... ไม่... ไม่เอา... อื๊อ..."

เสียง สะอื้นดังอู้อี้ดังระงมจากริมฝีปากเล็กๆ ซึ่งถูกประกบป้องเอาไว้ด้วยฝ่ามือใหญ่ของเด็กหนุ่มร่างสูงในชุดนักเรียนหลุด ลุ่ย ไม่มีโอกาสเล็ดลอดออกไปจากห้องสมุดหลังโรงเรียนในเวลาใกล้สองทุ่มเต็มทีที่ ดูเหมือนจะไม่มีใครเหยียบย่างเข้ามาแม้แต่คุณลุงภารโรง

"นี่ อยู่นิ่งๆ ไม่เป็นเหรอ"

เสียง ทุ้มที่อบอวลด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์สาดพ่นใส่ดวงหน้าอ่อนเยาว์อย่างรำคาญ ดวงหน้าหวานหล่อเหลาของโอเซฮุน... ลูกชายคนเล็กของนายตำรวจระดับสูงที่ได้ชื่อว่าถูกตามใจตั้งแต่เด็กจนเข้า ข่ายใกล้เสียคนเต็มทีก้มลงแตะหน้าผากกับหน้าผากของร่างเล็กๆ ของบรรณารักษ์ตัวน้อยที่ได้ชื่อว่า... ทั้ง 'ใสซื่อ' และ 'น่ารัก' จนชวนให้เซฮุนหมั่นไส้อยู่บ่อยๆ ซึ่งเขากดเอาไว้กับหน้าตักของตัวเอง พลางเพิ่มแรงกดที่ปลายนิ้วจนผิวหน้าขาวกลายเป็นรอยแดงช้ำ

"ไม่เอาน่า อย่าดื้อสิ อุตส่าห์จะช่วยเพิ่มสีสันชีวิตให้ วันๆ เอาแต่ใส่แวนหนาๆ ขลุกอยู่ในห้องสมุด ก้มๆ เงยๆ อยู่กับหนังสืองี่เง่าพวกนี้ น่าเบื่อตายเลย" ถึงน้ำเสียงกลั้วหัวเราะในลำคอจะบ่งบอกอาการมึนเมา แต่ท่อนแขนอีกข้างของโอเซฮุนก็กดรั้งหัวไหล่เล็กของบรรณารักษ์คนเก่งประจำ ห้องสมุดกลางเอาไว้ไม่ให้ดิ้นสะบัดหลุดออกจากพันธนาการได้อย่างมั่นคง

ยิ่งเห็นว่าหน่วยตากลมโตเริ่มปรากฏน้ำใสๆ ขึ้นคลอเลี้ยง โอเซฮุนก็ยิ่งรู้สึก 'สนุก' ความ เอาแต่ใจที่หล่อเลี้ยงตัวตนของคุณชายตัวสูงมาตั้งแต่เล็กจนโตยิ่งเป็นราวกับ เสียงกระซิบที่บอกเซฮุนว่า... ยิ่งของที่บริสุทธิ์เหมือนผ้าขาว ก็ยิ่งน่าสาดสีใส่ให้เปื้อนสกปรกจนซักไม่ออก

โอเซฮุนแย้มรอย ยิ้ม... ที่แม้ภายนอกจะดูสวยงามราวกับรอยยิ้มของเทพยดาตัวน้อย แต่เจตนาที่ฉายชัดทางแววตายามเมื่อคนตัวบางช้อนหน่วยตาเรียวขึ้นสบตากับร่าง หนาแต่ด้อยส่วนสูงกว่าของเพื่อน... คู่หู? คู่นอน? คู่... อะไรซักอย่างซึ่งเขาเองก็ยังหาจำกัดความไม่ได้ ที่กำลังใช้ฝ่ามือกร้านๆ ของมันกดตรึงข้อเท้าทั้งสองข้างของบรรณารักษ์ตัวเล็กเอาไว้

"ล็อกประตูแล้วดีแล้วใช่มั้ย"

คนตัวสูงเอ่ยถามในขณะที่กดริมฝีปากลงกับกกหูของร่างที่ทั้งพยายามดิ้นทั้ง สะบัดหน้าหนีเมื่อปลายลิ้นของเซฮุนค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปในช่องรูหู เรียกเสียงหัวเราะหึๆ จากคนผิวคล้ำกว่าที่ตอนนี้เปลี่ยนไปใช้หน้าขากดส่วนล่างของ 'เหยื่อ' ตัวน้อยเอาไว้ แล้วสอดมือเข้าไปในสาบเสื้อนักเรียนสีขาวก่อนลากไส้สัมผัสผิวกายนุ่มนิ่ม ด้านในอย่างนึกสนุก

"โหยมึง จะสองทุ่มเข้าไปแล้ว ถึงไม่ล็อกก็ไม่มีใครถ่อสังขารมาห้องสมุดร้างๆ นี่หรอก"

ยิ่งเสียงอู้อี้ที่พยายามจะร้องวิงวอนขอความเห็นใจปะปนกับเสียงสะอื้นอย่างน่า สงสารของบรรณารักษ์ตัวเล็กที่ตอนนี้ดูเหมือนจะถอดใจเลิกต่อต้านไปแล้ว แต่ก็ยังอุตส่าห์พยายามกระถดถอยกายให้ห่างจากฝ่ามือกร้านที่ยังเริ่มการบีบ เค้นผิวกายใต้ร่มผ้าของเขาอย่างสนุกมือ

"อื้อ... อื๊อ......."

ถึงใบหน้าน่ารักของคุณบรรณารักษ์เด็กดีจะเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลรินเป็นทาง แต่เซฮุนก็ไม่ได้รู้สึกสงสารหรือเห็นใจสักนิด ตรงข้าม... เด็กหนุ่มกลับรู้สึกตลกจนอยากหัวเราะออกมาดังๆ เมื่อร่างเล็กๆ ที่เขาตรึงแน่นเอาไว้กับตักของตัวเองสะดุ้งจนตัวโยนในทันทีที่เสื้อเชิ้ตขาว ถูกกระชากจนกระดุมขาดวิ่น...เผยแผ่นอกขาวโพลนไล่ลงจนถึงหัวกางเกงที่ตอนนี้ กลายเป็นเป้าหมายใหม่ของไอ้คุณชายลูกนักการเมืองชื่อดัง แต่สันดานแม่งไม่ได้ดีเหมือนที่ควรจะเป็นเลยสักนิด

โอเซฮุนนึกวิจารณ์เพื่อนสนิทที่ได้ชื่อว่าเป็นเหมือนอีกครึ่งหนึ่งของตัว เองอย่างไม่ได้ยี่หระอะไรนัก เพราะถึงไอ้จงอินมันจะเหี้ยยังไง... อย่างน้อยพวกเขาสองคนก็ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานานจนแค่มองตาก็รู้ความคิดในใจ อีกฝ่ายก็แล้วกัน

แล้วมือเร็ว แค่ไม่ถึงเสี้ยววินาทีก็เล่นจนกางเกงหลุดออกไปจากข้อเท้าแล้วแบบนี้

แม่งกะกินก่อนแล้วให้เขาตามเล็มเศษเหลือตามสันดานโปรดปรานเด็กซิงๆ อีกแน่

แต่เซฮุนก็ไม่คิดจะบ่นหรอกนะ

เพราะไม่ว่าจะกินก่อนหรือกินหลัง... เขาก็มีโอกาสได้สัมผัสเสี้ยววินาทีที่ตุ๊กตากระเบื้องถูกทำลายจนแตกสลายลงกับมือได้เหมือนกัน

ยิ่งแผ่นอกบางๆ กระเพื่อมขึ้นลงเหมือนหายใจไม่ออกเพราะไอ้เพือนเวรของเขามันไม่ใจดีพอจะช่วย ปรนเปรอให้คุณบรรณารักษ์คนดีมีโอกาสได้ผ่อนคลายความตื่นกลัว ปลายนิ้วกร้านสอดลึกเข้าไปยังช่องทางเบื้องหลังอย่างไม่ปราณีปราศรัย เรียกเสียงกรีดร้องและแรงดิ้นอย่างบ้าคลั่งจากคนตัวเล็กที่ตอนนี้คงเจ็บปวด จนแทบบ้า

แต่มันก็แค่ทำให้เซฮุนรำคาญ เด็กหนุ่มได้แต่ส่ายหน้าหน่ายๆ ก่อนยกมือขึ้นจากกลีบปากอิ่มแล้วยัดผ้าเช็ดหน้าของตัวเองเข้าไปอุดเอาไว้แทน แล้วตวัดสอดเข้าไปล็อกช่วงรักแร้ของร่างเปลือยเปล่าที่เหลือเพียงเสื้อเชิ้ต ขาวหลุดลุ่ยเอาไว้อย่างใจเย็น

"เชี่ย โคตรแน่น"

ไอ้เวรจงอินบ่นแบบนั้นก็จริง แต่รอยยิ้มเหี้ยมกลับระบายกระตุกข้างมุมปาก บอกให้เซฮุนรู้ว่า... ในใจคงพอใจเหี้ยๆ
เพราะ แทนที่จะถอนมือออกมาแล้วไปหาเครื่องมือทุ่นแรงที่มันพกติดตัวไว้ใช้ยามจำ เป็นเสมอในกระเป๋ามาช่วยหล่อลื่น แม่งกลับจงใจเพิ่มนิ้วสอดเข้าไปทั้งอย่างนั้น

ถึงจะโหดร้ายกับ 'เหยื่อ' แค่ไหน
แต่เซฮุนก็รู้ดีว่ามันเขาคงช่วยอะไรไม่ได้ ของแบบนี้มันอยู่ที่ความพึงพอใจที่กลายเป็นรสนิยมของเพื่อนคู่หูไปแล้ว

โอ เซฮุนเอาหัวเป็นประกันได้เลยว่า... ถ้าแม่งไม่ได้ชื่อพ่อค้ำคอเอาไว้ ป่านนี้ไอ้เพื่อนสนิทของเขาอาจได้เข้าไปนอนกินข้าวแดงในคุกให้บันเทิงใจเล่น เหมือนชาวบ้านบ้างแล้ว

"อื๊อ...อื๊อ!!!"

เสียงกรีด ร้องร่ำไห้ที่ดังอู้อี้ออกมาจากปากที่ถูกอุดเอาไว้ของคุณบรรณารักษ์ตัวเล็ก ที่เซฮุนจำได้ว่ามักจะมีรอยยิ้มสว่างไสวระบายบนใบหน้าจนเขานึก 'หมั่นไส้' อยู่เสมอๆ เรียกสันดานดิบที่หลับไหลอยู่ใต้ดวงหน้าเรียบเฉยของคุณชายโอให้ตื่นขึ้นมาในฉับพลันแม้แขนทั้งสองข้างจะยังตรึงร่างเบื้องล่างเอาไว้ แต่ปลายนิ้วเพรียวยาวของเซฮุนก็ยังสามารถลากไล้ไปสัมผัสยอกอกอ่อนนุ่มก่อน ใช้ปลายเล็บจิกลงไปอย่างมันเขี้ยว

ดวงตากลมๆ ของคุณบรรณารักษ์เหลือกโพลง แต่เซฮุนก็ไม่แน่ใจหรอกว่าเส้นเลือดที่ปูดขึ้นข้างหน้าผากของ 'เหยื่อตัวน้อย' น่ะมาจากฝีมือเขาหรือไอ้เพื่อนชั่วที่ตอนนี้ละมือไปสอดเข้าในหัวกางเกงแล้ว พยายาม 'ปลุก' ความต้องการของมันให้พร้อมทำงานอย่างเร่งร้อนกันแน่

"นี่มึงจะเข้าไปทั้งอย่างงั้นเรอะ"

"อันสุดท้ายใช้กับมึงไปอ่ะ"

ถ้า เป็นคนอื่นอาจจะตีความ 'สาร' ของเซฮุนผิด... แต่เพราะเป็นคิมจงอิน มันเลยแค่หันมายักคิ้วตอบอย่างไม่ยี่หระ ในแบบที่ปลุกความทรงจำให้คุณชายโอระลึกขึ้นได้ในทันทีว่า 'บทรัก' กับไอ้ห่านี่ก่อนหน้านี้หนึ่งวันมันบัดซบแค่ไหน

"กับเด็กนี่ไม่ต้องใส่หร๊อก... กูมั่นใจว่าแม่งไม่เคยโดนใครเอา"

คำพูดไร้สมองของมันทำเอาเซฮุนได้แต่ส่ายหน้าหน่ายๆ มองไอ้เพื่อนเวรที่ตอนนี้ปลดกางเกงของตัวเองลงอย่างช่ำชองราวสมองสนใจอยู่ เรื่องเดียว จนไม่มีแก่ใจจะแคร์ความหวาดกลัวที่ฉายชัดออกมาทางใบหน้าของคุณบรรณารักษ์ตัว เล็กที่ตอนนี้เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุดทั้งที่ปากถูกอุดเอาไว้อย่างนั้นเลยสัก นิด

แต่เซฮุนก็ไม่ใจดีพอจะเตือนหรือห้ามมันหรอก เขาโอเคแล้วกับการเฝ้ามองดวงตากลมโตค่อยๆ กดปิดลง... จนสุดท้ายก็กลายเป็นหลับตาปี๋ในตอนที่มือกร้านๆ ของจงอินมันแหวกเรียวขาเล็กๆ ออกกว้าง แล้วเริ่มกดส่วนปลายของความต้องการที่ตื่นจนเต็มตัวเข้าไปตรงปากทางอ่อนนุ่ม

"อี๊อ......!!!"

อาจ จะเพราะปลายนิ้วเล็กๆ ของคุณบรรณารักษ์ทั้งจิกทั้งทึ้งราวกับพยายามระบายความเจ็บปวดลงไปบนขา กางเกงของเขา เซฮุนเลยรู้สึกว่าขืนปล่อยให้ไอ้จงอินมันพยายามกดกายเข้าไปทั้งแบบนั้น คุณบรรณารักษ์อาจจะไม่ไหว... สลบไปโดยที่พาเอากางเกงของเขาเน่าหนอนไปด้วย แล้วเขาจะสนุกได้ยังไงล่ะ?

คุณชายโอส่ายศีรษะพลางก้มหน้าลงลากปลายลิ้นกับกลีบปากที่เผยออ้าเพราะถูกอุดเอา ไว้ของคยองซูก่อนวาดปลายนิ้วค่อยๆ ไล่สัมผัสจากส่วนโคนของความต้องการของเหยื่อตัวเล็กเพื่อช่วยให้อีกฝ่าย ค่อยๆ ผ่อนคลายอย่างไม่รู้ตัว

ถึงเซฮุนจะไม่ใช่คนใจดี แต่เขาก็ไม่บ้าดีเดือดพอจะ 'ทำลาย' คนที่เคยมองหน้าแล้วยิ้มให้กันแบบไร้จิตสำนึกแบบที่ไอ้จงอินมันชอบทำหรอกแล้ว ก็ดูเหมือนจะเป็นเพราะ 'ความใจอ่อน' ของเซฮุนล้วนๆ ที่ช่วยให้ไอ้คนที่พยายามแทรกกายเข้าไปในช่องทางที่ทั้งคับแคบและบีบแน่น ซึ่งมาจากความตื่นกลัวบวกกับประสบการณ์อันน้อยนิดของคุณบรรณารักษ์สามารถกด กายเข้าไปจนมิดได้ในที่สุด

ปลายนิ้วเพรียวยาวเพิ่มความ รุนแรงในการสัมผัสเพื่อให้ร่างเบื้องล่าง 'ไปให้ถึง' ก่อนที่ไอ้เพื่อนเวรของเขาจะเพิ่มแรงกระแทกเข้าออกอย่างหนักหน่วงจนร่างเล็ก สั่นคลอนไปทั้งตัวถึงจะรู้ว่าตอนนี้หยาดเลือดสีแดงสดเริ่มไหลซึมลงมาตาม แนวต้นขาแต่เซฮุนก็รู้ว่า... จะให้ไอ้จงอินมันหยุดมือตอนนี้น่ะเหรอ ไปหลับแล้วฝันเอาน่าจะดีกว่า

ริมฝีปากสีอ่อนกระตุกรอยยิ้ม มุมปากเมื่อของเหลวหนืดเหนอะฉีดพ่นออกมาจากกายส่วนหน้าของร่างที่กระตุกสั่น เพราะผ่านการปลุกเร้าจากมือของเขาเซฮุนวาดฝ่ามือที่เปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดหยดสีขาวกลับมาแลบปลายลิ้นเลียไล่ไปตามแนวปลายนิ้ว

เด็กหนุ่มยักไหล่เล็กน้อย แม้จะรู้สึกถึงดวงตาที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำที่ยังคงไหลรินของคยองซูจับ จ้องอยู่ที่ใบหน้าของตัวเอง แต่เซฮุนก็ผละมือจากผิวกายขาวที่ตอนนี้แดงช้ำเป็นปื้นของบรรณารักษ์ตัวเล็ก แล้วผละลุกออกไปยืนกอดอกเอนหลังพิงชั้นหนังสือด้วยท่วงท่าไม่ต่างอะไรกับนาย แบบตามแคทวอล์ก

เขาจำได้ว่าเฝ้ามองไอ้เพื่อนเวรกระแทกสะโพกเข้าออกร่างเล็กๆ ที่ในตอนนี้ไร้เรี่ยวแรงต่อต้านอยู่อีกพักใหญ่

จนกระทั่งมันได้ลดปล่อยความอัดอั้นทั้งหมดออกมานั่นแหละ เซฮุนถึงสาวเท้าเข้าไปผลักร่างสมส่วนที่เพิ่งจะจัดแจงรูดซิบกางเกงตัว เองอย่างทุลักทุเลออกห่างจนมันแทบหน้าทิ่มทั้งๆ ที่มันก็ไม่ได้ยืนชิดร่างที่นอนหายใจรวยรินของคุณบรรณารักษ์ที่ตอนนี้ดู ยั่วยวนอย่างไม่น่าเชื่อนัก... เซฮุนก็แค่ 'หมั่นไส้' อยากให้แม่งเจ็บตัวบ้างเท่านั้น

"เชี่ยฮุน ทำบ้าไรวะ!"

ไอ้เวรคิมจงอินส่งเสียงโวยวาย แต่สุดท้ายก็ยักไหล่เนือยๆ เมื่อใบหน้าหวานหล่อเหลาของเพื่อนคู่หูตวัดไปแค่นเสียงไม่ดังนัก

"ถึงคิวกูแล้ว"

เซฮุนไม่รู้หรอกว่าแววตาเลื่อนลอยที่ยังเปียกชื้นด้วยหยาดน้ำตาของคุณบรรณารักษ์ตัวเล็กล่องลอยไหนแล้ว แต่เขาจะถือว่าคยองซูกำลังมองเขาอยู่ก็แล้วกันถึงจะบอกไอ้จงอินไปว่า 'ถึงคิวเขาแล้ว' แต่เอาเข้าจริง... สภาพร่างเปลือยเปล่าที่ยังคงสั่นระริกประดับด้วยรอยช้ำเป็นจ้ำกับหยาดเลือด สีแดงสดหยดพาดผ่านซอกขาด้านใน... ก็ทำให้เซฮุนหมดอารมณ์

มือบางผอมค่อยๆ ดึงเอาผ้าเช็ดหน้ายับย่นออกมาจากปากของคุณบรรณารักษ์ในขณะที่ฝ่ามืออีกข้างก็ประคองข้างแก้มไว้อย่างนุ่มนวลเซฮุนไม่ใช่คนอ่อนโยน ที่สำคัญเขาไม่ใช่คนใจดี... โอเซฮุนก็แค่ไม่อยากทิ้ง 'คนไม่มีทางสู้' เอาไว้ในสภาพแบบนี้

ถึง สภาพของผ้าจะค่อนข้างแย่ แต่เซฮุนก็ตัดสินใจใช้มันค่อยๆ เช็ด 'หยาดเลือด' และของเหลวสีขุ่นที่ไอ้เพื่อนเวรของเขาปล่อยทิ้งเอาไว้ออกจากซอกขาและร่าง กายด้านหลังของบรรณารักษ์ตัวเล็กอย่างแผ่วเบาดวงตาเหม่อลอยยังคงจับ จ้องอยู่ที่ใบหน้าของเขาในตอนที่เซฮุนค่อยๆ ช้อนร่างที่เขาเพิ่งจัดแจงใส่เสื้อผ้ากลับเข้าที่ให้อย่างลวกๆ ขึ้นมาอุ้มเอาไว้ โดยไม่สนใจสายตาตั้งคำถามแถมรำคาญของไอ้เพื่อนตัวดำที่ตอนนี้แม่งชิ่งหมุน ตัวเดินออกไปแล้วด้วยความรำคาญตามประสาพวกสันดานเสีย... ชอบเล่นสนุกแล้วทิ้งเศษขยะเอาไว้ให้เขาตามล้างตามเช็ดเหมือนทุกครั้ง

ถึงจะดูเหมือนสติหลุดลอยไปแล้ว แต่เซฮุนก็จับสังเกตได้ว่าสติรับรู้ของอีกฝ่ายยังคงชัดเจน เพราะร่างเล็กๆ สะดุ้งเฮือกในทันทีที่เขาโน้มใบหน้าลงกระซิบถามข้างผิวแก้มนุ่ม


"หอนายอยู่หลังโรงเรียนใช่มั้ย ให้ฉันไปส่งนะ"

โอเซฮุนไม่แน่ใจว่ารอยยิ้มจะระบายเหนือริมฝีปากของเขาทำไม... แต่ที่แน่ๆ อยู่ดีๆ ภายในอกก็ร้อนวูบขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผลเมื่อดวงหน้าอ่อนเยาว์ของคนในอ้อมแข ค่อยๆ พยักหน้าช้าๆร่างสูงโปร่งประคับประคองคุณบรรณารักษ์ตัวน้อยอ่านประตูห้องสมุดออกไปโดยที่ไม่ลืมปิดไฟดวงสุดท้ายให้มืดสนิทลง

เพียงแต่... ในตอนนั้นโอเซฮุนคงไม่มีโอกาสได้รับรู้หรอกว่า...กล้องวีดีโอที่จับภาพทุกการกระทำของพวกเขาในห้องนั้นมาตลอดตั้งแต่วินาทีแรกที่เซ ฮุนกับจงอินก้าวเข้ามา... ก็หยุดการทำงานลงด้วยเช่นกัน



ถึงแม้จะได้ชื่อว่า 'ไม่รู้จักความรัก' และ 'ไม่เคยรักใคร'

แต่... ตั้งแต่คืนนั้น หัวใจของโอเซฮุนก็อ่อนยวบทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าเศร้าๆ ของคุณบรรณารักษ์ใบหน้าซึ่งปราศจากรอยยิ้มเหมือนที่เคยมี ใบหน้าที่ประดับเพียงแววตาเหงาเศร้าและตื่นกลัวทุกครั้งที่ใครสักคนเขยิบกายเข้าใกล้ ก็ทำให้เซฮุนอยากกอดโดคยองซูเอาไว้ แล้วพยายามปลอบประโลมว่า 'ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวทุกอย่างจะดีขึ้น' แต่คนตัวเล็กก็สะดุ้งเฮือกจนตัวโยนทุกครั้งที่เขาก้าวเข้าไปตวัดแขนโอบกอดจากเบื้องหลัง

"ไม่ตกใจซักครั้งได้ปะ"

เซฮุนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะหัวเราะไปทำไม แต่เด็กหนุ่มก็รู้สึกดีจนไม่อยากปล่อยคนตัวเล็กกว่าที่พยายามขืนตัวออกจากอ้อมแขนให้เป็นอิสระริมฝีปากสีอ่อนแตะลงที่ผิวแก้มนุ่ม แล้วส่งเสียงกระซิบแผ่วเบา

"ขออยู่แบบนี้ซักพักนะ"

แม้เสียงของคยองซูจะเบามาก...

แต่เซฮุนก็มั่นใจว่าเขาได้ยินคำตอบรับ 'อื้อ...' เบาๆ จากกลีบปากเล็กๆ คู่นั้น

โดคยองซูเป็นคนน่ารัก

ไม่ใช่แค่หน้าตา แต่ออร่าสว่างไสวรอบตัวก็ทำให้เซฮุนรู้สึกดี ดังนั้น ไม่ว่าอีกฝ่ายจะทำตาโตใส่ด้วยความตกใจบ่อยครั้งแค่ไหน เซฮุนก็จะแก้ปัญหาด้วยการเดินเข้าไปกอดไว้ให้แน่นขึ้นเท่านั้น แค่ได้อยู่ใกล้ๆ คนๆ นี้ เซฮุนก็ได้สัมผัสถึง 'ความคาดหวังในชีวิต' ที่มากขึ้นในแต่ละวัน

เขา เริ่มไม่อยากเป็นฝ่ายกอดคยองซูไว้โดยที่อีกอีกคนไม่ได้คิดไม่ได้แสดงออกถึง ความต้องการจะอยู่ใกล้ๆ เหมือนกับที่เขารู้สึกอีกต่อไปแล้วเซฮุนเริ่ม ต้องการให้อีกฝ่ายยิ้มให้เข้าบ้าง... เริ่มต้องการให้คยองซูวาดฝ่ามือเล็กๆ คู่นั้นขึ้นมากอดตอบ หรือแม้กระทั่งจูบตอบเขาบ้างสักนิดก็ยังดิ

เซฮุนไม่รู้... ไม่รู้เลยสักนิดว่า 'หัวใจ' ของเขาเริ่มค่อยๆ คืบคลายเข้าสู่วัฏฏะของ... ความหลงใหลหลงใหลในตัวตน... หลงใหลในทุกสิ่งทุกอย่างของคุณบรรณารักษ์ตัวเล็กที่เซฮุนกับไอ้เพื่อนเวรเคยช่วยกัน 'ทำร้าย' จนแทบแตกสลายคามือ

แล้วเซฮุนก็ไม่โง่เง่าพอจะเชื่อว่าในโลกนี้จะยังมีมนุษย์หน้าไหนบ้าพอจะ 'รัก' คนที่ข่มขืนตัวเองได้อย่างเต็มหัวใจหรอก

แต่ถึงอย่างนั้น... ส่วนลึกในใจเขาก็ยังคงหวังอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเสี้ยววินาทีที่มือเล็กๆ ของคยองซูไม่สะบัด หนีอย่างที่เคยเมื่อฝ่ามือใหญ่กว่าของเซฮุนเคลื่อนเข้าเกาะกุมประสานเอาไว้ ในตอนที่เขาอาสาพาคุณบรรณารักษ์ตัวเล็กเดินไปส่งที่หอพักด้านหลังโรงเรียน

"ขอบคุณที่มาส่ง"

ถึงแม้คยองซูจะก้มหน้าพึมพำเสีงเบาจนแทบจับใจความไม่ได้ แต่ภายในหัวใจของเซฮุนกับร้อนวาบรอยยิ้มระบายเหนือดวงหนาหวานหล่อเหลา ก่อนฝ่ามือใหญ่จะวางลงยีผมนุ่มๆ ของคนตัวเล็กกว่าอย่างนุ่มนวล

"เปลี่ยนจากขอบคุณเป็นจุ๊บแก้มทีนึงได้มั้ย"

โอเซฮุนมั่นใจว่าเขาพูดเล่น เพราะในตอนนั้นสาบานได้ว่าความคิดชั่วๆ ไม่ได้วิ่งขึ้นมาในสมองเหมือนปกติ โดยเฉพาะเวลาที่อยู่กับไอ้เวรคิมจงอินเลยสักนิดดังนั้นดวงตาคู่สวยจึง เบิกโพลงนิดๆ เมื่อร่างบอบบางข้างกายเขย่งปลายเท้าขึ้นมาประทับริมฝีปากเข้ากับข้างแก้ม เขาเบาๆ แล้วรีบผละห่างทันทีอย่างประหวั่น

"พรุ่งนี้เจอกันนะ"

เซฮุนไม่แน่ใจว่ารอยยิ้มของเขาตอนนี้มันกว้างแค่ไหน ที่แน่ๆ คือเด็กหนุ่มยังคงยืนอยู่ตรงนั้น เฝ้ามองร่างเล็กๆ ของคุณบรรณารักษ์วิ่งผ่านประตูหอพักขึ้นไปจนหายไปจากสายตา

พรุ่งนี้เจอกันนะคยองซู...

ฉันหวังว่าพรุ่งนี้นายจะชอบฉันมากกว่าวันนี้นะ

โอเซฮุนไม่แน่ใจว่าทำไมช่วงนี้เขาถึงฮัมเพลงรักน้ำเน่าบ่อยขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะกลายเป็นนิสัย
แต่ทุกครั้งที่รู้ตัว... ริมฝีปากสีอ่อนก็ขยับปลดปล่อยท่วงทำนองออกมาอย่างไม่รู้ตัว คอยงซูชอบร้องเพลง แล้วคุณบรรณารักษ์ตัวเล็กก็ร้องเพลงได้เพราะมากๆ ด้วย

ช่วงหลังๆ เวลาที่ห้องสมุดไม่มีใครมาเยือน เซฮุนจึงมักจะไปออดอ้อนขอให้อีกฝ่ายร้องเพลงให้ฟังอยู่บ่อยๆ ในตอนแรกคยองซูก็ดูเคอะเขินและประหม่าอยู่มาก แต่ช่วงหลังๆ คนตัวเล็กก็สามารถขับขานท่วงทำนองเป็นจังหวะสอดประสานกับเสียงเป็ดๆ ที่ไม่ค่อยจะได้เรื่องสักเท่าไหร่ของเซฮุนได้อย่างน่าพิศวง แม้ตอนแรกจะนึกสับสน แต่ตอนนี้เซฮุนตอบตัวเองได้เต็มปากแล้วว่า... เขาคงชอบคุณบรรณารักษ์ตัวเล็กเข้าให้แล้ว

ถึงแม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดยังไงกับตัวเอง แต่ภาพรอยยิ้มที่เริ่มผุดกลับมาระบายบนใบหน้าของคยองซูกช่วยให้เซฮุนรู้สึก ผ่อนคลายตามไปด้วย ถึงแม้จะไม่อาจแก้ไขอดีตได้ แต่จากวันนี้เซฮุนก็สัญญากับตัวเองว่า... เขาอยากจะทำให้คยองซูกลับมายิ้มได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง

เพียงแต่... เสียววินาทีที่ขายาวๆ ของเซฮุนก้าวไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องสมุด

เสียงกรีดร้องคุ้นหูก็ดังออกมาจากบริเวณโต๊ะบรรณารักษ์ที่คยองซูมักใช้เป็นที่นั่งประจำของตัวเอง
เสียงร้อง... เสียงร้องของคยองซูที่กรีดหัวใจของเซฮุนให้แสบชาไปด้วย

"ปล่อย...!!! อื้อ........ ไม่เอา!!!"

รอยยิ้มบนใบหน้าหวานหล่อเหลาเลือนหายไปในเสี้ยววินาที โอเซฮุนกัดกรามกรอดพร้อมกับวิ่งกระโจนเข้าไปภายในห้องสมุดอันแสนเงียบงันใน ทันที เพียงเพื่อจะพบกับ...ภาพร่างคุ้นตาของไอ้เพื่อนคู่หูกำลังกดร่างเล็กๆ ของบรรณารักษ์คนสำคัญของเขาเอาไว้กับโต๊ะทำงาน

"อ้าว เซฮุน มาช่วยกูจับหน่อยดิวะ แม่งดิ้นชิบหาย"

ใบหน้าคมเข้มอันคุ้นเคยหันมากระตุกยิ้มมุมปากกวนประสาทให้เซฮุนในแบบที่ต่อให้ อีกฝ่ายไม่ต้องพูดออกมาเขาก็รู้ได้ในทันทีว่า... มันหมายความอย่างนั้นจริงๆ ความหมายของไอ้จงอินที่บอกว่า... ถ้ามึงปฏิเสธคำขอของกู เท่ากับมึงไม่เห็นแก่ความเป็นเพื่อนของเรา

ใช่... เพราะเซฮุนคบกับมันมานาน
นานพอจะรู้ดีว่า... คนอย่างคิมจงอินไม่ได้พิศวาสอะไรคยองซูสักนิด

ที่มันทำแบบนี้เพราะเขา...
เพราะเขาเพียงคนเดียว

"กูบอกให้มึงมาจับมันให้กูทำ หูหนวกเหรอวะ โอเซฮุน"

ถึงแม้ดวงตากลมโตของคยองซูที่ในตอนนั้นเผลอหยุดดิ้นต่อต้านจนกลายเป็นว่าถูกมือ กร้านของจงอินกดแผ่นอกลงติดกับโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ได้อย่างง่ายดาย จะช้อนขึ้นสบกับดวงตาที่ทำได้เพียงแค่หลุบต่ำลงมองพื้นด้วยแววตาทั้งเจ็บปวด และเว้าวอนเพียงใด ร่างสูงโปร่งของเซฮุนก็ทำได้เพียงแค่... เดินตรงไปกดลำแขนทั้งสองข้างของคยองซูลงกับพื้นโต๊ะ ช่วยให้คิมจงอินสามารถปลดกางเกงของอีกฝ่ายลงอย่างง่ายดายได้เท่านั้น

"ต้องแบบนี้สิ เซฮุนของกู..."

โอ เซฮนรู้สึกว่าท้องไส้ของเขาปั่นป่วนจนอยากจะอาเจียนออกมา... ยิ่งคยองซูไม่ยอมส่งเสียงออกมาเลยสักนิด ปากเล็กๆ เม้มแน่นจนแทบจะช้ำเขียวแต่แววตาที่หล่อรื้นด้วยหยาดน้ำตาคู่นั้นกลับช้อนมองใบหน้าของเซฮุนไม่วาง เขาก็ยิ่งรู้สึกเหมือนกับโลกสนสวยที่วาดเอาไว้กำลังจะทลายลงไปต่อหน้า

ยิ่งเสียงครึมครางแสดงความพึงพอใจของไอ้จงอินดังเสียดแทรกเข้าไปในโสตประสาทแค่ไหน หัวใจของเซฮุนก็ยิ่งเหมือนกับถูกกรีดลึกลงไปทั้งเป็นเท่านั้น

โอเซฮุนรู้สึกราวกับว่าช่วงเวลาก่อนที่ไอ้เพื่อนสนิทของเขามันจะปลดปล่อยออกมา ในร่างของบรรณารักษ์ตัวน้อยที่ในตอนนี้ดูเลื่อนลอยราวกับใกล้หมดสติลงไปแล้ว นั้นช่างยาวนานเหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์

แต่สุดท้ายทุกสิ่งทุกอย่างก็จบลง...พร้อมๆ กับหัวใจของโอเซฮุนที่ถูกฉีกทำลายลงเพราะน้ำมือของไอ้คนที่เข้ามาตวัดลำแขน โอบรอบบั้นเอวของเขาเอาไว้ ก่อนกระซิบแผ่วเบาด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความสาแก่ใจ

"มึงกับกูเป็นตัวตนอีกครึ่งหนึ่งของกันและกัน กูไม่ปล่อยให้มึงหนีไปมีความสุขคนเดียวหรอก โอเซฮุน"

ถึงแม้อาจจะเคยได้ชื่อว่าไร้หัวใจแต่ในทันทีที่ร่างสมส่วนของคิมจงอินผละจากไป... หยาดน้ำตาก็รินไหลลงมาจากหน่วยตาเรียวของคุณชายโอราวห่าฝนเซฮุนผลุนผลันเข้าช้อนประคองร่างที่สลบไสลหมดเรี่ยวแรงของบรรณารักษ์ตัวเล็ก ขึ้นมากอดแนบอก ในขณะที่ฝ่ามืออีกข้างก็พยายามเช็ดปาดคราบน้ำตาที่เประเลอะทั่วดวงหน้าอ่อน เบาว์ออกอย่างทุกลักทุเล

กลีบปากสีอ่อนพร่ำพรรณาเพียงคำว่า... ขอโทษ...

ฉันขอโทษนะ... คยองซู

เสี้ยววินาทีที่หยาดน้ำตาของโอเซฮุนหล่นลงกระทบผิวหน้าของร่างในอ้อมแขนฝ่ามือเล็กๆ ของคยองซูก็ค่อยๆ วาดขึ้นสัมผัสกับผิวแก้มตอบของเด็กหนุ่มร่างสูงที่ได้ชื่อว่า 'ทำร้าย' เขาอย่างแสนสาหัส เพียงแต่ในคราวนี้...โดคยองซุกลับแย้มรอยยิ้ม หากมันช่างเป็นรอยยิ้มที่เศร้าสร้อยเหลือเกิน

"ไม่ต้องขอโทษหรอกเซฮุน... แค่ออกไปจากชีวิตเราก็พอ"

"ไม่ต้องมาให้เราเห็นหน้าอีกได้มั้ย... เราขอร้อง"

ความรักครั้งแรกของโอเซฮุนจบลงพร้อมกับคราบน้ำตา

เขา ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกแบบไหนในตอนที่จำเป็นต้องเดินกลับเข้าไปในอ้อมแขนของ ไอ้เพื่อนเวรที่เพียรเฝ้าบอกแต่ว่า... ไม่มีใครเหมาะกับมึงเท่ากูอีกแล้วในโลกใบนี้ นั่นสิ... บางทีคยองซูอาจจะดีเกินไป ดีเกินกว่าคนไร้ค่า... ไร้หัวใจอย่างเขา

คนเลวๆ ที่เลือกจะทำร้ายคยองซูซ้ำซากเพียงเพราะกลัว... ไม่กล้าขัดคำสั่งของเพื่อนที่ได้ชื่อว่าเป็นอีกครึ่งหนึ่งของชีวิต
อย่างเขาบางทีอาจจะดีแล้วที่จะตื่นมาพบร่างของตัวเองนอนกองอยู่ท่ามกลางห้องที่รกรุงรังไปด้วยขวดเหล้าและเศษซากจากปาร์ตี้ในคืนวาน

เพียงแต่... ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่หลับตาลง

สิ่งแรกในมโนสำนึกของโอเซฮุน... กลับกลายเป็น...

ภาพรอยยิ้มของโดคยองซูอยู่ทุกครั้งไป




END

No comments:

Post a Comment