กลับกันเถอะ”
ฮยอกแจขัดขึ้นพร้อมกับรั้งแขนเยซองและคยูฮยอนไว้คนละข้าง
“กลับแล้วเหรอ เราเพิ่งมาถึงเองนะ” ฮันกยองที่เพิ่งจะตามมาสมทบถามขึ้นยิ้มๆ
“กลับเถอะฮะ ฮยอกไม่อยากให้มีปัญหา” เสียงหวานว่าแล้วเดินนำออกไป ยังไงซะพวกนั้นก็ต้องเดินตามมา
แล้วก็เป็นไปตามคาดเมื่อพวกเมะแต่ละคนรีบแข่งกันวิ่งตามคนน่ารักออกไปแทบจะทันที
ยุนโฮมองตามหลังบางไปด้วยแววตาว่างเปล่า
หัวใจของนายมีแต่คนพวกนั้นสินะ ฮยอกแจ
“ฮยอกมีอะไรทำไมไม่บอกมินล่ะ”
กระต่ายน้อยถามอย่างเป็นห่วงเมื่อนั่งรวมตัวกันในห้องนั่งเล่นที่บ้านของฮยอกแจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“มิน ฮยอกลำบากใจนะที่จะพูด”
เสียงหวานตอบกลับพร้อมกับคิดหนักเมื่อทุกคนต่างรอคอยคำตอบของเขา
“ถ้าฮยอกไม่ตอบ วันนี้พวกเราไม่กลับบ้าน” ซีวอนยื่นคำขาดพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นกอดอกนิ่งเหมือนเด็กเอาแต่ใจ
เรียกรอยยิ้มจากคนอื่นๆได้เป็นอย่างดีแต่ซีวอนก็จะทำอย่างที่พูดจริงๆ
“อ่า ซีวอน”
เสียงหวานครางเรียกอย่างหนักใจ
“ตกลงฮยอกจะไม่บอกจริงๆใช่ไหม” ดงเฮถามอีกคนแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆซีวอนไปทันที
“อย่าทำแบบนี้สิ”
เสียงใสร้องห้าม ลุกขึ้นเดินไปดึงอีกสองคนให้ลุกจากพื้นแต่ก็ไม่เป็นผล
คนน่ารักส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจก่อนจะตัดสินใจเล่าออกไปจนหมด
ทุกคนตั้งใจฟังกันอย่างดีเก็บได้ทุกรายละเอียดที่หลุดออกมาจากริมฝีปากอิ่มนั้น
“ทำไมนายถึงยอม”
ฮีชอลถามเสียงดังลั่นอย่างไม่เข้าใจ
“เพราะว่ายุนโฮคือชีวิตอีกครึ่งนึงที่เหลืออยู่ของยูโนว” ตอบพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆที่เมื่อนึกถึงใบหน้าของอดีตคนรัก
“ฮยอกแต่นายทำแบบนี้ ฉันว่าเขาคนนั้นก็คงเจ็บ” อีทึกพูดออกมาเพราะเห็นสายตาเจ็บปวดของยุนโฮก่อนที่จะเดินจากมา
“เขาเลือกเองนี่ฮะ” คนน่ารักตอบ
“สองอาทิตย์เลยเหรอ”
คิบอมถามเสียงอ่อย แค่นึกว่าจะต้องทนเห็นคนตรงหน้าไปเดินกอด จับมือ
หอมแก้มกับคนอื่นก็เจ็บปวดแทบขาดใจ
“อืม สองอาทิตย์นี้เราห่างกันก่อนได้ไหม” ร่างบางถาม คำถามที่เหมือนคนตอบถูกทุบด้วยค้อนอันใหญ่
ทุกคนนั่งอึ้งไปกับประโยคนั้น
“แค่สองอาทิตย์แล้วมันจะเหมือนเดิม”
“สองอาทิตย์นี้เราก็เหมือนเดิมไม่ได้เหรอ” คยูฮยอนถามต่อใบหน้าหล่อเศร้าสลด
“ยูชอนจะสงสัย” คนน่ารักว่า
“ไม่ยอมอ่ะ
ผมจะเหมือนเดิมถ้าตอนอยู่มหาลัยไม่เหมือนก้ได้แต่ทุกวันผมจะมาที่นี่” เรียวอุคแย้งขึ้นมา
“ผมด้วย”
เยซองรีบตามเพราะจำทแบบนั้นอยู่แล้ว
“แต่ว่า”
“แค่ตอนเย็นเท่านั้นเอง ไม่ได้เหรอ”
คนน่ารักทำท่าจะค้านแต่ก็เจอประโยคพร้อมกับสายตาอ้อนๆของฮันกยองและทุกคนเข้าไปก้ถึงกับใจอ่อนยวบ
“ก็ได้” ฮยอกแจตกลงออกมาในที่สุด
หลังจากวันนี้เรื่องวุ่นๆคงตามมาอีกมากเลยสินะ
เป้นกำลังใจให้ฮยอกด้วยนะยูโนว
“ฮยอก ตื่นรึยังครับ”
ยุนโฮเอ่ยถามแม่บ้านทันทีที่เดินเข้ามานั่งในห้องรับแขก
“กำลังแต่งตัวอยู่ รอซักครู่นะคะ”
แม่บ้านตอบกลับอย่างสุภาพก่อนจะเดินเลยออกไปเพื่อหาน้ำมารับรองแขกของคุณหนูที่มาเยือนในวันหยุด
“อ้าว ยุนมารอนานแล้วเหรอ”
ร่างบางที่เพิ่งเดินลงบันไดบ้านมาชะงักขาอยู่กับที่แล้วยิ้มเจื่อนๆไปให้คนที่ได้ชื่อว่าแฟน
ก่อนที่ขาเรียวจะพาเจ้าตัวมาลงนั่งข้างๆกันบนโซฟา
“ไม่นานหรอก เพิ่งมาถึงเอง”
ตอบเสียงอ่อนโยนแล้วยิ้มให้น้อยๆ แต่ใบหน้าที่ดูเครียดทำให้ฮยอกแจสังเกตเห็นได้
“ยุนมีอะไรรึเปล่า ดูเครียดๆนะ”
เสียงใสถามออกไปแล้วหันไปมองหน้าคนที่นั่งข้างๆเต็มตา
“หืม เปล่านี่”
เสียงทุ้มตอบกลับมาแต่ไม่ยอมสบตาคนที่จ้องมาแม้แต่น้อย
“มีความลับกับแฟนได้ยังไงกัน”
ร่างบางว่ากอดอกนิ่ง จนยุนโฮหัวเราะออกมาน้อยๆกับคำนั้น ‘แฟน’
“พูดแบบนี้จะให้ไม่บอกได้ยังไงกัน”
“ก็บอกมาสิ”
พูดจบก็เอาหัวตัวเองไปวางบนตักกว้างอย่างออดอ้อน
ยุนโฮมองคนบนตักน้อยๆมือแกร่งจับมือนิ่มไปด้วยแล้วทอดถอนหายใจอย่างลำบากใจก่อนจะขยับปากเล่า
“วันนี้ ทางผู้ใหญ่จะกำหนดวันหมั้นของฉันกับยุนอา”
“…”
“แต่ว่าฉันหนีออกมาก่อน”
ยุนโฮเลือกที่จะสรุปเพียงสั้นมากกว่าที่เล่าถึงรายละเอียดที่มาทะเลาะกันใหญ่โตภายในบ้าน
ถึงขนาดที่ผู้ใหญ่ต้องประกาศตัดความสัมพันธ์กันเพราะยุนโฮและยุนอาที่ชี้หน้าอย่างเคียดแค้นพร้อมกับคำพูดที่ทำให้ยุนโฮต้องเครียดมาจนถึงนาทีนี่
…
แกอย่าคิดว่าจะมีความสุขกับฮยอกแจได้เลย
…
“อ่า ยุนทำไมใจร้อนล่ะ”
เสียงหวานถามแต่ก็รับรู้ได้ถึงความทุกข์ใจของอีกฝ่าย
“สถานการณ์มันพาไปนี่นา”
แค่ได้ยินถ้อยประโยคอ่อนหวานของคนที่ตัวเองรักกลับทำให้รู้สึกสบายใจได้อย่างประหลาดจนยุนโฮอดยิ้มกว้างออกมาไม่ได้
“แล้วเราต้องทำยังไงต่อล่ะ”
ฮยอกแจถามต่อ
“ก็ไม่มีงานหมั้นแล้ว ทุกอย่างจบแล้ว” ยุนโฮพูดประโยคนี้ออกไปอย่างยากลำบาก ทุกอย่างจบแล้วนั่นหมายถึง
เขากับฮยอกแจจะต้องยุติข้อตกลงเพียงเท่านี้
“ยุนเครียดมากเหรอ”
เสียงหวานถามต่อด้วยความเป็นห่วง
มือนิ่มเลื่อนขึ้นไปจับใบหน้าหล่อของอีกคนไว้แล้วลูบอย่างแผ่วเบา
“ก็เครียดนะ” ยุนโฮตอบกลับ
แต่เรื่องที่ฮยอกแจเข้าใจว่าอีกคนนึงเครียดนั้นไม่ตรงกัน
หนึ่งคน กลัวว่าอีกคนจะเครียดเพราะจะมีงานหมั้นเกิดขึ้นอีกครั้ง
อีกคน เครียดเพราะกลัวว่าความสัมพันธ์แบบนี้จะจบลง
“เครียดทำไมอ่ะ บอกฮยอกสิ”
ร่างบางถามแล้วยิ้มให้อย่างน่ารัก จนยุนโฮอดไม่ได้ที่จะยิ้มตามรอยยิ้มสดใสนั้นไปบ้าง
“กลัวว่าความสัมพันธ์ของเราจะจบลงตั้งแต่ตอนนี้” ในที่สุดก็พูดออกมา
“ยุนจะเสียใจมากใช่ไหมถ้าฮยอกจะบอกเลิกความสัมพันธ์ตอนนี้” คนสวยถามพร้อมกับยกหัวขึ้นมาจากตักกว้าง
“จริงๆ คงใช้คำว่าเสียใจมากไม่ได้หรอก” ร่างสูงตอบกลับ เพราะตอนนี้มันก็เจ็บจนถึงอยู่แล้ว
“ไม่เอาสิยุน
ยุนจะรับได้เหรอถ้าฮยอกยังเห็นแก่ตัวอยู่แบบนี้” ร่างบางว่า
“เห็นแก่ตัว?”
ยุนโฮทวนคำด้วยความสงสัย
“ใช่ฮยอกเห็นแก่ตัว ในขณะที่ยุนเป็นแฟนกับฮยอก
ฮยอกยังนอนกอดอยู่กับใครหลายๆคน ในขณะที่ฮยอกคุยโทรศัพท์กับยุน ฮยอกยังจับมืออยู่กับคนอื่น
ยุนจะรับได้เหรอในเมื่อฮยอกมีหัวใจหลายดวง”
ร่างบางอธิบายจนยืดยาว
ในขณะที่พวกอีทึกทยอยกันเดินลงด้านล่างเพราะเริ่มเป็นหัวใครบางคน
“แต่ยุนมาทีหลัง ยุนไม่มีสิทธิ์ท้วง”
“ยุน ยุนจะเจอคนที่ดีกว่าฮยอกอีกนะ” ร่างบางพูดเสียงหวานแขนเล็กโอบรอบเอวหนาไปด้วย
“เจอคนที่ดีกว่า
แต่หัวใจยุนก็จะมีแต่ฮยอกแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร”
อีกคนตอบกลับพร้อมกับรัดร่างบางเข้ามาใกล้มากขึ้น
คนที่ยืนมองอยู่ได้แต่ยืนมองนิ่งๆอย่างเข้าใจ
หากหัวใจของฮยอกแจมีได้มากกว่าหนึ่งดวงก็คงดี
“ยุน รับได้เหรอที่ฮยอกจะมีใครอีกหลายคน” ฮยอกแจถามออกไป พร้อมกับเดินไปจับมือคยูฮยอนลากออกมาคนแรก
คนอื่นๆเลยเดินตามออกมาด้วย
“ในขณะที่ยุนมีฮยอกแค่คนเดียวแต่ฮยอกกลับมี คยูฮยอน
คิบอม ดงเฮ เยซอง เรียวอุค ซองมิน พี่ทึก พี่ซิน พี่ฮัน ซีวอนด้วย” เสียงหวานพูดต่อแล้วมองหน้ายุนโฮนิ่ง
“ถ้าฉันยอม…”
ยุนโฮพูดออกมาแค่นั้นก่อนความเงียบจะเข้าปกคลุมห้องรับแขกกว้างนั่นทันที
ทุกคนยืนนิ่งเพื่อรอฟังการตัดสินใจของฮยอกแจ
“ฮยอก พวกเราไม่มีปัญหาหรอกนะ”
ฮีชอลพูดออกมาในที่สุด
“…”
“ฮยอก พวกเราทนได้นะถ้านายจะมียุนโฮอีกคน
แต่ขอให้ยุนโฮเป็นคนสุดท้ายได้ไหม”
ซองมินถามขึ้นเพราะแค่นี้แค่เศษหัวใจของฮยอกแจเขายังไม่รู้เลยว่าจะได้รับมันหรือเปล่า
“…”
“พี่ฮยอก ผมทนได้นะ”
คยูฮยอนบอกมาอีกคนแต่ก็ต้องเบือนหน้าไปทางอื่น รักผมบ้างก็พอ
“…”
“พวกเรารักนายเหมือนกับที่ ยุนโฮรักนาย” ฮันกยองพูดออกมาอีกครั้ง
ยังไม่เข้าใจตัวเองเช่นกันว่าทำไมต้องยอมฮยอกแจขนาดนี้ทั้งๆที่พวกเขาต่างมีคนวิ่งเข้าหาให้เลือกไม่เว้นแต่ละวัน
“…”
“ยอมให้พี่มีใครอีกคน แต่ยังใส่ใจผมบ้าง
ยิ้มให้ผมบ้างก็พอ” คิบอมพูดออกมา
คำพูดนั้นทำให้ฮยอกแจต้องเดินเข้าไปโอบกอดคิบอมเอาไว้
เข้าใจความรู้สึกของคนที่ไม่ได้เป็นหนึ่งเดียว
“…”
“ฉันจะทนถ้านายยังรักเราเหมือนเดิม” ซีวอนบอก
“ฮยอก ขอโทษ”
เสียงหวานเอ่ยออกมาพร้อมกับผละออกจากอกอุ่นของคิบอมไปยืนมองทุกคนนิ่งๆ
“ไม่เคยโกรธเลย สาบานได้”
ดงเฮตอบกลับทันทีเพราะพวกเขาเองก็เต็มใจให้เป็นแบบนี้
“แค่ยุนอีกคนเดียว ฮยอกสัญญาจะมีแค่ยุนเป็นคนสุดท้าย” เสียงหวานพูดต่อ แม้จะดูเห็นแก่ตัวไปบ้างแต่การที่จะให้ใครคนใดคนหนึ่งเจ็บมากๆอยู่ฝ่ายเดียวมันก็ไม่ยุติธรรมเอาซะเลย
ใช่ว่าฮยอกแจจะไม่เจ็บที่เป็นแบบนี้ ยังไงก้เจ็บพอกัน
“แล้วรักพวกเราเท่าเดิมไหม”
เรียวอุคถามต่อด้วยความหวาดหวั่น
“รักพวกนายเท่าเดิมสิ”
คนสวยตอบกลับทันทีพร้อมกับระบายยิ้มน้อยๆ
“รักพวกเราเท่ากันไหม”
เยซองถามต่อออกมาอีก
“เท่ากันและก็จะใส่ใจทุกคนเท่ากันด้วย” ร่างบางว่าพลางเดินไปหอมแก้มของคนรอบห้องด้วยหัวใจเบิกบาน
ยุนโฮยิ้มรับก่อนจะค้อมขอบคุณให้กับทุกคน
แม้จะต้องแบ่งเศษใจจากฮยอกแจแต่ที่ทุกคนพร้อมที่จะคิดเหมือนกันคือ
“พวกเราจะรักนายคนเดียวตลอดไป”
“ฮยอกกินนี่ไหม”
ยุนโฮเอ่ยถามพร้อมกับลงนั่งข้างๆคนตัวเล็กที่นั่งเล่นเกมส์อยู่กับคยูฮยอน
มีเรียวอุคคอยนั่งเชียร์อยู่ข้างๆ
วันนี้เป็นอีกวันหยุดที่ทุกคนมารวมตัวกันที่คฤหาสน์ของฮยอกแจ
บางคนก็จับจองลากที่นอนปิกนิกมาปูเพื่อนอนบนพื้น ฮยอกแจไล่ให้ไปนอนบนห้องดีๆก็ไม่ยอมไปด้วยเหตุผลที่ว่าจะอยู่ใกล้ๆฮยอกแจ
มีฮันกยองกับลีทึกหายเข้าไปทำอาหารในครัว
“นี่ของยุนคืออะไรอ่ะ”
เสียงใสถามแต่ตากลมยังจ้องโทรทัศน์ไม่วางตา มือเล็กก็ขยับยุกยิกไปด้วย
“อ๊า! แพ้อีกแล้วอ่ะ” ร่างบางพูดขึ้นหลังจากนั้นไม่นานเท่าไหร่มือเล็กวางจอยสติ๊กลงพร้อมกับเอนหัวกลมๆไปวางพิงไว้บนไหล่กว้างของคยูฮยอน
“สตอร์เบอร์รี่สด กินไหม”
ยุนโฮตอบก่อนจะจิ้มลูกสีแดงสดมาจ่อไว่ที่ปากเล็ก
ดงเฮที่เดินมาจะเล่นเกมส์งับเข้าไปซะก่อนแล้วยักคิ้วกวนประสาทไปให้ยุนโฮ
“ออบอุนอ๊ะ(ขอบคุณนะ)” กินเต็มปากแต่ก็ยังจะพูด
“ด๊องนี่” ฮยอกแจหันไปว่าแล้วก็อ้าปากรอให้ยุนโฮป้อนมาใหม่
ยุนโฮหันไปจิ้มก่อนจะป้อนเข้าไปที่โพรงปากเล็ก คนตัวเล็กยิ้มรับก่อนจะเคี้ยวตุ้ยๆ
“ง่วงงง”
อยู่ดีๆซองมินที่นอนอยู่บนโซฟาก็ลุกขึ้นมานั่งโวยวาย
ทำให้ฮยอกแจผงกหัวขึ้นมาจากบ่าของคยูฮยอนมองคนโวยวายงงๆ
“เป็นอะไรมิน” เสียงใสร้องถาม
“ง่วงอ่ะ แต่นอนไม่หลับ”
กระต่ายน้อยว่าแล้วเดินมาลงนั่งพื้นข้างๆฮยอกแจด้วยการถีบดงเฮให้ออกไปไกลๆ
“งั้นมานอนตักฮยอก”
ร่างบางว่าพร้อมกับขยับตัวนั่งปัดตักให้เรียบร้อย
ซองมินยิ้มกว้างแล้วรีบคลานเข้าไปวางหัวตัวเองลงบนตักนิ่ม
“ขี้โกงชะมัด” เสียงของคยูฮยอนพูดขึ้น
“เห้ย ฉันก็เล่นตามกฎนี่”
ดงเฮที่เล่นอยู่ข้างๆหันไปตอบงงๆ
“ไม่ใช่พี่ด๊อง พี่มินต่างหาก”
อีกคนว่าดงเฮเลยหัวเราะออกมา มองฮยอกแจที่เอามือลูบผมซองมินไปด้วยอย่างอ่อนโยน
ซองมินหลับพริ้มลงไปบนตักนิ่ม
ยุนโฮลงนั่งบนโซฟาพร้อมกับทำหน้าที่ป้อนคนตัวเล็กไปเรื่อยๆ
“โห นี่จะสบายเกินไปหน่อยมั้ง”
คุณชายชเวที่เพิ่งมาถึงเดินเข้ามาทำราวกับตัวเองเป็นเจ้าของบ้าน
ยามที่หน้าประตูรั้วก็ต้องทำงานหนักด้วยการจดจำหมายเลขทะเบียนรถของเหล่าบรรดาเมะของคุณหนูให้ได้บางวันก็เกิดอารมณ์ดีเปลี่ยนคันมาทำเอาวุ่นกันไปหมด
“อะไรที่แกเรียกว่าสบาย”
ดงเฮถามแต่ตามองเกมส์ไม่ได้สนใจเพื่อนซักนิด
“ก็ดูดิมาอยู่บ้านชาวบ้านเค้ายังไม่ทำตัวให้มีประโยชน์อีก” ซีวอนพูดต่อแล้วส่ายหน้าอย่างระอา
“ว่าแต่ไอ้ป่องไปไหนเนี่ย”
ยุนโฮถามขึ้น
“วันนี้อาจารย์นัดเรียนเพิ่มน่ะ มาเย็นๆนู่นแหละ” เยซองที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ข้างๆตอบ
ซีวอนมองหาที่นั่งที่ใกล้ฮยอกแจมากที่สุดก่อนจะมองเห็นที่เหมาะๆ
ร่างสูงลงนั่งก่อนจะวางหัวตัวเองลงไปบนตักนิ่มอีกข้าง
“อ๊ะ! ซีวอนก็ง่วงเหรอ” ร่างบางร้องถาม แต่ก็ขยับให้ซีวอนได้นอนดีๆ
“ไม่ง่วงหรอก แต่อยากอ้อน”
ซีวอนตอบแล้วยกมือแกร่งขึ้นมาจับมือนิ่มเอาไว้ ยุนโฮได้แต่มองแล้วยิ้ม
“ยุนหมดแล้วเหรอ อยากกินอีกอ่ะ”
พอยุนโฮหยุดป้อนคนตัวเล็กก็ร้องขอเอง
ทำให้ยุนโฮรีบลุกเดินหายไปในครัวแต่ก็ต้องรีบถอยหลังออกมาเมื่ออีทึกกับฮันกยองช่วยกันยกเค้กก้อนใหญ่ที่หายเข้าไปทำมาครึ่งวัน
“ว้าว น่ากินจัง” เสียงใสร้อง
เยซองรีบลุกขึ้นเพื่อให้สองคนวางเค้กได้อย่างสะดวก
“คยูไปกินกันก่อนเถอะ”
ดงเฮว่าแล้วกดหยุดเกมส์ก่อนจะเดินไปนั่งบนโซฟาทันที
ฮยอกแจได้แต่ทำหน้าน่าสงสารเพราะไม่สามารถลุกไปได้ติดที่หัวของใครอีกสองคน
“ก็ลุกมาเลยสิตัวเล็ก”
ฮีชอลที่หายขึ้นไปอาบน้ำเดินลงมาบอกทั้งๆที่ยังใส่แค่กางเกงบอกเซอร์ตัวเดียว
คนตัวเล็กมองแล้วแอบหน้าแดง
“เขินอะไรตัวเล็ก หุ่นดีใช่ไหมล่ะ” ฮีชอลได้ทีแหย่ ฮยอกแจยิ้มออกมาอายๆก่อนจะพยักหน้ารับ
ท่าทางน่ารักนั่นทำให้ฮีชอลอดที่จะหอมแก้มใสไปแรงๆไม่ได้
“พี่ซินขี้โกง”
ซองมินลืมตาขึ้นมาพูดแล้วผลักหน้าฮีชอลออก ฮีชอลหัวเราะน้อยๆแล้วดึงให้ฮยอกแจลุกขึ้นทำให้ซองมินกับซีวอนหัวกระแทกพื้นไปเต็มๆ
“โอ๊ย พี่ซินใจร้ายอ่ะ”
ซีวอนร้องเอามือคลำหัวป้อยๆ
ฮยอกแจหัวเราะน้อยๆแล้วเดินตามแรงดึงมือของฮีชอลไปลงนั่งบนตักของเยซองที่อ้าแขนรออยู่ก่อนแล้ว
“ทำไมพี่ทึกกับพี่ฮันเกิดอารมณ์ดีอยากทำเค้กล่ะฮะ”
ซองมินถามพร้อมกับจ้องรุ่นพี่นิ่งฮีชอลที่เดินตามมาทีหลังนั่งเบียดลงไประหว่างคยูฮยอนกับเยซองพร้อมกับดึงฮยอกแจให้มานั่งตักของตัวเองแทน
“นั่นสิฮะ ผมก็อยากรู้”
เยซองถามออกมาอีกคน อีทึกกับฮันกยองหันไปมองหน้ากันก่อนจะยิ้มกว้าง
“อาทิตย์ที่แล้ววันนี้เราทำอะไรกันล่ะ” ฮันกยองถามกลับทำให้แต่ละคนนึกกันไปเรื่อยๆ
“นี่มันวันเสาร์ อาทิตย์ที่แล้ววันเสาร์เราทำอะไรหว่า” ฮีชอลก็ทำเป็นนั่งคิด
“นั่นสิฮะ เราทำอะไร”
เรียวอุคพูดขึ้นอีกคน
ฮยอกแจเอานิ้วเล็กมาจิ้มที่ปากพลางทำหน้าคิดทำให้เยซองกับคยูฮยอนที่นั่งมองภาพน่ารักนั้นก็หอมแก้มใสคนละข้าง
“คยูเยนี่ กวนสมาธิเค้าทำไม”
คนสวยว่าไม่จริงจังนัก
“เมื่อไหร่คิบอมจะมาน๊า”
เสียงหวานถามต่อเพราะไม่เห็นหน้าคิบอมก็เลยคิดถึงขึ้นมา
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่องสิตัวเล็ก คิดออกยังเอ่ย” อีทึกหันมาพูดแล้วเอื้อมมือมาขยี้ผมนุ่มจนยุ่ง
“ก็ฮยอกคิดไม่ออกนี่นา พี่ทึกช่วยคิดหน่อยสิ” คนตัวเล็กว่าแล้วยิ้มอ้อนๆ
“ไม่ได้หรอก เราต้องคิดเองไม่งั้นอดกินเค้กนะ” อีทึกว่า
“ง่า”
คนตัวเล็กครางแล้วเงียบเสียงลงเพื่อครุ่นคิดอีกครั้ง
“พี่ฮันบอกฮยอกเถอะ น๊า”
ร่างบางก็หันไปอ้อนอีกคนแทนก่อนจะย้ายตักไปนั่งบนตักของฮันกยองแทนใบหน้าหวานก้มลงคลอเคลียกับบ่ากว้าง
“เอ่อ ก็”
“ฮันกยอง”
อีทึกส่งเสียงห้ามคนที่กำลังใจอ่อน
“พี่ทึกอย่าใจร้ายสิฮะ”
ร่างบางว่าแล้วส่งสายตาอ้อนวอนจนอีทึกหุบปากฉับแล้วพยักหน้าให้เพื่อนบอกได้
“ก็วันนี้ครบรอบหนึ่งอาทิตย์ที่พวกเราคบกันไง” ฮันกยองเฉลยออกมา ฮยอกแจเบิกตาค้างอย่างตกใจกับรายละเอียดเล็กๆน้อยๆนั้น
“ขอให้เรารักกันนานๆ”
ฮันกยองพูดพร้อมกับหยิบสร้อยคอเส้นเล็กมาบรรจงสวมให้คนที่นั่งอยู่บนตัก
ตากลมโตเอ่อคลอด้วยน้ำตาอย่างปลาบปลื้ม
“ขอให้ฮยอกรักพี่แบบนี้ตลอดไป”
อีทึกพูดเป็นคนที่สองพร้อมกับหยิบสร้อยข้อมือออกมาใส่ให้ ฮยอกแจยกมืออีกข้างขึ้นมาปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นไว้
อีทึกยิ้มให้อย่างอบอุ่นก่อนจะจูบซับที่พวงแก้มใส
“อ่า ขอบคุณที่พี่รักเรานะครับ”
คยูฮยอน เยซองและเรียวอุคเดินเข้ามาพูดพร้อมกัน
พร้อมกับหยิบผ้าพันคอที่ดูบิดๆเบี้ยวๆออกมาจากถุง
“เอ่อ นี่ผ้าพันคอหรือสาหร่ายอ่ะ” ฮีชอลส่งเสียงแซวทำเอาน้องเล็กทั้งสามหน้าขึ้นสี
“ก็คนไม่เคยทำอ่ะ”
เรียวอุคเถียงแล้วยิ้มเขิน
“พวกนายก็จำได้เหรอ” เสียงใสถาม
อีกสามคนพยักหน้ารับ
“ขอบใจนะ”
ฮยอกแจพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนไปหยิบผ้าพันคอออกจากมือของคยูฮยอนแล้วพันรอบคอของตัวเองก่อนจะหอมแก้มอีกสามคน
“รักพี่นะฮะ”
ทั้งสามพูดพร้อมกันแล้วถอยกลับไปนั่งที่เดิม
“อ่า ก็อยากให้นายใส่เสื้อของฉันอ่ะ ฉัน คิบอม
ซีวอนไปซื้อมาด้วยกันเลยนะเสื้อหนาวตัวนี้อ่ะ”
แล้วดงเฮก็เดินมาพูดพร้อมกับซีวอน เพราะคิบอมยังไม่มา
ฮยอกแจคลี่เสื้ออกแล้วมองเสื้อสีชมพูอ่อนสดใสนั้นอย่างชอบใจก่อนจะสวมทับไปทันที
“ขอบใจนะ”
เสียงหวานเอ่ยเขินๆก่อนจะจุ๊บแก้มใสของอีกสองคนไป
“อะแฮ่มๆ เหลือพี่”
ฮีชอลเรียกร้องความสนใจขึ้นมาก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าร่างเล็ก
“ฮะ”
ฟรึ่บ…
มือเรียวก็วางหมวกใบนุ่มลงบนหัวเล็กซะก่อน
ฮยอกแจยิ้มกว้างพร้อมกับเขย่งปลายเท้าไปจุ๊บแก้มของฮีชอลที่ยืนเขินอยู่
ไม่ต้องอาศัยคำพูดใดๆก็รับรู้ได้จากจิตใจ
ครืดๆๆๆ
เสียงโทรศัพท์เครื่องหรูของฮีชอลสั่นในกระเป๋ากางเกงก่อนที่เจ้าตัวจะหยิบออกมาดูเบอร์ที่ไม่คุ้นตาแล้วกดรับ
“คิบอมกำลังมีเรื่องเหรอ!”
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ”
อีทึกตะโกนลั่นพร้อมกับเดินแหวกเข้ามาท่ามกลางฝูงชนที่ออกันหนาแน่น
แล้วมองคนสองคนกลางวงอย่างตกใจ ข้างนึงคือคิบอม อีกข้างคืออิมยุนอา
คนที่ยุนโฮเพิ่งจะถอนหมั้นไป
“พี่ทึก”
คิบอมหันมาเรียกรุ่นพี่พร้อมกับมองไปยังฮยอกแจด้วยแววตาอบอุ่น
“เกิดอะไรขึ้นน่ะคิบอม”
เรียวอุคส่งเสียงถามอีกคน
“หึหึ ก็แค่ผู้หญิงหน้าด้านไม่มีอะไรหรอก” คิบอมตอบแต่คำตอบนั้นทำให้ยุนอาแทบคลั่ง
“พูดแบบนี้หมายความว่าไง ใครหน้าด้านกันแน่” เสียงแหลมหวีดลั่น จนคนอื่นๆได้แต่อุดหู ฮยอกแจยืนมองยุนอานิ่งๆ
“เธอนั่นแหละ หุบปากไป”
คิบอมหันไปตวาดกลับ มือแกร่งกำแน่น อยากจะชกผู้หญิงขึ้นมาเป็นครั้งแรกในชีวิต
“ปกป้องกันดีนัก
ไอ้คนไร้ยางอายแย่งได้แม้กระทั่งคู่หมั้นของคนอื่น”
ยุนอาพูดต่ออย่างไม่สะทกสะท้าน
ฮยอกแจหันไปมองอึ้งๆแต่ก็ไม่ได้เปิดปากพูดอะไรข้างกายที่ดงเฮกับคยูฮยอนโอบเอวเอาไว้อย่างปกป้อง
คำพูดนั้นทำให้ยุนโฮต้องก้าวออกไปเผชิญหน้าคนที่เกลียดแสนเกลียด
“ฮยอกแจไม่ได้แย่ง แต่ฉันทิ้งเธอไปเองต่างหาก” ยุนโฮพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย นักศึกษาแถวนั้นพากันส่งเสียงฮือฮาขึ้นมา
ยุนโฮได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา ขนาดยืนอยู่หน้าตึกติดถนนใหญ่ยังไม่อายเลยเหรอเนี่ย
“กรี๊ดดดดดดดด”
เสียงหวีดลั่นจนซองมินต้องเอามืออุดหูให้ฮยอกแจแทบไม่ทัน
“หุบปาก” ฮีชอลตวาดลั่น
“พวกแกปกป้องมันได้ยังไง ฉันสิที่ต้องเจ็บปวดไม่ใช่มัน” ยุนอาพูดเสียงกร้าว
“ต้องเจ็บปวดยังไงล่ะ
เจ็บปวดเพราะทำให้ยูโนวตายด้วยน้ำมือตัวเองน่ะเหรอ”
ยุนโฮตอกกลับทันที
“หมายความว่าไงอ่ะยุน”
ฮยอกแจปราดเข้าไปถามอย่างสงสัย พร้อมกับจ้องหน้ายุนโฮนิ่งเพื่อเค้นเอาคำตอบให้ได้
“บอกฮยอกเถอะ” เสียงหวานร้องขอ
“ฉันบอกแกให้ดีไหม”
เสียงแหลมของยุนอาดังแทรกเข้ามาซะก่อน ทำให้ร่างบางหันไปมองคนพูด
“ก็ดี”
“วันนั้น ฉันเป็นคนนัดยูโนวออกมาเองนั่นแหละ เพราะแก” ยุนอาเริ่มเล่า
“เกี่ยวอะไรกับฉันด้วย”
ฮยอกแจถามอย่างงงเต็มที่
ซีวอนกับเยซองดึงแขนเล็กให้ออกห่างยุนอาเพราะรับรู้ถึงลางไม่ดี
“เพราะแกเป็นแฟนกับเขา ฉันต้องการให้แกเลิกกัน”
“เพื่ออะไร” ซองมินถามกลับทันที
นึกแค้นใจขึ้นมา
“เพื่อความสะใจไงล่ะ ฮ่าๆๆ”
ยิ่งพูดยุนอายิ่งดูเหมือนคนบ้าเข้าไปทุกทีจนฮยอกแจต้องเดินถอยหลังลงไปยืนหลบอยู่หลังซีวอน
“เธอมันบ้าไปแล้ว”
คิบอมตะคอกกลับมา
“ใช่ ฉันบ้า บ้าที่รักไอ้แฝดคู่นี้ไง
ทั้งๆที่มันสองคนไม่มองฉันเลย” ยุนอายังคงพูดต่อ
“…”
“พอไอ้หน้าโง่นั่น เดินหนี รู้ไหมเกิดอะไรขึ้น” ยุนอาเล่าอย่างเลื่อนลอยเต็มทน
“เธอมันบ้าจริงๆ” ดงเฮย้ำออกมา
“ฉันก็เลยผลักยุนโฮออกไปกลางถนนไง แล้วก็โดนรถชนตาย
ฮึก ต่อหน้าฉัน”
ยุนอาเล่าจบก็ทรุดตัวลงร้องไห้โฮกับพื้นอย่างไม่อายใคร
“เธอฆ่ายูโนวงั้นเหรอ”
ฮยอกแจถามเสียงสั่น รับไม่ได้กับความจริงที่ได้ยินจากปากของอีกคน
“ฉันไม่ได้ฆ่าเขา”
ยุนอาปฏิเสธลั่นหน้าตาหวาดกลัว พร้อมกับมือที่ถูกยกขึ้นมาปิดหูปิดตาตัวเองเอาไว้ราวกับคนสติไม่ดีเต็มขั้น
“เธอมันฆาตกร”
ซองมินพูดพร้อมกับเหยียดยิ้มอย่างสมเพช
“ไม่ ฉันบอกว่าฉันไม่ได้ฆ่าเขาไง” ยุนอาเถียงดังลั่น
“แต่เธอผลักเขาลงถนน”
เรียวอุคแย้งกลับ ยิ่งทำให้ยุนอาร้องไห้ราวกับจะขาดใจตายก็ไม่ปาน
“ไม่จริง ยูโนวโดนรถชนตายเอง ไม่จริ๊ง”
“…” ทุกคนได้แต่ยืนมองภาพที่น่าเวทนานั้น
“ฮยอกแจ สุขสันต์วันครบรอบหนึ่งอาทิตย์นะ”
คิบอมก้าวเข้ามาประชิดตัวพร้อมกับพูดขึ้นยิ้มๆไม่สนใจสิ่งมีชีวิตที่แทบจะลงไปดิ้นเร่าๆกับพื้นแม้แต่น้อย
“ขอบใจนะ”
เสียงหวานตอบรับพร้อมกับยิ้มหวานไปให้คนตรงหน้า
มือเล็กกระชับเสื้อหนาวที่สวมอยู่ไปด้วย
“นายชอบเสื้อฉันใช่ไหม”
คิบอมถามแล้วก้มลงหอมแก้มใสของฮยอกแจ
นักศึกษาหลายคนพากันอมยิ้มเขินแทนควีนของมหาลัย
“ของซีวอนกับด๊องด้วยต่างหาก”
ฮยอกแจเถียงกลับ พลันตาสวยก็เหลือบไปมองยุนอาที่เอาแต่นั่งก้มหน้าร้องไห้อย่างนึกสงสาร
“ยุนอา ลุกขึ้นเถอะไม่มีใครเอาผิดเธอหรอกนะ” เสียงหวานเอ่ยบอก ผละออกจากคิบอมแล้วเดินเข้าไปใกล้
“ฮึกๆ”
“ยุนอา อย่าร้องไห้มันผ่านไปแล้วนะ” ฮยอกแจส่งเสียงปลอบอีกครั้ง
“ฮือๆๆ”
“ยุน อ๊ะ”
ฮยอกแจสะดุ้งเฮือกเมื่ออยู่ดีๆคนที่ก้มหน้าร้องไห้ก็ลุกขึ้นมาจับตัวเขาล็อคไว้อย่างเร็ว
“แกมันโง่”
เสียงแหลมดูโหดเหี้ยมผิดปกติ
“แกจะทำอะไรฮยอกน่ะ”
อีทึกถามดังลั่น พร้อมกับมองอย่างไม่ไว้ใจ
คนอย่างอิมยุนอาทำได้ทุกอย่างเพื่อความสะใจ
“อย่าห่วงไปเลย”
ตอบกลับด้วยใบหน้าเลื่อนลอย
“ปล่อยพี่ฮยอกซะ” คยูฮยอนกสั่งแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล
“ให้ปล่อยเหรอ ได้”
ปี๊นนนน…..
เสียงแตรรถดังสนั่น
ก่อนที่รถคันหรูจะพุ่งตรงเข้าหาร่างบางของคนที่ถูกเหวี่ยงออกมากลางถนนอย่างกะทันหัน
ไม่ทันที่จะมีใครได้ช่วยหรือร้องห้าม
ร่างบางของฮยอกแจก็ถูกชนกระเด็นออกไปไกลแม้ว่าเจ้าของรถจะพยายามหักหลบแต่ก็ไม่พ้นอยู่ดี
“ฮยอกแจ!!”
ทุกคนถลาเข้าไปหาร่างที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้นถนนทันทีท่ามกลางความตกใจของนักศึกษาหลายคนตรงที่นั้น
ใบหน้าหวานที่เคยยิ้มสดใสตอนนี้ถูกอาบไปด้วยโลหิตมากมาย
มือเล็กที่คอยเกาะเกี่ยวตอนนี้กลับไม่มีแรงแม้แต่จะยกขึ้นมา
ตากลมโตสวยที่เคยฉายแววสดใส ตอนนี้ปิดสนิท
“ใครก็ได้ตามรถพยาบาลที”
อีทึกตะโกนเสียงดังลั่นราวกับคนเสียสติพร้อมกับทรุดลงนั่งร้องไห้อยู่ข้างๆร่างของผู้เป็นที่รัก
นักศึกษาตรงนั้นที่ได้ยินต่างกดโทรศัพท์กันมือสั่น
“เอาตัวยุนอา ไปส่งตำรวจด้วย”
ฮีชอลพยายามระงับอาการตกใจแล้วปลอบใจตัวเองว่าฮยอกแจจะไม่เป็นอะไร
ทั้งๆที่ตอนนี้แผ่นอกบางที่เคยกระเพื่อมเพราะการหายใจบัดนี้นิ่งสนิทไปแล้ว
ยูโนว นายจะมารับฮยอกแจไปจริงๆใช่ไหม…
“พี่ฮยอกแจเค้า ฮึก”
เรียวอุคร้องไห้พร้อมกับพรั่งพรูคำพูดออกมาแต่ทว่ากลับหยุดชะงักเพราะก้อนสะอื้นในอก
ทุกคนนั่งเงียบอยู่หน้าห้องฉุกเฉินตามเสื้อผ้าของแต่ละคนมีรอยเลือดติดจนเห็นชัด
บ่งบอกให้รู้ว่าคนเจ็บอาการหนักมากเพียงใด
“ฉันจะไปฆ่ามัน”
ฮันกยองลุกพรวดขึ้นยืนด้วยความเคียดแค้น
“นายใจเย็นๆสิฮัน”
ยุนโฮเงยหน้าขึ้นไปพูดพร้อมกับรั้งร่างของเพื่อนให้กลับลงมานั่งนิ่งๆเช่นเดิม
“พวกนายไม่ต้องทำอะไร ฉันส่งคนไปจัดการมันแล้ว” ซีวอนพูดเรียบๆแต่ทว่าหนักแน่น
ทำให้ทุกคนรับรู้ว่าป่านนี้ยุนอาคงจะหมดลมหายใจไปแล้ว
“ทำไมหายเข้าไปนานจัง”
คยูฮยอนเริ่มกระสับกระส่าย
คิบอมได้แต่ดึงมือเพื่อนเอาไว้ไม่ให้เดินวุ่นวายไปมากกว่านี้
การนั่งเฉยๆก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ร้อนใจ
“พวกนาย ฉันกลัว”
อยู่ดีๆซองมินก็พูดขึ้นพร้อมกับปิดหน้าร้องไห้ คำว่า
กลัวของซองมินทุกคนเข้าใจความหมายเป็นอย่างดี
“ใจเย็นๆนะซองมิน ฮยอกแจต้องไม่เป็นอะไร” ดงเฮเอ่ยปลอบทั้งที่ในใจรู้วึกว่ามันกำลังหวิวไม่เหมือนทุกที
ความรู้สึกแห่งการสูญเสียที่ไม่อยากจะเจอ
“ใช่พี่ฮยอกแจต้องไม่เป็นอะไร”
เยซองสำทับลงมาอีกครั้งราวกับจะปลอบใจตัวเองด้วยเช่นกัน ทุกคนนั่งประสานมือนิ่ง
แอ๊ด…
เสียงประตูห้องที่ถูกปิดสนิทไปเมื่อสามชั่วโมงก่อนถูกเปิดออก
ก่อนที่คุณหมอจะเดินออกมาด้วยใบหน้าเคร่งเครียดไม่เหมือนทุกที
“หมอฮะ เค้าเป็นยังไงบ้าง” ทุกคนถลาเข้าไปถามแทบจะทันที
“รู้สึกตัวแล้วครับ”
หมอหนุ่มเอ่ยตอบออกมาแต่ใบหน้ายังไม่คลายความกังวลลงไปได้เลย
“หมอฮะ อึก ผมอยากเจอพวกเค้า”
เสียงหวานเอ่ยกระท่อนกระแท่นหลังจากที่รู้สภาพของตัวเองดี
ภายในมันปวดร้าวเกินกว่าที่เยียวยาได้ แต่ก็ต้องกัดฟันทน
“เราต้องผ่าตัดนะครับ”
หมอหนุ่มรีบบอกเมื่อเห็นเลือดทะลักออกมาจากปากเล้กอีกรอบ
“มันไม่มีประโยชน์”
เสียงหวานตอบกลับพยายามใช้แรงอย่างมากในการเผยอเปลือกตาที่หนักอึ้งให้ลืมขึ้นมาให้ได้นานที่สุด
ต่อสู้กับความเจ็บปวดทางร่างกายเอาไว้เพื่อมองหน้าคนที่รักเป็นครั้งสุดท้าย
หมอหนุ่มพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะเดินออกไปตาม
“ฮยอกแจ เป็นยังไงบ้าง”
พอรู้ว่าคนรักฟื้นแล้วก็ถลาเข้ามากันในห้องผู้ป่วยแทบจะทันทีพร้อมกับใบหน้าเปื้อนยิ้มทุกคน
ฮยอกแจฝืนฉีกปากน้อยๆไปให้กับคนที่รายล้อม
ทั้งๆที่ก้อนเลือดมาจุกอยู่ที่ลำคออย่างจะกระอักออกไปเท่าไหร่ก็ทำไม่ได้
“อึก เจ็บ” เสียงหวานเอ่ยบอก
ก่อนที่มือนิ่มจะถูกคิบอมคว้าไปกุมเอาไว้
“พี่เจ็บมากใช่ไหม”
เสียงทุ้มเอ่ยถามแล้วกดจูบอย่างแผ่วเบาลงบนหลังมือขาว
ฮยอกแจยิ้มอ่อนๆส่งไปให้กับทุกคน
“พวกนาย ฟังฉันนะ”
เสียงหวานเอ่ยบอกก่อนจะกัดฟันเฮือกสุดท้ายตาสวยไล่มองไปเรียงคนราวกับจะจดจำทุกคนเอาไว้ในห้วงลมหายใจห้วงสุดท้าย
“นายจะพูดอะไร ไว้ค่อยพูดก้ได้”
ซองมินรีบห้ามเมื่อเห็นสีหน้าแสดงความเจ็บปวด
แต่ฮยอกแจส่ายหน้าห้ามน้อยๆทำให้ทุกคนเลือกที่จะยืนเงียบเพื่อรอฟัง
“อย่าปิดกั้นตัวเองเพราะฉัน”
“หมายความว่าไง”
ดงเฮสวนขึ้นทันที
“วันนี้เป็นวันครบรอบของเราใช่ไหม อ๊า
ฉันมีความสุขจังเลย” เสียงหวานยังคงพร่ำพูดไปเรื่อยๆ
แม้น้ำตาของเจ้าตัวจะไหลออกมาแล้วก็ตาม
รอยยิ้มที่หวานที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาประดับอยุ่เต็มใบหน้าสวย
แต่ตอนนี้คนมองกลับไม่อยากจะเห็นมันเอาซะเลย
“…”
“ดีใจที่ได้เจอกับพวกนาย”
“…”
“ดีใจที่เราได้รักกัน”
“ฮยอกแจ” อีทึกครางเรียก
คนที่นอนพร่ำพูดไม่ขาดปาก
“ฉันรักพวกนายทุกคน”
“…”
“อย่าสงสัยว่ารักใครมากกว่ากัน
เพราะถ้าขาดใครไปฉันก็ไม่มีความสุขเหมือนกัน”
“…”
“อ๊า เค้าเหนื่อยจังเลย”
เสียงหวานเอ่ยพูดแล้วมองไปทีละคนนิ่งๆ ซองมินกับเรียวอุคร้องไห้อย่างหนักขึ้นมาเมื่อเห็นเส้นชีพจรเต้นอ่อนลงเรื่อยๆ
“…”
“สัญญากับฮยอก”
“…”
“ถ้าไม่มีฮยอก ทุกคนจะต้องอยู่ต่อ อึก”
“…”
“อยู่เพื่อยิ้มแทนฮยอก”
“ไม่สัญญา
นายนั่นแหละอยู่แล้วยิ้มเองเราไม่ยิ้มแทนนายแน่นอน”
ยุนโฮสวนขึ้นทันที
“คำขอครั้งสุดท้ายของฮยอก”
เสียงหวานเอ่ยบอก ตาสวยค่อยๆถูกปกปิดด้วยเปลือกตาบาง
“สัญญา!” สิ้นคำของทุกคน
ฮยอกแจก็ยิ้มอย่างมีความสุขก่อนที่ตาสวยจะปิดลงพร้อมๆกับลมหายใจที่หมดลงไป
ร่างบอบบางที่เคยกอดตอนนี้นอนนิ่งสนิทอยู่บนเตียง
เสียงหวานที่เคยออดอ้อนต่อไปนี้จะไม่มีอีกแล้วเช่นกัน
ตี๊ด…….
เสียงสัญญาณ ที่บ่งบอกว่าคนรักได้จากไปตลอดกาล
“พวกเราก็รักนาย”
“ฮยอกแจ ฉันกำลังยิ้ม ยิ้มเพื่อนาย” ซองมินยืนอยู่หน้าแผ่นหิน
นี่ก็ผ่านมาครบรอบหนึ่งปีที่ฮยอกแจจากไปแต่ก็ไม่มีซักครั้งที่อีซองมินจะยิ้มได้จากหัวใจ
“ฉันรู้แล้วว่าการที่คนรักตายลงไป
มันทำใจยากที่จะให้กลับมายิ้มได้อย่างสดใส”
ซองมินยังคงพร่ำพูดต่อโดยที่ไม่รู้เลยว่า ดงเฮก็เดินเข้ามาหยุดยืนข้างหลังเช่นกัน
วันที่ทุกคนไม่เคย
ภาพที่คนรักตายไปต่อหน้าต่อหน้า
พร้อมกับของขวัญวันครบรอบที่ประดับอยู่บนลำตัว
รอยยิ้มสุดท้ายที่เห็น จะจดจำไว้ในหัวใจจวบจนวินาทีสุดท้ายเช่นกัน
“รักนายนะฮยอกแจ”
ซองมินพูดจบก็ก้มลงวางดอกไม้ช่อใหญ่ที่หน้าแผ่นป้ายทันที
“อ้าว ด๊องมานานแล้วเหรอ”
พอหันกลับมาเจอเพื่อนก็เอ่ยทักเสียงสดใสพร้อมรอยยิ้มที่มีให้กัน
ไม่ใช่ไม่เศร้า
แต่สัญญาไว้แล้ว ว่าจะอยู่เพื่อยิ้มแทนฮยอกแจตลอดไป
“ซักพักแล้วแหละ” ปลาน้อยตอบก่อนจะก้มลงนั่งวางดอกไม้เช่นกัน
เรียวปากสวยกดจูบลงบนแผ่นป้ายอย่างไม่นึกรังเกียจ
หนึ่งปีที่ฮยอกแจจากไปแต่ความรักที่มียังคงเดิม
“พวกนายสองคนมานานแล้วเหรอ”
เสียงของอีทึกเอ่ยทักพร้อมกับเดินเข้ามาพร้อมฮีชอล ยุนโฮและฮันกยอง
“ก่อนพี่ซักพัก”
ดงเฮตอบแล้วถอยออกไปยืนด้านหลัง
“คิดถึงนายจัง” ยุนโฮพูดก่อน
“หลับสบายไหมที่รัก อย่าฝันนานนักนะ เราคิดถึง” ฮีชอลเอ่ยพูดพยายามห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลแต่จนแล้วจนรอดก็ทำไม่ได้อยู่ดี
จนคนมาก่อนสองคนที่กลั้นน้ำตาเอาไว้ถึงกับน้ำตาแตกเช่นเดียวกัน
“ขอโทษครับที่มาช้า”
คยูฮยอนวิ่งเข้ามาพร้อมคิบอม ในมือถือกล่องของขวัญมาคนละชิ้น ก่อนจะก้มลงเอาวางไว้
“สุขสันต์วันครบรอบหนึ่งปี
กับอีกเจ็ดวันที่เรารักกันนะครับ” คิบอมเอ่ยบอกอย่างเจ็บปวด
อีกห้าคนล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงเช่นกันก่อนจะเดินนำของขวัญมาวางเอาไว้
“ฮ่าๆๆ พวกเรานี่ความจำดีเนอะ”
ฮันกยองพูดติดตลกพร้อมกับก้มลงไปวางของขวัญพร้อมๆกับคนอื่นที่ตอนนี้ร้องไห้ไปแล้ว
“คิดถึงพี่ที่สุด”
เรียวอุคที่เดินเข้ามาเป็นชุดสุดท้ายพร้อมกับเยซองและซีวอน
ทรุดลงนั่งร้องไห้เช่นวันนั้น วันที่ฮยอกแจจากไป
“เรียวอุคอย่าร้องไห้สิ”
ซีวอนปลอบแต่ตัวเองก็ทำไม่ได้เช่นกัน
“พวกเราถักเสื้อไหมพรมมาให้พี่
ปีที่แล้วพี่ได้ผ้าพันคอเบี้ยวๆไปปีนี้พวกเราสามคนตั้งใจทำมาเลยนะครับ”
เยซองพยายามพูดเพื่อให้บรรยากาศเศร้าสร้อยจางลงพร้อมกับนำเสื้อไปคลุมทับแผ่นหินเอาไว้ราวกับว่าได้คลุมให้ตัวคนรัก
แม้จะรู้ว่าฮยอกแจ จะไม่มีทางฟื้นขึ้นมาแต่ทุกครั้งที่ได้ลงมือถักเสื้อ
ก็มีความสุขทุกครั้ง เพราะทำให้คนรัก
ทำด้วยใจ
“เรากลับก่อนนะ” ฮีชอลเอ่ยบอก
มองตรงไปเบื้องหน้า ราวกับเห็นร่างของคนที่รักยืนอยู่ด้วยรอยยิ้ม
“แล้วจะมาหาใหม่นะครับที่รัก”
ฮันกยองพูดต่อ
“รักพี่นะครับ” คยูฮยอน คิบอม
เยซอง เรียวอุคพูดออกมาพร้อมกัน
“ที่นั่งข้างฉันมันว่างมานานแล้วนะฮยอก” ซองมิน
“หลับให้สบายนะคนดีของผม”
ดงเฮพูดพร้อมกัดริมฝีปากแน่นเพื่อไม่ให้ร้องไห้ออกมา
“อยู่นี่ดูแลตัวเองด้วยนะ”
ซีวอนเงยหน้าบอกไปกับสายลม
“คิดถึงพวกเราบ้างล่ะ” ยุนโฮ
“พักผ่อนพอแล้วก็กลับมาหาเราได้แล้วนะ” อีทึกบอกเป็นคนสุดท้าย ก่อนจะหันหลังกลับเดินออกไป
พร้อมกับสายลมอ่อนๆที่พัดเข้าไปกระทบใบหน้าของแต่ละคน
ทุกคนยกมือขึ้นจับแก้มของตัวเองสัมผัสได้ถึงความรักที่ถูกส่งออกมาจากคนที่จากไป ความรักจากอีฮยอกแจ
ฉันก็รักพวกนายเหมือนกัน
เสียงที่ถูกส่งออกไปตามสายลม แต่ไม่มีใครสามารถได้ยินได้เลย
ทุกคนรู้ว่าฮยอกแจไม่ได้ไปไหน ฮยอกแจยังคงอยู่
อยู่เป็นความรักที่สวยงาม
อยู่ในจิตใจของทุกคนตลอดไป
The End
No comments:
Post a Comment