Wednesday, September 17, 2014

Confession of a friend 3

                คิบอมค่อยๆ ปิดเปลือกตาลง ทั้งๆ ที่ขอบตานั้นร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง ร่างทั้งร่างโผเข้ากอดเพื่อนรักอย่างหาที่พึ่ง เสียงโฮของผู้ชายอกสามศอกดังลั่นขึ้นเหมือนคนจะเป็นจะตาย ความเปียกชื้นที่เสื้อของตนทำให้ดงเฮเริ่มปล่อยเขื่อนน้ำตาให้ทะลักออกมาบ้าง มันเจ็บ ปวดร้าวไปทั้วทั้งร่างกาย เหมือนทุกอย่างในโลกนี้กำลังมาถึงจุดดับ เหมือนว่าความจริงที่ต้องยอมรับกำลังมาเยือนแล้วจริงๆ
                ภาพของผู้ชายสองคนกกอดกันร้องห่มร้องไห้ ไม่ได้ทำให้จินตนาการไปถึงเรื่องรักร่วมเพศเลยแม้แต่น้อย กลับรู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่อึมครึม พูดออกมาเป็นคำพูดไม่ได้
                กู...โง่มากจริงๆ เป็นคำพูดแรกที่คิบอมเอ่ยออกมาหลังจากผละออกจากดงเฮ กูพอจะนึกออก เช้าวันนั้นที่มันจะบอกรักกู กูจำได้แล้ว
            “แต่มึง...
            “ปฏิเสธมันไป กูคิดว่ามันจะบอกเรื่องของมึงกับมัน
            “กูขอตบมึงอีกสักทีเหอะ เลวเอ้ยยดงเฮพูดขู่ๆ ไปพลางช่วยพยุงคิบอมให้ลูกขึ้นยืน เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ผู้ชายร่างสูงโปร่งใส่เสื้อกราวน์สีขาวเดินออกมาจากห้องฉุกเฉินพอดิบพอดี
                หมอ! เพื่อนผมเป็นไงมั่งคิบอมปรี่เข้าไปถามทันที อยากจะเข้าไปบอกฮยอกแจว่าเขาคิดยังไง รู้สึกยังไง อยากจะสะสางทุกๆ อย่างให้กระจ่างสักที
                ปลอดภัยแล้วครับ เดี๋ยวหมอจะให้ย้ายไปอยู่ห้องพิเศษเลยแล้วกัน...ขอตัวก่อนนะครับ
            พอพ้นแผ่นหลังของคุณหมอไป คิบอมและดงเฮหันมามองหน้ากันอย่างมีความหมายทันที ริมฝีปากที่เอาแต่ก่นด่ากันอยู่นาน บัดนี้กลับแทนที่ด้วยรอยยิ้มกว้าง
                ฮยอกแจปลอดภัยแล้ว...

               







                ประตูบานทึบถูกเลื่อนออกให้คนภายนอกได้เข้าไปด้านใน หลังจากไปทำการขอยืมโทรศัพท์ของโรงพยาบาลเพื่อติดต่อคยูฮยอน ดงเฮและคิบอมก็แทบจะวิ่งแข่งกันมาที่ห้องผู้ป่วยที่รักทันที
                ฮยอกแจ!” อาจเป็นเพราะคิบอมเพิ่งได้รับรู้ความจริงบางอย่างที่น่าตกใจอยู่ไม่น้อย ทำให้เขาเลือกที่จะปล่อยให้ดงเฮเดินเข้าไปก่อน ก่อนจะเดินตามเข้าไปบ้าง
                ดงเฮ! ...คิ คิบอมฮยอกแจที่มีผ้าพันแผลพันอยู่ตามแขนบ้าง ขาบ้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยบาดแผล ที่แขนซ้ายถูกดามเฝือกไว้ ส่วยขาขวาดูเหมือนจะโดนอะไรบาดเข้าไปชิ้นใหญ่ ขาเล็กๆ จึงถูกพันด้วยผ้าพันแผลขึ้นมาถึงหัวเข่า
                เป็นไงบ้าง เจ็บมากมั้ย กูขอโทษนะฮยอกแจ กูขอโทษที่เข้าไปช่วยมึงไม่ได้ดงเฮจับไหล่เล็กพลิกไปมาสำรวจผลงานที่แท็กซี่คันนั้นทำไว้ โดยที่ไม่หยุดพ่นคำขอโทษออกมาเช่นเดิม
                มึงจะมาขอโทษทำไม ไม่มีใครรู้สักหน่อยว่าไอ่รถนั่นมันจะมาชนกู อย่าคิดมากดิ่ร่างเล็กพูดยิ้มๆ  ก่อนจะตบเข้าที่บ่ากว้างของร่างสูง ดงเฮยิ้มกลับมาก่อนจะดึงร่างตรงหน้าเข้ามากอด
                ก่อนจะนึกขึ้นได้...ว่าเขาไม่สมควรทำแบบนี้
                ผละออกจากฮยอกแจทันที ก่อนจะหันไปทางคิบอมที่ยืนดูอยู่ด้วยใบหน้าเรียบเฉย หากแต่ในใจกลับคิดอะไรได้ไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ...จากเท่าที่ได้เห็น ได้ประมวลทุกอย่างมา ดูเหมือนคิบอมจะได้ข้อสรุปแล้ว
                ยืนบื้ออยู่ทำไม ...มากอดทีดิ๊!” คำพูดราวกับเด็กๆ ของฮยอกแจทำให้คิบอมหลุดยิ้มออกมา ก่อนจะเดินเข้าไปหาคนเรียก กลิ่นยาที่อบอวลไปทั่วห้องยังเทียบไม่ได้กับกลิ่นอายแห่งมิตรภาพของคนทั้งสาม
                นึกว่าจะตายห่าไปซะแล้วคิบอมเอ่ยด้วยคำหยาบคายแต่ทว่าฟังดูอบอุ่น ขยี้เบาๆ ที่กลุ่มผมนุ่ม
                อย่างกูไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า
                ดงเฮยืนมองด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่นจนสังเกตุได้ ฮยอกแจค่อยๆ ผละออกจากคิบอมทันที แม้จะรู้สึกดีที่ได้อยู่ในอ้อมกอดกว้างนี่นานๆ  แต่ใจมันก็อดสงสารเพื่อนอีกคนไม่ได้
                ดงเฮมึงรู้เปล่า พยาบาลคนสวยหน้าห้องเค้าเอาโจ๊กเป่าฮื้อมาให้กูกิน อร่อยเหมือนที่แม่มึงทำมากๆ อ่ะ! กูคิดถึงแม่มึงจังคนตัวเล็กบนเตียงผู้ป่วยเริ่มหาเรื่องขึ้นพูดทำลายบรรยากาศแปลกๆ  ...แต่ทว่าคิบอมกลับคิดเป็นอีกอย่างนึง
                เจอหน้ากันปุ๊ปก็มีเรื่องคุยกันปั๊ป เขาคงมาช้าเกินไป การที่อยู่กับคนดีๆ อย่างดงเฮบ่อยๆ คงทำให้ฮยอกแจหมดรักเขาแล้ว ... หรือคำว่ารักที่ฮยอกแจพูด อาจเป็นเพียงความหวั่นไหวเมื่อคิบอมเข้าใกล้ก็เท่านั้น
                ไว้มึงหายดีกูจะพาไปหาเค้า
            “เซ็งว่ะ เมื่อไหร่จะหายวะ คิดแล้วเจ็บใจร่างบางบ่นต่อไป เออใช่ ดงเฮ...
            ดงเฮ อีกแล้ว
                หืม?” ร่างสูงทำหน้าตาสงสัยพลางมองดูคนบนเตียงควานหาอะไรบางอย่างใต้หมอน ...ก่อนมือบางจะหยิบวัตถุบางอย่างที่ดูเหมือนจะพังยับเยินออกมา
            “คือมัน...เป็นแบบนี้อ่ะใบหน้าเหยเกเหมือนเด็กทำความผิดของฮยอกแจทำให้ดงเฮสงสัยยิ่มขึ้น รับซากอะไรสักอย่างชื้นนั้นมาพิจารณา ก่อนจะนึกขึ้นได้
                อ๋อ! นาฬิกาที่กูซื้อให้
            “กูขอโทษนะเว้ย คือมันคงกระเด็นไปแรงมาก
                คิดมากน่า เดี๋ยวกูซื้อให้ใหม่ก็ได้ร่างโปร่งว่าไปยิ้มๆ พลางลูบหัวทุยที่ก้มลงมองตักเบาๆ  ทำท่าเหมือนว่าทไปทำอะไรร้ายแรงมาอย่างนั้นแหละ
                กูไม่ได้อยากได้ใหม่ กูแค่รู้สึกไม่ดีที่ทำของมึงพัง
            “ของกูที่ไหนล่ะ
            “แต่มึงเป็นคนซื้อให้นี่!” ฮยอกแจเงยหน้าขึ้นมาเถียงคำไม่ตกฟาก จนคู่กรณีอยากจะตบปากเล็กๆ ที่เอาแต่พูดแจ้วๆ นั่นให้สักที
                เฮ้อ...กูละหน่ายมึงจริงๆ  ว่าไหมคิ... อ้าว คิบอมไปไหนล่ะ?” ร่างโปร่งถอนหายใจออกมายาวๆ ก่อนจะหันมาหาแนวร่วม หากแต่ชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่กลับหายไปไหนไม่รู้
                มันเดินออกไป เมื่อกี้สีหน้าของฮยอกแจดูหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด ก็แน่ล่ะ ขนาดเขานอนเจ็บปางตายอยู่ในนี้ แต่คิบอมกลับเดินออกแบบนั้น ใช่สิ คนอย่างลีฮยอกแจจะไปสำคัญอะไร
                อย่าทำหน้าแบบนั้นสิดงเฮเริ่มรู้สึกได้ว่าร่างเล็กกำลังรู้สึกไม่ดี อยากรู้นักถ้าได้รู้ความลับของคิบอมแล้วจะยังทำหน้าแบบนี้อยู่มั้ย ปากอยากจะบอกไปให้ฮยอกแจสบายใจ หากแต่ว่า...
               
                มึง อย่าเพิ่งบอกฮยอกแจนะ
            ‘ทำไมวะ? จะมัวมารักษาฟอร์มอะไรอีก แค่นี้ยังไม่เข็ดหรอสัส
            “กูขอเป็นคนบอกมันเอง อยากให้มันออกมาจากปากกูเอง
           
            “มันไม่สนใจเลยใช่ไหมว่ากูจะเป็นตายร้ายดียังไงบ้างร่างบางพูดกับตัวเองอย่างตัดพ้อ ก่อนจะล้มตัวลงนอนหันไปอีกด้าน ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าหันไปทำอะไร แค่เสียงสะอื้นเบาๆ นั้นก็บ่งบอก
                ดงเฮกำลังจะเอื้อมมือไปพลิกร่างเล็กกลับมาคุยต่อ แต่เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ประตูหน้าห้องถูกเปิดออก พยาบาลสองคนเดินเข้ามาในห้อง ก่อนจะเชิญดงเฮให้ออกไปรอด้านนอก
                อีกด้านหนึ่ง คิบอมนั่งนิ่งอยู่หน้าห้องผู้ป่วย คิดทบทวนอะไรหลายๆ อย่าง คำที่ดงเฮบอกเขา และภาพเมื่อครู่ที่ได้เห็น ไม่ใช่สิ นึกย้อนถึงหลายๆ เหตุการณ์ตั้งแต่สมัยมอปลาย
                ฮยอกแจรักคิบอมงั้นเหรอ?
                แล้วทำไมเขาถึงได้รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกินตลอดมา ..
                คิบอมเสียงทุ้มดังขึ้นเรียกคนคิดมากตื่นจากภวังค์ ดงเฮเดินเข้ามาหาเพื่อนรักด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยอย่างเห็นได้ชัด เป็นเหี้ยอะไรมึง ทำไมไม่บอกฮยอกแจไป?”
            “กู...ร่างสูงกว่ายังอ้ำๆ อึ้งๆ กูต้องไปแล้ว พี่จองซูโทรตามไปจัดป้ายนิเทศน์
                เอ่ยไว้แค่นั้นก็ก้าวยาวๆ ออกมาจากตรงนั้นทันที เมื่อพ้นสายตาของดงเฮสองขาก็เริ่มออกวิ่ง มือกว้างล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะกลับขึ้นมาพร้อมโทรศัพท์มือถือ กดหาเบอร์ของผู้ที่ต้องการจะติดต่อ ขณะรอรับสายก็โบกแท็กซี่ก่อนจะขึ้นไปพร้อมบอกทางกลับหอเสร็จสรรพ
                ว่าไงคิบอมเสียงนุ่มถูกกรอกเข้ามาในสาย
                คยูฮยอน กูจะไปอเมริกา
            “จะไปวันไหน กลับวันไหนล่ะ กูจะได้โทรบอกอาให้จัดการให้มึง
            “ไป...อย่างเดียวคิบอมพูดออกไปอย่างยากลำบาก
                หมายความว่าไง?”
            กูจะไปเรียนเมกา จัดการให้กูทีคยูฮยอน
            “อย่ามาไร้สาระ มึงจะทำอะไรน่ะคิบอม
            “กูจะไป ไปจากฮยอกแจ ไปจากดงเฮ ไปจากความสัมพันธ์ทุเรศๆ แบบที่เป็นอยู่
            “กูไม่...
            “ขอร้อง .. คยูฮยอน ไม่กูก็ดงเฮที่ต้องเป็นฝ่ายไป ดงเฮเป็นคนดีดูแลฮยอกแจได้สบายไปทั้งชีวิต ดีกว่าให้มาอยู่กับคนไม่เอาไหนอย่างกู ขอแค่พวกแม่งมีความสุข กูพร้อมจะไปจากทุกๆ อย่าง มึงเข้าใจกูมั้ยคยูฮยอน กูแค่เลือกที่จะ ..ไป
            ในเมื่อความรักของเขา ดงเฮ และฮยอกแจ ถูกปล่อยค้างเลยตามเลยมานานเกินกว่าจะแก้ไข จะเรียกว่าเรื้อรังแล้วก็ได้ ควรมีสักคนที่เดินจากไป แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น
                มันจะเป็นอะไรไปล่ะ หากคนที่ไปจะเป็นคนที่โง่ที่สุดอย่างคิมคิบอม
                มึงเลือกเองนะ คยูฮยอนตอบกลับไปด้วยเสียงราบเรียบ ก่อนจะเป็นฝ่ายตัดสายทิ้ง
                เรื่องที่พักที่เรียนของคิบอมในอเมริกาน่ะไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เพราะตั้งแต่เกิด มันก็เรียนอยู่ที่นู่นเลย แต่พ่อแม่ย้ายกลับมาทำงานที่เกาหลี ก็ย้ายตามกลับมา ...เชื้อชาติเกาหลีแท้ แต่ด้วยสัญชาติอเมริกันของคิบอม เรื่องวีซ่าจึงไม่ยากเลยที่จะจัดการให้เรียบร้อย และด้วยความที่โจคยูฮยอนเป็นหลานรักคนเดียวของคุณอาผู้ซึ่งเป็นผู้บริหารอยู่ในสายการบินยักษ์ใหญ่ ย่อมไม่แปลกเลยที่การเดินทางไปต่างประเทศจะเป็นเรื่องง่ายยิ่งกว่าปลอกกล้วยเข้าปาก
                แต่...ทำให้ผู้ชายโง่ๆ คนหนึ่งยิ่งโง่หนักไปกว่าเดิม
                คิดดีแล้วหรอคยูฮยอน?
                มึงเลือกเอง มึงเป็นคนเลือกเองนะคิบอม
               








                ด้านคิบอม หลังจากที่รีบกลับมาถึงหอพัก เข้าของเครื่องใช้จำเป็นถูกกวาดลงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่อย่างรวดเร็ว เอกสารที่ต้องใช้ถูกยัดใส่เป้สพายหลัง...ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรแล้ว ไม่ต้องนอนคิดทั้งคืนทั้งวัน แค่นี้ก็เป็นเหตุผลชั้นเลิศให้เขาตัดสินใจทำแบบนี้
                คิบอมเก็บข้าวเก็บของอย่างรวดเร็ว หากเรื่องที่เขากำลังจะไปอเมริการู้ถึงหูไอ้ดงเฮ ไม่ต้องบอกก็รู้มันจะทำอะไรต่อไป ดงเฮจะต้องไม่ยอมให้เขาไป เป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่ยอม...
                ร่างสูงกวาดตามองไปรอบๆ ห้องที่เต็มไปด้วยความทรงจำมากมายของเขาทั้งสามคน ภาพของวันแรกที่ลากกระเป๋าเข้ามาในนี้ ภาพที่เขาและฮยอกแจทะเลาะกันจนต้องแบ่งเขตพื้นที่กันภายในห้อง ภาพของดงเฮที่คอยมาดูแลฮยอกแจในเวลาที่แม่งไม่สบาย .. ทุกๆ อย่างเหมือนกับถูกดูดใส่ม้วนเทปท้วนหนึ่งไว้ ก่อนเจ้าของความคิดจะสบัดหน้าแรงๆ หลายที
                เป็นการทำลายม้วนเทปนั่นให้แตกสลายกลายเป็นชิ้น
                ผิดหรอที่ไม่อยากนำช่วงเวลาแห่งความสุขแบบนั้นไปนึกถึง ชีวิตใหม่ของคิมคิบอมจะต้องไม่มีเรื่องพวกนี้เข้าไปพัวพัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต่อจากนี้ไปฮยอกแจจะอยู่ยังไง ดงเฮคงต้องย้ายเข้ามาอยู่ด้วยเป็นแน่ ก็ดี จะได้ไม่มีปัญหาเวลาแย่งเตียงนอนกันเวลาอยู่ด้วยกัน 3 คน
                ร่างสูงเดินลากกระเป๋าไปยังประตูห้องอันคุ้นเคย โดยไม่วายหันกลับมามองสภาพห้องอีกรอบ พลันสายตาเหลือบไปเห็นกรอบรูปที่วางไว้บนทีวี รูปของเขา ฮยอกแจ และดงเฮในวันพิธีจบการศึกษาชั้นมัธยมปลาย ทั้งสามกอดคอกันแน่น ยิ้มแข่งกันยีฟันใส่กล้องอย่างมีความสุข .. เหมือนมีอะไรบางอย่างบังคับให้สองขาเดินกลับไปคว้ารูปนั้นมาใส่เป้ที่สพายหลัง ก่อนจะลากกระเป๋ากึ่งวิ่งกึ่งเดินออกไปจากห้อง ปิดประตูลง แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย

                สนามบินนานาชาติที่คาคั่งไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมาย ร่างโปร่งโบกมือเรียกเพื่อนตัวสูงที่กำลังพยายามแหวกทางไปหาคนเรียก คยูฮยอนสำรวจมองคิบอมอย่างตั้งใจ
                มันคงตัดสินใจแล้วจริงๆ
                มึงแน่ใจนะ ถามย้ำออกไปด้วยสีหน้าจริงจัง ยกมือขึ้นวางบนบ่ากว้าง
                กูแน่ใจ กูจะไป
                ไปหาพี่ผู้หญิงคนนั้น เค้าจะพามึงเข้าไปรอในนั้นเลย เดี๋ยวกูไปทำธุระแป๊บนึงแล้วจะตามไป คยูอยอนไปว่าไปพลางเพยิดหน้าไปทางแอร์โฮสต์เตรดของสายการบินที่คิบอมกำลังจะใช้บริการในอีกไม่กี่อึดใจนี้ ร่างสูงพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจก่อนจะเดินไปหาผู้หญิงคนนั้นตามคำบอก
                ร่างโปร่งเดินออกมาลับตาเพื่อนรัก สูดหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อบ่งบอกตัวเองว่ากำลังทำในสิ่งที่ถูกต้อง กอ่นจะล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูออกมา กดหาเบอร์ของเพื่อนอีกคน
                ดงเฮ
           
                หลังจากนั่งรอเรื่องเอกสารการเข้าออกประเทศมาได้ราวๆ 20 นาที แอร์โฮสต์เตรตสาวก็เรียกเขาไปที่ด่านกงศุลฯ ... ถึงจะนั่งทำใจมาเป็นอย่างดี ก่อนจะก้าวเดินไปก็อดใจหายไม่ได้จริงๆ  เดินผ่านตรงนี้ไป เขาจะไม่มีสิทธิ์หันหลังกลับ และจะไม่สามารถพบคนที่อยากเจอใจแทบขาดคนนั้นได้เลย คิบอมหลับตาลง ถอนหายใจออกมายาวๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน

            คยูฮยอนชะเง้อมองเพื่อนตัวสูงที่ทำท่าจะเดินเข้าไปแล้วก็เริ่มร้อนใจ ร่างโปร่งเดินไปเดินมาอย่างกลัดกลุ้ม ในใจก็นึกเป็นห่วงคนที่เขากำลังรอคอย สภาพแบบนั้นจะมากันยังไง
                คยูฮยอน! คิบอมล่ะ คิบอมอยู่ไหน!” เสียงแหลมเล็กเป็นเอกลักษณ์ดังขึ้นแหวกฝูงคนที่พลุกพล่าน เจ้าของชื่อหันไปมองคนเรียกอย่างรวดเร็วก่อนจะก้าวยาวๆ เข้าไปหา
                ฮยอกแจบนหลังของดงเฮกำลังเอ่ยปากถามด้วยคำถามเดิมอีกครั้ง โดยที่คนแบกก็หอบเจียนตาย แน่ล่ะ พอลงจากแท็กซี่ก็เล่นทั้งแบกทั้งวิ่งมาแบบนี้ ไม่ตายก็บุญแล้วลีดงเฮ
                อยู่นู่น กำลังจะเข้าไปพอดี
                สิ้นคำบอกของเพื่อนตัวโปร่ง ร่างเล็กกระโดดลงจากหลังกว้างของเพื่อนรักอย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องลงไปกองกับพื้น คงลืมไปว่าที่ขามีเฝือกหนาโปะอยู่ ขาอีกข้างก็ถูกพันด้วยผ้าพันแผลมาถึงหัวเข่า ฮยอกแจนิ่วหน้าเหมือนจะร้องไห้ เจ็บเจียนตายแต่ก็ห้ามร้อง แขนของข้างที่ไม่ค่อยจะแข็งแรงนักยันตัวเองจากพื้นขึ้นยืนอีกครั้งโดยมีสองคนข้างๆ ช่วยพยุง
                ดงเฮประคองเอวบาง วิ่งกระเผละๆ ไปหาเจ้าของแผ่นหลังกว้างที่กำลังเดินไปอย่างไม่สนใจอะไร เหลือบมองไปที่ขาเล็กข้างที่โดนกระจกแผ่นใหญ่บาดลึกไปทั้งขาที่ตอนนี้เลือดเริ่มซึมออกมาอย่างน่าเป็นห่วง อยากจะห้ามฮยอกแจไม่ให้ทำอะไรฝืนตัวขนาดนี้ แต่สัญญาที่ให้ไว้ที่โรงพยาบาลก็ทำให้เขามีสิทธิ์แค่ช่วยทำยังไงก็ได้ให้ฮยอกแจได้ไปหาคิบอมก็เท่านั้น
               
                ฮยอกแจ มึงทำอะไร!’
            ‘กูจะไปหาคิบอม
            ‘มึงไปไม่ได้! สังขารแบบนี้ก็ได้ตายก่อนถึงสิ
            ‘ดงเฮ ถ้ามึงยังอยากเป็นเพื่อนกูต่อไป อย่าให้กูได้ยินมึงห้ามกูไม่ให้ไปแม้แต่คำเดียว
           
                คิบอม!”
                เจ้าของชื่อสะดุ้งนิดหน่อยที่จู่ๆ ก็มีคนเรียกชื่อเขาปลุกให้ตื่นจากความสับสนบ้าๆ บอๆ  ...คนชื่อคิบอมมีเยอะถมเถไป ไม่จำเป็นว่าจะหมายถึงเขาสักหน่อยใช่ไหม
                อีกอย่าง ตอนนี้คิบอมอยู่คนเดียว จะมีผีที่ไหนมาเรียก
                คิบอม!”
            ร่างสูงหันกลับไปหาเสียงเรียกนั่น พาสปอร์ตในมือร่วงลงพื้นทันทีที่เห็นว่าเป็นใคร ... ใบหน้าขาวนั่นดูซีดเผือดเกินจะเรียกว่าปกติ เหงื่อไหล่ซึมตามใบหน้า ราวกับคนใกล้ตายก็ไม่ปาน ที่ขาข้างที่ยกขึ้นถูกดามด้วยเฝือกหนา อีกข้างที่ไว้สำหรับใช้กระเผละวิ่งมานั่นมีเลือดซึมออกมาจากผ้าพันแผลมากมายจนน่ากลัว
                มึงหยุด! หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ!” ฮยอกแจตะเบกเสียงออกมาพร้อมหยาดน้ำตาที่ร่วงลงพื้นพอดี เขนเล็กผละออกจากบ่ากว้างของดงเฮ ก่อนจะเดินกระเผละมาหาคิบอมอย่างยากลำบาก
                มึง...มาทำอะไรที่นี่

                เพี๊ยะ
               
                ไอ้ชั่ว! ฮึก... ฝ่ามือเล็กพาดเข้าที่ใบหน้าคมอย่างแรงจนหัน ก่อนมือนั้นจะกระชากคอเสื้อของคนตัวสูงกว่าด้วยอารมณ์ที่เดือดดาลเต็มที มึงจะไปไหน จะไปไหน ..ฮึก จะไปไหนคิบอม
                ...
            “มึงจะปล่อยให้กูนอนคนเดียวหรอ
            “...
            “ให้กูไปเรียนคนเดียวหรอ ให้แดกข้าวคนเดียว ให้กู ฮึก.. ให้กูอยู่คนเดียวหรอ!”
            “...
            “ทั้งๆ ที่มึง...ก็รู้
            รู้ว่ากูรักมึง รู้ว่ากูต้องการมึง แค่ปฏิเสธกูอย่างไร้เยื่อใยยังไม่พอ เกลียดขี้หน้ากูถึงขนาดต้องห่างกันไกลขนาดนั้นเลยหรือไง มึงเห็นกูเป็นอะไร เห็นกูเป็นอะไร!
            “กูรักมึง
            เพี๊ยะ
                อย่ามาล้อเลียนกู!”
            “กูรักมึง
            เพี๊ยะ
                กูบอกว่าอย่ามาล้อเลียนกู!”
            สิ้นคำพูดของอีกคน คิบอมก็รวบร่างบอบบางเข้ามาให้อ้อมแขน ก่อนจะก้มลงกดจูบที่ริมฝีปากอิ่มอย่างรวดเร็ว ดวงตาเล็กเบิกกว้างอย่างตกใจ ตกใจเกินกว่าจะผลักไสคิบอมออกไป
                กูรักมึง! กูรักมึงนะฮยอกแจ กูรักมึง!” คิบอมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น รวบคนตัวบางเข้ามากอดอย่างโหยหา ความรูสึกที่บอกไม่ได้ทางคำพูดถูกส่งผ่านอ้อมแขนนั่นจนคนได้รับรู้ถึงกับสั่นสะท้าน
                พ..พูดจริงหรอ ฮึก มึง .. พูดจริงหรอคิบอม
            “กูรักมึง ฮยอกแจ กูรักมึงร่างสูงเอาแต่พร่ำอยู่กับคำๆ เดียวราวกับคนบ้า หากแต่เป็นคำที่คนฟังอยากได้ยินมานานแสนนาน น้ำตาทะลักออกมามากขึ้น ไม่รู้เพราะอะไรกันแน่
                ฮึก งั้นอย่าไปนะ มึง..อย่าไปนะคิบอม อยู่กับกูนะ
                คิบอมค่อยๆ ผละออกจากร่างเล็ก นิ้วโป้งปาดน้ำตาบนใบหน้าขาวออก ดวงตาจับจ้องลงไปในสายตาวิงวอนที่มองสวนขึ้นมาเช่นกัน
                เพราะรักมึง กูต้องไป
            “ท...ทำไม ทำไมล่ะคิบอม อยู่กับกูไม่ได้หรอ อย่าไปนะกูขอร้อง ฮึก อย่าไปเลยนะ!” ฮยอกแจเขย่าแขนล่ำของอีกคนเป็นเชิงอ้อนวอน ต่อให้ตอนนี้ต้องก้มลงไปกราบตีนมันเขาก็ยอม ให้ทำอะไรก็ยอมทั้งนั้นแหละ!
            “ที่มึงมาหากูได้เพราะใครล่ะฮยอกแจคิบอมพูดไปก่อนสายตาจะเปรยไปมองที่ด้านหลัง ฮยอกแจหันไปมองตาม ชายหนุ่มร่างสูงที่สวมเสื้อยืดเปื้อนเลือดยืนอยู่ที่เดิม สายตาเศร้าเกินกว่าจะจ้องมองเข้าไปหาสาเหตุ ดวงตาที่ปกติจะเปล่งประกายเป็นกำลังใจให้เขาตอนนี้ดูเศร้าหมองอย่างน่ากลัว
                ดงเฮ...จากคราบเลือดบนเสื้อยืดตัวนั้นก็เป็นเครื่องบ่งบอกได้เลยว่าดงเฮอยู่กับเขาตลอดเวลาที่อยู่ที่โรงพยาบาล เป็นคนแบกเขาเข้ามาหาคิบอม โดยไม่ได้คิดถึงตัวเองเลย
                ดงเฮรักมึงมากนะ
            “แต่กู ไม่ได้รักมัน
            “กูก็ไม่ได้ต้องการให้มึงรักมัน ... ฮยอกแจ มึงฟังกูนะ ดงเฮเพิ่งรู้ว่ากูชอบมึงเมื่อตอนที่มึงยังอยู่ในห้องฉุกเฉิน เพราะงั้นมันถึงยังอยู่ให้เราเห็นหน้า พอมึงออกจากโรงพยาบาล พอมึงหายดี เดาสิดงเฮมันจะทำยังไงต่อไป
            “... มันจะ ไป
            “เท่ากับว่าทั้งกูและมึงจะต้องเสียเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตไปเลยนะ
            “...
            “แต่ถ้ากูเลือกที่จะไปก่อน มันก็ไม่มีสิทธิ์หนีมึงไปไหน ดงเฮยังต้องอยู่กับมึง ทั้งๆ ที่มึงไม่ได้รักมัน ใช่ไหมล่ะ? ...
            “ก็ใช่
            “เวลาเยียวยาทุกสิ่ง ฮยอกแจ .. นานวันเข้าความรู้สึกนึกคิดของคนเราเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ไม่ว่าปากจะบอกว่าตลอดไป แต่ใครจะรู้ล่ะว่าตลอดไปของมันน่ะนานแค่ไหน มีแค่เวลาเท่านั้นที่รู้
            “แล้วมึงล่ะ? มึงไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไงที่ต้องไปจากกู
            “มึงคือคนที่กูรักที่สุด ดงเฮเป็นเพื่อนที่กูรักที่สุด .. จะว่ากูเห็นแก่ตัวก็ได้ แต่กูจะไม่เสียใครไปเด็ดขาด มึงเข้าใจไหม?”
            “ไม่! มึงจะไม่เสียทั้งกูและดงเฮไป แต่มึงไปซะเอง?”
            “แล้วสักวันมึงจะรู้ เหตุผลของกูคิบอมคลี่ยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะเหลือบไปมองด้านหลัง กวักมือเรียกคนที่ยืนอยู่ ดงเฮ มานี่หน่อยมึง
            ร่างโปร่งเดินเข้าไปหาคนทั้งสอง ..
                จากนี้ไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ห้ามทิ้งฮยอกแจเด็ดขาด มึงรู้ใช่ไหม?”
            “กูสาบาน กูจะไม่ไปไหน
            “มึงเข้าใจกูหรือเปล่า เข้าใจมั้ยทำไมกูต้องไป
            “เข้าใจเข้าใจสิ .. เพราะกูเองก็คิดแบบมึง
                มึงจะไปจริงๆ หรอคิบอมหยาดน้ำตาเริ่มรินไหลลงมาอีกระลอก  แค่นึกถึงแผ่นหลังของคิบอมที่ค่อยๆ ไกลออกไป ร่างกายก็แทบจะทรุดลงไปกองกับพื้น
                กูตัดสินใจแล้ว .. ห่านี่ ร้องไห้อีกแล้วนะมึง ไอ้เหี้ย! มึงก็ร้องหรอดงเฮ
            “มึงจะไปจริงๆ หรอวะไม่จำเป็นต้องรักษาภาพพจน์อะไรอีกแล้ว แค่คิดว่าพรุ่งนี้จะไม่มีไอ้คิบอมอีก ไม่มีผู้ชายที่ทำหน้าที่เพื่อนได้ดีที่สุดในโลก
                เห้ยๆ  กูไม่ได้ไปลงนรก ร้องกันอย่างกับงานเผากูอย่างงั้นแหละ
            ร่างสูงที่สุดดึงอีกสองคนเข้ามากอด ทั้งสามคนกอดกันแน่น ฮยอกแจเริ่มสะอื้นหนักยิ่งขึ้น เหมือนจะลืมความเจ็บปวดที่ขาทั้งสองข้างไปเสียแล้ว
                โชคดีนะเว้ย มีปัญหาอะไรโทรหากูได้ตลอดนะ
            “ขอบใจมากว่ะดงเฮ มึงคือเพื่อนที่ดีที่สุดในโลกจริงๆ
            ร่างโปร่งยิ้มออกมาทั้งน้ำตา ก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้น โทรเรียกรถพยาบาลเตรียมมารับคนไข้ที่เพิ่งหนีออกจากโรงพยาบาลมาหมาดๆ
                คิบอม มึง .. อย่าลืมกูนะหัวกลมๆ ซุกเข้าหาอกกว้าง เรียวแขนเล็กโอบกอดลำตัวคิบอมไว้แน่น .... ที่ว่ากันว่าการจากลานั้นเจ็บปวดยิ่งกว่าอะไร สงสัยจะเป็นเรื่องจริง
                 ใครจะลืมมึงลงล่ะไอ้เตี้ยมือหนาขยี้กลุ่มผมนุ่มเบาๆ ด้วยความเอ็นดู ก่อนจะยกข้อมือมาดูเวลา กูต้องไปจริงๆ แล้วล่ะฮยอกแจ
                ดูแลตัวเองนะคิบอม
                มึงนั่นแหละดูแลตัวเองดีๆรอยยิ้มอบอุ่นถูกคลี่ลงบนใบหน้าคมอีกครั้ง ก่อนจะเดินหันหลังไป ภาพที่ฮยอกแจกลัวปรากฎให้เห็น มือขวากำเสื้อที่หน้าอกด้านซ้ายไว้แน่น ทรุดลงคุกเข่ากับพื้น หมดปัญญาจะเก็บกลั้นเสียงสะอื้นอันทรมาณไว้ได้อีก ไหล่บอบบางสั่นเทาด้วยความเหน็บหนาว
                กูรักมึงที่สุดนะคิบอม กูรักมึง ..
               









            ตึ๊ง ตึ๊ง
                เสียงไฟขึ้นเตือนบอกให้รัดเข็มขัด      บ่งบอกว่าเครื่องกำลังจะขึ้นแล้ว คิบอมทำตามคำเตือน สายตาทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง ความทรงจำทุกๆ อย่างที่เคยมีเกี่ยวกับที่นี่ อยากลืม อยากลืมให้หมด ต่อจากนี้ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ ชีวิตที่ปราศจาก .. คนเดิมๆ
                หลังจากที่วิ่งบนรันเวย์อยู่ครู่หนึ่ง เครื่องบินก็ค่อยๆ ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า สูงขึ้ข สูงขึ้นเรื่อยๆ  จนในที่สุดก็ขึ้นไปลอยลำอยู่เหนือเมฆ หากจะถามว่าถ้าให้กลับไปตอนนี้จะกลับไปไหม ถ้าก่อนหน้านี่ฮยอกแจและดงเฮไม่ได้มาหาเขา เขาคงเลือกที่จะขอกลับไป แต่หลังจากได้เจอเพื่อนรักทั้งสอง ความสับสนวุ่นวายใจดูเหมือนจะค่อยๆ กระจ่างมากยิ่งขึ้น ย้ำเตือนคิบอมว่ากำลังทำในสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว
                อย่างน้อยๆ เมื่อครู่นี้เขาก็ได้ทำในสิ่งที่อยากทำที่สุดในชีวิต

                กูรักมึง ฮยอกแจ

            “พี่ฮยอกแจ ตื่นๆๆ
            เสียงใสเอ่ยขึ้นพลางเขย่าแขนเล็กๆ ของขี้เซาที่หลับปุ๋ยไม่รู้เรื่อง ปลุกมาตั้งนานแล้วก็ไม่มีแววว่าจะตื่น คนตัวเล็กถอนหายใจออกมายาวๆ อย่างหมดปัญญา ไม่ตื่นแล้วให้กูทำไงเนี่ย?
                ซองมิน ทำไมไม่ลงไปสักที รอเป็นชาติแล้วเสียงทุ้มของคนรักทำเอาเจ้าของชื่อหันไปมองที่หน้าประตู ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่ดูเป็นผู้เป็นคนมากขึ้นจากตอนพบกันครั้งแรกกำลังยาวก้าวยาวๆ เข้ามาห้อง แล้วทำไมมาอยู่นี่ อ้าว ไอ้ฮยอกแจ
            “ก็ปกติวันนี้ผมเรียนห้องข้างๆ นี่ เลยกะจะเดินลงไปพร้อมพี่ฮยอกแจ แต่ก็.. เนี่ยซองมินพูดกับคนมาใหม่ กันจะหันกลับมามองคนนอนหลับอย่างหน่ายใจ พี่คยูฮยอนปลุกให้หน่อย
            จากเมื่อก่อนที่ใครๆ ก็เรียกกันว่า เสี่ยคยูกลับกลายมาเป็น พี่คยูฮยอนของน้องซองมินตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ จากที่เมื่อก่อนทำตัวเสเพล กินเหล้าไปวันๆ  เดี๋ยวนี้คยูฮยอนดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น มีความคิดมากขึ้น ทำตัวดีขึ้น .. คงเพราะเจ้ากระต่ายอ้วนที่ยืนอยู่ข้างๆ คนนี้ล่ะมั้ง
                ไม่ต้องไปปลุกมันหรอก เดี๋ยวก็มีคนมาลากมันไปเองล่ะน่าร่างโปร่งล็อคคอคนตัวเล็กเบาๆ ก่อนจะออกแรงลากไป พอก้าวพ้นประตูห้อง คนที่นึกถึงอยู่ก็ปรากฎตัวขึ้นมาพอดี
                ยังไม่ตื่นอีกดิ่ร่างสูงกำลังเดินมาตามระเบียงทางเดิน เอ่ยทักคยูฮยอนและซองมินด้วยคำถามเดิมๆ  และคำตอบที่ได้ก็เป็นคำตอบเดิมๆ
                หวัดดีฮะพี่ดงเฮ ซองมินทักทายด้วยเสียงใสที่เป็นมิตร คนอายุมากกว่ายิ้มกลับไปก่อนจะเดินผ่านคู่รักน่าอิจฉาคู่นั้นเข้าไปในห้อง ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นหนุ่มหล่อพ่อรวยคณะบริหารเดินมาหาเพื่อนตัวเล็กที่ตึกนิเทศน์ทุกวันๆ  นี่ก็เกือบสี่ปีมาแล้วที่ต้องทำหน้าที่นี้แทนเพื่อนคนนั้นที่จากไป
                ฮยอกแจ ตื่นๆๆๆ ห่านี่ .. มึงจะมาเรียนทำซากอะไรวะดงเฮตบเข้าที่ใบหน้าขาวเบาๆ เพื่อปลุกคนที่สลึมสลืออยู่ให้ลืมตา ตื่นนนนนนนนนนนนน!!”
            “เออๆ ตื่นแล้วไอ้เชี่ยยยคนตัวบางสบัดหน้าแรงๆ ให้สร่างง่วงสองสามที ก่อนจะคว้ากระเป๋าลุกขึ้นยืน หาววอดๆ ทีหนึ่งให้ครบสูตร ไปไหนต่อดีวะ
            “ตื่นมาก็หาเรื่องแดก เค้าจะให้มึงเรียนจบมั้ยวะเนี่ยร่างสูงบ่นพลางเดินออกไปจากห้อง โดยมีฮยอกแจเดินตามออกมาด้วย ไปไหนดีวะคยูฮยอน หรือร้านเดิมเลยป่ะ?”
            แหม .. ไม่ค่อยตามกูเลย
            ร้านเดิมนี่คือร้านไหนวะ
            “ก็ร้านในซอยนั้นไง ที่เราไม่ได้ไปกันนานมากกกกกก
                ก็ดี อย่างงี้ต้องฉลอง
            “หืม? เนื่องในโอกาส..?”
                อยู่ในสถานะนิสิตนักศึกษาวันสุดท้ายฮยอกแจตอบแทนด้วยรอยยิ้มกว้าง ดีใจชิบหาย หลับๆ โดดๆ ไม่มีกับเค้าหรอกสมุดแล็กเชอร์น่ะ เหมือนเวลาผ่านไปแป๊บๆ  ไม่น่าเชื่อเลยเขาเรียนจบแล้ว
                อิจฉาล่ะสิร่างโปร่งก้มลงมองคนรักที่อายุน้อยกว่าด้วยรอยยิ้มกริ่ม ซองมินย่นหน้าให้ทีหนึ่งก่อนจะฟาดเข้าที่ต้นแขนหนาเบาๆ ทนๆ ไปเหอะน่า อีกปีเดียวก็จบแล้ว
            “สรุปว่าร้านเดิมนะดงเฮถามย้ำเพื่อนๆ ขณะที่คนทั้งสี่เริ่มออกเดิน
                โอเค ร้านเดิมก็ร้านเดิม .. โหยยยย เราไม่ได้ไปร้านนั้นนานแค่ไหนแล้ววะ กี่ปีแล้วเนี่ย?”
            “ตั้งแต่ผับใหม่เปิดเราก็ไม่ได้ไปเลยนี่หว่าดงเฮพยายามนึกถึงครั้งล่าสุดที่ไปร้านนั้น แล้วพลันใบหน้าเพื่อนเก่าก็เข้ามาในห้วงนึกคิด ครั้งล่าสุดที่เราไป ..
            “มันก็ไปด้วย ฮยอกแจเอ่ยออกมาเบาๆ  แม้เวลาจะผ่านไปนับปีเขาก็ไม่เคยลืมผู้ชายคนนั้นได้เลย ยังจำได้ดี แต่ความรู้สึกนั้นไม่เหมือนเก่า
                จะเรียกว่าหมดรักก็คงไม่ถูก จากวันนั้นที่คิบอมจากไป ร่างบางไม่เป็นอันกินอันนอนเลยจริงๆ  ไม่ไปเรียน ไม่ออกไปไหน วันๆ เอาแต่คลุกอยู่ในห้อง คำเดียวที่หลุดออกมาจากปาก
                คิดถึง
                เดือดร้อนถึงดงเฮ ที่ต้องหอบข้าวหอบของมาอยู่ดูแลโดยไม่สนใจคำคัดค้านของพ่อแม่เลย สองสามเดือนแห่งความเจ็บปวดและหยาดน้ำตา ทำให้เขารู้ซึ้งได้เลยว่าต่อให้จะทำดีแค่ไหน คนที่ฮยอกแจรักก็ไม่มีวันเป็นเขา .. ภาพคนที่รักเฝ้าแต่ร้องหาและรอคอยคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง มันเจ็บเจียนตายจริงๆ  เรื่องจริงมันไม่เหมือนในนิยายที่ว่าพอนางเอกโดนทิ้ง อีกคนที่แอบรักมานานก็เข้าเสียบ จากนั้นทั้งสองก็รักกันอย่างมีความสุข ...... มันไม่ใช่
            เหมือนโดนงูกัด หากปล่อยให้เรื้อรังต่อไป พิษก็จะลุกลามไปทั้งร่างกาย แต่ถ้ายอมเฉือนเนื้อส่วนที่โดนกัดนั้นออก แม้จะเจ็บปวดทรมาณจนน้ำตาไหล แต่หลังจากแผลส่วนนั้นหายดี
                ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะดีขึ้น
                มาถึงตอนนี้ฮยอกแจและดงเฮเริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้น ทั้งคู่เข้าใจเหตุผลของคิบอมอย่างกระจ่างแจ้ง มันเก่งจริงๆ ที่ตัดสินใจอะไรแบบนี้ได้ มันไม่ใช่การหนีปัญหา แต่เป็นการแก้ปัญหาโดยอาศัยเวลาและความห่างไกล การที่คิบอมจากไปก็เปรียบเหมือนช่วงเวลาที่ทรมาณที่สุด เจ็บจนความคิดต่างๆ ถูกปรับเปลี่ยนไปหมด
                จะว่ารักก็ยังรักไม่เปลี่ยน แต่รักที่ว่า ไม่ใช่ต้องการได้ใครคนนั้นมาครอบครอง
                ไม่ได้ต้องการมีสถานะเป็นคนรักกัน ไม่ได้ต้องการความรักจากคนๆ ตอบแทนกลับมา น้ำตาไม่ใช่เครื่องบ่งบอกว่ารักมากแค่ไหน เป็นเพียงเครื่องบ่งบอกถึงความอ่อนแอของหัวใจที่อ่อนล้า
                ฮยอกแจกับดงเฮ .. ใครๆ ก็รู้ว่าไม่ใช่เพื่อนกันธรรมดา ทว่าก็ไม่ใช่แฟนกันแต่อย่างใด
                ส่วนฮยอกแจเอง แม้ปากจะบอกว่ารัก แต่ถ้าให้คบกับคิบอมตอนนี้ก็คงปฏิเสธได้เลยอย่างไม่ต้องสงสัย
           
                แบบนี้หรือเปล่าที่เรียกว่า ความสัมพันธ์ยังคลุมเครือ
           
                ต่างคนต่างคิดอะไรเรื่อยเปื่อย จนเสียงเพลงของร้านเหล้าดังขึ้นเรียดสติสตังค์กลับมา..คยูฮยอนเดินนำไปที่โต๊ะตัวเดิมตัวนั้น โต๊ะประจำของเขา ดงเฮ ฮยอกแจ และคิบอม
                พี่ซีวอนให้อยู่ถึงกี่โมงล่ะซองมินฮยอกแจเอ่ยถามรุ่นน้องที่นั่งมองไปรอบๆ ร้าน
                ห้าทุ่มฮะ
            “แล้วพี่คยูฮยอนล่ะครับ ใครอยู่ถึงกี่โมงดงเฮถามล้อเพื่อนอีกคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน
                โทรบอกมันเลยว่าวันนี้ค้างบ้านเสี่ยคยูร่างโปร่งพูดพลางโอบไหล่เล็กของคนรักบ่งบอกว่าต่อให้ไอ้ซีวอนตามมาลากซองมินกลับบ้าน คยูฮยอนก็ไม่มีทางปล่อยไปแน่นอน
                ฮ่าๆๆๆ  มึงก็นะ .. พี่ซีวอนก็ทำอย่างกับเป็นพ่อตาหวงลูกสาว
                ก็พ่อแม่ไม่อยู่ พี่ก็ต้องดูแลน้องสิวะดงเฮพูดยิ้มๆ ขณะกระดกแก้วเหล้าเข้าปาก ก่อนจะวางบนโต๊ะแล้วชี้ไปที่ประตูทางเข้าของร้านอย่างรวดเร็ว เฮ้ย! ไอ้ฮันกยองนี่หว่า!”
            “อ้าวเห้ย! ไม่เจอกันนาน หน้าตายังไม่ดีเหมือนเดิมนะพวกมึง ฮ่าๆๆ
            แค่ คำทักทาย
                 เข้ามาก็ปากหมาใส่กูเลยนะ .. พี่ๆ ขอเก้าอี้เพิ่มตัวนึง!” ฮยอกแจทักทายอดีตอริตัวดี ก่อนจะตะโกนเรียกบริกรขอเก้าอี้ให้เพื่อนมาใหม่
                ขอสองตัวเลยพี่!” หากแต่หนุ่มชาวจีนกลับพูดขัดกับอีกคน ร่างบางหันไปมองฮันกยองด้วยความสงสัยเหมือนๆ กับคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ มองอะไรของพวกมึง เดี๋ยวมีเพื่อนกูมาด้วยคนนึง
            “เพื่อนมึงคนไหนวะ ไอ้คนหัวทองตาตี่ๆ ป่ะ? ฮ่าๆๆๆๆพอพูดถึงเพื่อนของฮันกยอง ดงเฮและฮยอกแจก็มีอันต้องนึกถึงตอนนั้นที่โดนพวกแม่งรุมกระทืบ ยังจำได้เวรนั่นได้ หน้ามันฮาดี
                เฮ้ยๆๆ  เดี๋ยวนี้มันดังใหญ่แล้วนะสัส เป็นนายแบบแนวหน้าเลยนะมึง
            “ที่บ้านมึงน่ะหรอ?”
            “อ่าฮะ .. ที่จีนฮันกยองพยักหน้า ก่อนจะนั่งลงเมื่อเก้าอี้เสริมมาถึง แล้วเป็นไงมาไงล่ะพวกมึงน่ะ เย้ดเข้! หาเมียได้แล้วหรอไอ้เสี่ย .. ชื่ออะไรจ๊ะคนสวย
            “ซองมินฮะคนตัวเล็กยิ้มโชว์ฟันกระต่ายให้อย่างเป็นมิตรเช่นเคย จนคยูฮยอนเอามือไปปิดหน้าปิดตาคนน่ารักซะมิด พี่คยูฮยอน เอามือออกไปนะ!”
                มึงอย่าแม้แต่จะคิดนะไอ่ป๋า คนนี้ของจริง ตัวจริง ของกูร่างโปร่งพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังจนคนทั้งโต๊ะถึงกับฮาลั่น สันดานผู้ชายเปลี่ยนได้เพราะคนตัวเล็กๆ คนเดียวสินะ
                มึงเอามือออกเหอะ ซองมินหายใจไม่ออก ฮ่าๆๆ
                ขำไรไอ้สัส เดี๋ยวโดนกูเสยหน้าแบบคราวนั้นหรอกวันนั้นที่ดงเฮกับฮยอกแจกลับมาก่อน คยูฮยอนและคิบอมก็กลับไปจัดการต่อ แต่การต่อสู้ก็ปิดท้ายด้วยรอยยิ้ม ฮันกยอง คิบอม และคยูฮยอนจับมือแล้วทำความเข้าใจกันใหม่ บางทีปัญหาเล็กๆ ก็ทำให้เพื่อนต้องแตกแยกกันด้วยความบาดหมางเลยทีเดียว
                ฮ่าๆๆ .. แล้วพวกมึงล่ะ ฮยอกแจ ดงเฮ เป็นไง?” คำว่าเป็นไง ก็คงหมายถึงความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองนั่นเอง ฮยอกแจละดงเฮหันหน้ามามองกันสื่อความหมายก่อนจะหันกลับมาหาคนถาม
                ยังคลุมเครือ .. ฮ่าๆๆๆทั้งสองพูพร้อมกันก่อนจะพากันขำออกมา เวลาใครถามก็ตอบไปแบบนี้ตลอด ทำไมจะต้องไปจริงจังกับคำว่าคนรัก จะสนใจอะไรกับสถานะหรือชื่อเรียก
                รู้เพียงแค่ฮยอกแจ ดงเฮ และอีกคนที่อยู่อีกฟากโลกนั่น รักกันแทบตาย..ก็พอแล้ว
                มึงคลุมกันมากี่ปีแล้ววะ .. อ๊ะ! โทศัพท์ แป๊บนะฮันกยองหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา เปิดฝาพับเพื่อรับสาย ฮัลโหล? เออๆ ใช่แล้ว
            “เดี๋ยวนี้มันทำงานทำการอะไรวะฮยอกแจถามขึ้นขณะมองตามเพื่อนชาวจีนที่เดินคุยโทรศัพท์ออกไปหน้าร้าน
                อยู่จีน ช่วยแม่มันทำงานที่ร้านคยูฮยอนตอบกลับไป
            “เป็นบ๋อยหรอวะ?”
            “ให้ลูกเจ้าของภัตรคารห้าดาวเป็นบ๋อยหรอสัส ดงเฮไม่พูดเปล่า ตบหัวทุยของเพื่อนตัวเล็กเบาๆ  ฮยอกแจลูบหัวตัวเองปอยๆ พลางส่งสายตาไม่พอใจไปทางผู้จู่โจม
                พี่ดงเฮ! ไปดูลูกพี่เลยเร็วๆ !” จู่ๆ เด็กหนุ่มรุ่นน้องในคณะของดงเฮก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในร้าน ท่ามกลางความสงสัยของคนสี่คนที่นั่งอยู่
                อะไรของมึงมินโฮ รถไอ้ดงเฮเป็นอะไร
            “ลูกพี่โดนกรีด! เสือกกรีดเป็นลายเลยนะเว้ย
                ฮะ! สัสเอ้ยใครทำลูกกูวะ! .. แล้วมึงรู้ได้ไงมินโฮ? เห็นตอนมันกรีดหรือเปล่าร่างสูงดีดตัวลุกขึ้นยืนทันที สีหน้าบ่งบอกถึงความเดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง แต่แล้วจู่ๆ ก็ขมวดคิ้วเป็นปม ค่อยๆ หันหน้ามาหารุ่นน้องที่หอบแฮกๆ อยู่ เดี๋ยวนะ .. มึงบอกว่ามันกรีดเป็นลาย?”
            ไม่กี่คนในโลกนี้ที่กวนตีนกรีดรถชาวบ้านเป็นลาย และคนเดียวในโลกนี้ที่กล้ากรีดลูกดงเฮ
                อ่าฮะ.. ไอ้คนนั้นมันให้ผมมาบอกพี่ด้วยซ้ำ
            ไอ้ห่า คงไม่ใช่มึงนะ ....

                บ่นเหี้ยอะไร เดี๋ยวพรุ่งนี้มึงก็ถอยป้ายแดงของพี่มึงมาใช้เหมือนเดิม
                เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังขึ้นจากคนที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่ ชายตัวสูงใส่หมวกแก๊ปปิดหน้าปิดตา เดินตามหลังฮันกยองมาเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก ชายหนุ่มถอดหมวกแก๊ปออก ผมซอยสั้นดูเป็นทรงทำให้ดูกลายเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น รอยยิ้มมุมปากขวาที่คุ้นเคยปรากฎอยู่บนใบหน้าคมคาย
                คนตัวบางที่นั่งอยู่ค่อยๆ ลุกขึ้น แก้วตาใสยังจ้องมองอยู่ที่คนมาใหม่ ทำหน้าทำตาไม่ถูก ปากเล็กอ้าออกเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง อาการเดียวกันกับชายร่างสูงกว่าที่ยืนอยู่ก่อนแล้ว ดงเฮลูบหน้าลูบหน้าตัวเองก่อนจะหันไปมองคนมาใหม่อีกครั้ง ..

                คิบอม!”
           







           

                และต่อจากนี้ .. คงมีแต่รอยยิ้ม

No comments:

Post a Comment