Tuesday, September 16, 2014

Fan Fic Inuyasha - เซ็ตโชมารู x อินุยาฉะ - Moonlight Whisper By Juntiva





ณ ดินแดนอันไกลแสนไกล....

     แดนปีศาจอันลึกล้ำ เกินกว่าผู้ใดจะเข้าถึง มีเหล่าปีศาจอยู่ภายใต้อำนาจของราชาปีศาจ ที่แห่งนี้ไม่ต่างจากแดนทั่วไป หากแต่ทุกทั่วแผ่นดินมิมีมนุษย์เลยแม้แต่น้อย เลือดปีศาจที่บริสุทธิ์ คือเกียรติยศอันสูงส่งเสียยิ่งกว่าเงินตราและแท่งทอง

    แต่ทว่า.....

     มีเพียงมนุษย์เดียว ณ แดนนี้....อันสตรีแห่งกษัตริย์นาม 'อิซาโยอินางเป็นมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาที่ไร้คุณค่าในสายตาของเหล่าปีศาจ แต่เหตุไฉนเล่า นางจึงกลายเป็นหญิงของกษัตริย์ กลายเป็นนางอันเป็นที่รักไปได้ นางเป็นที่รังเกียจสำหรับทุกตน แม้จะอาศัยในเขตมหาสันฐาน ในพระราชวังอันหรูหรา แต่นางมิได้มีความสุข มิได้มีเพื่อน มิได้รับการยอมรับจากใครสักคน นาง....เป็นเพียงความผิดพลาดที่ทุกคนอย่างเบือนหน้าหนี

     และนางก็ยิ่งกลายเป็นความอัปยศแห่งเหล่าปีศาจ เมื่อนางได้ให้กำเนิดบุตรที่มีเชื้อสายครึ่งมนุษย์และครึ่งปีศาจ....เป็นผิดมหันต์....เป็นบาปแห่งสายเลือดบริสุทธิ์....เป็นความอัปยศอดสูที่น่าสมเพช

    โอรสน้อยที่น่าสงสาร กำเนิดมาท่ามกลางความเกลียดชัง ด้วยเหตุนี้ เพื่อมิให้โอรสของตนต้องทนทุกข์กับบาปที่ตนได้ก่อ อิซาโยอิจึงได้ไปอาศัยที่พระตำหนักหลังสุด ท่ามกลางความสงบเงียบกับหมู่มวลพฤกษาจากสวนสวยของราชวังหวังให้โอรสเติบโตขึ้นโดยมิต้องทนทุกข์กับสิ่งใด ๆ

     โชคดีเหลือเกิน....ยังมีนางข้ารับใช้บางคนที่ยอมรับในตัวอิซาโยอิได้ตามมาปรนบัติรับใช้ที่พระตำหนักด้วยและคอยเลี้ยงดูโอรสน้อยด้วยความรัก

     ..........นี่คือ....บทเริ่มต้น ของความรักที่จะถูกเล่าขานด้วยเสียงกระซิบแห่งดวงจันทร์.....ผู้เป็นพยานแห่งรัก......

     ....................

     ...............

     ..........

     .....

     ..

     "ท่านแม่"

     เสียงใสจากเด็กชายวัยสิบขวบปีดังขึ้น เรียกให้หญิงสาวนาม 'อิซาโยอิ' หันไม่มอง ก่อนจะแย้มยิ้มด้วยความรัก

     "อินุยาฉะ"

     เด็กชายเข้ากอดมารดาอย่างรักใคร่ ก่อนจะชูลูกบอลสีแดงขึ้น พร้อมรอยยิ้มร่าเริงบนใบหน้ารูปไข่สีขาวงดงาม นัยน์ตาสวยสีอำพัน จมูกนิดรับกับริมฝีปากสีชมพู ใบหน้านั้นล้อกรอบด้วยเรือนผมยาวสีเงินงาม เรือนร่างขาวอยู่ในชุดกิโมโนชั้นดีสีน้ำเงิน

     "ไปเล่นกันเถอะท่านแม่"

     "ไม่ได้นะจ้ะอินุยาฉะ วันนี้เราต้องเข้าเฝ้าท่านพ่อนะ"

     "เอ๋!? วันนี้หรือครับ"

     "จ้ะ นามิไม่ได้บอกลูกเหรอจ้ะ" อิซาโยอิหันไปมองแม่นมคนสนิทอย่างตำหนิ หญิงวัยกลางคนยิ้มแห้ง ๆ รีบก้มหัวขอโทษขอโพยอย่างรวดเร็ว อิซาโอยิถอนหายใจหนัก

     "ข้าไม่อยากไป" อินุยาฉะเอ่ยเสียงเศร้า "ที่วังใหญ่มีแต่คนน่ากลัว....ทุกคนเอาแต่ว่าข้าว่า 'ครึ่งอสูรน่ารังเกียจ' ข้าไม่ชอบเลย" เด็กน้อยเอ่ยพร้อมใบหน้าหมอง

     อิซาโยอิมองลูกชายอย่างเศร้าศร้อย ทั้ง ๆ ที่ลี้หนีความทุกข์ทั้งมวลมาอยู่ที่นี่แล้วแท้ ๆ แต่ทำไมนหอมันช่างเป็นดั่งเงาตามตัวที่มิอาจหลีกหนีพ้นเลย มือเรียวงามวางบนไหล่ของโอรสผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานนุ่ม อ่อนโยน

     "อินุยาฉะ....ท่านพ่อรักเจ้ามากและอยากพบเจ้าเหลือเกิน....อย่าทำร้ายท่านพ่อเพียงถอยคำไร้สาระพวกนั้น....อย่าให้คำพูดที่ไร้ค่ามาทำลายตัวตนของเจ้า"

     ถ้อยคำนั้นยังเข้าใจยากสำหรับเด็กวัยเพียงสิบขวบปี แต่อินุยาฉะก็พยักหน้าและเอ่ยรับว่าจะไปพบกับผู้เป็นพระราชบิดา....กษัตริย์แห่งปีศาจทั้งมวล.....

     ....................

     ณ ตำหนักส่วนพระองค์ของพระราชา 'อินุไทโชว'

     มีเพียงองค์ราชากับโอรสองค์โตนาม 'เส็ตโชมารู' เท่านั้น ทั้งสองพระองค์กำลังสนทนาอย่างเคร่งขรึมด้วยเรื่องราชการ ปีนี้องค์ชายเส็ตโชมารูก็ทรงมายุได้สิบห้าพรรษาแล้ว* แต่กลับเฉลียวฉลาด ทรงพระปรีชาสามารถในทุกด้านอย่างน่าอัศจรรย์ เป็นความหวังใหม่แห่งราชวงศ์

     "ขอกราบเรียนองค์อินุไทโชว" นายทวารเข้ามาคุกเข่าถวายความเคารพและเอ่ย "ท่านอิซาโยอิและเจ้าชายอินุยาฉะเสด็จมาถึงพระตำหนักแล้วพะย่ะค่ะ"

     ใบหน้าเคร่งขรึมขององค์ราชาอ่อนโยนลง ก่อนจะแย้มพระโอษฐ์น้อย ๆ จนเส็ตโชมารูยังแปลกใจ "เรียกให้เข้ามา"

     "พะย่ะค่ะ"

     เมื่อนายประตูจากไป องค์ชายคนโตหันมาทางพระบิดา ถามอย่างแปลกใจ

     "เสด็จพ่อ....อิซาโยอิกับเด็กคนนั้นมาหาท่านเสมอหรือ"

     "ไม่หรอก พวกเขาจะมาก็ต่อเมื่อข้าเรียกเท่านั้น" อินุไทโชวตอบลูกชายคนโต "จริงสิ...เจ้ายังไม่เคยพบอินุยาฉะเลยสินะ น้องชายของเจ้าน่ะ"

     "พะย่ะค่ะ" เส็ตโชมารูเคยได้ยินจากพระมารดาของตนมาบ้างเรื่องของโอรสของอิซาโยอิที่เป็นน้องชายต่างมารดา อีกทั้งยังเป็นครึ่งอสูร.....ไม่คู่ควรกับราชวงศ์อันสูงส่งนี้สักนิด.....เหตุใดกันหนอ ท่านพ่อของเขาจึงเลือกหญิงมนุษย์คนนี้ เหตุใดกันหนอท่านพ่อจึงมีรอยยิ้มอ่อนโยนเช่นนั้นได้.....

     "นางเป็นหญิงที่ดี" จู่ ๆ ผู้เป็นบิดาก็ตรัสขึ้น เรียกความสงสัยจากเส็ตโชมารูได้เป็นอย่างดี "นางเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้ข้ารู้จักสิ่งที่เรียกว่า 'รัก' และสิ่งที่ข้าคิดว่าไม่มีความจำเป็นอย่าง 'ความอ่อนโยน'.....นางทำให้ข้ามีความรู้สึกที่ 'อยากปกป้อง'....ปกป้องคนสำคัญ"

     "คนสำคัญ?" เส็ตโชมารูทวนคำอย่างฉงน

     "แล้วเจ้าจะเข้าใจ" อินุไทโชวกล่าว

     "ท่านอิซาโยอิและเจ้าชายอินุยาฉะมาถึงแล้วพะย่ะค่ะ"

     แล้วร่างของหญิงสาวนางหนึ่งก็ก้าวเข้ามาในห้อง พร้อมกับร่างเล็กอีกร่าง เส็ตโชมารูมองทั้งสองอย่างแปลกใจ

     เขาเคยเห็นอิซาโยอิแล้ว แต่เขาเพิ่งเคยเห็นอินุยาฉะเป็นครั้งแรก....นี่น่ะหรือ ครึ่งอสูรโสมมที่ท่านแม่กล่าวถึง.....ใบหน้างดงามรูปไข่ นัยน์เนตรอำพันอร่ามดั่งทอง ริมฝีปากบางสีชมพู ผิวขาวตัดกับเนื้อผ้างามสีน้ำเงิน เรือนผมสีเงินงามสะท้อนเป็นประกายยามต้องแสงอาทิตย์....นี่น่ะหรือ ลูกของหญิงมนุษย์ผู้นี้

     สองแม่ลูกถวายความเคารพองค์กษัตริย์และเส็ตโชมารูอย่างนอบน้อม ก่อนจะเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้อินุไทโชวตามคำสั่ง

     "โตขึ้นเยอะเลยนะ อินุยาฉะ"

     "ท่านพ่อ" ร่างเล็กนั่งตัวเกร็ง

     "หึหึหึ อย่ากังวลไปเลยลูกพ่อ มาหาพ่อเถอะ"

     มือใหญ่ยื่นออกไปหาเด็กชาย อินุยาฉะลังเล เลหือบมองมารดาที่พยักหน้าให้เขาน้อย ๆ มือเล็กส่งกลับไปหาบิดาก่อนจะถูกพามานั่งตักอย่างรักใคร่

     "ฮ่าฮ่าฮ่า ตัวหนักขึ้นเยอะเลยนะเราน่ะ บอกพ่อสิว่าวันนี้เจ้าไปทำอะไรสนุก ๆ มาหรือเปล่า"

     เมื่ออินุยาฉะเริ่มรับรู้ว่าไม่มีอันตรายใด ๆ และคนที่กอดเขาอยู่นี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ก็ยิ้มกว้างเอ่ยเสียงเจี๊ยวจ๊าวเล่านู่นเล่านี่ที่ตนไปพบมา เส็ตโชมารูเฝ้ามองภาพนั้นอย่างไม่เข้าใจ ทำไมอินุไทโชวที่ทุกคนต่างเกรงขาม กลับเปลี่ยนไปเป็นบุคคลที่อ่อนโยนได้

     "ท่านเส็ตโชมารู" องค์ชายองค์โตหันไปมองเจ้าของน้ำเสียงนุ่ม ก็พบว่าอิซาโยอิก้มหัวเคารพเขา เขาก้มหัวกลับ

     "ท่านอิซาโยอิ" น้ำเสียงเรียบนิ่งทักกลับ "ยังสบายดีอยู่หรือไม่"

     "ค่ะ ข้ายังสบายดี และหวังว่าท่านกับพระมารดายังคงสบายดี"

     "สบายดีเช่นกัน....ที่พระตำหนักท้ายเป็นเช่นไรบ้าง"

     "สงบเงียบดี ไม่วุ่นวายมากนัก ดีสำหรับอินุยาฉะ"

     เส็ตโชมารูหันไปมองเด็กน้อยบนตักของพระบิดา....ก็จริงอย่างที่อิซาโยอิว่า หากเด็กคนนี้เติบโตในรั้ววังใหญ่ คนลำบากเสียยิ่งกว่าทาส.....

     "อินุยาฉะ นี่คือพี่ชายของเจ้า" อินุไทโชวเอ่ย

     อินุยาฉะหันไปมองทางเส็ตโชมารู ก่อนจะพบกับนัยน์ตาสีเดียวกันแต่กลับเรียบนิ่ง เฉยชาจนน่ากลัวสำหรับเด็กชาย

     "เขาเป็นน้องชายของเจ้า" อินุไทโชวเอ่ยกับเส็ตโชมารู

     "พะย่ะค่ะท่านพ่อ" เส็ตโชมารูตอบรับ

     "เข้าไปหาพี่สิอินุยาฉะ" อินุไทโชวดันแผ่นหลังเล็กเบา ๆ ให้เข้าไปใกล้เส็ตโชมารู

     อิซาโยอิกำมือแน่น เฝ้ามองอย่างระแวดระวัง เส็ตโชมารูสังเกตเห็น...เขารู้ดี...นางกลัว...กลัวว่าเขาจะทำร้ายอินุยาฉะ...แน่ละเด็กคนนี้เป็นครึ่งอสูรนิ...

     "ทะ ท่านพี่เส็ตโชมารู" เสียงเล็กเอ่ยอย่างหวาด ๆ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อดวงตาเย็นชานั้นมองมาที่ตน

     "อินุยาฉะ" เสียงทุ้มตอบรับเรียบ ๆ

     "หึหึหึ อย่าทำให้น้องกลัวสิ เส็ตโชมารู" อินุไทโชวเอ่ยยิ้ม ๆ

     เส็ตโชมารูมองบิดา ก่อนจะมองที่อินุยาฉะอีกครั้ง "ข้าไม่รับเขาเป็นน้อง" เพียงประโยคเดียวที่แสนเจ็บปวด ร่างสูงก็เดินออกจาห้องไปพร้อมกับทิฐิแห่งเกียรติยศที่ถูกมารดาสั่งสอนมา

     อินุยาฉะตัวสั่นก่อนจะเริ่มสะอื้น เข้ากอดมรดาอย่างหวาดหวั่น อินุไทโชวถอนหายใจหนัก ก่อนจะเอ่ยปลอบอินุยาฉะพร้อมกับลูบหัวปลอบใจ

     ....................

     วันนี้เกิดเหตุวุ่นวายมาก เมื่อสัตว์อสูรร้ายเข้ามาอาละวาดในวัง มันฆ่าเหล่าทหารและผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไปหลายชีวิต และตอนนี้ ในวังกำลังวางกำลังเตรียมรับมือกันมันแลออกตามล่าอย่างวุ่นวาย

     อิซาโยอิตามหาลูกชายทั่วตำหนัก แต่นางหาเท่าไหร่ก็ไม่พบ เหล่านางข้ารับใช้ที่ไปหาในวังก็ไม่พบ อิซาโยอิเริ่มกังวล ใบหน้าหวานตื่นตระหนกอย่างที่สุด เหงื่อกาฬไหลอย่างเคร่งเครียด

     "ในสวน! ไปหาในสวน!!" นางสั่งเหล่าทหารของตำหนัก

     ......ท้ายสวนสวย.....

     ร่างเล็กในสุดผ้าไหมกิโมโนสีแดงสดกำลังให้อาหารปลาอยู่ริมบ่อน้ำใสอย่างไม่รู้เรื่องราวว่าได้เกิดเหตุร้ายขึ้นแล้ว ร่างเล็กนั่งอยู่ริมบ่อ ดูปลาแหวกว่ายอย่างเพลิดเพลิน มือจุ่มน้ำใสเล่นกับปลา ก่อนจะพบว่ากลีบดอกไม้สีแดงร่วงโรยลงมากระทบผิวน้ำจนเป็นวงเล็ก ทั้ง ๆ ที่ไร้สายลมใด ๆ.....อินุยาฉะจ้องมองเงาสะท้อนนั้นอย่างแปลกใจ

      "ตา....."

     ร่างเล็กเงยหน้าขึ้น ก่อนจะพบกับดวงตาดุร้ายสีแดงฉานราวกับเลือด มันเป็นสัตว์อสูร ใบหน้าดั่งเสือร้าย แยกเขี้ยวขู่ ลำตัวฟูไปด้วยขนสีน้ำตาล กรงเล็บคมของมันเกาะอยู่บนกิ่งไม้

      "กรรร~~"

      อินุยาฉะเบิกตาโต จ้องมองสัตว์ร้ายอย่างหวาดหวั่น ตัวสั่นเทาอย่างมิอาจควบคุม อยากจะวิ่งหนีแต่ขากลับก้าวไม่ออกราวกับถูกตรึงเอาไว้ด้วยมือที่มองไม่เห็น

     "มะ แม่ครับ...."

     "กรร!!"

     "เหวอ!!!"

     ร่างเล็กร้องลั่น ยกมือกุมหัวอย่างตกใจกลัว หลับตาแน่น

     ฉัวะ!!

     "ก๊าซ!!!"

     เสียงร้องโหยหวนของสัตว์ร้ายดังก้อง อินุยาฉะลืมตาขึ้น ก่อนจะพบว่ามีเงาของใครบางคนทาบทับกับตัวเขา...เงาของร่างสูงที่คุ้นตา....

     "ท่านพี่เส็ตโชมารู!" คนตัวเล็กเอ่ยอย่างแปลกใจ

     "ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่" ร่างสูงถามเสียงเข้ม มือใหญ่ถือดาบที่อาบเลือดสีแดง

     "ขะ ขะ ข้า...." ร่างเล็กไม่รู้จะพูดตอบเช่นไร ก่อนจะร้องลั่นเมื่อเห็นสัตว์ร้ายกระโจนมาทางเส็ตโชมารู

     ร่างสูงคว้าตัวร่างเล็กมาไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะโดดหนีกรงเล็บที่อาจกระชากร่างของเขาได้เพียงตะปบครั้งเดียว อินุยาฉะกอดร่างสูงแน่น

     "กรรรรร!!"

     "อยู่ที่นี่!" เส็ตโชมารูเอ่ยกำชับกับอินุยาฉะ ก่อนจะพุ่งเข้าปะทะกับอสูรร้าย

     อินุยาฉะเฝ้ามองดูการต่อสู้อย่างหวาดหวั่น เป็นการต่อสู้ที่น่ากลัวสำหรับเด็กน้อยอย่างเขา

     "อินุยาฉะ!" อิซาโยอิวิ่งเข้ามาในสวน ก่อนจะกรีดร้องอย่างตกใจเมื่อพบว่าเส็ตโชมารูกำลังต่อสู้กับสัตว์ร้าย นางรีบสั่งให้เหล่าทหารที่ตามมาเข้าช่วยเส็ตโชมารูทันที ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาอินุยาฉะ

     "ท่านแม่!!" เด็กชายกอดมารดาแน่น ซบหน้าลงร้องไห้โฮ อิซาโยอิจูบขมับลูกชาย กอดตอบแน่นอย่างห่วงหา และเฝ้ามองดูการต่อสู้อย่างหวาดหวั่น

     "กรรรรรร!!"

     "อ๊ากกกก!!"

     เส็ตโชมารูร้องลั่นเมื่อคมเขี้ยวเล็บตวัดเข้าที่ท่อนแขนขวาของเขาจนเลือดกระเซ็น โชคดีที่ไม่ได้ลึกมากนัก ร่างสูงกัดฟันสู้ ก่อนจะพุ่งเข้าปะทะกับสัตว์ร้ายอีกรอบ

     ฉึก!!

     ร่างสูงกระโดดขึ้นกลางอากาศ ก่อนจะทิ้งตัวลงมา ปักคมดาบกล้าลงที่คอของสัตว์ร้าย จนคมดาบปักทะลุของของมัน สัตว์ร้ายชะงัก ก่อนจะล้มลงบนในบ่อปลา

     ซ่า!

     อินุยาฉะมองดูภาพตรงหน้า เส็ตโชมารูยืนหอบหายใจหนักอย่างริมสระ เลือดสีแดงฉานไหลอาบแขนเสื้อสีขาวจนกลายเป็นสีแดง ดวงตาสีอำพันหันมาสบตากับดวงตาเล็ก อินุยาฉะผละจากอ้อมกอดมารดา

     "ทะ ท่านพี่ สะ เส็ตโชมารู"

     ร่างสูงทำท่าเหมือนจะเอื้อนเอ่ยบางสิ่ง แต่แล้วร่างสูงกลับเซล้มลงไปในสระเลือดเสียแทน ทุกคนร้องเสียงหลงอย่างตกใจ อินุยาฉะรีบวิ่งไปที่สระ กระโดดลงไปเป็นคนแรก ประคองใบหน้าคมคายขึ้นจากน้ำ ร้องเรียกอย่างตื่นตระหนก

     "ท่านพี่! ท่านพี่เส็ตโชมารู!!"

     ร่างสูงปรือตาอันพร่าเลือนมองผู้ที่เรียกชื่อตน....อินุยาฉะหรือ....

     เรียกข้า....ข้าไม่ใช่พี่เจ้านะ....

     "ท่านพี่เส็ตโชมารู!! อย่าตายนะ! ท่านพี่!!"

     ข้าไม่ตายง่าย ๆ หรอกน่า.....เลิกเรียกข้าว่า 'พี่' สักที.....

     ข้าไม่ใช่...พี่เจ้า.....อินุยาฉะ.....

     แล้วโลกทั้งโลกก็มืดมิดพร้อมกับเสียงร้องเรียกชื่อของเขาเป็นเสียงสุดท้ายก่อนที่สติจะดับวูบ.....

     ....................

     เส็ตโชมารูตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเข้าสู่ราตรีกาลแล้ว

     ร่างสูงมองดูผ้าพันแผลสีขาวที่แขนขวา ก่อนจะมองไปรอบ ๆ นี่เป็นห้องของเขา เขาคงถูกพามาที่นี่หลังจากสลบไป

     'ท่านพี่เส็ตโชมารู'

     เสียงนั้น.....น้ำเสียงที่ตื่นตระหนก เต็มไปด้วยความกลัวและห่วงใย....

     ทำไมกันนะ....ทำไมเขาถึงรู้สึกห่วงใยเมื่อเห็นร่างบางกำลังจะโดนอสูรร้ายทำร้าย...รู้สึกใจหาย...และรู้สึกกลัว...กลัว...กลัวร่างบางจะหายไปพร้อมกับเลือดสีแดงที่สาดกระเซ้น...ความรู้สึกนี้มันอะไรกัน...มันทำให้ใจเขาปั่นป่วนเหลือเกิน...

     ร่างสูงหันไปมองที่หน้าต่างที่ถูกเปิดรับลมเย็น แสงจันทร์สีเงินยวงสะท้อนเข้ามาจากราชินีแห่งฟากฟ้าราตรี งดงาม...จนชวนคิดถึงดวงหน้าของใครบางคน....

     "อินุยาฉะ....ข้าเป็นอะไรไป" มือใหญ่ยกขึ้นกุมขมับ

     ....................

     ร่างเล็กนอนไม่หลับ ภาพเมื่อเย็นนี้ยังติดตาอยู่เลย....ภาพของเส็ตโชมารูที่นอนสลบไสลอยู่ในอ้อมแขนของเขา....เป็นครั้งแรก....ที่เขากลัวขนาดนี้....

     กลัวว่าร่างสูงจะตาย.....

     ภาพของเลือดที่ไหลซึมออกมาจากแขนและลอยละล่องอยู่ในน้ำ เขาร้องไห้....กลัวมาก.....หัวใจสั่นหวิวอย่างประหลาด.....

     "ท่านพี่เส็ตโชมารูจะเป็นยังไงบ้างนะ"

     ร่างเล็กเดินที่ริมหน้าต่าง เปิดหน้าต่างออกกว้างและเฝ้ามองดวงจันทร์งามที่ส่องประกายสวยอยู่บนฟากฟ้า....สะท้อนให้ร่างบางดูงดงามขึ้น.....

     "เจ็บจัง...." ร่างบางลูบแก้มซ้ายของตน นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่พาเส็ตโชมารูมาที่ตำหนัก พระมารดาของเส็ตโชมารูมาที่นี่และตบเขาอย่างแรงจนล้มลงกล่างหาว่าเพราะเขาถึงทำให้เส็ตโชมารูต้องบาดเจ็บ

     "ท่านพี่เส็ตโชมารู....." ร่างบางเอ่ยเสียงเศร้า มองจันทร์อย่างโศกสลด

กาลเวลาผ่านไปเหมือนกระแสธารที่ไหลเชี่ยว.....

     เป็นเวลาที่ยาวนานและผ่านไปอย่างเรียบง่ายธรรมดาสำหรับปีศาจที่มีชีวิตยืนยาว...แต่ไม่ใช่กับอิซาโยอิ...นางจากไปอย่างสงบด้วยวัยชราที่ไม่ได้พรากความเป็นนางไปเลย นางยังคงมีรอยยิ้มที่งดงามจนวาระสุดท้ายแห่งชีวิต แม้ไม่อยากจะทิ้งโอรสที่รัก แต่กาลเวลาไม่ได้ปราณีใคร...นางหลับตาในค่ำคืนที่สวยงามเฉกเช่นทุกวัน ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ลูกชายเป็นครั้งสุดท้าย....

     แม้จะสบายใจ ที่ผู้เป็นมารดาจากไปอย่างสงบและไม่ทรมาน แต่อินุยาฉะที่เติบโตขึ้นจนมีวัยและร่างกายเทียบเท่ามนุษย์ 20 ปี เติบโตอย่างโดดเดี่ยว และเงียบสงบที่พระตำหนักท้ายวัง ขณะที่เติบโตเจริญวัย เป็นอีกครั้งที่กาลเวลาช่างโหดร้าย....องค์ราชาอินุไทโชวทรงบาดเจ็บสาหัสจากสงคราม.....อาการทรงทรุดหนัก และพระองค์คงมีเวลาไม่นานนัก.....

     ....................

     "ท่านอินุยาฉะ!!"

     "ท่านอินุยาฉะ!!"

     นามิ หญิงที่ยังคงความเป็นวัยกลางคนเช่นเดิมร้องเรียกหาเจ้านายน้อยที่เลี้ยงดูมาด้วยความทนุถนอมแทนท่านหญิงอิซาโยอิ

     "ท่านอินุยาฉะ!!"

     สีหน้าของนามิเต็มไปด้วยความกังวลใจ สั่งนางข้ารับใช้ที่เหลือให้แยกย้ายกันออกไปหานายน้อย

     "ท่านอินุยาฉะ!!"

     พรึ่บ!

     "ว้าย!!"

     นามิร้องเสียงหลงเมื่อร่างเพรียวบางในชุดขนหนูไฟสีแดงกระโดดลงมาโผล่อยู่ตรงหน้าของหล่อน ใบหน้างดงามตรงหน้าแย้มยิ้มขบขัน ดวงตาสีอำพันระริกอย่างร่าเริงแต่งแฝงด้วยความโศกสลด ริมฝีปากสีชมพูแย้มยิ้มกว้าง หูจิ้งจอกสีขาวกระดิกเล็กน้อยอยู่ภายใต้เรือนผมสีเงิน

     "ท่าอินุยาฉะ!!" นามิหยิกนายน้อยที่ท่อนแขนที่นายน้อยแกล้งให้หล่อนตกใจเล่น "แบบนี้ไม่ตลกนะเพค่ะ!!"

     "ฮะฮ่ะฮ่า!! ตลกสิ! ตลกที่หน้าของเจ้ายังไงละนามิ!" ร่างบางว่า ก่อนจะเดินไปยังที่ระเบียงทางเดินของตำหนัก พลางกระโดดขึ้นไปนั่งบนตำหนัก สั่งให้หญิงรับใช้หาน้ำชาและขนมของว่างมาให้แก้เหนื่อยจากการไปเที่ยวเล่น

     "แอบหนีออกไปนอกวังอีกแล้วใช่มัยเพคะ!!" นามิโววาย นั่งลงข้างนายน้อย พร้อมดุอย่างเอ็นดู

     "วันนี้ตลาดคึกคักมากเลยนะนามิ! เด็ก ๆ ดีใจกันใหญ่ที่ข้าแพ้บอลพวกเขา" อินุยาฉะเล่าเรื่องที่ตนไปพบมาด้วยรอยยิ้มร่าเริง สดใส "พวกเด็ก ๆ ยังพาข้าไปจับปลาที่ริมธารด้วย! พวกผู้ใหญ่ยังสอนข้าตกปลาด้วยนะ! สนุกมากเชียวละ"

     นามิเฝ้ามองร่างบางที่เล่าเรื่องราวของตนพร้อมรอยยิ้ม นามิถอนหายใจหนักอย่างเศร้าสร้อย อินุยาฉะหันมามองอย่างแปลกใจ

     "เป็นอะไรไปนามิ? ถอนหายใจทำไมกัน?"

     แม่นมมองสบตาสีอำพันก่อนจะเอ่ยตอบอย่างสลด "องค์อินุไทโชว...อาการทรุดหนักมาเพคะ"

     "!?"

     "มีคำสั่งเรียกนายน้อยเข้าเฝ้าด่วนเพคะ"

     "แล้วทำไมไม่รีบบอกเรา!!" ร่างบางตวาดลั่น ก่อนจะลุกพรวด วิ่งไปยังพระราชวังใหญ่ทันที

     ....................

     ใบหน้างามตื่นตระหนก วิ่งเท้าเปล่ามาเรื่อย ๆ อีกทั้งยังรีบร้อนไม่สนใจใครทั้งนั้น กระโดดข้ามรั้ววังใหญ่เข้าไปในพระตำหนักส่วนพระอง์ขององค์อินุไทโชว และเมื่อไปถึงก็เดินเข้าไปโดยไม่สนใจนายทหารที่เฝ้าห้อง มือเรียวเปิดประตูบานเลื่อนอย่างแรง

     ครืน!!

     "ท่านพ่อ!!"

     ร่างบางมองอยางตกตะลึง....ร่างสูงใหญ่ที่เคยสง่างามน่าเกรงขามมื่อครั้งเคยเห็นในวัยเยาว์ บัดนี้ กลับทอดกายอยู่บนแท่นบรรทมใหญ่ ข้างแท่นบรรทม คือ บุคคลที่ร่างบางไม่ได้พบมาเนิ่นนาน....เส็ตโชมารู และนางจิ้งจอก มารดาขององค์ชายคนโตนาม 'ฮานะ' (ไม่รู้ว่าแม่ท่านเส็ตชื่ออะไรก็ตั้งเองนะ คงไม่ว่ากันใช่มั๊ยคะ)

     ดวงตาคมสวยของฮานะตวัดมองร่างบางอย่างดุดัน แต่อินุยาฉะไม่สนใจ เมื่อก่อนเขากลัวนาง แต่ตอนนี้เขาเติบโตขึ้นแล้ว พร้อมกับความดื้อรั้น หัวแข็งและไม่หวั่งเกรงใครอีกต่อไป

     "อินุยาฉะหรือ?"

     ร่างเพรียวบางไม่สนใจคนในห้องแต่ปราดเข้าไปคุกเข่าข้างเตียงสี่เสา กุมมือพระบิดาที่ตนนับถือและรักใคร่ เอ่ยถามอย่างห่วงใยด้วยน้ำเสียงสั่น

     "ท่านพ่อ...ทรงเป็นเช่นไรบ้าง?"

     เมื่อโอรสคนโปรดมาถึงแล้ว องค์กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ก็แย้มพระโอษฐ์กว้างอย่างเหนื่อยล้า นั่นทำให้องค์พระอัครมเหสีฮานะลุกขึ้น

     "หม่อมฉันขอตัวเพคะ แล้วหม่อมฉันจะมาเยี่ยมพระองค์อีก"

     หญิงสาวเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว ปราดตามองอินุยาฉะอย่างไม่พอใจแต่ก็ไม่เอ่ยคำใด

     อินุยาฉะกำมือพระบิดาแน่น "ท่านพ่อ...ลูกขอโทษที่มาช้า"

     "ไม่เป็นไร...." สุรเสียงนั้นอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด "อย่างที่เจ้าเห็นเนี่ยแหละ ข้าเองก็ใกล้หมดแรงเต็มที"

     "ท่านพ่ออย่างพูดแบบนั้นนะ!" อินุยาฉะเอ่ยแทรกเสียงสั่น นัยน์เนตรสีอำพันไหววูบ "ท่านพ่อจะต้องหายดี"

     "หึหึหึ พอบาดเจ็บหนัก ร่างกายก็อ่อนแอ โรคภัยก็รุมเร้าไม่ขาดสาย อยู่ไปก็มีแต่ให้พวกลูกหลานลำบาก"

     "อย่าคิดอย่างนั้นท่านพ่อ!" ร่างบางว่า "ท่านพ่อจะต้องหายดี ข้าจะมาเยี่ยมท่านพ่อทุกเวลาเลยดีมั๊ยพะย่ะค่ะ"

     อินุไทโชวยิ้มให้โอรส พยักหน้าน้อย ๆ "ข้ายังโชคดีมีลูกดี ๆ อย่างพวกเจ้า เส็ตโชมารูก็มาคอยดูแลงานราชการ ส่วนเจ้า อินุยาฉะก็มาคอยดูแลข้า แบบนี้ข้าคงมีกำลังใจมากขึ้น"

     อินุยาฉะเหลือบมองคนที่ถูกพาดพิงถึง....เส็ตโชมารู....ตอนนี้เจริญวัยมากขึ้นเป็นหนุ่มในวัยดั่งมนุษย์อายุ 25 ปี ร่างสูงมีใบหน้าคมคายขึ้น ดวงเนตรคมเข้มสีอำพัน จมูกโด่ง ริมฝีปากบาง ร่างกายแกร่งสมชาย แต่ที่ไม่เคยเปลี่ยนไป คือ ความเยือกเย็น สุขุมและเงียบขรึม นัยน์ตาอำพันนั้นยังคงยากที่จะหยั่งคิดได้ว่าร่างสูงกำลังคิดอะไรอยู่

     เมื่อดวงเนตรสีเดียวกันสบตากัน กลับเป็นฝ่ายอินุยาฉะที่หลบหนีหน้าไปก่อน ไม่ใช่เพราะความกลัวอีกแล้ว...และไม่ใช่เพราะความเขินอายดั่งเด็กน้อย...แต่เป็นความมีฐิถิที่ถูกสั่งสมมาเป็นเวลานาน อินุยาฉะยังจำได้ดี.....ในวันที่เขาเลือกจะฝังร่างของอิซาโยอิ มารดาอันเป็นที่รักไว้ที่สวนสวยข้างพระตำหนัก และไม่ต้องงานพระราชพิธีใด ๆ ทั้งสิ้นตามที่นางอิซาโยอิได้ขอไว้ เขาจำได้ดี...ร่างสูงพูดออกมาว่า.....

     'เป็นมนุษย์ ก็ตายอย่างมนุษย์น่ะดีแล้ว....ดีอีกที่ไม่ต้องทำพิธีใด ๆ จะได้ไม่เสียเกียรติวงศ์ตระกูลชั้นสูง น่าเสียดายที่ยังเหลือกระดูกเอาไว้แปดเปื้อนสวนสวยนี่'

    
เขาจำได้ดี...นั่นทำให้ความเกลียดชังก่อเกิดขึ้น...

     "ท่านพ่อต้องพักผ่อนมาก ๆ นะพะย่ะค่ะ แล้วหม่อมฉันจะหมั่นมาเยี่ยมเยียนเสมอ" อินุยาฉะเอ่ยกับพระราชบิดาอย่างห่วงใย

     "อืม....ข้าจะตั้งตารอคอย" อินุไทโชวเอ่ย

     "หมอหลวงมาแล้วพะย่ะค่ะ" นายทหารกราบเรียน

     แล้วร่างของหมอหลวงก็เข้ามาในห้อง อินุไทโชวตรัสบอกให้อินุยาฉะและเส็ตโชมารูกลับไปได้ ทั้งสองพยักหน้าทำตาม ก่อนจะออกไปจากห้อง

     อินุยาฉะยืนนิ่งอยู่หน้าประตูบานเลื่อน สงสัยว่าเหตุใดท่านพ่อถึงไม่ยอมให้เขาอยู่ด้วยเวลารักษา....หรืออาการจะหนักมากจนท่านพ่อไม่ต้องการให้เขารู้.....มือเรียวกำแน่นอย่างหนักใจ ดวงตาสีอำพันไหววูบอย่างมาก

     "ไม่เจอเจ้านานแล้วสินะ"

     เสียงทุ้มข้างตัวเรียกให้ร่างเพรียวบางหันไปมอง

     "ท่านพี่เส็ตโชมารู" ร่างบางเอ่ยเรียบ ๆ

     "ข้าคิดว่าคงเคยบอกเจ้าไปแล้วนะว่าข้าไม่เคยนับเจ้าเป็นน้อง"

     อินุยาฉะกำมือแน่น ก่อนจะหันหลังให้ร่างสูง "ใช่ ท่านเคยบอกข้าแล้ว....ถ้าเช่นนั้นก็ขอลา....เส็ตโชมารู"

     ร่างบางเตรียมจะเดินจากไป หากแต่มือใหญ่กับคว้าข้อมือบาง รั้งร่างบางเอาไว้เสียก่อน "เดี๋ยวก่อน" อินุยาฉะหันกลับมามองร่างสูงเขม็ง พยายามแกะมือของเส็ตโชมารูออก

     "ปล่อยข้านะ!" เงยหน้าว่าร่างสูง

     "ข้าได้ยินมาว่าเจ้าแอบออกไปนอกวังบ่อย ๆ มีทหารเห็นเจ้าที่ตลาดในวันนี้"

     อินุยาฉะกัดฟันกรอด เขาอุตส่าห์หลบอย่างดีแล้วแท้ ๆ แต่ยังพลาดจนได้ ร่างบางเชิดหน้าสูงก่อนจะเอ่ย "แล้วจะทำไม! ข้าจะอยู่นี่หรือออกไปก็เรื่องของข้า! ไม่เกี่ยวกับท่านเลยแม้แต่น้อย"

     "ไอ้จะบอกว่าไม่เกี่ยวก็กระไรอยู่ อย่างน้อยเจ้าควรจะพึงระลึกไว้ด้วยว่าในตัวเจ้ายังมีสายเลือดสูงส่งที่ผสมกับเลือดโสโครกของแม่เจ้าอยู่ด้วย จะทำอะไรก็นึกถึงสายเลือดของท่านพ่อเสียบ้าง"

     ร่างบางหน้าตึง สะบัดข้อมือออกจากการเกาะกุม ก่อนจะง้างมือขึ้นฟาดมันลงบนใบหน้าหล่อเหลานั่นอย่างเดือดดาล

     เพี๊ยะ!

     "อย่ามาดูถูกแม่ของข้า" ร่างบางเอ่ยเสียงแผ่วแต่สั่นไปด้วยความโกรธเคือง "ถึงแม่ข้าจะเป็นมนุษย์ แต่แม่ข้าก็มีดีกว่าแม่ท่านหลายเท่า"

     เส็ตโชมารูเริ่มไม่พอใจ มองร่างบางอย่างเยือกเย็น "ระวังปากของเจ้าให้ดี เจ้าครึ่งอสูร ที่เจ้าพูดถึงคืออัครมเหสีขององค์อินุไทโชว"

     "จะประหารข้าหรือไงละ" ร่างบางท้าทาย

     ร่างสูงจ้องเข้าไปในดวงตาสีอำพันอย่างดุดัน ร่างบางจ้องตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้ แต่ก็เป็นอีกครั้ง ร่างบางหลบสายตาก่อนจะเดินจากไป พร้อมกับคำพูดทิ้งท้าย

     "แต่ก่อนข้านับถือและเคารพท่านมาก...แต่ตอนนี้...ข้าจะไม่เป็นเด็กหัวอ่อนยอมพวกท่านอีกแล้ว ข้าไม่ใช่เด็กน้อยในครั้งอดีตอีกแล้ว"

     จากนั้นร่างบางก็จากไปอย่างรวดเร็ว เส็ตโชมารูกัดฟันแน่น ความรู้สึกชาที่แก้มยังคงอยู่ มือใหญ่กำแน่นก่อนจะทุบกับกำแพงหนาอย่างแรง

     "อินุยาฉะ....ดื้อนักนะ"

     ....................

     แม้อินุยาฉะจะหมั่นไปเยี่ยมเยียนอินุไทโชวเสมอ แต่พระอาการไม่ดีขึ้นตามที่คาด แม้กำลังใจจะมีมากแต่กำลังกายกลับหายไปตามกาลเวลา เพียงไม่นานองค์อินุไทโชวก็เสด็จสวรรคตเสียแล้ว....

     อินุยาฉะถูกกีดกันไม่ให้เข้าร่วมพระราชพิธีนี้ แม้ร่างบางจะพยายามแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ใด ๆ ได้ ได้เพียงแต่เฝ้ามองหมู่ควันไฟสีหม่นล่องลอยขึ้นสู่นภาสีครามอย่างเศร้าสร้อยอยู่ที่ท้ายพระตำหนัก คุกเข่าลงถวายความเคารพแก่พระวิญญาณของพระราชบิดาเป็นครั้งสุดท้าย

     "ท่านอินุยาฉะ" นามิปราดเข้ามาประคองร่างบางอย่างสงสารจับใจและเห็นใจ

     ร่างบางลุกขึ้นยืน นามิเบิกตาโตเมื่อเห็นใบหน้างามเต็มไปด้วยน้ำตาใส ดวงหน้าหวานหันมามองแม่นมก่อนจะเอ่ยเสียงเศร้าสลด

     "นามิ....ทำไมทุกคนที่ข้ารัก....ถึงจากข้าไปเสมอ....ทำไมพวกเขา....ถึงทิ้งข้าไว้คนเดียวด้วย...."

     "ท่านอินุยาฉะ!" นามิกอดร่างบางอย่างห่วงใย อินุยาฉะร้องไห้สะอื้นกับอ้อมอกที่อบอุ่นดั่งมารดา น้ำตาใสไหลรินอย่างปวดร้าว ในใจโทษสวรรค์ที่กลั่นแกล้งตนถึงเพียงนี้ ทำไมถึงพรากทุกคนที่เขารักไปหมด

     "อยู่นี่เองเรอะ"น้ำเสียงสูงดังขึ้น อินุยาฉะผละจากอ้อมกอดของนามิ ก่อนจะรีบปาดน้ำตาออก จ้องมองอัครมเหสีผู้ที่ไม่เคยมายังพระตำหนักนี้เลยหากไม่มีเหตุจำเป็นใด ๆ จริง ๆ "หึ! อะไรกันน้ำตานี้"

     อินุยาฉะกำมือแน่น จ้องมองอัครมเหสีและผู้ที่ติดตามมาด้วย....เส็ตโชมารู.....

     "ทำไมท่านถึงมาที่นี่!?" ร่างบางเอ่ยถามอย่างไม่พอใจ

     "ต๊ายตาย! มารยาททรามอย่างที่เขาว่าจริง ๆ ละนะ ก็อย่างว่าแหละ มีเลือดโสโครกอยู่ในตัวก็อย่างนี้ละนะ"

     "หุบปากนะ!!" ร่างบางตวาดลั่น นามิรีบรั้งแขนนายน้อยเอาไว้เสียก่อน

     "หึ!" รอยยิ้มเย้ยยันปรากฎบนใบหน้างามของท่านฮานะ "เอาเถอะ ๆ ข้าจะทำเป็นไม่เห็นมารยาทห่าม ๆ แบบนั้นนะ...แต่ข้ามีเรื่องจะมาบอกเอาไว้ก่อน ให้เจ้าได้พึงระลึกเอาไว้ในกระโหลก ว่าโอรสของข้า เส็ตโชมารูจะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อจากท่านพี่อินุไทโชว"

     "เอ๊ะ!?" อินุยาฉะเบิกตาโตมองเส็ตโชมารูที่ไม่ได้สนใจเขาสักนิด

     "หลังจากผ่านพระราชพิธีนี้ไปได้เสียก่อนอีกเจ็ดวันให้หลัง ก็จะมีพิธีมอบราชบัลลังก์ต่อ เมื่อถึงตอนนั้น เจ้าควรจะรู้ตัวสินะว่าควรจะทำตัวยังไง"

     อินุยาฉะกำมือแน่น ก่อนจะเชิดหน้าสูงและเอ่ยประกาศเสียงดัง "หึ! ใครจะเป็นกษัตริย์ต่อจากท่านพ่อข้าไม่สนทั้งนั้นแหละ!! และก็ไม่ต้องห่วง ไอ้พิธีบ้า ๆ นั่นข้าไม่ไปแน่ มันก็แค่พิธีของพวกหัวสูงเอาแต่ใจเท่านั้น!! ไปร่วมด้วยมีแต่จะทำให้ข้ารู้สึกรังเกียจที่นี่มากขึ้นเท่านั้นแหละ!!"

     "นะ หนอย!! เจ้าครึ่งอสูร!!"

     เพี๊ยะ!!

     ด้ามพัดฟาดลงบนใบหน้าเนียนอย่างแรงจนเป็นรอยแดงพาดยาวที่แก้มนุ่ม

     "ปากดีนัก! รู้ไว้ซะด้วยนะ ว่าที่นี่ก็ไม่มีใครอยากจะให้แกอยู่หรอกนะ!! ถ้าไม่ใช่เพราะท่านอินุไทโชวละก็!! เจ้ากับแม่มนุษย์โสโครกของเจ้าน่ะได้ไปนอนเป็นอาหารพวกอสูรตั้งแต่แรกแล้ว!!"

     อินุยาฉะกัดฟันแน่น "ถ้าเป็นเมื่อก่อน...ข้าคงนิ่งเงียบ ร้องไห้ไปแล้ว" ร่างบางเอ่ยเสียงสั่นด้วยอารมณ์ "แต่ตอนนี้ ข้าไม่ใช่เด็ก ๆ อีกต่อไปแล้ว!!" กรงเล็บยาวปรากฎขึ้น หมายจะฟาดใส่สตรีตรงหน้า

     "กรี๊ด!!"

     "ท่านอินุยาฉะ!!"

     หมับ!!

     มือใหญ่ของเส็ตโชมารูจับแขนเรียวแน่นก่อนที่มันจะฟาดกรงเล็กแหลมใส่มารดาของเขา ร่างบางกัดฟันแน่น จ้องร่างสูงเขม็ง

     "ปล่อยข้า!!"

     "ปล่อยให้เจ้าทำร้ายแม่ข้าเหรอไง" น้ำเสียงเยือกเย็นทำให้ร่างบางอดหวาดหวั่นเล็กน้อยไม่ได้

     "หึ!!" อินุยาฉะสะบัดแขนออกจากการเกาะกุม แต่ไร้ผลเพราะมือใหญ่บีบแน่นและทำท่าว่าจะไม่ยอมปล่อยอีกต่างหาก "ปล่อยข้านะ!"

     "ขอโทษแม่ข้าซะ!"

     ร่างบางกัดฟันกรอด น้ำตาพาลจะไหลอีกรอบ ไม่ใช่เพราะเจ็บแขนแต่เจ็บใจ!

     รู้สึกเจ็บอย่างประหลาด...ที่ใจ...เพราะร่างสูงตรงหน้านี้...ไม่รู้เพราะอะไรกันแน่...ไม่ใช่แค่การดูถูก...แต่มันมีอีกเหตุผล ที่เขาเองก็ไม่เข้าใจ.....

     "ขอโทษเหรอ! ไม่มีทางและไม่มีวันด้วย! ข้าไม่มีวันขอโทษทุกคนที่เหยียดหยามแม่ข้าเด็ดขาด! ข้าเกลียดทุกคน! ทุกคนที่ดูถูกแม่ข้า ทุกคนที่เหยียดหยามแม่ข้า!! เกลียดที่สุด! โดยเฉพาะกับเจ้า!!" ร่างบางต่อว่าใส่ร่างสูง พยายามแกะมือใหญ่ออกจากท่อนแขนของตน "ข้าเกลียดเจ้า! เกลียดที่สุด!! ปล่อยข้านะ!! ปล่อยขาสิ!!"

     น้ำตาใสไหลอาบแก้มนวลอีกครั้งอย่างไม่อาจห้ามได้ เส็ตโชมารูจ้องมองดวงหน้างามที่กำลังร้องไห้ ก่อนจะยอมปล่อยแต่โดยดี แต่ฟากรอยมือใหญ่สีแดงเอาไว้บนท่อนแขนเรียว

     "ไอ้ที่บ้า ๆ แบบนี้!! ถ้าไม่ใช่เพราะท่านพ่อและท่านแม่ขอข้าไว้ ข้าก็ไม่อยากอยู่นักหรอก!!" ร่างบางตวาดใส่ร่างสูงก่อนจะวิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว

     "นายน้อย!! ท่านอินุยาฉะ!!" นามิร้องเรียกไล่หลัง ก่อนจะถวายความเคารพเส็ตโชมารูกับอัครมเหสีก่อนจะขอตัวออกตามหาร่างบางที่เพิ่งวิ่งหนีจากไป

     เส็ตโชมารูมองตาม มือใหญ่กำแน่นก่อนจะสะบัดผ้าคลุมหันหลัง เดินจากไป อัครมเหสีกัดฟันก่อนจะตามลูกชายไป

     "เจ้าครึ่งอสูรนั่น! ถ้าลูกได้เป็นกษัตริย์เมื่อไหร่ล่ะก็ ไล่มันออกไปซะเถอะ!" ฮานะเอ่ยกับโอรสอย่างไม่สบอารมณ์ "อยู่ไปก็มีแต่จะทำให้ราชวงศ์ต้องแปดเปื้อน!"

     เส็ตโชมารูหลับตานึกถึงคำพูดบิดา....'พ่อเป็นห่วงอินุยาฉะ...ดูแลเขาด้วยเส็ตโชมารู...ดูแลเขาแทนพ่อด้วย'

    
"หม่อมฉันทำไม่ได้หรอกเสด็จแม่...ท่านพ่อได้ฟากฝังเขาไว้ก่อนตาย ท่านพ่อต้องการให้เขาอยู่ที่นี่"

     "หึ!! ทำไมกันนะ กะอีแค่ครึ่งอสูร ทำไมท่านพี่ต้องประคบประหงมมันขนาดนี้กัน!!" ฮานะเอ่ยรอดไรฟัน

     เส็ตโชมารูเองก็ไม่อาจตอบคำถามนั้นได้ จะไปถามผู้ที่ถูกกล่าวถึงก็ไม่ได้อีก เพราะท่านผู้นั้นก็จากไปแล้ว...

     อินุยาฉะ.....

     ยิ่งโตขึ้น ความงดงามเขาเจ้าก็ไม่น้อยหน้าใครเหมือนนิสัยเอาแต่ใจของเจ้า.....

     แต่ทำไมกันนะ....ทำไมข้าถึงรู้สึกเช่นนั้น....ทั้ง ๆ ที่ควรจะเกลียดชังเจ้า.....

     แต่ทำไมข้าถึงเจ็บปวดแบบนี้....ทำไมถึงไม่อยากให้เจ้าพูดคำว่า 'เกลียด' ออกมา....

     ทำไมกันนะ...เจ้าตอบข้าได้ไหม อินุยาฉะ.....

     ทำไมข้าถึงไม่อยากถูกเจ้าเกลียดกัน?

     เป็นคำถามที่ยังคงไร้คำตอบสำหรับเส็ตโชมารู แม้ต่อให้คำตอบนั้นถูกส่งมากับสายลมเย็นที่พัดผ่านมา เขาก็ไม่อาจพบคำตอบนั้น เหตุเพราะใจที่ถือฐิถิหรืออาจเพราะโชคชะตาต้องการให้เวลาเขาเพื่อหาคำตอบ.....

ร่างเพรียวบางในชุดขนหนูไฟสีแดงนั่งกอดตัวเองอยู่ที่ริมสระบัวท้ายสวนสวยที่ถูกบดบังด้วยหมู่ไม้ใหญ่และพุ่มไม้มากมาย เป็นที่ที่อินุยาฉะถูกช่วยชีวิตจากเส็ตโชมารู...คนใจร้าย...ร่างบางคิดเช่นนั้น

     "ฮึก...ท่านพ่อ...ท่านแม่...ฮึก..."

     มือเรียวทั้งสองข้างยกขึ้นปาดน้ำตาตัวเอง แต่ไม่ว่าจะปาดออกกี่ครั้ง น้ำตาก็ยังคงไหลออกมาทุกครั้ง

     "ที่นี่มีแต่คนใจร้าย...ฮึก...ทำไมพวกท่าน...ฮึก...ถึงจากข้าไปหมด...."

     ร่างบางจ้องมองเงาสะท้อนของตัวเองบนผิวน้ำนิ่ง ก่อนจะกำมือแน่นเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ที่เพิ่งผ่านมา อารมณ์โมโหปะทุขึ้นอีกครั้ง ร่างบางกระโดดลงไปในน้ำ ทำให้ฝูงปลากแตกตื่นหนี มือเรียวยกขึ้นฟาดลงบนผิวน้ำที่สั่นสะเทือนด้วยอารมณ์โทสะ ส่งผลให้ผิวน้ำแตกกระเซ็น

     "ตายแล้ว!! ท่านอินุยาฉะ!!"

     เหล่าข้ารับใช้ต่างรีบกระโจนลงไปในน้ำและห้ามนายน้อยไม่ให้ทำอะไรรุนแรงอีกต่อไป

     "อย่าค่ะนายท่าน!! หยุดเถอะค่ะ!!"

     แต่ร่างบางไม่สนใจฟัง ยังคงฟาดมือลงไปที่ผิวน้ำอย่างคลุ้มคลั่ง

     เกลียด!! เกลียดที่สุด!! เกลียดที่นี่!!

     เกลียดทุกคนที่นี่!! เกลียด!! เกลียดเส็ตโชมารูที่สุด!!

     "ฮึก...ฮึก!"

     ทำไมกัน!! คนใจร้าย!!

     เกลียดที่สุด!! เกลียดที่ชอบทำให้เราต้องเจ็บปวด!!

     และเกลียดตัวเอง!!

     "พอเถอะค่ะนายน้อย!! ไม่เอาแล้วค่ะ!! เปียกหมดแล้วนะคะ!!"

     เกลียดตัวเอง!! ที่ไปแคร์คำพูดของคน ๆ นั้น!!

     เกลียดตัวเอง!! ที่ไปคาดหวังว่าร่างสูงจะเข้าใจ!!

     โง่เง่า!! เรามันโง่!!

     "พอได้แล้วค่ะท่านอินุยาฉะ!!"

     นามิร้องลั่น คว้าแขนเรียวและยึดไว้แน่น ร่างบางขัดขืนอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะค่อย ๆ หยุดดิ้นรนไปเอง

     "ฮึก!...เกลียดที่สุด...ฮึก..."

     นามิเฝ้ามองร่างบางอย่างสงสารจับใจ ก่อนจะเรียกให้หญิงรับใช้มาช่วยกันพานายน้อยขึ้นไปบนพื้นดินและพากลับตำหนัก

     ....................

     วันเฉลิมฉลองพิธีสืบทอดราชบัลลังก์มาถึง พระราชวังใหญ่จัดงานเอิกเกริกเป็นที่ชื่นชมยินดีทั่วทั้งแผ่นดินปีศาจ

     ร่างบางในชุดขนหนูไฟยืนอยู่ในฝูงชนที่มากมาย เฝ้าดูขบวนเสด็จของราชาองค์ใหม่ที่ออกมาเยี่ยมเยียนประชาชนเพื่อเปิดตัว อินุยาฉะมองไปที่เสลียงสีทองหรูหรา เบื้องหลังผ้าม่านไม่ไผ่บางเบาสีทองนั้นคือเส็ตโชมารู

     อินุยาฉะรีบถอยหลังเข้าไปในฝูงชน ก่อนจะเดินออกไปจากขบวน โดยที่ไม่ได้รับรู้เลยว่าสายตาสีทองของบุคคลเบื้องหลังม่านไม้ไผ่ได้จับจ้องเขาอยู่

     "อินุยาฉะ....ออกมาอีกแล้วเรอะ"

     ....................

     อินุยาฉะวิ่งกลับไปที่วังหลังจากไปเที่ยวเล่นมาจนพอใจ ก่อนจะกระโดดข้ามกำแพงหลังของวังเข้าไป ร่างบางร่วงลงมาที่ท้ายสวนสวย ก่อนจะเดินแหวกผ่านแมกไม้เข้ามาในสวนสระบัว ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่เห็นนามิมาเฝ้ารอลงโทษเขาเพราะแอบหนีออกไปเที่ยว เป็นไปได้ว่านามิยังไม่รู้เรื่องที่เขาออกไปเที่ยว

     "ข้าเตือนเจ้าแล้วว่าห้ามออกไปนอกวัง"

     ร่างบางสะดุ้งก่อนจะหันขวับไปมองเจ้าของเสียงทุ้มที่คุ้นตา ใบหน้างามเคร่งเครียด

     "เส็ตโชมารู"

     "ผิดแล้ว....กษัตริย์เส็ตโชมารูต่างหาก" ร่างสูงเดินออกมาจากเงาไม้ มาหยุดตรงหน้าร่างบางที่ยืนจ้องเขาเขม็งอยู่ริมสระบัว

     "แหม ฟังดูยิ่งใหญ่เนอะ" ร่างบางเอ่ยประชด กอดอก

     "มารยาท อินุยาฉะ...มารยาท" ร่างสูงปราม

     "ไม่จำเป็นสำหรับท่านละมั้ง"อินุยาฉะยิ้มเย้ยก่อนจะเดินหนีไป แต่ร่างสูงคว้าข้อมือบางไว้และกระชากให้เข้ามาใกล้ตน

     ด้วยแรงกระชากที่มากกว่า ทำให้ร่างเพรียวบางเซถลาเข้ามากระแทกอกแกร่งอย่างแรง ร่างบางร้องอย่างตกใจ แต่เส็ตโชมารูกลับชะงัก....กลิ่นหอมของมวลดอกไม้ที่ร่างบางสัมผัสมาตลอดแต่เล็กจนโตกระทบโสตของเขา....กลิ่นกายหอมหวน....เป็นครั้งแรกที่ใกล้ชิดกับร่างบางขนาดนี้.....

     "อ๊ะ!!" อินุยาฉะตกใจเมื่อพบว่าตนเข้ามาอยู่ในอ้อมอกแกร่ง จึงรีบผละออกอย่างรวดเร็วพร้อมใบหน้าระเรื่อ แต่ร่างสูงกลับยั้งเขาไว้ "ปะ ปล่อยข้านะ!!"

     ร่างสูงจ้องมองดวงหน้าที่แดงระเรื่อ ก่อนจะเอ่ย "บอกข้าสิ อินุยาฉะ....ทำไมหน้าเจ้าถึงแดงแบบนั้น...อากาศก็ไม่ร้อน เจ้าเองก็สบายดี หรือ....เพราะข้ากันแน่"

     อินุยาฉะกัดฟันก่อนจะเอ่ยอย่างไม่พอใจ "ไม่ใช่อะไรทั้งนั้นแหละ!! ปล่อยข้าได้แล้ว!! รีบ ๆ กลับไปทำงานของท่านเถอะ องค์กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่!"

     "ปากดีจริงนะ" มือใหญ่บีบข้อมืแแรงขึ้นจนร้องบางต้องเผลอร้องออกมาอย่างเจ็บปวด "ถ้ายังไม่หยุดพูดสามหาวแบบนี้ ข้าจะปิดปากให้เจ้าเองเอามั๊ย...ปากปิดด้วยปากน่ะ"

     ใบหน้างามแดงขึ้นอีกไม่รู้ว่าเพราะเขินอายหรือโกรธเคืองกันแน่ แต่ร่างบางก็พยายามหลุดพ้นจากพันธนาการของร่างสูง "ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ!! ปล่อยข้าสิ!"

     "เจ้าควรจะเลิกออกไปจากวังได้แล้ว!" เสียงทุ้มดุดันขึ้น "นี่เป็นคำสั่งของข้า หากข้าเห็นหรือได้ยินใครมาบอกว่าเจ้าออกไปนอกวังอีกละก็ ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!"

     "หึ! ทำไมข้าจะออกไปไม่ได้ละ! กลัวชาวบ้านเอาไปนินทาเหรอไง!"

     "เจ้ารู้ตัวมั๊ยว่าทำให้ราชวงศ์ของท่านพ่อต้องแปดเปื้อน!!"

     "ข้าไม่ได้อยากเกิดมาในราชวงศ์บ้า ๆ นี่หรอก!! โดยเฉพาะกับการมีสายเลือดเดียวกับคนอย่างเจ้าซึ่งเป็นคนที่ข้าเกลียดที่สุด!!"

     ร่างสูงเริ่มไม่พอใจ ไม่ชอบเลยที่ได้ยินเช่นนั้น

     "หุบปาก!"

     "ปล่อยข้าสิ!!" ร่างบางดิ้นรน ทั้งตีทั้งผลักร่างสูง เส็ตโชมารูพยายามคว้าข้อมืออีกข้างไว้แต่ร่างบางดิ้นรนหนี แต่แล้วร่างบางกลับลื่นเมื่อเท้าก้าวไปเหยียบตระไคร้ริมสระบัว

     "อ๊ะ!!"

     ร่างของทั้งคู่เซลงไปในสระบัว

     ตูม!! ซ่า!!....

     อินุยาฉะโผล่ขึ้นมาที่ผิวน้ำพร้อมกับร่างสูงข้าง ๆ กาย ก่อนจะไอค่อกไอแค่ก เรือนผมงามเปียดลู่แนบใบหน้างาม หูสีขาวกระดิกไล่น้ำ

     "ท่านทำบ้าอะไร!?" ร่างบางต่อว่าร่างสูง

     "เจ้าเองไม่ใช่เหรอไงที่ดึงข้าลงมาด้วย!"

     ร่างบางเบ้ปาก ที่ร่างสูงพูดก็ถูก เขาจึงเงียบ และว่ายไปที่ขอบสระเพื่อขึ้นไปยังบนบกดั่งเดิม แต่แล้ววงแขนใหญ่ของใครบางคนกลับท้าวขอบสระไว้ กลายเป็นกันเขาไว้ในอ้อมแขนยาวนั้น

     "ทำอะ...." ร่างบางชะงักเมื่อหันมาพบว่าใบหน้าของตนกับร่างสูงห่างกันเพียงคืบ

     "จะขึ้นไง" ร่างสูงตอบเรียบ ๆ

     ดวงตาของทั้งคู่สบกันเนิ่นนาน ต่างเพ่งพิศกันและกันอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ลมหายใจร้อน ๆ ที่รับรู้ได้ง่ายดาย

     ใบหน้าหล่อเหลาเลื่อนเข้าไปใกล้ใบหน้างาม ร่างบางไม่ได้ดิ้นรนขัดขืน ไม่รู้เพราะอะไร ร่างบางนิ่งเฉย หลับตาพริ้มรอรับสัมผัส

     "นายท่าน!!"

     !!

     "อ๊ะ!"

     บุ๋ม....

     ร่างบางถูกดึงลงมาในน้ำ อินุยาฉะจ้องมองร่างสูงอย่างแปลกใจ เสียงร้องเรียกของนามิแว่วมาจากบนพื้นน้ำ อินุยาฉะส่งสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามให้ร่างสูง แต่คำตอบที่ได้ คือใบหน้าคมคายที่เข้ามาใกล้

     ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบกันอย่างรวดเร็ว สัมผัสที่อ่อนนุ่มส่งมาให้ร่างบาง เสียงแว่วจากเบื้องบนของนามิเริ่มเลือนหายไปอย่างช้า ๆ ดวงตาสวยหลับพริ้มรับสัมผัสที่อ่อนนุ่มนั้น มือเรียวเกาะไหล่ของร่างสูงไว้แน่น.....

     นามิมองซ้ายมองขวา เมื่อกี้นางได้ยินเสียงของนายน้อยนี่หน่า?

     "สงสัยหูจะแว่ว"

     ว่าแล้วก็เดินออกไปจากสวน แต่ในใจคาดโทษกับนายน้อยไว้ก่อน

     นามิจากไปไม่นาน ร่างของคนใต้น้ำก็โผล่มาที่ผิวน้ำ ทั้งคู่หอบหายใจหนัก ร่างสูงจ้องมองใบหน้างามที่แดงระเรื่อ ดวงตาสวยไหวระริก ริมฝีปากสีชมพูช่างดูเชิญชวนเขายิ่งกว่าตอนอยู่ใต้น้ำ หยาดน้ำใสไหลผ่านริมฝีปากบางอย่างยั่วยวน และไม่รอช้า เส็ตโชมารูประกบริมฝีปากของตนอีกครั้ง ร่างบางหลับตารับสัมผัสนั้นอย่างเผลอไผล

     มือเรียวเกาะไหล่ร่างสูงแน่น แผ่นหลังบางพิงกับขอบสระ ลิ้นริ้นถูกส่งเข้ามาในโพรงปาก ร่างบางตอบรับอย่างรู้หน้าที่ จากจูบที่นุ่มนวล เริ่มเร่าร้อนและรุนแรง แขนเรียวเริ่มกอดรอคอร่างสูง รับสัมผัสร้อนรุ่ม

     "อืม...อา...อือ..."

     ร่างสูงส่งสัมผัสนั้นให้ร่างบางอย่างไม่หยุดหย่อน ในหัวมีแต่เสียงของร่างบาง อยากได้ยินอีก...เสียงครางหวานที่จะมีเพียงเขาเท่านั้นที่ได้ยิน...

     "อืม...อื้อ!" ร่างบางทุบอกใหญ่ประท้วงเมื่อเริ่มหายใจไม่ออก เส็ตโชมารูยอมผละออกอย่างเสียดาย ก่อนจะปล่อยให้ร่างบางหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอด

     "แฮ่ก...แฮ่ก..."

     ทั้งคู่สบตากัน ต่างแปลกใจเหตุใด ทำไมพวกเขาถึงทำแบบนี้....เพราะอะไรกัน....

     "นี่มันอะไรกัน!!"

     ทั้งสองสะดุ้ง ก่อนจะเจ้าของเสียงสูงและรีบผละออกจากกันทันที

     "ท่านแม่!!" เส็ตโชมารูเบิกตาโต อุทานอย่างตกใจ

     ร่างในน้ำทั้งสองรีบขึ้นมาบนบก ฮานะมองลูกชายกับอินุยาะอย่างตกตะลึงก่อนจะกัดฟันแน่นอย่างโกรธเคือง พุ่งเข้าหาร่างบางและใช้ด้ามพัดฟาดลงที่ใบหน้าหวานนั้นอย่างแรง

     เพี๊ยะ!!

     "แก๊!! บังอาจนัก!! เจ้าครึ่งอสูรโสมม บังอาจหลอกล่อลูกชายของข้า!!" ด้ามพัดฟาดใส่ร่างสูงอย่าไม่หยุดยั้งด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง "กล้าดียังไง!"

     "ท่านแม่! หยุดก่อน!!" เส็ตโชมารูพยายามห้ามปราม แต่ผู้เป็นแม่กลับผลักเขาออก ก่อนจะผลักอินุยาฉะให้ล้มลงและใช้ด้ามพัดฟาดใส่ร่างบางต่อไป ร่างบางพยายามปัดป้อง

     "แกมันครึ่งอสูรโสโครก!! หลอกล่อลูกชายข้า!! คิดจะใช้มารยากับลูกชายข้าเพื่อไต่เต้าไปสู่อำนาจสินะ!! เหมือนแม่เจ้าไม่มีผิด!! แม่เจ้ามันร่านหลอกล่อท่านอินุไทโชว! แล้วยังเจ้าอีก!! ร่านเหมือนแม่มันไม่มีผิด!!"

     "ท่านแม่! หยุดสักที!!"

     ร่างสูงเข้ามารวบตัวมารดาให้ออกห่างจากร่างบาง ฮานะดิ้นรนขัดขืน พยายามจะพุ่งเข้าไปทำร้ายร่างบางให้สมใจที่บังอาจหลอกล่อลูกชายของนาง อินุยาฉะเจ็บไปทั้งตัว ก่อนจะมองสองแม่ลูก

     "ปล่อยแม่นะเส็ตโชมารู!! แม่จะฆ่ามัน!! แม่จะฆ่ามันที่บังอาจมาหลอกลูกแม่!! มันใช้เสน่ห์กับลูกใช่มั๊ย! มิน่าละพอจบจากขบวนเสด็จก็มาที่นี่!! มันหลอกล่อลูกใช่มั๊ย!! เจ้าหลงเสน่ห์มันใช่มั๊ย!!"

     "หยุดได้แล้วท่านแม่ พอที! ข้าไม่ได้หลงเสน่ห์หรือถูกเสน่ห์อะไรทั้งนั้น!! ข้าไม่วันสนใจครึ่งอสูรสกปรกนี่หรอก!!"

     ดวงเนตรสวยเบิกโต มือเรียวกำที่สาบเสื้ออกซ้าย...เจ็บ...นั่นคือความรู้สึกแรก ก่อนจะกลายเป็นความเกลียดชัง...

     อินุยาฉะลุกขึ้นยืน ก่อนจะเอ่ยเสียงดัง "ท่านเองนั่นแหละดูลูกชายของท่านไม่ดีเอง!! ทีหลังก็ตามติดอย่าให้คลาดสายตาเลยแล้วกัน!! จะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายกับข้าอีก!!"

     เส็ตโชมารูมองร่างบาง ก่อนจะตกใจที่ดวงเนตรใสนั้นไหววูบ น้ำใสเอ่อริมขอบตา ร่างบางหันหลังหนีก่อนจะวิ่งออกไปจาสวนสระบัว เส็ตโชมารูมองตาม สายพัดแรงพัดมาพอดีสวนทางกับร่างบาง ส่งผลให้เรือนผมงามพริ้วไสวไปกับสายผมพร้อมกับหยาดน้ำใสที่ไหลรินจากขอบตาถูกพัดมาตามแรงวายุ

     "แกจะหนีไปไหนไอ้ครึ่งอสูรโสมม!!"

     "พอได้แล้วท่านแม่!" เส็ตโชมารูว่า

     ฮานะสะบัดกายออกจากการเกาะกุมของลูกชาย ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ "นี่มันอะไรกันเส็ตโชมารู!! อธิบายมาสิ!!"

     "ไม่มีอะไรหรอกท่านแม่! เรากลับกันได้แล้ว" ร่างสูงหันหลังเดินนำมารดา

     "นี่! อย่าทำแบบนั้นกับแม่นะ! บอกแม่มา เจ้าหลงเสน่ห์ของมันใช่มั๊ย!!"

     "ไม่ใช่!" ร่างสูงตอบ แต่คำตอบนั้น...มันทำใจตใจเข้าเจ็บอย่างประหลาด... "ข้าไม่มีวันหลงเสน่ห์เจ้าครึ่งอสูรนั่น"

     "แต่ที่แม่เห็นมันอะไรล่ะ!!"

     "ข้าก็แค่เผลอเท่านั้นแหละ!!" ร่างสูงตวาดลั่น

     ฮานะสะดุ้ง ชะงัก มองลูกชายอย่างตกใจ

     "เลิกถามข้าสักที ถ้าข้าบอกว่าไม่มีอะไรก็คือไม่มี!! เลิกถามข้าสักทีเถอะท่านแม่!!"

     ฮานะเงียบนิ่ง แต่ในใจของนางยังร้อนรุ่มด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง นางต้องทำอะไรสักอย่าง....ที่แดนปีศาจ จะพี่น้อง ชายหญิง หญิงหญิง หรือชายชายจะรักกันก็ไม่ผิด ตามวิสัยกระหายใคร่ในอารมณ์ของปีศาจ....แต่ต้องไม่ใช่กับเจ้าครึ่งอสูรนั่น!! นางต้อทำอะไรสักอย่าง!! ก่อนที่ความเผลอไผลของลูกชายจะเป็นปัญหา!!

     นางต้องตัดไฟแต่ต้นลม!!

ร่างเพรียวบางวิ่งไปที่ริมแม่น้ำสายใหญ่ของเมือง หันซ้ายแลขวาอย่างรอคอย เส้นผมสลวยสีเงินพลิ้วไปตามแรงลมทีพัดผ่าน นัยน์ตาสีอำพันจับจ้องกระแสน้ำเอื่อยที่ตรงหน้าพื้นน้ำจะตื้นแค่เข่า และปลาชุกชุม พวกชาวบ้านมักจะมาจับปลาหรือซักผ้าแถวนี้บ่อย ๆ
     อินุยาฉะนั่งลงบนก้อนหินใหญ่ริมแม่น้ำ เหม่อมองกระแสน้ำต่อไป....พลันในห้วงคิดปรากฏภพของร่างสูงผู้เป็นพี่ชายต่างมารดา.....
     'ข้าไม่มีวันหลงเสน่ห์ครึ่งอสูรสกปรก'
     "คนใจร้าย...." ร่างบางพึมพำอย่างปวดร้าว สีอำพันไหววูบอย่างเศร้าโศก
     มือเรียวยกขึ้นลูบริมฝีปาก หวนนึกถึงสัมผัสอ่อนละมุนของร่างสูง
     แล้วทำแบบนั้นทำไม.......ถ้าท่านรังเกียจเรานัก....แล้วทำแบบนั้นทำไม....
     คนชั่วร้าย.....
     ร่างบางสะบัดหัว ไล่ความคิดออกจากหัวอย่างไม่พอใจ
     "ท่านอินุยาฉะ!!"
     เสียงร้องเรียกทำให้อินุยาฉะหลุดจากห้วงคิด หันไปมอง พบกลุ่มเด็กที่ตนมักออกมาเล่นด้วยเสมอวิ่งมาหาแต่ไกล
     "ท่านอินุยาฉะ!!"
     เด็กน้อยชูลูกบอลสีแดงที่อินุยาฉะเป็นคนมอบให้ พวกเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใส ร่างเริง ทั้งเด็กชายและเด็กหญิง เบื้องหลังกลุ่มเด็ก ๆ คือ เหล่านักตกปลาสองสามคนที่สอนให้อินุยาฉะตกปลาและจับปลาเป็น
     "โอ้....มาอีกแล้วหรือท่านอินุยาฉะ" ลุงนักตกปลาเอ่ยทักทายร่างบาง
     "ครับลุง วันนี้พวกลุงมาตกปลาอีกแล้วนะครับ" ร่างบางทักด้วยรอยยิ้มร่าเริง ซึ่งโดยปกติพวกในวังจะไม่เคยเห็นรอยยิ้มเช่นนี้
     "ท่านอินุยาฉะมาเล่นบอลกันเถอะค่ะ!" เด็กหญิงชักชวนร่างเพรียวบาง
     ร่างบางพยักหน้าก็จะเข้าร่วมตั้งวงเล่นลิงชิงบอลกับเด็ก ๆ อย่างสนุกสนานร่าเริง
     หากผู้ใดมาเห็นก็คงจะแปลกใจที่เห็นเจ้าชายครึ่งอสูรยิ้มอย่างสดใส ร่าเริง หัวเราะร่ากับเด็ก ร่างบางละทิ้งทุกข์ที่ได้รับจากรั้ววังและปล่อยกายให้ผ่อนคลายกับอิสระชั่วคราวนี้ เก็บโกยความสุขและความสนุกสนานอันน้อยนิดอย่างรวดเร็ว เพราะมันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยได้สัมผัสในยามเป็นเด็กน้อย
     เสียงหัวเราะดังไปทั้งบริเวณริมแม่น้ำ ไม่นานก็ตามด้วยเสียงร้องเพลงอย่างสนุกสนาน ร่างบางปรบมือและร้องเพลงไปด้วย มองดูเหล่าเด็ก ๆ ที่ต่างล้อมวงและเต้นไปรอบ ๆ กายของเขาอย่างสนุกสนาน
     เด็กชายคนหนึ่งจับมืออินุยาฉะก่อนจะดึงเข้ามาร่วมเต้นรำด้วย ร่างบางหัวเราะร่าเต้นตามเด็ก ๆ อย่างพอใจ
     เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ที่มีค่าสำหรับร่างบาง หลังจากเล่นจนเหนื่อย อินุยาฉะก็ทิ้งตัวลงบนหินริมแม่น้ำ ข้างพวกนักตกปลา
     มือเรียวล้วงเข้าไปในกระเป๋า ก่อนจะหยิบหวีไม้ขัดเงาอย่างดี ประดับด้วยไม้แกะสลักเป็นรูปดอกซากุระสีชมพูงดงาม ร่างบางหยิบขึ้นมาสางผม เด็กผู้หญิงต่างมองเขาอย่างสนใจ
     "นั่นอะไรน่ะคะ?"
     "อ๋อ! หวีของท่านแม่ข้าเอง เป็นของสำคญมาก" ร่างบางอธิบายด้วยรอยยิ้ม
     "สวยจังเลย"
     "อยากลองหวีมั๊ยละ" อินุยาฉะเอ่ยยิ้ม ๆ เด็กหญิงมองหน้ากันก่อนจะพยักหน้าหงึก ๆ ร่างบางหัวเราะน้อย ๆ ก่อนจะหวีผมให้เด็กผู้หญิงทีละคนด้วยหวีของมารดา
     เขาจำได้ดี....หวีนี้สำคัญมาก...ท่านแม่จะใช้ทัดผมตลอดเวลา...เพราะเป็นของที่ท่านพ่อมอบให้ท่านแม่ในครั้งแรกที่พวกท่านพบกัน....
     ....................
     ตกเย็น หลังจากช่วยพวกลุงนักตกปลาเก็บข้าวของ ร่างบางก็ขอตัวกลับก่อน เพราะวันนี้นามิคาดโทษว่าหากเขากลับช้านางจะไม่ยอมให้เขาออกนอกวังอีก
     หลังจากร่างบางจากไป พวกเด็ก ๆ ก็เตรียมจะกลับบ้าน แต่แล้วพวกเขาต่างเหลือบไปเห็นสิ่งหนึ่ง
     "อ๊ะ! หวีของท่านอินุยาฉะ!!" เด็กหญิงร้อง หยิบหวีไม้ขึ้นมา
     "สงสัยท่านอินุยาฉะจะทำตกไว้"
     "แย่จัง! นี่เป็นของสำคัญของท่านอินุยาฉะซะด้วยสิ"
     "เอาไปคืนกันมั๊ย"
     เด็ก ๆ มองหน้ากัน นิ่งคิดอย่างวิตก
     "แต่ในวังน่ากลัวนะ"
     "ถ้าไม่ใช่พวกขุนนางก็เข้าไม่ได้"
     "แต่ฉันรู้ทางเข้าที่ปลอดภัยนะ" เด็กชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้น พวกเด็ก ๆ มองเขาอย่างแปลกใจ "ฉันเคยเห็นท่านอินุยาฉะเข้าออกทางนั้น"
     "แน่ใจนะว่าปลอดภัย"
     "มันเชื่อมต่อกับสวยที่พระตำหนักท้ายวัง เป็นพระตำหนักของท่านอินุยาฉะ"
     "งั้นก็ไปกันเถอะ เอาของสำคัญไปคืนท่านอินุยาฉะกัน"
     ....................
     ร่างเล็ก ๆ กว่าสิบชีวิตมุดตัวลอดช่องโหว่ของกำแพงวังเข้ามา นำโดยเด็กชายที่รู้ทางเข้านี้ พวกเขาต่างมองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวังโผล่ออกมาจากแมกไม้หนาก็พบริมสระบัว พวกเขาต่างเดินเกาะกลุ่มออกไปที่สวยสวย เห็นพระตำหนักท้ายวังอยู่ไม่ไกล ที่พระตำหนัก ไร้วี่แววใคร ๆ พวกเด็ก ๆ จึงวิ่งไปที่พระตำหนัก
     "ท่านอินุยาฉะ!!"
     เสียงเล็ก ๆ ต่างร้องเรียกบุคคลที่ตามหา
     "เฮ้ยพวกแก!!"
     พวกเด็ก ๆ ต่างมองไปตามเสียงเรียก พบทหารสองนาย
     "เข้ามาได้ยังไงวะ!!"
     "เหวอ!!!"
     พวกเด็ก ๆ ต่างวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น ท่านทหารทั้งสองนายต่างรีบแยกกันไล่ตาม กลายเป็นว่าพวกเด็ก ๆ วิ่งหนีเข้าไปในเขตรั้ววังใหญ่เข้าเสียแล้ว.....
     ..................
     อินุยาฉะนั่งเชิดหน้าสูงพยายามไม่มองไปที่ราชบัลลังก์ทองหลังผ้าม่านสีแดง
     เส็ตโชมารูจ้องมองร่างเพรียวบางตรงหน้า แววตาที่เคยเย็นชาเต็มไปด้วยความสับสน
     "ตามคำสั่งเสียสุดท้ายขอองค์อินุไทโชว มีรับสั่งมอบดาบเขี้ยวอสูรให้เจ้าชายอินุยาฉะ"
     ร่างบางรับดาบ ก่อนจะมองดาบในมืออย่างเศร้าสลด มือเรียวกำดาบแน่น ยกดาบขึ้นแนบอกอย่างโหยหา ทุกอิริยาบถ ถูกเฝ้ามองอยู่หลังม่านแดง
     "แค่นี้ใช่มั๊ย" อินุยาฉะเอ่ยเรียบ ๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน "งั้นข้าขอลา"
     เส็ตโชมารูมองแผ่นหลังบางที่จากไป มือใหญ่กำแน่น ก่อนจะกัดฟัน
     นี่เราเป็นอะไรไปนะ....
     ผ่าง!
     "ท่านเส็ตโชมารูพะย่ะค่ะ!!"
     ร่างสูงปาดตามองนายทหารคนหนึ่งที่ถลาเข้ามาในห้องโถง
     "มีอะไร!?"
     "มีพวกเด็ก ๆ จากนอกวังแอบเข้ามาในวังพะย่ะค่ะ!! ตอนนี้พวกมันวิ่งวุ่นวายไปทั่ววังใหญ่แล้วพะย่ะค่ะ"
     "แค่เด็ก! พวกเจ้าไม่มีปัญหาจะจัดการหรือยังไง!!"
     "อะ เอ่อ....ตะ แต่ท่านอินุยาฉะพะย่ะค่ะ....ท่านอินุยาฉะทำร้ายพวกทหารที่พยายามจับเจ้าเด็กพวกนั้น"
     "อะไรนะ!?"
     ....................
     "พวกเจ้าเข้ามาได้ยังไงกัน!?"
     อินุยาฉะถามเด็กทั้งสองคนที่เขาช่วยไว้ได้ ขณะที่วิ่งหนีทหารไปด้วย
     "พะ พวกผม...."
     "เดี๋ยวค่อยคุยกัน!" ร่างบางตัดบทก่อนจะดึงพวกเด็ก ๆ ให้วิ่งตามมาอีกทาง
     ร่างบางวิ่งมาเรื่อย ๆ จนมาโผล่อยู่หน้าพระตำหนักของอดีตองค์อัครมเหสีที่ตอนนี้กลายเป็นพระราชชนนีไปแล้ว ร่างบางหยุดวิ่ง สบถอย่างไม่สบอารมณ์ พยายามหาทางหนี  แต่แล้วเสียงโวยวายในพระตำหนักก็ดังออกมา
     "อะไรกันเนี่ย!! ไอ้พวกเด็กโสโครกพวกนี้!!"
     อินุยาฉะชะงัก ก่อนจะวิ่งเข้าไปในพระตำหนัก พบเด็กหญิงสามคนกำลังนั่งร้องไห้เพราะท่านฮานะใช้ด้ามพัดฟาดใส่พวกเด็ก ๆ อย่างไม่พอใจ
     "หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!"
     อินุยาฉะเอ่ยอย่างไม่พอใจ วิ่งเข้าไปกอดพวกเด็ก ๆ ไว้ รับแรงฟาดแทน
     "เจ้า!!" ฮานะหยุดลงมือ ก่อนจะร้องเสียงสูง "อ๋อ!! ที่แท้ก็แกเองเรอะที่พาไอ้พวกเด็กโสโครกนี่เข้ามา!!"
     อินุยาฉะเงยหน้าจ้องหญิงสาวเหนือร่างเขม็ง
     "อย่าบังอาจมองข้าแบบนั้น!!" พระชนนีตวาดลั่น ก่อนจะใช้ฟาดพัดฟาดที่ศรีษะใต้เรือนผมสีเงินของร่างบาง "เจ้ากล้ามากที่พาเจ้าพวกน่าสมเพชนี่มา! คิดว่าตัวเองเป็นใครกันห๊ะ!! ถึงกล้าพาคนนอกเข้ามาในวัง! ไอ้ครึ่งอสูรน่ารังเกียจ!!"
     "หากท่านว่าจนพอใจแล้วก็ปล่อยเด็กพวกนี้ไปซะทีสิ!" อินุยาฉะเอ่ยอย่างอดกลั้น
     ฮานะยิ้มอย่างพอใจในท่าทีไม่โต้ตอบของร่างบาง "เจ้าเด็กพวกนี้บังอาจทำให้วังใหญ่แปดเปื้อน! และทำเสื้อผ้าของ 'ไอเนะ' เปื้อนอีก เจ้าจะชดใช้ยังไงห๊ะ!!"
     อินุยาฉะมองไปยังหญิงสาวอีกคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฮานะ.....ไอเนะ.....หญิงสาวร่างเพรียว ใบหน้าเรียวได้รูปงดงาม ดวงตากลมโตสีดำสนิท ปากนิดจมูกหน่อยเข้ารูป เรือนผมยาวสีดำขลับถูกยกขึ้นเป็นมวยผมที่ประดับด้วยปิ่นปักผมและดอกไม้อันงดงาม ร่างกายได้รูปถูกซ่อนไว้ภายใต้กิโมโนสีเขียวลายปักสีทอง
     "เด็กพวกนี้แค่หลงเข้ามา" อินุยาฉะเอ่ย
     "แต่ก็สร้างความวุ่นวายไปทั่ว! บอกมาซิว่าเจ้าชดใช้ยังไง!!"
     "ก็แค่เด็ก!! จะใจร้ายไปถึงไหน"
     "หุบปากนะ!! เจ้าไม่มีสิทธิมาว่าข้า!!"
     และด้ามพัดก็ถูกฟาดกระหน่ำลงมาอีกหลายครั้ง อินุยาฉะไม่ได้โต้ใด ๆ แต่พยายามปกป้องเด็กหญิงทั้งสามที่กำลังร้องไห้โฮ เด็กอีกสองคนที่ตามมาร้องห้ามอย่างหวาดหวั่น ร้องเรียกชื่อของอินุยาฉะอย่างเจ็บปวดแทน
     "หยุดเถอะครับ! พวกเราขอร้องละ!! หยุดตีท่านอินุยาฉะเถอะขอรับ!!"
     เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!.....
     "ฮือ ๆ ท่านอินุยาฉะ...ฮึก ฮือ ๆ....."
     เพี๊ยะ!!.....
     "ข้าคิดว่าพอได้แล้วล่ะเพคะท่านฮานะ" แล้วหญิงสาวข้าง ๆ ก็เอ่ยขึ้นในที่สุด "แค่นี้คงมากพอแล้ว"
     "ไม่ได้หรอก! มันก็เหมือนสัตว์เลี้ยง หากไม่ตีให้เชื่องก็จะยิ่งพยศ!!"
     "พอแล้วขอรับ!! ท่านอินุยาฉะเจ็บแล้วขอรับ!!"
     ร่างบางกัดฟัน กอดเด็กทั้งสามแน่น แม้จะเจ็บปวด แต่ร่างบางก็ไม่ร้องออกมา เขาไม่ต้องการให้หญิงทั้งสองเห็นความอ่อนแอของเขาเด็ดขาด!!
     "พอที!!"
     เด็กชายทั้งสองที่ได้แต่ร้องขอไม่อาจอดทนมองต่อไปได้ จึงกระโจนเข้าผลักร่างของฮานะจนพระชนนีล้มลงโดยมีไอเนะคอยประคองช่วยเหลือ
     "พวกเจ้าทำอะไร!!" อินุยาฉะว่า
     "หนอยพวกแก!!" ฮานะตวาดลั่น ก่อนจะปาพัดในมือทิ้งอย่างโกรธเคือง "บังอาจนัก!! เอามือโสโครกมาแตะต้องข้า!!" ฮานะเดินไปหยิบกิ่งไม้จากพื้นข้างกายขึ้นมาก่อนจะฟาดใส่เด็กชายทั้งสองอย่างแรงจนเด็กทั้งสองล้มลง ร้องอย่างเจ็บปวด
     "หยุด!! อย่าทำอะไรพวกเขา!!" อินุยาฉะเอ่ยร้องลั่น พุ่งตรงเข้าไปรับแรงฟาดแทน ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ ร่างกายก็บอบช้ำอย่างมากอยู่แล้ว
     กิ่งไม้ที่หนักและแหลม ฟาดใส่ร่างกายแผ่นหลังของร่างบางไม่หยุด จนร่างบางไม่อาจอดกลั้นความเจ็บปวดได้อีกต่อไปจนเผลอร้องออกมา
     "โอ๊ย!! อ๊ะ!"
     "ท่านอินุยาฉะ....ฮือ ๆ...."
     "ท่านแม่!!"
     เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้น ทุกคนหันไปมอง พบเสตโชมารูกำลังดินตรงมาพร้อมเหล่าทหารที่คุมตัวเด็กที่เหลืออีกห้าคนไว้ได้
     "เส็ตโชมารูรึ!! มาก็ดีแล้ว จัดการงโทษเจ้าเด็กพวกนี้ให้สาสมซะ!! เมื่อกี้พวกมันทำร้ายแม่!!"
     ร่างสูงจ้อมองเด็กหญิงสามคนที่นั่งกอดกันร้องไห้ และเด็กชายอีกสองคนในอ้อมกอดของอินุยาฉะ...อินุยาฉะ...
     "นี่มันอะไรกัน!!?"
     ร่างสูงมองดูร่างบางตรงหน้าอย่างตกตะลึง ใบหน้าหวานที่เป็นรอยแดงช้ำ ท่อนแขนทั้งสองข้างก็เต็มไปด้วยร่องรอยบาดเจ็บ
     "ท่านแม่ทำอะไร!?"
     "ก็สั่งสอนเจ้าพวกเด็กนี่น่ะสิ แต่เจ้าน่าสมเพชนี่มันโง่ขวางไว้เองก็ช่วยไม่ได้!!"
     "ท่านอินุยาฉะ...."เด็กหญิงทั้งสามคลานเข้ามาใกล้ร่างบาง "พวกเราขอโทษ....ฮือ....ท่านอินุยาฉะ....."
      ร่างบางยิ้มน้อย ๆ ให้เด็ก ๆ ก่อนจะยืนขึ้นแต่ก็ต้องร้องอย่างเจ็บปวด ทรุดลงกับพื้น เนื่องจากความเจ็บปวดที่เกิดจากการฟาดใส่ของฮานะนั่นเอง อินุยาฉะกัดฟันก่อนจะยืนขึ้นอีกครั้ง จ้องมองร่างสูง
      "ข้า....ขอร้อง...." น้ำเสียงนั้นแผ่วอย่างอ่อนแรง จนเส็ตโชมารูใจหาย "ปล่อยพวกเด็ก ๆ ไป....อย่าทำอะไรพวกเขา....ขอร้องละ....ข้าพาพวกเขาเข้ามาเอง"
      "ไม่ได้นะ!! เจ้าอย่าไปฟังมันนะเส็ตโชมารู!!" ฮานะร้องห้ามโอรส
      "ขอร้อง...."
      เส็ตโชมารูจ้องมองร่างเพรียวบางตรงหน้า....อินุยาฉะไม่เคยขอร้องใคร....แต่ตอนนี้ร่างบางยอมทิ้งเกียรติและศักดิ์ศรีที่ตนหวงแหนนักหนาเพื่อเด็ก ๆ ทั้งสิบคนนี้.....
     "ก็ได้...." ร่างสูงเอ่ย "แต่ความผิดครั้งนี้ ข้าจะลงโทษเจ้าทีหลัง"
     ร่างบางพยักหน้า "ขอบคุณ...."
     "ปล่อยพวกเด็ก ๆ"เส็ตโชมารูสั่งทหาร เหล่าเด็ก ๆ ที่เป็นอิสระวิ่งตรงมาหาอินุยาฉะก่อนจะช่วยประคองอย่างห่วงใย
     "ข้าไม่เป็นไร...." ร่างบางเอ่ย ยิ้มน้อย ๆ ให้เด็ก ๆ
     "สำออยน่ะสิ" ฮานะว่ากอดอก
     "ขอลา" ร่างบางว่า ก่อนจะพยายามก้าวเดินออกไปจากตำหนักให้เร็วที่สุดเท่าที่ร่างกายอันบอบช้ำจะอำนวย ตามด้วยพวกเด็ก ๆ
      "เราขอโทษ" เด็ก ๆ เอ่ยอย่างรู้สึกผิด แต่อินุยาฉะทำเพียงส่ายหน้า
      เส็ตโชมารูมองตามร่างบาง ก่อนจะหันมาหาพระมารดา
      "ท่านแม่ไม่ควรทำเช่นนั้น"
      "แกอย่าใจดีกับมันเชียวนะ!!" ฮานะเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์
      เส็ตโชมารูถอนหาใจหนัก ก่อนจะมองหญิงสาวแปลกหน้าอย่างสงสัย
      "นี่คือ ไอเนะ...." ฮานะแนะนำ หญิงสาวส่งยิ้มอ่อนหวานให้เส็ตโชมารู "แม่เรียกเขามาดูตัวให้เจ้า"
    
        "อะไรนะ!!"

"ตายแล้วนายน้อย!!"
     นามิร้องลั่นอย่างตกใจ เหล่าสาวใช้ต่างเบิกตาโต ก่อนจะรีบพากับวางโถใส่น้ำและตระกร้าดอกไม้เอาไว้และปราดเข้ามาดูแลนายน้อยอย่างรวดเร็ว
     นามิรับฟังเรื่องราวจากเด็ก ๆ ทั้งสิบคน ก่อนจะพาร่างบางเข้ากลับไปในตำหนัก พาไปที่ห้องของอินุยาฉะ และเริ่มการรักษาอย่างรวดเร็ว.....
     "อะไรกัน....."
     นามิเบิกตาโตอย่างตกใจ มองรอยช้ำเป็นจ้ำที่แผ่นหลังขาว บางรอยเลือดไหลซึมออกมาน้อย ๆ จากแรงกระแทกของผิวไม้ที่เป็นตะปุ่มตะป่ำของกิ่งไม้หนา นางไม่อยากจะเชื่อเลย.....
     "โถ...นายน้อย....นายน้อยของบ่าว...คนอะไรช่างใจร้ายเพียงนี้....."
     "หึ...ทุกคนที่นี่นั่นหละนามิ" ร่างบางเอ่ยเรียบ ๆ
     "คงจะเจ็บมากสินะเจ้าคะ" นามิเอ่ยอย่างห่วงใย "แต่สิ่งที่นายน้อยทำนั้นประเสิรฐแล้วคะ"
     อินุยาฉะยิ้มอย่างพอใจ "ขอบคุณ...."
     "นอนนิ่ง ๆ นะคะนายน้อย เดี๋ยวจะทายาให้ อ้อ! จริงสิคะ" นามิวางหวีไม้ของอินุยาฉะลงข้าง ๆ ร่างบาง "พวกเด็ก ๆ บอกว่าเอามาคืนให้เพคะ"
     อินุยาฉะยิ้มน้อย ๆ "เจ้าพวกเด็กโง่....เกือบตายเพราะเรื่องแค่นี้...."
     ....................
     ร่างสูงไม่อาจหลับได้ลง....ในหัวครุ่นคิดเรื่องหญิงสาวที่ท่านแม่ของเขาต้องการให้เขแต่งงานด้วย....ทุกครั้งที่นึกถึงหน้าหญิงแปลกหน้า ก็จะมีภาพของน้องชายต่างมารดาซ้อนทับมาแทนเสมอ....
      ก็ดีไม่ใช่เหรอ....หญิงคนนั้นก็งามนัก....
      จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องของอินุยาฉะ......
      ..........อินุยาฉะ..........
     นึกถึงร่างบาง ใจก็แทบโลดแล่น ภาพร่างกายอันบอบช้ำนั้นทำให้ร่างสูงแทบจะเจ็บปวดแทนร่างบาง มือใหญ่กำแน่น เงยหน้ามองดวงจันทร์เสี้ยวที่สาดแสงลงมาที่หน้าต่าง ดวงตาคมเข้มจับจ้องดวงจันทร์เสี้ยวนั้นอย่างครุ่นคิด.....
     แค่ไปดูอาการ....ไม่มีอะไรมากกว่านี้.....
    คิดดังนั้น เส็ตโชมารูก็ลุกขึ้นออกจากห้อง สั่งกำชับทหารว่าไม่จำเป็นต้องตามมา โดยอ้างว่าจะไปเดินเล่น
     เส็ตโชมารูเดินมาจนถึงพระตำหนักท้ายวัง ตำหนักยังคงสว่างไสวด้วยแสงตะเกียง เขาเดินไปที่ประตูทางเข้า ก่อนจะเปิดประตูก้าวเข้าไปในตำหนักที่กำลังวุ่นวาย
     "ท่านอินุยาฉะไม่ค่อยสบายนัก พวกเจ้าจงเอาสมุนไพรมาต้มเตรียมเอาไว้เร็วเข้า"
     ร่างสูงชะงัก.....ไม่สบายงั้นหรือ.....
     "อาการของท่านอินุยาฉะแย่มากเลยหรือท่านนามิ"
     "เฮ้อ~ ไอ้ข้าก็เห็นใจนายน้อยจริง ๆ....ช่างใจร้ายนักท่านฮานะ"
     เส็ตโชมารูเดินไปตามเสียงพูดคุยก่อนจะพบกับนามิ หัวหน้าหญิงรับใช้และหญิงรับใช้อีกสองคน ทั้งสามตกใจเมื่อเห็นเส็ตโชมารู รีบทำความเคารพแต่ร่างสูงห้ามไว้ก่อนจะเอ่ยเรียบ ๆ
     "ข้ามาหาอินุยาฉะ"
     ทั้งสามแปลกใจอย่างมาก
     "อาการของเขาเป็นเช่นไร"
     "เอ่อ....ตอนนี้...นายน้อยมีไข้เพคะ...เพราะพิษบาดแผลที่บอบช้ำไปทั้งตัว" นามิตอบ
     "ข้าขอพบเขาได้มั๊ย"
     "นายน้อยหลับไปแล้วเพคะ"
     "ไม่เป็นไร....ข้าอยากดูอาการของเขา"
     นามิลังเลอยู่เพียงครูก่อนจะเดินนำร่างสูงไปยังห้องของอินุยาฉะ เปิดประตูบานเลื่อน ร่างสูงเดินเข้าไปในห้อง นามิขอตัวก่อนจะปิดประตูห้องและเดินจากไปเพื่อไปเตรียมยา แม้ในใจจะสงสัยว่าเหตุใดองค์กษัตริย์ถึงมาเยี่ยมนายน้อยของนางได้
     เส็ตโชมารูมองเงาเลือนรางผ่านที่กั้นไม้ไผ่ลายจิ้งจอกที่ห้อยลงมาจากเพดาน  ม่านไม้ไผ่นี้กั้นเขากับร่างบางที่กำลังหลับใหลภายใต้แสงตะเกียงอ่อน ๆ มือใหญ่แหวกม่านเข้าไป ก็พบร่างบางในชุดนอนสีขาวสะอาดที่เพียงปกปิดเรือนกายของร่างบางเอาไว้โดยไม่ผูกมัดเชือก ร่างบางนอนคว่ำหน้า หายใจร้อนเพราะพิษไข้ ร่างอันบอบบางบริสุทธิ์นิ่งสงบบนแท่นบรรทมสี่เสที่ล้อมด้วยผ้าม่านหลากสีสัน
     ร่างสูงแหวกผ้าม่านออก เขาจึงสามารถมองร่างบางได้เต็มตาอีกครั้ง.....เรือนกายขาวระเรื่อด้วยสีแดงแห่งพิษไข้ เรือนผมสีเงินแผ่ปกปิดแผ่นหลัง ใบหน้างามสงบนิ่ง แสงจันทร์สาดผ่านผ้าม่านหลากสีส่องแสงสีหลากหลายกระทบต้องร่างอันพิสุทธิ์ ดั่งอารมณ์ภายในตอนนี้ของเส็ตโชมารูที่เกิดขึ้นมากมายต่ออินุยาฉะ
     มือใหญ่สมผัสเกศาสลวย ก่อนจะใช้นิ้วใหญ่ลากเรือนผมออกจากแผ่นหังบางภายใต้เนื้อผ้าสีขาว ก่อนที่มือใหญ่จะค่อย ๆ ถอดเสื้อสีขาวสะอาดนั้นออกเพื่อองดูบาดแผลจากแผ่นหลังเนียน......
     "อินุยาฉะ...."
     เสียงทุ้มเรียกนามของผู้นิทรา จ้องมองบาดแผลในแสงตะเกียง มือใหญ่ลูบบาดแผลบอบช้ำหนัก ร่างสูงก้มลงข้างใบหน้าหวานเอ่ยเสียงกระซิบแฝงความเศร้าศร้อยไว้ว่า
     "ขอโทษ....อินุยาฉะ....ข้าขอโทษ....."
     เอ่ยอย่ารวดร้าว ก่อนจะก้มลงจุมพิตบาดแผลที่แผ่นหลังอย่างอ่อนโยน ร่างบางขยับครางในลำคอ ร่างสูงนั่งลงบนเตียงขางร่างบาง ก่อนจะก้มลงจูบไล้ทั่วแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยบาดแผล
      "อือ...."ร่าบางครางในลำคอ ก่นจะค่อย ๆ ปรือตาขึ้นช้า ๆ "อึก...อะไรกัน...."
     ร่างบางเหลือบมอง ก่อนจะพบร่างสูง ก็เบิกตาโตอย่างตกใจ
     "เจ้า!" ร่างบางพลิกกายก่อนจะรีบลุกขึ้นนั่ง สวมเสื้อผ้ากลับดังเดิม พลางกอดตัวเองแน่น "เจ้ามาทำอะไรที่นี่!?"
     เส็ตโชมารูมองร่างบางที่ถอยร่นหนีเขาชิดหัวเตียง มองเขาอย่างไม่ไว้ใจ
     "เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง"
     "ข้าถามว่าเจ้ามาทำอะไร แค่กๆ!!"
     "ไม่ไหวก็อย่าฝืนให้มากนัก" ร่างสูงปราม
     ร่างบางไออยู่นานก่อนจะหยุด และเอ่ยถามเส็ตโชมารูซ้ำอีกครั้ง
     "เจ้ามาทำไม!?"
     ร่างสูงถอนหายใจ "ข้ามาเยี่ยม...."
     "เยี่ยมงั้นรึ?" ร่างบางงงงวย "เจ้าเนี่ยนะ"
     เส็ตโชมารูไม่ตอบ นอกจากนิ่งเงียบ
     "งั้นก็กลับไปได้แล้ว" ร่างบางอย่างไม่พอใจ "ข้าสบายดี แค่กๆ!!"
     "ใช่ ข้าเห็นแล้ว.....สบายดีจนต้องไอค่อกไอแค่กแทบปางตาย"
     อินุยาฉะถลึงตาใส่ร่างสูง
     "เจ้าตัวร้อนมากนะ" ร่างสูงว่า
     "เรื่องของข้า"
     เส็ตโชมารูมองร่างบางอย่างเริ่มไม่พอใจนัก "แล้วจะนั่งอย่างนั้นอีกนานมั๊ย"
     "จนกว่าเจ้าจะไป"
     "ห่วงตัวเองเถอะ ร่างกายเจ้าต้องพักผ่อน"
     "ที่ข้าเป็นอย่างนี้เพราะใครล่ะ"
     ".........."
     ร่างบางกอดตัวเองแน่น พยายามไม่สนใจร่างสูง "ไปซะ หากแม่เจ้ารู้เรื่องนี้ เป็นข้าที่จะเดือดร้อน ข้าไม่อยากยุ่งเกี่ยวเรื่องวุ่น ๆ กับพวกเจ้าสองแม่ลูกอีก"
     เส็ตโชมารูกำมือแน่น เขาไม่ชอบคำพูดแบบนั้นของร่างบางเอาเสียเลย มันทำให้เขาไม่สบอารมณ์
     มือใหญ่ยื่นออกไปประคองดวงหน้าหวาน อินุยาฉะสะดุ้งตกใจมองร่างสูงที่เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้เขามากขึ้น
     "ทะ ทำอะไรน่ะ"
     ร่างสูงไม่ตอบ แต่ยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ร่างบางจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจของกันและกัน ดวงหน้าหวานแดงระเรื่อ ขณะที่มือใหญ่ข้างหนึ่งประคองใบหน้าหวาน ส่วนอีกข้างท้าวกับหัวเตียงกั้นไม่ให้ร่างบางหนี
     "ทำไมไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับข้าละ" ร่างสูงกระซิบ
     "พะ เพราะ....เพราะว่า...." ร่างบางเอ่ยเสียงแผ่ว ใจเต้นระรัวราวกับลิงโลด ในหัวขาวโพลนยามใกล้ชิดกับร่างสูงขนาดนี้
     "อะไร..." ร่างสูงเอ่ยต่อ ก่อนจะก้มลงขบเม้มที่ใบหูของร่างบางตรงหน้า
     "อือ! ยะ อย่านะ...."ร่างบางดันร่างสูงออกห่าง "ไม่ได้...."
     "อะไรไม่ได้" ร่างสูงไม่สนใจ ยื่นหน้าซุกไซร้ที่ซอกคอขาว
     "อ๊ะ! อือ....อย่า...เดี๋ยว...อือ....หยุดนะ...." ร่างบางดันร่างสูงออก ก่อนจะเอ่ยอย่างรวดเร็ว "ไม่ได้....อย่าทำแบบนี้"
     "แบบไหนละ" ร่างสูงถาม
     "แบบนี้...."ร่างบางเอ่ย ก่อนจะส่ายหน้า ผลักร่างสูงออก และลุกขึ้นจากเตียง "ไม่ได้!!"
     "เจ้ากำลังจะบอกอะไร?" เส็ตโชมารูเดินตามร่างบาง พยายามหาคำตอบที่เขาไม่เข้าใจ
     อินุยาฉะหันมาเผชิญหน้ากับร่างสูงก่อนจะเอ่ย "ไม่....ไม่ใช่แบบนี้....ข้าเกลียดท่าน!!"
     "เจ้าพูดอะไร?"
     "ใช่....ก็อย่างที่เราเป็นอยู่นี้....ข้าเกลียดท่าน....ท่านเองก็เกลียดข้า...."
     เส็ตโชมารูรับฟังเงียบ ๆ.....ก็จริงอย่างที่อินุยาฉะว่า....มันเป็นแบบนั้น....แต่ทำไม....ทำไมเขาถึงต้องการร่างบางละ.....
     "ไม่ได้!! ออกไปเถอะ ไปซะ!!" ร่างบางเอ่ยไล่ร่างสูง ก่อนจะผลักร่างสูงออกจากห้อง
     "เดี๋ยว!"
     "อย่าพูดนะ!! ห้ามพูดอะไรทั้งนั้น!! ไม่ว่ายังไงข้าก็....ก็.....เกลียดเจ้า!! ออกไปซะ!! ข้าไม่ลืมหรอกนะ ความเจ็บปวดที่ข้ากับแม่ได้รับน่ะ!! อออกไปให้พ้น!!"
     เส็ตโชมารูถูกผลักดันออกจากห้อง ร่างบางปิดประตูมั่น เส็ตโชมารูจ้องมองานประตูที่ปิดกั้นเขากับร่างบางเอาไว้
     โธ่เว้ย!! อะไรกัน....นี่มันอะไรกัน!!
     ความรู้สึกนี้คืออะไร!!
     อยากจะกอดร่างบางตรงหน้านี้ไว้ แต่อีกใจก็พยายามหักห้ามเขา.....
     นี่มันอะไรกัน!!
     ...................
     ร่างบางอีกฟากประตูล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างอ่อนแรง แม้จะเจ็บปวดที่แผ่นหลัง แต่ความสับสนภายในกลับดึงดูดความสนใจของร่างบางมากกว่าความเจ็บปวดที่มีอยู่
     ทำไมกัน....ทำไมถึงเผลอไปขนาดนี้.....
     ทำไมเราถึงเป็นแบบนี้ทุกที....แค่เข้าใกล้เส็ตโชมารู....ก็แทบไม่มีแรง...สมองขาวโพลน.....
     นี่เราเป็นอะไรไป....ทั้ง ๆ ที่เกลียดไม่ใช่เหรอไงกัน.....
     ทำไม.....

"วันนี้เดือนมืดเหรอนามิ"

     "ค่ะ วันนี้เป็นเดือนมืด"

     นามิเอ่ยตอบกับนายน้อยของเธอ ที่กำลังนั่งก้อนเมฆที่ลอยอ้อนอิ่งอยู่บนฟ้า มือเรียวถือถ้วยชาที่อุ่นละมุน ส่วนามินั่งอยู่ข้างกายไม่ห่างนายขณะที่กำลังจัดดอกไม้ในแจกัน

     "เป็น 'แบบนั้น' อีกแล้วสินะ" อินุยาฉะเอ่ยเบา ๆ "ครั้งแรก...ท่านแม่ตกใจใหญ่เลยสินะ" ร่างบางยิ้มน้อย ๆ

     "ค่ะ" นามิหัวเราะเบา ๆ "ตอนนั้นท่านอิซาโยอิตกใจใหญ่เลย"

     "ข้าดีใจมากเลยนะรู้มั๊ย" อินุยาฉะเอ่ย "ที่ได้เป็นมนุษย์เหมือนท่านแม่ แม้จะแค่เพียงสองคืนก็ตามที"

     นามิยิ้มน้อย ๆ เข้าใจความรู้สึกของร่างบางดี ก่อนจะนั่งเงียบ ๆ ต่อไป แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อร่างบางเริ่มร้องเพลง...บทเพลงที่ท่านอิซาโยอิร้องเสมอ...

     'สวรรค์ลิขิตแม้ไม่ดั่งใจ
     ทว่าดีไซร้เช่นไรได้พบเจ้า
     อาจไม่ควรจะคู่เคียงเพียงเฝ้า
     ขอรักเพียงเจ้าเคียงเพียงพอ
   
     แม้ห่างไกลคนละทางใจยังรัก
     จิตยังหวังพบเจ้าที่ปลายนี้
     สุดขอบฟ้าเกินเอื้อมแต่ก็ดี
     ยังได้เห็นเจ้าที่ปลายนภา

     สักวันหนึ่งใจคงได้สมหวัง
     ถึงวันนั้นสวรรค์คงไม่โหดร้าย
     ข้าจะเคียงเพียงเจ้าจนวอดวาย
     จะกุมมือเจ้าไว้ไม่ห่างกัน

     แต่ก่อนถึงกาลนั้นข้าจะขอ
     จะเฝ้ารอด้วยเสียงเพลงแห่งรักนี้
     เสียงพิณศรีจะก้องดังทั้งราตรี
     ณ กาลนี้จะเฝ้ารอเจ้าชั่วกาล'

    
....................

     "เพลงนั้น...." ร่างสูงมองไปยังต้นทางของเสียงเพลง ลืมภารกิจของตนไปเสียสนิท เพราะเสียงขับขานที่คุ้นหู "เพลงนั้น...บทกลอนของท่านพ่อ..."

     "องค์เซ็ตโชมารู"

     ร่างสูงละสายตาจากพระตำนักท้ายวัง ตระหนักว่าตนมาเดินเล่นเพื่อผ่อนคลายและจะไปพบท่านแม่ดั่งที่นัดกันไว้แต่แรก แต่เพราะเสียงเพลงนั้นนั่นเอง...เสียงเพลงที่ขับจากร่างบางที่ไม่ได้พบมาถึงสามวัน...อินุยาฉะ...

     เส็ตโชมารูหันหลังให้พระตำหนักท้าย ก่อนจะเดินจากไป มุ่งตรงสู่พระตำหนักของพระชนนี

     ....................

     ร่างสูงนั่งนิ่งมองหญิงสาวตรงหน้า ซึ่งนัยน์ตาสีดำสวยงามนั้นก็จ้องสบมา

     "นี่คือ ไอเนะ เป็นลูกศิษย์ของท่านราชครู 'นาราคุ' เป็นศิษย์เอกเชียวนะ เธอเก่งมากเชียวล่ะจ้ะ" ฮานะอธิบายให้ลูกชายฟังอย่างพอใจ ก่อนจะเหลือบมองลูกชายอย่างคาดหวังให้เขาสนใจหญิงสาวคนนี้

     เส็ตโชมารูรู้ดีว่าแม่ของเขาต้องการอะไร หญิงตรงหน้านี้งดงามก็จริง แต่มีบางอย่างที่กำลังกระซิบบอกกับเขา...ว่าหญิงคนนี้แม้มีดีเพียงใด แต่กลับไม่อาจทำให้จิตใจเขาหวั่นไหว...ทั้ง ๆ ที่เขาคาดหวังจะเริ่มต้นใหม่ แต่ทำไมยามมองหญิงผู้นี้ในหัวกลับมีภาพของร่างบางเข้ามาแทนที่เสียได้

     "ยินดีที่ได้พบพระองค์" หญิงสาวก้มตัวลงเคารพ ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้ร่างสูง เส็ตโชมารูเพียงพยักหน้าน้อย ๆ

     "เอาล่ะ ข้าคิดว่าในนี้มันออกจะร้อนไปหน่อย ข้าอยากจะออกไปรับสายลมเย็นข้างนอก พวกเจ้าตามข้ามาเถอะ"

     ชายหญิงทั้งสองลุกขึ้นก่อนจะเดินตามพระชนนีไปยังสระริมพระตำหนักที่มีต้นซากุระที่ยังไม่ผลิบานขึ้นอยู่ ฮานะเดินนำ ตามด้วยเส็ตโชมารูและไอเนะที่เดินเคียงข้างมา

     "ไอเนะ ไหนบอกข้าซิ เจ้าเป็นศิษย์นาราคุมานานแค่ไหนแล้ว" ฮานะเอ่ยถามหญิงสาวไปด้วย ก้าวย่างอย่างช้า ๆ ไปด้วย

     "ราวร้อยปีได้แล้วเพคะ ข้าศึกษาทุกอย่างจากท่านนาราคุ" ไอเนะอธิบาย

     "เจ้าคงเก่งมาก ข้าได้ยินมาว่ามีเพียงไม่กี่คนที่สามารถศึกษาวิชาจากนาราคุได้ยาวนานเป็นร้อยปี เจ้าเก่งมาก...หรือเจ้าคิดเช่นไรเส็ตโชมารู"

     ร่างสูงมองผู้เป็นมารดา ก่อนจะถอนหายใจเอ่ยเรียบ ๆ "พะย่ะค่ะ นางเก่งทีเดียว"

     "ขอบพระทัยเพคะ" ไอเนะเอ่ยรับคำชม

     "อืม..." ฮานะส่งเสียงในลำคอ "ข้าคิดว่าพวกเจ้าไปเดินเล่นกันก่อนเถอะ ข้าอยากจะนั่งพักตรงนี้....เส็ตโชมารู พาไอเนะไปเดินเล่นสิ พานางชมสวนสวยที่ข้าดูแลอย่างดีนี่สิ"

     เส็ตโชมารูไม่อาจขัดคำสั่งของมารดา เขารับคำก่อนจะพาหญิงสาวชมสวยอย่างที่มารดาต้องการ

     "ที่นี่สวยมากเพคะ" ไอเนะเอ่ยขึ้น มองไปรอบ ๆ กาย

     "ท่านแม่ดูแลที่นี่อย่างดี" เส็ตโชมารูอธิบาย

     "ค่ะ ท่านฮานะคงดูแลดีมาก สวนที่นี่ไม่มีตำหนิตรงไหนเลย" ไอเนะเอ่ยยิ้ม ๆ

     ทั้งสองเดินขึ้นไปบนสะพานแดงที่มีหลังคาโค้งสวยป้องกันแสงแดดยามสาย เงาของทั้งคู่สะท้อนผิวน้ำเรียบ ใต้ผืนน้ำคือปลาตัวใหญ่หลากสีที่แหวกว่ายเฝ้ามองผู้อยู่เหนือน้ำอย่างสนใจ บางที่จะโผล่หัวออกมาเพื่อจ้องมองชายหญิงให้ผิวน้ำสะเทือนก่อนจะดำลงไปในน้ำเช่นเดิม

     "พระองค์เป็นกษัตริย์ในวัยเยาว์เช่นนี้คงลำบากมาก" หญิงสาวว่า

     "เราไม่ใช่เด็ก...."

     "เพคะ หม่อมฉันทราบ แต่เพียงหม่อมฉันรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ ที่ท่านอายุก็เท่ากับข้าแต่กลับมีพระปรีชาสามารถในการปกครองถึงเพียงนี้....สมแล้วที่เป็นโอรสแห่งกษัตริย์อินุไทโชว"

     เส็ตโชมารูเพียงเหลือบมองหญิงสาวเท่านั้น

     "ประชาชนทุกคนต่างภูมิใจในตัวพระองค์"

     "ข้าก็หวังเช่นนั้น" เส็ตโชมารูว่า ก่อนจะหยุดเดินและมองไปบนเมฆสีขาวที่ลอยอยู่บนฟ้าคราม หญิงสาวหยุดตาม เฝ้ามองร่างสูงอย่างมีนัย ก่อนจะยิ้มหวานมองไปยังฟ้าไกลเช่นเดียวกับร่างสูง

     "ท่านเคยสงสัยมั๊ยเพคะ"

     "หืม??"

     "ว่าเหตุใด...สิ่งที่เราหวังกลับไม่เคยได้ดั่งหวัง"

     ร่างสูงนิ่งคิด "อาจเพราะ....สิ่งที่เราหวังนั้นมีค่าเกินกว่าที่เราจะได้มา"

     "แต่หม่อมฉันได้ยินมาอีกอย่างเพคะ" หญิงสาวเอ่ย "สิ่งที่เราหวัง...หากหวังจะได้ก็ต้องไขว่คว้ามาให้ได้ดั่งหวัง อย่าเพียงแต่หวัง ไม่เช่นนั้น...สิ่งที่หวังจะไม่อาจเป็นดั่งหวัง"

     ร่างสูงหันมามองหญิงสาวข้างกาย ดวงหน้างามส่งยิ้มละไมมาให้ เส็ตโชมารูพยักหน้า

     "งั้นหรือ....คนผู้นั้นเอ่ยได้ดี...."

     "ท่านราชครูเป็นคนพูดเองเพคะ"

     "เจ้าได้ครูดีทีเดียว"

     "ขอบพระทัยเพคะองค์กษัตริย์"

     ฮานะเฝ้ามองหนุ่มสาวอย่างพอใจ นางมั่นใจว่าแผนของนางจะต้องเป็นไปดั่งที่นางหวังไว้ มือเรียวคลี่พัดสีแดงออก ก่อนจะโบกเอาสายลมเย็นให้ตัวเองเพื่อผ่อนคลายความร้อน คลี่ยิ้มอย่างพอใจอย่างที่สุด

     ....................

     กลิ่นกำยานหอมไปทั่วตำหนักท้ายวังดั่งเช่นเคย หลังจากร่างบางชำระกายเสร็จก็ใส่ชุดสีขาวดั่งเช่นเคย ก่อนจะเก็บตัวเงียบอยู่ในห้อง เปิดหน้ากลมกว้างเพื่อมองดูหมู่ดาราสกาวโดดเด่นกว่าทุกวัน เพราะไร้จันทรามาฉายแสงดั่งเช่นทุกราตรีที่แล้วมา

     ร่างบางปรือตาลงอย่างช้า ๆ รับสายลมเย็นสบายจากราตรีนี้....

     เส็ตโชมารูกำลังว้าวุ่นหัวใจ....บทเพลงที่เขาได้ยินจากพระตำหนักท้ายยังคงดังก้องอยู่ในหัว....

     ร่างสูงสะบัดหัวไล่ความคิดนี้ออกไป ก่อนจะพยายามสนใจกับตัวอักษรของหนังสือตรงหน้า แต่ไม่ว่าอย่างเราเขาก็ไม่อาจเข้าใจเนื้อหาของหนังสือได้เลย ร่างสูงคิดถึงเพียงเสียงเพลงนั้น และคิดถึง...อินุยาฉะ...

     'แผลของเจ้าจะหายหรือยัง'

    
คิดแล้วอดนึกถึงรอยช้ำและรอยบาดแผลของร่างบางไม่ได้ อินุยาฉะเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวเนื่องจากเติบโตมาท่ามกลางความกีดดันและความรังเกียจ มันคงเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้ร่างบางเข้มแข็งผิดกับรูปร่างเพรียวบางนั่น

     มือใหญ่กำแน่น 'แค่ดูว่าอาการดีขึ้นหรือยังก็พอ...แล้วก็กลับมาเช่นเดิม'

    
ตั้งใจเช่นนั้น ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปจากพระตำหนักส่วนพระองค์และมุ่งตรงไปยังพระตำหนักท้ายวังอย่างรวดเร็ว

     ....................

     "อ๊ะ!?"

     นามิเบิกตาโตอย่างตกใจเมื่อเห็นร่างสูงของเส็ตโชมารูเข้ามาในพระตำหนัก นางจำได้ว่าครั้งก่อนเมื่อสามวันที่แล้ว ร่างสูงจากไปด้วยอารมณ์หงุดหงิด

     "ท่านเส็ตโชมารู!?"

     "ข้ามาดูอาการของอินุยาฉะ ว่าหายดีแล้วหรือยัง"

     "อะ เอ่อ...ดีขึ้นมากทีเดียวเพคะ ตะ แต่ ตอนนี้..."

     เส็ตโชมารูเลิกคิ้วสูงอย่างงงงวยกับท่าทีลุกลี้ลุกลนของนามิ ก่อนจะชะงัก หันขวับไปมองทางที่ตรงไปยังห้องของร่างบาง

     "กลิ่นนี้..."

     "อ๋อ! กลิ่นกำยานเพคะท่านเส็ตโชมารู!! วันนี้เราใช้กำยานมากเป็นพิเศษ มีกลิ่นใหม่ด้วยนะคะ เห็นหอมดีนายน้อยจึงให้เอามาจุดน่ะเพคะ"

     เส็ตโชมารูตวัดสายตาคมมองร่างของหัวหน้าหญิงรับใช้อย่างดุดัน "กลิ่นมนุษย์ไม่ใช่เหรอไง"

     "มนุษย์หรือเพคะ!! ไม่ใช่เพคะ! พระองค์คงเข้าใจผิดแล้วเพคะ!!"

     "อย่ามาโกหกกับข้า!!" ร่างสูงตวาด นามิสะดุ้งพร้อมกับหญิงรับใช้อีกสามคน พวกนางเริ่มตัวสั่นด้วยความกลัว "หลีกไป!!"

     เส็ตโชมารูผลักนามิไปชนกับหญิงรับใช้ทั้งสาม พวกนางล้มลงกับพื้นส่วนเส็ตโชมารูก็เดินดุ่ม ๆ ตรงไปยังห้องของอินุยาฉะทันที มือใหญ่เปิดประตูอย่างรวดเร็ว ก่อนจะแหวกผ้าม่านไม่ไผ่ออกให้พ้นจากสายตา

     "อินุยาฉะ!"

     "เดี๋ยวก่อนเพคะท่านเส็ตโชมารู!!"

     ร่างสูงไม่สนใจเสียงร้องเรียกของเหล่านางข้ารับใช้ แต่หันไปมองร่างบางตรงหน้า...

     "เจ้า!?"

     ร่างบางมองร่างสูงอย่างตกใจ เส็ตโชมารูเบิกตาโตจ้องมองร่างบางตรงหน้าอย่างตกตะลึง....

     เกศาสลวยสีเงินงามเริ่มกลายเป็นสีดำตั้งแต่โคนจรดปลายผม หูสีขาวเริ่มหดหาย นัยน์เนตรสีอำพันเลือนลางครอบคลุมด้วยสีดำ....กลิ่นอายแห่งมนุษย์....ดั่งสายเลือดอีกครึ่งในกายของร่างเพรียวบางนั่นเอง.....

     "นี่เจ้า!!"

     อินุยาฉะรีบลุกขึ้นยืน ถอยหลังติดผนัง "จะ เจ้าเข้ามาในนี้ได้ยังไง!?"

     "ท่านเส็ตโชมารู!!"

     นามิและเหล่าหญิงรับใช้ถลาเข้ามาในห้องรีบเข้าไปขวางกั้นระหว่างร่างบางกับเส็ตโชมารูทันที

     "หม่อมฉันอธิบายได้!" นามิร้องลั่น

     เส็ตโชมารูละสายตาจากร่างบางมาที่แม่บ้านหญิงตรงหน้า

     "นี่มันเกิดอะไรขึ้น?" เขาถามอย่างงงงวย ก่อนจะกลับไปจ้องมองอินุยาฉะอีกครั้ง....นี่น่ะหรือมนุษย์....นี่น่ะหรือคือสายเลือดอันโสมมอีกครึ่งหนึ่งในตัวของอินุยาฉะ....เช่นนั้น....มันก็งดงามเหลือเกิน....ไม่แพ้ยามปกติที่อินุยาฉะเป็นครึ่งอสูร....

     "ทุกคืนเดือนมืด ท่านอินุยาฉะจะกลายเป็นมนุษย์เพคะ" นามิอธิบาย "นายน้อยเริ่มเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่ 11 ชันษา แต่หากพระจันทร์กลับมาฉายแสงบนนภาสีดำอีกครั้ง ท่านอินุยาฉะจะกลับมาเป็นอสูรดังเดิมเพคะ"

     เส็ตโชมารูรับฟัง จ้องมองร่างบางอย่างไม่ละสายตา

     "มีใครรู้เรื่องนี้บ้าง" เส็ตโชมารูเอ่ยถาม

     "ท่านอิซาโยอิ พวกดิฉันที่ดูแลนายน้อยมาแต่เล็กและท่านอินุไทโชวเพคะ"

     ร่างสูงพยักหน้า ก่อนจะเอ่ยว่า "เช่นนั้น...พวกเจ้าออกไปก่อน....ข้าจะขอคุยเรื่องนี้กับนายพวกเจ้าสักหน่อย"

     นามิลังเล แต่เมื่อเส็ตโชมารูจ้องเขม็ง นางก็รีบออกไปพร้อมกับเหล่านางข้ารับใช้ เมื่อทั้งหมดออกไปจนหมดแล้ว เส็ตโชมารูรอจนฝีเท้าของทุกคนเดินจากไป ก็หันมามองอินุยาฉะอีกครั้ง

     ร่างบางสะดุ้ง ถอยห่างออกมาขึ้นอีก มองร่างสูงอย่างระแวดระวัง ตอนนี้เขาเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น คงไม่อาจปกป้องตัวเองได้ถ้าเกิดร่างสูงทำลายเข้าขึ้นมา

     "ทำไมไม่บอกข้า?"

     อินุยาฉะมองร่างสูงอย่างแปลกใจ

     "ทำไมไม่บอกข้าเรื่องนี้?" เส็ตโชมารูถามซ้ำ

     "ทะ ทำไมข้าต้องบอกเจ้าด้วย เจ้าไม่เกี่ยวอะไรกับข้าซะหน่อย" อินุยาฉะว่า ก่อนจะร้องอย่างตกใจเมื่อร่างสูงดึงร่างบางเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว

     "แต่ถ้าคนอื่นที่ไม่ใช่ข้ามาเห็น...เจ้ารู้หรือเปล่าว่าจะเกิดอะไรขึ้น"

     "ข้ารู้แล้ว! เพราะอย่างนั้นข้าถึงได้อยู่แต่ในตำหนักอย่างไงเล่า! ปล่อยข้านะ!!" ร่างบางผละออกจากร่างสูง

     เส็ตโชมารูเพิ่งตระหนักได้...นี่เขาต้องการใกล้ชิดกับร่างบางถึงเพียงนี้เชียวหรือ...แค่เห็นความงามอีกด้านก็ถึงกับเผลอตัวถึงขนาดนี้...เป็นห่วงขนาดนี้....

     "เจ้ามาทำไม!?" ร่างบางถาม

     เส็ตโชมารูพยายามตั้งสติ "ข้ามาดูอาการของเจ้าเท่านั้น...แผลของเจ้าหายดีหรือยัง"

     อินุยาฉะกระชับเสื้อผ้ามากขึ้นก่อนจะเอ่ย "ดีแล้ว! นามิรักษาข้าจนดีขึ้นแล้ว"

     "งั้นก็ดี" ร่างสูงพยักหน้า ก่อนจะหันหลังให้ร่างบาง "แค่นั้นก็ดี...ช่วงที่ยังเป็นคืนเดือนมืดห้ามเจ้าออกจากพระตำหนัก และข้าขอสั่งเจ้าไว้เลยว่าห้ามเจ้าออกไปนอกพระราชวังอีก"

     "อะไรนะ!!?"

     "นี่เป็นคำสั่ง"

     "ไม่ได้นะ!" อินุยาฉะปราดเข้ามาจับร่างสูงหันมาเผชิญหน้าตนอย่างไม่พอใจ "เจ้าทำกับข้าแบบนี้ไม่ได้นะ!"

     "ข้าเคยบอกเจ้าแล้วใช่มั๊ย ว่าให้พึงระลึกว่าตนเป็นอะไร อยู่ในฐานะอะไร"

     "แต่เจ้าก็ห้ามทำแบบนี้!!" ร่างบางว่า "แค่ด่าทอข้า กีดกันข้า ข้าก็ทนได้ แต่ห้ามเอาอิสระของข้าไปเด็ดขาดนะ!"

     "พอสักที!!" ร่างสูงตวาดลั่น ร่างบางสะดุ้ง "ข้าบอกว่าห้ามก็ห้ามสิ!! เจ้ารู้ตัวหรือเปล่าว่าตัวเองน่ะอยู่ในสภาพอันตรายขนาดไหน! เป็นครึ่งอสูรแบบนี้ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่ยอมรับเจ้าเหมือนเด็กพวกนั้น!!"

     "แต่เจ้าจะมาขังข้าแบบนี้ไม่ได้นะ!!"

     "ข้าเป็นกษัตริย์ มีสิทธิ์ออกคำสั่งกับใครก็ได้!" เส็ตโชมารูเอ่ยเสียงเข้ม อินุยาฉะกำมือแน่น "อยากตายมากหรือไง คนที่จะฆ่าเจ้ามามีมากมายอยู่ข้างนอกนั่น!!"

     "นั่นมันก็แค่ข้ออ้างของเจ้าเท่านั้นแหละ! ข้ารู้นะว่าเจ้าแค่อยากจะขังข้าให้ทรมาน สนองความต้องการที่อยากเห็นข้าทุกข์ทนของพวกเจ้าสองแม่ลูก!!"

     "เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแม่ข้า!"

     "งั้นก็เลิกห้ามข้าสักทีสิ!!"

     "อยากตายมากหรือไง!! อยากเป็นเป้านิ่งให้พวกมันฆ่าเหรอไง!!"

     "เจ้าโกหก! เจ้าแค่หลอกข้า ขู่ให้ข้ากลัวเท่านั้นแหละ"

     "ทำไมเจ้าถึงหัวดื้อแบบนี้นะ!"

     "ท่านต่างหากละที่ดื้อด้าน ข้าไม่สน! ข้าจะออกไปก็ต่อเมื่อข้าต้องการนั่นแหละ!"

     "นี่เจ้า!"

     "เจ้ามันก็คนใจร้าย! อยากเห็นข้าทุกข์ทรมาน!"

     ร่างสูงกัดฟันกรอด ไม่สบอารมณ์กับความดื้อด้านไม่ฟังใครของอินุยาฉะ "ถ้าเจ้าบังอาจออกไปอีกละก็...ข้าจะล่ามโซ่เจ้าไว้แน่!"

     อินุยาฉะจ้องร่างสูงเขม็ง กำมือแน่น กัดฟันกรอด

     "พึงระลึกตัวเองไว้ด้วยนะว่าเจ้าเป็นแค่ครึ่งอสูรโสมมเท่านั้น!" ร่างสูงเอ่ยอย่างใจร้าย "ดูสภาพตัวเองตอนนี้ซะบ้างสิ...เป็นครึ่งอสูรก็น่าสมเพชพอแล้ว ยังจะกลับไปเป็นกำพืดตัวเองอีก...ยิ่งกว่าน่าสมเพชด้วยซ้ำ...มันน่าขยะแขยงโสโครก" ด้วยอารมณ์ทำให้เส็ตโชมารูเอ่ยออกไปย่างไม่ยั้งคิด

     อินุยาฉะได้ยินก็ยิ่งเจ็บปวดในหัวใจอย่างประหลาด มือเรียวยกขึ้นฟาดลงที่ใบหน้าของร่างสูง

     เพี๊ยะ!

     ร่างสูงกัดฟันหันขวับมามองร่างบาง

     "ตบเหรอ...หึ!...ก็ได้"

     "อ๊ะ!!"

     ร่างสูงดึงร่างบางเข้ามาจูบอย่างรวดเร็ว ร่างบางดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนใหญ่ ผลักไสร่างสูงออกอย่างตกใจ

     เพี๊ยะ!

     ร่างสูงยิ้มอย่างชั่วร้ายเมื่อถูกตบอีกครั้ง

     "ไม่เข็ดใช่มั๊ย!"

     "ไม่นะ!!"

     ร่างบางถูกโยนขึ้นบนเตียงใหญ่สีขาว ก่อนจะถูกร่างสูงกดลงบนเตียงสีขาว อินุยาฉะดิ้นรนขัดขืน จ้องมองร่างสูงอย่างหวาดหวั่น

     "ถ้าเจ้าดื้อกับข้า ก็ต้องเจอแบบนี้!!"

     "ไม่เอา! อย่านะ! อุ๊บ!!"

     เสียงร้องกลืนหายเข้าไปในลำคอ เมื่อร่างสูงประกบริมฝีปากของอินุยาฉะอย่างรวดเร็ว รุนแรง ร่างบางพยายามดิ้นรน แต่ร่างสูงก็ไม่ยอมปล่อย ยังคงจูบโลมเลียริมฝีปากนุ่มสีชมพูของอินุยาฉะต่อไป

     ร่างบางเริ่มหายใจไม่ออก อ้าปากจะหายใจแต่กลายเป็นว่าถูกร่างสูงรุกล้ำลึกเข้าไปอีก ลิ้นร้อนถูกส่งเข้าไปในโพรงปาก ควานหาความหวานลึกล้ำที่เคยสัมผัสแต่ไม่เคยรู้จักพอ  ร่างบางเริ่มหวาดกลัว น้ำตาใสคลอที่ขอบตาสีนิลสวย

     "อือ...อึก...อืม..."

     ร่างบางพยายามผลักไสร่างสูง แต่ร่างสูงยังคงไม่ถอนจูบที่เร่าร้อนนั้นได้ มือใหญ่ปล่อยจากพันธนการ แต่กลับลดลงสอดเข้าไปใต้ร่มผ้าสีขา ลูบไล้ขาเนียนอย่างกระหาย ร่างบางตัวสั่นอย่างหวาดหวั่น  น้ำตาใสเอ่อล้นขอบตา ร่างสูงละจากริมฝีปากอิ่มอย่างพอใจ ก่อนจะเลื่อนลงมาที่ลำคอระหง ขบเม้มสร้างรอยรักอย่างกระหายในรสชาติจากเนื้อนุ่มของร่างบาง

     "อา...อึก!" ร่างบางพยายามกลั้นเสียงคราง

     มือใหญ่เลื่อนไปที่ต้นขาอ่อนนุ่ม ลูบไล้อย่างพอใจ ก่อนจะ กระชากเสื้อผ้าสีขาวของร่างบาง

     แคว่ก!

     "ไม่!!" ร่างบางร้อง

      ร่างสูงลูบไล้ผิวเนียนอย่างพอใจ ก้มลงลากลิ้นร้อนไปทั่วแผงอกราบ

     "ไม่นะ! ไม่เอา...ฮึก...ฮึก...ขอร้องละ....หยุดเถอะ....ฮึก...."

     แต่ร่างสูงไม่ทำตามอย่างที่ร่างบางขอร้อง กลับขบเม้มยอดกุหลาบงามนั้นต่อไป ขนาดที่มือใหญ่จับขาเรียวแยกออก

      "ฮึก!...ไม่เอาแล้ว...ขอร้องละ!! ปล่อยที! หยุดนะ!! หยุดที!!"

     ร่างบางใช้แรงเฮือกสุดท้ายดิ้นรน ผลักร่างสูงออกและตบหน้าร่างสูงฉาดใหญ่

     เพี๊ยะ!!

     เส็ตโชมารูนิ่งค้าง เพิ่งได้สติ...เขาหันกลับมามองร่างบางข้างใต้...

     "ฮึก....ฮึก....ไม่เอา...ฮึก...อย่า...ฮึก...."

     ร่างบางกอดตัวเองแน่น นอนตัวสั่นเปลือยเปล่าภายใต้เศษผ้าที่ขาดวิ่น ขาเรียวพยายามหุบปกปิดอย่างที่สุดเพราะร่างสูงยังไม่ปล่อยมือจากขาของเขา เส็ตโชมารูเห็นดังนั้นก็รีบปล่อยมือ ร่างบางหุบขาได้เช่นเดิม แต่นังคงสะอื้นไห้ต่อไป

     "ฮึก...ฮือ...ฮึก!...ไม่เอานะ....ฮึก...."

     ร่างสูงกำมือแน่น เบือนหน้าหนีจากภาพตรงหน้า

     นี่เรากำลังทำอะไร!....แค่ถูกอินุยาฉะปฏิเสธความหวังดีก็โมโห...

     แค่อินุยาฉะไม่ยอมเชื่อเขาเท่านั้น....

     นี่เราเป็นบ้าอะไร!?

     เสียงสะอื้นจากร่างบางข้างใต้ทิ่มแทงหัวใจของร่างสูงอย่างมาก ใบหน้างามเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาใส กายขาวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว

     "อินุยาฉะ..." ร่างสูงเอ่ยเสียงแผ่วเบา จับไหล่ร่างบาง ร่างบางสะดุ้งตกใจร้องลั่น

     "อย่านะ!"

     ร่างสูงชักมือกลับ กำมือแน่น เจ็บใจตัวเอง....

     ร่างสูงมองร่างบางที่หวาดกลัว เขาลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะกัดฟันแน่นทุบผนังห้องอย่างแรงด้วยอารมณ์ ทำให้ร่างบางสะดุ้งตกใจ

     ปึง!!!

     เส็ตโชมารูถอดเสื้อตัวใหญ่ของตนออก ก่อนจะหันมาห่มให้ร่างบางที่สะดุ้งผวาอย่างหวาดหวั่น นั่นทำให้เขาตระหนักว่าตนได้ทำลายความสัมพันธ์ที่มีอยู่น้อยนิดไปมากแล้ว เส็ตโชมารูหันหลังและเดินจากไป ทิ้งให้ร่างบางมองตามแผ่นหลังสูง

     หลังจากร่างสูงออกไปได้ไม่นาน อินุยาฉะก็ยกมือขึ้นปิดหน้าและเริ่มร้องไห้ สะอื้นกับหมอนนุ่ม

     คนใจร้าย!...คนร้ายกาจ...ทำกับเขาแบบนี้ได้ยังไงกัน!!

     ชั่วร้ายที่สุด!!....คนใจร้าย....

     เกลียดที่สุด!! เกลียด!!...เกลียดเส็ตโชมารูที่สุด!!

     ถึงกระนั้น ร่างบางก็กลับรู้สึกได้ว่า เสื้อตัวใหญ่ที่คลุมกายเขานี้กลับอบอุ่นอย่างประหลาด....แต่ร่างบางพยายามปฏิเสธความรู้สึกนี้อย่างที่สุด....


หลังจากเหตุการณ์ในคืนนั้น ทั้งสองไม่ได้พบกันอีกเลย.....

     อินุยาฉะได้ยินข่าวจากในวังหลวงมาว่าเส็ตโชมารูกำลังคบหาดูใจกับหญิงสาวนางหนึ่งนาม 'ไอเนะ' ซึ่งเป็นถึงศิษย์เอกของราชครู 'นาราคุราชครูผู้มากความสามารถ ชื่อเสียงลือเลื่อง

     "ได้ยินมาอีกนะคะว่าท่านฮานะเป็นคนเลือกตัวผู้หญิงคนนั้นมาเอง"

     "แต่นางก็เก่งจริง ๆ ดังที่เขาว่านะ"

     "เป็นถึงศิษย์เอกของราชครู ไม่ธรรมดาแน่ ๆ"

     "นางงดงามมากทีเดียวนะ ก็เหมาะสมกับท่านเส็ตโชมารูดีนะ"

     ร่างบางนั่งฟังเหล่านางข้ารับใช้ทั้งหลายพูดคุยหันอยู่ข้าง ๆ ตอนนี้พวกเขาออกมานั่งเล่นที่ชานพระตำหนัก เฝ้ามองดูต้นซากุระกำลังออกดอก

     มือเรียวกำแน่นที่ถ้วยชา ไม่เข้าใจว่าทำไม...แต่ไม่อยากจะฟังเรื่องนี้เลย...

     ตึง!!

     เหล่านางข้ารับใช้สะดุ้ง นามิที่กำลังพับเสื้อผ้าอยู่ข้าง ๆ ทำผ้าหล่นหลุดมือ พวกนางจ้องมองนายน้อยอย่างตกใจ

     "หยุดพูดสักทีได้มั๊ย!!" ร่างบางตวาดลั่น ลุกขึ้นยืนพรวด "พูดอยู่ได้!! น่ารำคาญจริง!!"

     "นะ นายน้อย??" นามิงงงวย

     "ต่อไปนี้ห้ามพูดเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับเส็ตโชมารูและผู้หญิงของเขาด้วยเข้าใจมั๊ย!! มันน่ารำคาญ น่ารำคาญ!!" ร่างบางว่าก่อนจะสะบัดตัววิ่งไปที่สวนท้ายพระตำหนัก

     "นายน้อย!" นามิร้องเรียก แต่ร่างบางไม่ขานตอบ

     นามิจ้องมองร่างบางที่วิ่งจากไป ก่อนจะกอดอกนิ่งคิดอย่างเคร่งเครียด

     "อะไรกัน?? นายน้อยเป็นอะไรไปนะ" เหล่านางรับใช้ต่างสงสัยและงงงวย

     "มันเกิดอะไรขึ้นเหรอท่านนามิ?"

     "อืม...." นามิส่งเสียงในลำคอ หลับตานิ่ง สมองคิดทบทวนเหตุการณ์ เหล่านางข้ารับใช้ต่างงงงงวย "รู้แล้ว!" นามิร้อง นั่นทำให้นางข้ารับใช้ที่เหลือสะดุ้งตกใจ

     "อะไรหรือท่านนามิ!"

     "ข้าไม่แน่ใจนัก" นามิว่า ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ "เพียงแต่...ข้าคิดว่า...นายน้อยอาจจะชอบท่านเส็ตโชมารู"

     "หา!?"

     ....................

     ร่างบางจ้องมองผิวน้ำที่ในสระบัวอย่างเศร้าศร้อย ก่อนจะโยบนก้อนหินในมือลงไปในน้ำทำให้ผิวน้ำแตกวงกว้าง

     "บ้าที่สุด" ร่างบางว่า ก่อนจะลุกขึ้นยืน เดินตรงไปที่พุ่มไม้หนา มองซ้ายมองขวา ก่อนจะหายไปหลังพุ่มไม้ทึบ ร่างบางลงคลานก่อนจะมาถึงจุดที่ต้องการ มือเรียวดันแผ่นหินใหญ่ออก ก่อนจะพบช่องโหว่ขนาดใหญ่ที่คอนหนึ่งคนสามารถลอดออกไปได้

     ร่างบางกำลังจะลอดออกไป แต่แล้วก็ชะงักเมื่อคำของเส็ตโชมารูดังก้องในหัว...

     'ถ้าเจ้าดื้อกับข้า ก็ต้องเจอแบบนี้!!'

    
แล้วภาพของคืนที่ผ่านมาไม่กี่วันก็ทำให้ร่างบางตัวสั่นอย่างช่วยไม่ได้ อินุยาฉะสะบัดหัวไล่ความคิดนั้นออก

     "ไม่หรอก...มันจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก..." ร่างบางเอ่ย ก่อนจะลอดตัวออกไปจากเขตรั้ววัง

     อินุยาฉะบัดเศษหญ้าออกจากร่างกาย ก่อนจะหันหลังไปมองรั้ววังใหญ่ "ข้าก็มีอิสระของข้านะ!" ว่าแล้วก็รีบวิ่งมุ่งตรงไปยังตลาดที่ผู้คนกำลังคึกคัก หลบหลีกเหล่าทหารได้อย่างง่ายดาย....

     ...................

     ตลาดในวันนี้คึกคักเป็นพิเศษจนอินุยาฉะแปลกใจ เขามองเหล่าผู้คนที่ออกมายืนรออะไรบางอย่างอยู่ข้างทาง ร่างบางสงสัยจึงหันไปถามแม่ค้าคนหนึ่ง

     "นี่ป้า เขามีอะไรกันเหรอ?"

     "วันนี้ท่านราชครูนาราคุจะกลับมาจากการไปพักผ่อนแน่ะ นู่นไงมาแล้ว!!"

     อินุยาฉะหันไปมองก็เห็นขบวนทหารเดินมาแต่ไกล ตามมาด้วยเสลียงไม้ขัดเงาประดับอย่างหรูหรา บุคคลที่อยู่หลังม่านนั่น คงเป็นราชครูนาราคุ อินุยาฉะเคยเห็นราชครูท่านนี้เมื่อนานมาแล้วตอนที่เขายังเป็นเด็ก แต่จำหน้าตาได้เพียงเลือนลางเท่านั้น รู้แค่ว่าตอนนั้นมือใหญ่ประคองใบหน้าเขาขึ้นจ้องสบตาสีดำที่ลึกล้ำเกินยากจะหยั่งถึง....จำได้แค่นั้น....

     "อ๊ะ!" อินุยาฉะเห็นทหารในวังแต่ไกล จึงรีบวิ่งหนีไปอีกทาง ก่อนจะวิ่งเข้าตรอกแคบทะมึนเข้าไป ก่อนจะยืนนิ่งหลังพิงกำแพง รอจนทหารเดินผ่านไป ร่างบางถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อมหารสองนายนั้นเดินผ่านไปเลยโดยไม่สังเกต อินุยาะเตรียมจะเดินออกไป แต่แล้วกลับมีมือของใครบางคนปิดปากเขาไว้แน่น ก่อนจะรวบแขนทั้งสองข้างไว้ด้านหลัง ร่างบางตกใจ ดิ้นรนขัดขืน

     "แหม...มีเหยื่อมาหาถึงที่แบบนี้เลยนะเนี่ย วันนี้โชคดีชะมัด"

     น้ำเสียงที่กระหายในบางสิ่งทำให้อินุยาฉะเริ่มหวาดหวั่น....

     ....................

     "แหม ๆ คึกคักดีนะ" ร่างสูงในชุดนักเดินทางเดินมองดูไปทั่วตลาดอย่างสนใจ

     "ไม่ได้มาเดินแบบนี้นานเท่าไหร่แล้วเนี่ย" ร่างสูงเอ่ยกับตัวเอง ก่อนจะคลี่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ตามแบบฉบับ

     ร่างสูงเดินฮัมเพลงไปเรื่อย ๆ ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นเหตุการณ์บางอย่าง

     ร่างบางในชุดสีแดงคุ้นตาในตรอกแคบ ถูกดึงเข้าไปลึกกว่าเดิม ร่างสูงจ้องมองอย่างสนใจ จ้องมองใบหน้าหวานที่ตื่นตระหนก ดวงตาสีอำพันงามเบิกโตอย่างตกใจ ร่างเพรียวบางดิ้นรนขัดขืน แต่ก็หายไปในความมืด

     "ใบหน้านั้น!?" ร่างสูงเอ่ยอย่างแปลกใจ ก่อนจะถอนหายใจ "สายตาเรานี่มันดีเกินคาดจริง ๆ"

     ว่าแล้วก็เดินตรงไปที่ตรอกแคบนั่น

     ....................

     อินุยาฉะดิ้นรนก่อนจะถูกโยนลงไปบนเตียงในห้องหนึ่งที่อับและมืดสลัวด้วยแสงตะเกียง ร่างบางมองเหล่าคนที่จับเขามา

     "หึหึหึ ของดี ของดี แบบนี้ได้ราคาดี"

     "พวกเจ้าเป็นใคร!?"

     เหล่าคนเถื่อนกัวเราะอย่างชอบใจ ชายร่างสูงใหญ่จ้องเขาอย่างโลมเลีย "หุบปากไว้น่ะดีแล้วคนสวย เฮ้ยพวกแก! ออกไปก่อน จะตรวจสอบสินค้าเว้ย!"

     พวกที่เป็นลูกน้องต่างออกไปจากห้อง ทิ้งไว้แค่ร่างบางบนเตียงกับ กับชายอีกสองคนที่คาดว่าจะเป็นหัวหน้าใหญ่

     พวกค้ามนุษย์!!?

     อินุยาฉะคิดได้ก็ตกใจ ก่อนจะรีบลงจากเตียง "พวกเจ้าจะทำอะไร!?"

     "แกหามาได้ไงวะ" แต่ชายเถื่อนทั้งสองไม่ได้สนใจเขาเลย กลับหันไปคุยกันเอง

     "เห็นหลบพวกทหารอยู่ ก็เลยลากมาซะเลย"

     "หึหึหึ ดีมาก ๆ แบบนี้น่าจะขายให้หอนางโลมได้ราคาดี"

     "ข้าไม่ใช่ผู้หญิง!!" อินุยาฉะเอ่ยเสียงดัง "แล้วปล่อยข้าไปซะ!"

     ชายทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนจะหันมาส่งยิ้มเจ้าเล่ห์และเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย "จะชายหญิงเราจะรู้กันเดี๋ยวนี้แหละ"

     แล้วร่างใหญ่ก็พุ่งเข้าหาอินุยาฉะ แต่ร่างบางใช้กรงเล็บตวัดโดนแขนใหญ่จนเลือดกระเซ้นพร้อมกับเสียงกรีดร้องลัน ร่างบางวิ่งตรงไปที่ประตู แต่ถูกร่างใหญ่อีกคนขัดขาจนร่างบางล้มลง ก่อนจะถูกกระชากให้ยืนขึ้น อินุยาฉะกางกรงเล็บ แต่โดนหมัดของชายที่บาดเจ็บอัดเข้าเต็มท้องน้อยจนจุก เรี่ยวแรงหดหายอย่างรวดเร็ว ร่างบางทรุดลงอย่างเจ็บปวด ก่อนจะถูกจับให้ลุกขึ้นและกดลงบนเตียงใหญ่ที่เก่ามากแล้ว

    "ปล่อยนะ!!" ร่างบางร้องแต่แทบไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืน ก่อนจะถูกต่อยอัดเข้าที่ท้องอย่างแรงอีกครั้ง "อุก!"

     "ฤทธิ์มากชะมัด!" ชายคนหนึ่งเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ "จับแขนมันไว้"

     เขียวเรียวถูกตรึงไว้กับเตียงแน่นโดยชายอีกคนที่เป็นคนจับอินุยาฉะมาก ขณะที่ชายผู้เป็นหัวหน้ายิ้มกริ่ม ก่อนจะกระชากเสื้อสีแดงแหวกออกให้เห็นผิวเนียนขาวนุ่มสีงาช้าง

     "อย่านะ!!" อินุยาฉะดิ้นรนขัดขืน ก่อนจะร้องลั่นเมื่อถูกปลดเปลื้องเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว "ไม่!!!" ร่างบางกรีดร้อง ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว น้ำตาใสเอ่อมาที่ขอบตา

     "ให้ตาย...."

     ชายทั้งสองยิ้มอย่างกระหาย "ผู้ชายจริง ๆ ว่ะ แต่...แบนี้ก็ดี...ขายให้พวกหอนางโลมที่ไหนสักแห่งที่บริการผู้ชายก็ได้ราคาดียิ่งกว่าขายผู้หญิงซะอีก"

     "ปล่อยนะ...ฮึก...."

     สาตาหื่นกระหายจ้องมองร่างบางเปลือยเปล่าอย่างโลมเลีย มือใหญ่จับแยกขาเรียวออกกว้าง อินุยาฉะร้องลั่น

     "ยังสดอยู่เลย..." ชายสูงใหญ่ผู้นั้นเลียริมฝีปากอย่างอดทน "....หึหึหึหึ"

     "อย่านะ...ฮึก...ปล่อยข้า...."

     ร่างบางสะอื้นไห้ ตัวสั่นเทา มือใหญ่ลูบไล้แผ่นอกงามอย่างชอบใจ

     "งั้นต้องตรวจสอบข้างในด้วยว่าจะสดอยู่หรือเปล่า หึหึหึหึ"

     ร่างบางเบิกตาโต กรีดร้องขอความช่วยเหลือทั้งน้ำตา

     .....................

     ขณะเดียวกันนั้น....เส็ตโชมารูยืนรอเสลียงของราชครูอย่างนิ่งเฉย ข้างกายคือพระมารดาและหญิงที่ถูกเข้าใจว่าเขากำลังคบหากับนางผู้นั้นอยู่

     เส็ตโชมารูเหม่อมองไปยังท้องฟ้าสีคราม นึกย้อนเรื่องราวที่ผ่านมา...เหตุการณ์นั้น...อินุยาฉะจะเป็นเช่นไรบ้างหนอ....

     เส็ตโชมารูกลับมาจากห้วงคิด ก่อนจะมองเสลียงที่วางอย่างสงบตรงหน้า รอผู้เป็นเจ้าของขบวนเดินออกมาจากเสลียงนั้น

     ..........แต่จนแล้วจนรอด รอเท่าไหร่ก็ไม่มีวี่แววของราชครูนาราคุว่าจะออกมาจากเสลียง...........

     ข้ารับใช้รีบเปิดเสลียงเพื่อให้นายออกมา แต่แล้วกลับร้องลั่น "เหวอ!!"

     ร่างของทหารที่ถูกมัดแขนมันขา ปิดปากด้วยผ้า กลิ้งตกลงมาจากเสลียง เส็ตโชมารูสังเกตว่าทหารคนนั้นสลบไสลอยู่แล้ว

     "ท่านนาราคุหายตัวไปแล้ว!?"

     ไอเนะหัวเราะคิดคัก ทุกคนหันมามองนางอย่างแปลกใจ "ขออภัยเพคะ แต่...นี่เป็นนิสัยอย่างหนึ่งของท่านราชครูน่ะค่ะ...คิก ๆ...ท่านชอบออกไปเที่ยวเล่นบ่อย ๆ"

     เส็ตโชมารูถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะออกคำสั่ง "ตามหาตัวราชครูนาราคุ และเมื่อเขากลับมาก็มาบอกข้า"

     "พะย่ะค่ะ!!"

     ....................

     ร่างบางตัวสั่นเทา รู้สึกรังเกียจสัมผัสหยาบที่ลูบไล้แผงอกของเขาและต้นขาเนียน เสียงหวานสะอื้นไห้อย่างหวาดหวั่น

     "ฮึก...ปล่อยข้านะ...ฮึก...."

     "อย่าร้องสิ...ยิ่งร้องข้ายิ่งอยากนะ หึหึหึ"

     ร่างบางโกรธแค้น อยากจะฆ่าชายสองคนนี้ซะ แต่ก็ทำไม่ได้อย่างที่คิด ในเมื่อถูกพันธนาการไว้เช่นนี้ แม้จะดิ้นรนก็ยิ่งถูกกระทำอย่างหยาบโลนมากขึ้นไปอีก

     "ฮึก..."

     โครม!!!

     จู่ ๆ ประตูไม้ก็ถูกพังเข้ามา บุคคลในห้องต่างตกใจ ร่างบางดิ้นรนหลุดจากพันธนาการ แต่ก็ถูกชายอีกคนล็อคคอเขาไว้แน่น

     "ปล่อยซะ" เสียงเยือกเย็นดังขึ้น ก่อนจะปรากฎร่างของชายหนุ่มร่างสูงในชุดนักเดินทาง ใบหน้านั้นซ่อนอยู่ภายใตเงาหมวก

     "แกเป็นใคร!!"

     "ฉันบอกให้แกปล่อยคน ๆ นั้นซะ.....ถ้าไม่อยากตาย"

     "หนอยไอ้นี่!!" ชายป่าเถื่อนชัดดาบคมออกมา

     "ข้าเตือนแล้วนะ" แล้วด้วยความเร็วกันน่าอัศจรรย์ ชายผู้ถือดาบล้มลงพร้อมกับเลือดที่พุ่งออกจากคอที่ถูกบาดลึก

     "เหวอ!!"

     ชายอีกคนผลักอินุยาฉะออก ก่อนจะวิ่งไปที่ประตู แต่คมดาบแกร่งปักลงที่กลางหลังจนทะลุไปอีกด้าน ร่างนั้นชะงัก ก่อนจะล้มลงสิ้นใจทันที ร่างสูงชักดาบออกออกศพ ก่อนจะเช็ดเสือดบ่นพึมพำ

     "เฮ้อ~ ดันเปื้อนเลือดพวกสวะซะได้ ต้องกลับไปขัดอีกแล้ว"

     ร่างสูงเก็บดาบ ก่อนจะหันมองร่างบางที่เปลือยเปล่าบนเตียง....

     อินุยาฉะกอดกายแน่น พยายามปกปิดกายอยางที่สุด ร้องสะอื้นไห้เงียบ ๆ เรื่องผมงามยาวสีเงินปกปิดร่างกายได้บางส่วน

     ร่างสูงถอนหายใจ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ร่างบางบนเตียง อินุยาฉะสะดุ้งเมื่อมือใหญ่วางลงบนหัวของเขา

     "ไม่เป็นไรแล้ว....เจ้าชายอินุยาฉะ"

     ร่างบางเงยหน้ามองร่างสูงอย่างแปลกใจ มือใหญ่ถอดหมวกออก ก่อนจะเผยให้เห็นใบหน้าคมคาย ดวงตาสีดำอันคุ้นตา จมูกโด่งเป็นสัน รอยยิ้มกริ่มแย้มออก

     "ข้านาราคุ มาช่วยท่านแล้ว"

     "ระ ราชครู....นะ นา...นาราคุ...."

     "พะย่ะค่ะ" ร่างสูงโค้งตัวน้อย ๆ ก่อนจะหยิบเสื้อผ้าของร่างบางมาห่มให้ร่างบาง "โตขึ้นเยอะนะพะย่ะค่ะ แถม....น่ากินขึ้นอีกต่างหาก"

     อินุยาฉะชะงัก

     "ฮ่าฮ่าฮ่า! ข้าล้อเล่นพะย่ะค่ะ! ข้าจะพาองค์ชายน้อยกลับปราสาท"

     ร่างบางถูกช้อนตัวขึ้นอุ้ม ร่างสูงกระชับอ้อมแขนมั่น มองน้ำตาใสที่ยังไหลอาบแก้มร่างบาง "ไม่ต้องกลัวแล้วพะย่ะค่ะ" ร่างสูงยิ้มน้อย ๆ อินุยาฉะรู้สึกปลอดภัยขึ้น ก่อนจะร้องไห้โฮกอดคอร่างสูงแน่น

     "ข้ากลัว!...ฮึก...กลัวมาก...ฮึก..."

     "โอ๋ ๆ ไม่ร้องแล้วพะย่ะค่ะ" นาราคุปลอบใจร่างบาง ยิ้มเจ้าเล่ห์ 'ตัวนุ่มดีชะมัด' ร่างสูงคิด ก่อนจะพาร่างบางออกไปจากแหล่งโสมมนี่

     ....................

     "ท่านราชครูกลับมาแล้วพะย่ะค่ะ!!"

     เส็ตโชมารูละสายตามาจากงานตรงหน้า "เรียกเขามาพบข้า"

     "ตะ แต่...ท่านราชครูมาพร้อมกับเจ้าชายอินุยาฉะพะย่ะค่ะ!!"

     "อะไรนะ!?" เส็ตโชมารูตวัดสายตามอง "เจ้าว่าอะไรนะ?"

     "เจ้าชายอินุยาฉะพะย่ะค่ะ กลับมาพร้อมกับท่านราชครู ดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บพะย่ะค่ะ!!"

     ร่างสูงลุกพรวด เดินออกไปยังประตูวังอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพบร่างสูงของราชครูนาราคุ อุ้มร่างเพรียวบางที่กำลังหลับไหลเพราะเหนื่อยอ่อนมาจากการร้องไห้ เส็ตโชมารูสังเกตเห็นคราบน้ำตาและเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยของร่างบาง

     "นี่มันเกิดอะไรขึ้น!?"

     เส็ตโชมารูถามนาราคุด้วยสุรเสียงก้อง

     "มีเหตุนิดหน่อยพะย่ะค่ะ" นาราคุยิ้มกริ่ม กระชับร่างบางในอ้อมแขน "อย่ารู้จะดีกว่า" ว่าแล้วก็เดินจากเส็ตโชมารูตรงไปยังพระตำหนักท้ายวัง

     เส็ตโชมารูกำมือแน่น ก่อนจะหันหลังเตรียมจะเข้าไปในราชวังใหญ่ แต่แล้วก็กลับนิ่งเฉยอีก หันไปมองร่างบางในอ้อมแขนของราชครู.....

     "เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า....อินุยาฉะ"ร่างสูงเอ่ยอย่างกังวล ว้าวุ่นภายในใจ

     ....................

     ร่างบางหลับใหลอยู่ภายในห้อง นามิเอ่ยขอบคุณนาราคุอย่างซาบซึ้ง แต่ไม่ว่าจะถามนาราคุเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตอบว่านายน้อยของนางไปเจอเหตุการณ์อันใดมา

     "งั้นข้าก็คงต้องขอตัวก่อน....แล้วข้าจะกลับมาเยี่ยมอีกครั้ง" นาราคุเอ่ยยิ้ม ๆ ก่อนจะเดินออกไปจากตำหนัก

     ร่างสูงเดินออกมาจากตำหนัก ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นเส็ตโชมารูยืนพิงกำแพงวังอยู่ จ้องมองเขาเขม็ง

     "องค์เส็ตโชมารู" นาราคุถวายความเคารพ ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ "มีอะไรหรือพะย่ะค่ะ"

      "เกิดอะไรขึ้นกับอินุยาฉะ....ทำไมเจ้าถึงมากับเขาได้"

     นาราคุหัวเราะในลำคอ "อย่ารู้เลยจะดีกว่าพะย่ะค่ะ" ร่างสูงเตรียมจะเดินจากไป แต่ก็ต้องชะงักเมื่อคมดาบเขียวฟ้าฟื้นจ่ออยู่ที่คอ

     "ตอบมา" เส็ตโชมารูเอ่ยอย่างเยือกเย็น

     "หึหึหึหึ....อยากรู้จริง ๆ หรือพะย่ะค่ะ"

     เส็ตโชมารูจ้องเขาเขม็ง

     "ก็ได้....แต่อย่าไปบอกใครล่ะพะย่ะค่ะ...." นาราคุยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ "ก็ไปช่วยท่านอินุยาฉะออกมาจากซ่องเท่านั้น"

     "อะไรนะ!?"

     "ท่านอินุยาฉะ โดนจับไปขาย โชคดีที่ข้าไปจเอเข้าแล้วช่วยไว้....ไม่งั้นคงโดนยิ่งกว่านี้...."

     "ยิ่งกว่า....เจ้าหมายความว่ายังไง?"

     "พอข้าไปถึง ท่านอินุยาฉะก็เปลือยซะแล้ว" ร่างสูงยิ้มเจ้าเล่ห์ เส็ตโชมารูเบิกตาโต "เกือบโดนข่มขืน...ดีนะที่ไม่โดน"

     เส็ตโชมารูอึ้ง

     "ข้าไปช่วยไว้ทันก็เลยโชคดีไป แต่คงกระทบกระเทือนจิตใจไปพอควร แต่ว่านะ....พอท่านอินุยาฉะโตขึ้นก็ยิ่งน่ารักนะ ผิดกับตอนเด็ก แถม....ตัวนุ่มนิ่มน่ากินอีกต่างหาก หึหึหึ"

     "หยุดแค่นั้นแหละนาราคุ!" ร่างสูงเอ่ยรอดไรฟัน จ่อดาบเข้าไปใกล้คอคอของคนตรงหน้ามากขึ้น "เจ้าไม่มีสิทธิ์พูดเช่นนั้น"

     "แล้วท่านมีสิทธิ์เหรอไง" นาราคุหัวเราะ "หวงจริงนะ....เกลียดครึ่งอสูรไม่ใช่เหรอไง"

     "หุบปากของแกซะ...."

     "หึหึหึหึ" นาราคุเดินจากไป พร้อมเสียงหัวเราะ

     เส็ตโชมารูเก็บดาบเข้าฝัก ก่อนจะต่อยมือใส่กำแพง

     ตึง!!!

     "โธ่เว้ย!?" ร่างสูงร้องอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

     แสงสีนวลของจันทรา ส่องลอดผ่านช่องว่างของหน้าต่างที่เปิดเล็กน้อย กระทบกับเรือนกายเพรียวบางที่กำลังหลับไหลอยู่หลังม่านหลากสีของแท่นบรรทม เสียงหายใจเป็นจังหวะบ่งบอกว่าร่างบางกำลังหลับสนิท

     เส็ตโชมารูเฝ้ามองร่างบางผ่านผ้าม่านโปร่ง จ้องมองใบหน้างามที่หลับใหลด้วยความเหนื่อยล้า มือใหญ่ยกขึ้นเสยผมอย่างเคร่งเครียด

     ห่วงเหลือเกิน....เขาห่วงอินุยาฉะ...และกลัวอย่างที่สุด....

     กลัวว่าร่างบางตรงหน้าจะเป็นอะไรไป...กลัวว่าร่างบางจะหายไป....

     ห่วง...กังวล...ว้าวุ่น...สมองแทบระเบิด...คิดถึงร่างบางจนแทบบ้า.....

     อยากจะโอบกอดปลอบใจ....แต่ก็กลัวว่าจะถูกร่างบางปฏิเสธ....

     "อินุยาฉะ...." เสียงทุ้มลอดผ่านผ้าม่านไปหาร่างบาง หวังว่าเสียงของเขาจะส่งไปถึงความฝันของอินุยาฉะ

     มือใหญ่แวหกผ้าม่านหลากสีออก ก่อนจะยื่นมือออกไปลูบไล้ใบหน้างามอย่างหวงแหน ก่อนจะยกเมือเรียวมากุมและมอบจุมพิตอ่อนโยนให้

     "อินุยาฉะ...."

     เขาไม่รู้ว่าทำไม...แต่ห่วง...กังวล....

     ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เรื่องของร่างบางทำให้เขาสนใจ.....

     ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เรื่องในหัวของเขามีแต่อินุยาฉะ.....

     เขาไม่รู้...แต่ที่รู้...คือ...ทุกอย่างในชีวิตคืออินุยาฉะ.....

     ความรู้สึกนี้มันเรียกว่าอะไรกันนะ....

     "อือ...อืม..."

     ร่างบางปรือตาตื่นขึ้น เส็ตโชมารูมองร่างบางที่ลืมตาตื่น อินุยาฉะกระพริบตาสองสามทีเพื่อให้ภาพตรงหน้าเด่นชัด และเมื่อพบว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นใครก็ลุกขึ้นนั่งพรวดพราด

     "เจ้า!?"

     เส็ตโชมารูมองร่างบาง ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ....

     "!?"

     อินุยาฉะแปลกใจ ที่ร่างสูงยิ้มออกมา...เขาไม่เคยเห็นเส็ตโชมารูยิ้มมาก่อน...มือใหญ่กุมมือเขาแน่น ก่อนจะเอ่ย

     "ดีจริง ๆ...." อินุยาฉะมองร่างสูงอย่างงงงวย "ดีที่เจ้าปลอดภัย..."

     "สะ เส็ตโชมารู?"

     ดวงตาสีอำพันสบตาหวาน ก่อนจะดึงร่างบางเข้ามากอดแน่น อินุยาฉะหน้าแดงแปร๊ด ตกใจมาก

     "อ๊ะ! จะ เจ้า!?"

     "ข้าห่วงเจ้ามาก...." เส็ตโชมารูกระซิบข้างหู "ห่วงเจ้าจนแทบบ้า..."

     อินุยาฉะนิ่งฟังอย่างตกตะลึง หน้ายิ่งแดงมากขึ้น

     "ดีแล้วที่เจ้าปลอดภัย" ร่างสูงเอ่ย

     อินุยาฉะไม่ได้ขัดขืน แต่ปล่อยให้ร่างสูงกอดตนต่อไป...รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยอย่างที่สุด...รู้สึกดีอย่างประหลาด...ใจเต้นระรัวจนกลัวว่าร่างสูงจะได้ยิน...ดีใจที่ร่างสูงเป็นห่วงขนาดนี้...

     ร่างสูงกอดร่างบางอยู่นาน จนเขาได้ยินเสียงหายใจเป็นจังหวะอีกครั้ง เส็ตโชมารูมองร่างบางในอ้อมแขนที่หลับใหล ก่อนจะวางร่างบางลงอย่างนุ่มนวล ห่มผ้าให้ร่างบางก่อนจะปิดม่านให้และเดินออกไปจากห้องอย่างเงียบกริบ

อินุยาฉะนั่งนิ่งมองต้นซากุระข้างพระตำหนักริมระเบียงอย่างเหม่อลอย สายลมเย็นสบายยามฤดูใบไม้ผลิพัดพริ้วมาอย่างอย่างอ่อนโยน ให้เรื่อยผมสีเงินไสวเบา ๆ ยามผู้ใดผ่านมาพบเห็น ก็อดไม่ได้ที่ต้องหยุดมองอย่างเผลอไปเผลอไผลกับความงามที่น่าชมนั่น

     นามิมองนายน้อยอย่างสงสัย เมื่อคืนนั้นท่านเส็ตโชมารูมาหานายน้อยของนางและเฝ้าอยู่ข้างเตียงอยู่นานมาก และพอออกมาก็บอกกับนางว่านายน้อยฟื้นแล้วแล้วก็จากไปทันที แต่นามิสังเกตเห็นได้.....ใบหน้าที่เคร่งเครียดผ่อนคลายลงมาก....หรือสิ่งที่นางคิดจะถูกต้องกันหนอ.....

     "คิก ๆ"นามิหัวเราะอย่างชอบใจ มองดูนายน้อยของนางอย่างเอ็นดู

     "หัวเราะอะไรของเจ้าน่ะนามิ?" ร่างบางหันมาถามอย่างสงสัย

     "ไม่มีอะไรเพคะ คิกๆ" นามิเห็นหน้านายน้อยของตนแล้วอดคิดไม่ได้จริง ๆ

     อินุยาะไม่เชื่อ รีบเขยิบกายเข้ามาใกล้แม่นมคนสนิท "ไม่จริงหรอก! ข้าเห็นเจ้าหัวเราะนิ มีอะไรบอกมาเลยนะ!"

     นามิหัวเราะออกมาน้อย ๆ ยิ่งทำให้อินุยาฉะไม่พอใจ อยากรู้มากขึ้นอีก

     "นามิ!!"

     "คิก ๆ ถ้าดิฉันบอกนายน้อยอาจจะไม่ชอบใจก็ได้นิเพคะ"

     "บอก ๆ มาเถอะ เราอยากรู้"

     นามิชั่งใจ มองร่างบางที่นั่งจ้องมองอย่างรอคอย ตาใสแจ๋ว นามิถอนหายใจอย่างยอมแพ้และเอ่ย "งั้นอย่าว่าหม่อมฉันนะเพคะ"

     อินุยาฉะพยักหน้า

     "กระหม่อมคิดว่า.....ท่านเส็ตโชมารู....อาจจะมีใจให้นายน้อยก็เป็นได้เพคะ"

     "หา!? จะบ้าเรอะ!!"

     "เห็นมั๊ยละเพคะ!" นามิอดโวยไม่ได้ "นายน้อยไม่พอใจจริง ๆ ด้วย"

     "กะ กะ ก็...." อินุยาฉะหน้าแดงซ่าน จนนามิชักจะเริ่มมั่นใจในความคิดตัวเองมากขึ้น "ก็นามิพูดอะไรบ้า ๆ ออกมาเล่า!!"

     "คิก ๆ แหม~ หม่อมฉันเองก็รู้นะคะเพคะ....." นามิหรี่ตามองอย่างรู้ทัน อินุยาฉะหน้าแดงยิ่งขึ้น "ท่านเส็ตโชมารูเองก็เป็นหนุ่มรูปหล่อ แถมมีพระทัยดีและเก่งกาจอีกต่างหาก อีกทั้งยังฉลาดมีปรีชาสามารถมากมาย"

     "คะ คนแบบนั้นใครจะไปชอบ!!"

     "เอ๋~" นามิยิ้มกริ่ม "หม่อมฉันยังไม่ได้พูดสักคำนะเพคะว่าท่านอินุยาฉะชอบท่านเส็ตโชมารู คิก ๆ"

     เมื่อร่างบางรู้ตัวว่าติดกับก็โวยวายลั่น นามิหัวเราะร่ากับท่าทางเขินอายของนายน้อย

     "นามิบ้าที่สุด! เราไม่ได้ชอบนะ!"

     "แต่พระองค์หน้าแดงนิเพคะ!"

     "ก็แค่หน้าแดงนั่นแหละ!"

     "ฮ่าฮ่าฮ่า!"

     "โอ้โห! ท่าทางร่าเริงกันดีนะ"

     ทั้งสองหยุดชะงัก ก่อนจะหันมามอง เห็นราชครูนาราคุยืนส่งยิ้มมาให้พวกเขา นามิรีบทำความเคารพทันที อินุยาฉะรีบทำตัวสงบเสงี่ยม ทักทายนาราคุอย่างเก้ ๆ กัง ๆ

     "อะ เอ่อ...อรุณสวัสดิ์ท่านราชครู"

     "ไม่ต้องเป็นพิธีมากหรอกอินุยาฉะ ข้าแค่มาทักทายเฉย ๆ ไม่เจอกันนานโตขึ้นเยอะเลยนะ"

     "อะ เอ่อ....คงงั้น"อินุยาฉะยังอดเกร็งไม่ได้

     "ทำตัวตามสบาย" นาราคุว่า ก่อนจะนั่งลงริมระเบียง มองดูต้นซากุระที่ดอกตูมอยู่ "ชาสักถ้วยคงดีไม่น้อย"

     "อ๊ะ! ค่ะ ๆ!" นามิรีบวิ่งจากไปเพื่อเอาน้ำชาให้แขกผู้มาเยือนอย่างไม่ทันตั้งตัว

     อินุยาฉะนั่งมองแผ่นหลังกว้างของราชครูนาราคุอย่างอดเกร็งไม่ได้ ไม่เจอราชครูมานานมาก จนทำอะไรไม่ถูก

     "มาหาข้าสิอินุยาฉะ" นาราคุเอ่ยอย่างใจดี

     ร่างบางลังเล ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปนั่งลงข้างราชครู แต่เว้นระยะห่างของตัวเองไว้พอควร นาราคุเหลือบมองร่างบางที่ยังมีท่าทีเกร็ง ๆ อยู่ จนอดหัวเราะไม่ได้

     "ทะ ท่านขำอะไร!?" อินุยาฉะถาม

     "ขำเจ้าน่ะสิ" นาราคุตอบอย่างไม่สนใจถึงฐานะใด ๆ ราวกับกำลังคุยกับเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ที่ไม่ต้องคำนึงถึงมารยาท "นั่งตัวเกร็งแบบนั้นจะเมื่อยซะเปล่า ๆ"

     อินุยาฉะอึกอัก

     "ไม่ต้องเกร็งหรอกน่า ตอนเด็ก ๆ ข้ากับเจ้าก็สนิทกันดี ทำตัวให้เหมือนเดิมเถอะ"

     ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่อินุยาฉะก็เกร็งอยู่ดี

     นามิเข้ามากั้นบทสนทนาด้วยน้ำชาหอมกรุ่น

     "จริงสิ" นาราคุเอ่ย มองอินุยาฉะพลางยิ้มกริ่ม "เจ้ากับข้าก็ไม่ได้เล่นหมากล้อมกันมานานแล้ว เดี๋ยวนี้ยังเล่นอยู่หรือเปล่า"

     "อะ เอ่อ...ก็เล่นบ้าง หากข้ามีเวลาก็จะเล่นกับพวกนางข้ารับใช้" อินุยาฉะตอบ

     "อืม....มาเล่นกับข้าดีมั๊ย อยากจะรู้ว่าฝีมือของเจ้าดีขึ้นหรือด้อยลง"

     พอได้ยินเช่นนั้นไอ้ความไม่ยอมใครก็แสดงออกมาอย่างไม่พอใจ "ข้าไม่แพ้ท่านหรอก!!"

     นาราคุยิ้มอย่างพอใจ "งั้นต้องพิสูจน์สิ"

     "ได้!"

     ไม่นานกระดานไม้ก็ถูกมาวางกั้นระหว่างคนทั้งสองคน พรอ้มกับกล่องไม้ใส่หมากสองกล่อง ทั้งสองเริ่มเปิดเกมส์ทันทีอย่างไม่ยอมแพ้ให้แก่กัน.....

     ..........30 นาทีผ่านไป..........

     "อ๊า! ไม่ได้ ๆ ข้าขอเดินใหม่!"

     "เช่นนั้นก็ผิดกฎน่ะสิอินุยาฉะ หึหึหึ"

     ร่างบางเบ้ปาก เมื่อตนแพ้อีกรอบหนึ่ง "ข้าไม่เล่นแล้ว!"

     "อย่าเอาแต่ใจสิอินุยาฉะ มานี่ ข้าจะสอนให้....." นาราคุลุกขึ้นเดินไปนั่งข้างอินุยาฉะ ก่อนจะเริ่มอธิบายข้อผิดพลาดที่ร่างบางมองข้ามและประมาทไป อินุยาฉะนั่งฟังอย่างตั้งใจ ถามอย่างสงสัยเป็นบางครั้ง นาราคุมองร่างบางข้างกาย กลิ่นตัวหอมหวนช่างยั่วยวนจิตใจไม่น้อย ร่ายกายที่แทบจะแนบชิดกันทำให้ร่างสูงรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ ใบหน้าหวานที่เต็มไปด้วยความกระหายในความรู้วิชาการยิ่งทำให้นาราคุอยากจะสัมผัสใกล้ชิดมากขึ้นอีก

     "ถ้าข้าเดินแบบนี้ละ" ร่างบางเอ่ย ทำให้นาราคุหลุดจากภวังค์ หันมาสนใจคำถามแทน

     "ทางที่ดี เจ้าควรจะเดินตรงนี้" มือใหญ่จับมือเรียวที่ถือเม็ดหมากอย่างนุ่มนวล ร่างบางน่าแดงอย่างเก้อเขิน "แบบนี้เจ้าจะได้เปรียบ" เสียงทุ้มกระซิบข้างหู อินุยาฉะรีบเอามืออก และเขยิบออกห่างจากราชครู

     "อะ เอ่อ...ขอบคุณที่สั่งสอน"

     ....................

     เส็ตโชมารูเดินเข้ามาในเขตพระตำหนักท้าย ในใจคิดห่วงร่างบางว่าหายดีแล้วหรือยัง ก่อนจะได้ยินเสียงของร่างบางดังมากจากท้ายพระตำหนักที่ติดกับสวนสวย เส็ตโชมารูจึงเดินไปทางท้ายพระตำหนัก ก่อนจะเห็นอินุยาฉะกับราชครูนาราคุ

     "!!"

     ภาพที่เห็นคือ ร่างสูงที่อยู่ใกล้กับร่างบางจนแทบจะแนบชิดกัน มือใหย่กุมมือเรียวนั้นอย่างถือสิทธิ์ ร่างบางหน้าแดงระเรื่อ นาราคุพูดอะไรบางอย่างที่ข้างหูของร่างบางทำให้ใบหน้างามยิ่งแดงก่ำขึ้นอีก และร่างบางถอยออกห่างน้อย ๆ นาราคุหัวเราะอย่างชอบใจ ก่อนจะจุมพิตมือเรียวนั้น

     เส็ตโชมารูกำมือแน่น สะบัดกายจากไปอย่างไม่สบอารมณ์ ดวงตาสีอำพันคุกกรุ่นด้วยเพลิงแห่งอารมณ์

     "ทีกับข้าละผลักไสนัก แต่พอเป็นเจ้านาราคุนั่น!! เจ้ากลับยอมมันอย่างง่าย ๆ เชียวเรอะ!!"

     เส็ตโชมารูยิ่งไม่สบอารมณ์มากขึ้นไปอีก ภาพที่เพิ่งเห็นเมื่อครู่ยังติดตาไม่หายจนเพลิงแห่งอารมณ์โหมกระหน่ำ มือใหญ่กำแน่นจนเลือดห้อ

     "อินุยาฉะ!!"

     ....................

     "ท่านทำอะไรน่ะ!!"

     อินุยาฉะร้องลั่น รีบลุกขึ้นหนีร่างสูง

     "หึหึหึหึ!" นาราคุหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ จ้องมองร่างบางที่ยืนถอยห่างจากเขาอย่างระแวดระวัง 'เร็วไปหน่อยเรา....เหยื่อตื่นเลย.....'

     "ข้าแค่ขอรางวัลจากการสอนเท่านั้นเอง"

     "รางวัล?"

     "ใช่แล้ว....รางวัลจากการสอนท่าน" นาราคุลุกขึ้นยืน เดินเข้ามาใกล้อินุยาฉะมากขึ้น ร่างบางมองหาช่องทางหนี แต่ถูกวงแขนใหญ่กั้นเขาเอาไว้ ใบหน้าคมคายนั่นยื่นเข้ามาใกล้กับใบหน้างามจนอินุยาฉะตกใจ "จะเหลือก็แต่.....รางวัลที่ข้าช่วยชีวิตท่านเท่านั้นเอง"

     มือใหญ่เชยคางมนขึ้นสบตา "ท่านจะให้รางวัลอะไรแก่ข้าเล่า อินุยาฉะ...."

     อินุยาฉะเห็นท่าไม่ดี รีบลอดตัวออกจากใต้วงแขนกว้าง ก่อนจะเอ่ย "ท่านต้องการอะไร!? หากข้าไม่เกินกำลังข้า ข้าก็จะให้!"

     นาราคุหัวเราะ ก่อนจะยกมือเหมือนทำท่ายอมแพ้ "งั้น...ข้าขอเส้นผมของท่าน"

     "ผมข้า? อ๊ะ!?"

     ร่างสูงปราดเข้ามาจับเส้นผมนุ่มสีเงินราวแพรไหมอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้มลงสูดดมความหอม และเอ่ย "ใช่....เส้นผมสีเงินงามของท่านเท่านั้น เพียงเล็กน้อย...จะให้ข้าได้หรือไม่"

     อินุยาฉะงงงวย

     "หรือจะมอบจุมพิตให้ข้าสักครั้งแทนก็ได้" ร่างสูงเอ่ยอย่างขี้เล่น อินุยาฉะรีบปิฏเสธก่อนจะยอมตกลงให้เส้นผมแทน นาราคุใช้มีดสั้นเฉือนเส้นผมไปเพียงน้อยนิดอย่างที่ว่า ก่อนจะห่อเส้นผมสีเงินนั้นอย่างเบามือด้วยผ้าเช็ดหน้าผ้าไหมสีแดงและเก็บรักษาไว้อย่างดี

     "งั้นข้าก็ขอตัว" นาราคุเอ่ย ก่อนจะหันหลังเดินจากไป "หวังว่าคราวหน้าเจ้าจะเก่งหมากขึ้นอีก.....หรือจะให้ข้าสอนก็ได้นะ"

     "มะ ไม่มีทาง!!"

     ร่างบางว่าหน้าแดง นาราคุหัวเราะอย่างชอบใจก่อนจะจากไปอย่างอารมณ์ดี


     ร่างสูงนั่งอยู่ริมสระบัวของสวนสวยท้ายราชวังที่ติดกับพระตำหนักของร่างบาง ตอนแรกเส็ตโชมารูคิดจะเข้าไปหา แต่แล้วก็เปลี่ยนใจเดินมาที่สวนสระบัวนี้แทน....สถานที่ที่เขาช่วยชีวิตร่างบางเอาไว้เป็นครั้งแรก....

     "ฮึ๊ย!"

     เส็ตโตมารูกำมือแน่นเมื่อนึกถึงภาพที่ไม่อาจลืมได้ ขนาดเวลาผ่านมาถึงยามราตรี งานการมากมายต่าง ๆ ที่เขาทำก็ไม่อาจเข้ามาลบเลือนภาพบาดตาบาดใจนั่นได้

     แซ่ก ๆ....

     เส็ตโชมารูหันไปมองตามเสียง ก่อนจะรีบหลบเข้าไปในพุ่มไม้ใต้เงามืดของต้นไม้ใหญ่ที่ล้อมรอบสวนสระบัวนี้อยู่ ดวงตาดุดันสีอำพันเฝ้ามองอย่างระแวงว่าผู้มาเยือนสระบัวนี้เป็นใคร.....

     แซ่ก....

     และแล้ว...ร่างเพรียวบางในชุดขนหนูไฟก็เยื้องกายมาที่ริมสระบัว ร่างสูงเฝ้ามองอย่างสงสัย

     อินุยาฉะถอนหายใจหนัก เงยหน้ามองดวงจันทร์ที่เกือบครึ่งดวงอย่างเหม่อลอย แสงจันทร์สีเงินยวงสาดส่องกระทบเรือนร่างบางใต้ชุดสีแดง เส้นผมสีเงินสะท้อนแสงยวงอย่างนุ่มนวล ใบหน้างามยามต้องแสงจันทร์ยิ่งเพิ่มความงามมากขึ้น ดวงตาสีอำพันไหววูบอย่างอ่อนไหว

     "ท่านแม่...."เสียงหวานเพ้อรำพัน ก่อนจะทรุดกายลงลงข้างสระบัว "ท่านแม่....ข้าสับสนเหลือเกิน...."

     เส็ตโชมารูตั้งใจฟังอย่างสงสัย

     "ยามที่เขาคนนั้นสัมผัสข้า...." ร่างบางยกมือขึ้นทาบกับดวงจันทร์บนฟ้า "แม้เพียงแค่สัมผัสมือของข้า....มันก็ทำให้หัวใจของข้าสั่นไหวแล้ว....."

     ภาพของราชครูนาราคุจุมพิตมือนุ่มของอินุยาฉะลอยเข้ามาในหัวของเส็ตโชมารู ดวงตาสีอำพันดุดันขึ้นและคุกกรุ่นด้วยเพลิงไหม้

     "ข้าใจเต้นอย่างประหลาด....ร่างกายร้อนรุ่ม....ยามเขากอดข้า....ข้ารู้สึกอบอุ่นไปทั้งกาย" ร่างบางลดมือลงพลางหลับตา กอดตัวเองแน่น นึกภาพของร่างสูงผู้เป็นพี่ชายสายเลือดเดียวกัน "ทำไมกันท่านแม่...ทำไมต้องเป็นเขา...ความรู้สึกนี้....ใช่สิ่งที่ท่านแม่เรียกว่า 'รัก' หรือไม่....."

     เส็ตโชมารูกำมือแน่น เพลิงในนัยน์เนตรดุไหววูบอย่างบ้าคลั่ง

     "ใจที่เต้นแรง...ปลอดภัยยามอยู่ใกล้...อยากจะโอบกอดเขาเสมอ...อยากจะสัมผัสมือของเขาไม่ยอมปล่อย....นี่เรียกว่า 'รัก' ใช่หรือไม่"

     เส็ตโชมารูไม่อาจทนได้อีกต่อไป!

     "ถ้าใช่....ข้าอาจจะรักเขาผู้นั้นก็เป็นได้ท่านแม่....ข้ารักท่านพะ...."

     "อินุยาฉะ....."

     ร่างบางสะดุ้งโหยง ก่อนจะหันไปมองตามเสียงเยือกเย็นนั้น และพบกับเส็ตโชมารูที่ก้าวย่างมาทางเขาอย่างคุกคาม ดวงตาสีอำพันเดียวกันนั้นดุดันจนน่าหวาดกลัว

     "จะ เจ้า!?" อินุยาฉะรีบลุกขึ้นยืน หน้าแดงน้อย ๆ "มาทำอะไรที่นี่?"

     "แล้วเจ้าละ....มาทำอะไร"

     น้ำเสียงที่เย็นเหยียบนั้นทำให้ร่างบางอดกลัวไม่ได้

     "ขะ ข้าก็แค่..."

     "แค่เหรอ....มาเอ่ยบอกว่ารักเนี่ยนะแค่"

     อินุยาฉะเบิกตาโตอย่างตกใจ "เจ้าได้ยิน!?"

     "เต็มสองหูข้าทีเดียว"

     "งะ งั้น...." อินุยาฉะหน้าร้อนฉ่า

     "เจ้ารักนาราคุสินะ...."

     "เอ๋??" อินุยาฉะแปลกใจ มองร่างสูงที่หยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขา พร้อมกับจ้องมองเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

     "ไม่ใช่นะ อุ๊บ!!"

     ร่างบางถูกดึงเข้าไปประกบริมฝีปากอย่างรวดเร็ว มือแกร่งกดท้ายทอยไม่ให้ร่างบางหันหนีไปไหน ขณะที่มืออีกข้างโอบเอวบางแน่น อินุยาฉะดิ้นรน ทุบไหล่กว้างอย่างไม่พอใจ แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งรสจูบที่รุนแรงได้

     "อื้อ!"

     ลิ้นร้อนถูกส่งเข้าไปในโพรงปากหวาน พันเกี่ยวกับลิ้นร้อนที่ขัดขืนของร่างบางอย่างดุเดือด

     "อืม! อือ....อย่า....อืม..."

     ร่างบางเริ่มหายใจไม่ออก จึงทุบไหล่กว้างประท้วง เส็ตโชมารูยอมผละออกอย่างเสียดาย มองร่างบางที่อ่อนระทวย ใบหน้าแดงระเรื่อใต้แสงจันทร์ หอบหายใจหาอากาศ

     "ทำไม....แฮ่ก...แฮ่ก..."

     อินุยาฉะไม่เข้าใจและสับสน

     "ข้าจะทำให้เจ้ารู้ไว้" เส็ตโชมารูเอ่ยเสียงเข้ม "ว่าเจ้าอยู่ในฐานะอะไร!!"

     อินุยาฉะงงงวยก่อนจะถูกช้อนตัวขึ้น ร่างบางร้องเสียงหลง ก่อนจะถูกพาออกไปจากสวนสวยและเขตพระตำหนักอย่างรวดเร็ว

     ......................

     ร่างสูงดีดตัวจากกำแพงก่อนจะขึ้นไปที่ระเบียงห้องได้สำเร็จ เส็ตโชมารูรีบเข้าไปในห้องพร้อมกับร่างบางในอ้อมแขนที่พยายามดิ้รนขัดขืน โวยวายลั่นจนต้องขู่ไปหลายรอบ

     "ปล่อยข้านะ!"

     เส็ตโชมารูโยนร่างบางลงบนเตียงนุ่มสีขาว

     ตุบ!

     "อ๊ะ! ทำอะไรของเจ้าน่ะ!?" ร่างบางถามอย่างไม่สบอารมณ์ เส็ตโชมารูไม่ตอบ แต่เริ่มถอดเครื่องแต่งกายออกทีละชิ้นแทน "จะ เจ้าทำอะไร!!" อินุยาฉะยกมือขึ้นปิดหน้าที่ร้อนฉ่าด้วยความเก้อเขิน

     ร่างสูงอยู่ในชุดขาวก่อนจะ จับมือเรียวออกจากใบหน้างาม จ้องมองดวงเนตรงามสีอำพันอย่างดุดัน

     "เจ้าต้องเป็นของข้า"

     "หา!? อ๊ะ!!"

     ร่างบางที่กดลงบนเตียงนุ่ม เส้นผมสีเงินแผ่สยายออกกว้างบนที่นอนนุ่ม "อย่านะ! ปล่อยข้าสิ!! ไม่นะ!!"

     "หุบปากซะ!" เส็ตโชมารูตะคอกเสียงเข้ม ก่อนจะดึงเชือกรัดเอวของร่างบางออกมาและฉีกเป็นสองเส้น ใช้มัดข้อมือเรียวเข้ากับหัวเตียงข้างละเส้น

     "อย่านะ!! หยุด!! ปล่อยข้านะเส็ตโชมารู!!"

     "เจ้าต้องเป็นของข้า! รู้เอาไว้นะอินุยาฉะ..." ร่างสูงเอ่ยเสียงกระซิบอย่างเยือกเย็น "....ชีวิตของเจ้า เป็นของข้าตั้งแต่แรกแล้ว"

     "เจ้าพูดอะไรของเจ้า!?"

     "อย่าลืมสิ...." มือใหญ่เชยคางมนขึ้นสบตา "....ตอนเด็ก....เจ้ารอดมาจากสัตว์อสูรได้เพราะใคร....ตอนแม่เจ้าตายใครกันที่อนุญาตให้ใช้สวนท้ายวังนั่นเป็นที่ฝังศพ...."

     "ท่านพ่อต่างหาก!"

     "ข้าเอง...." เส็ตโชมารูเอ่ยขัด "....ท่านพ่อน่ะไม่ยอมตั้งแต่แรกแล้ว....แต่เพราะข้าขอแทนแม่เจ้าต่างหาก ท่านพ่อถึงยอม...."

     "อะไรกัน....." อินุยาฉะไม่เข้าใจ

     "....แล้วใครกัน...ตอนที่ท่านพ่อตาย....ใครที่ทำให้เจ้าอยู่ที่นี่ต่อไปได้โดยไม่มีปัญหา....ก็ข้านี่ไง!...ข้าที่เอ่ยกับเจ้าพวกขุนนางที่ต่างต้องการขับไล่เจ้าออกไปว่าต้องการให้เจ้าอยู่ และยังสั่งห้ามไม่ให้พวกมันยุ่งกับเจ้าอีก....เพราะข้า!! ชีวิตของเจ้าอยู่มาได้ถึงตรงนี้ก็เพราะข้า!!"

     "มะ ไม่จริง...." อินุยาฉะไม่อยากเชื่อ

     "จำเอาไว้....ชีวิตของเจ้า...เป็นของข้า...."

     "อ๊ะ! อุ๊บ!!"

     ริมฝีปากของร่างสูงก้มลงประกบริมฝีปากนุ่มอย่างร้อนเร่ารุนแรง ร่างบางดิ้นรน ข้อมือรัดแน่นด้วยเชือกผ้าจนข้อแดงไปหมด มือใหญ่ปลดเปลื้องอาภรณ์แดงอย่างรวดเร็ว

     "อย่านะ! หยุด! ปล่อยข้านะ!!"

     ร่างบางเริ่มหวาดกลัว ภพแห่งความโหดร้ายตอนที่ถูกข่มขืนไหลย้อนเข้ามาในหัว

     "ไม่เอา!! ปล่อยข้า! ฮึก....ปล่อยข้านะ!....ฮึก...."

     ร่างสูงซุกไซร้ซอกคอขาวอย่างกระหาย มือใหญ่ลูบไล้เรือนกายนุ่มนิ่มอย่างพอใจ ร่างบางพยายามกลั้นเสียงที่กำลังจะถูกถ่ายทอดออกมา

     "อ๊ะ! อืม!"

     เส็ตโชมารูขบเม้มลำคอขาวสร้างรอยรักมากมายเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ มือใหญ่บีบเคล้นปุ่มยอดอกสีอ่อนอย่างหยอกเย้า ร่างบางถึงกับเผลอครางเสียงหลง

     "อ๊ะ! อ๊า~"

     ลิ้นร้อนลากไล้ลงมาที่แผ่นอกเนียน ก่อนจะขบเม้มดูดุนที่ยอดกุหลาบนั้นอย่างเมามันส์ ร่างบางครางเสียงหลง แอ่นกายรับสัมผัสหวิว

     "อา...อ๊า....หยุด...ฮึก...อย่านะ...อ๊า..."

     มือใหญ่เลื่อนลงไปปลดเปลื้องอาภรณ์ชิ้นล่าง ร่างบางตัวสั่นอย่างหวาดกลัว น้ำตาใสไหลรินอาบแก้มนวล ร้องขออย่างน่าสงสาร

     "ฮึก...ขอร้องละ...หยุดเถอะ...อา...."

     แต่ร่างสูงไม่สนใจอีกแล้ว ความโมโหปิดตาของเขาจนไม่สนใจสิ่งใดนอกจากครอบครองร่างกายนุ่มตรงหน้านี้เท่านั้น มือใหญ่ลูบไล้ต้นขาขาวอย่างกระหาย ร่างบางกลัวมาก แต่ความวาบหวิวที่ร่างสูงมอบใหก็ทำให้ร่างบางแทบจะร้อนเป็นไฟ

     "อา!! อือ...อ๊า...."

     มือใหญ่จับขาเรียวแยกออก อินุยาฉะขัดขืน พยายามหุบขา แต่เมื่อลิ้นร้อนนั้นเลียที่ยอดกุหลาบอีกข้าง ร่างกายก็ถึงกับระทวยขาเรียวแยกออกอย่างง่ายดาย เผยให้เห็นแก่นกายที่กำลังตื่นตัว

     "ยะ หยุดนะ...."

     "ร่างกายของเจ้าไม่ได้ต้องการเช่นนั้นนิ"

     มือใหญ่กอบกุมส่วนอ่อนไหวนั้น บีบเคล้นเบา ๆ ร่างบางกระตุกกาย แอ่นรับสัมผัสร้องครางเสียงหลง

     "อา!!!"

     .............

     "อา....อา....."

     ร่างที่เต็มไปด้วยเหงื่อแอ่ยกายรับสัมผัสที่ปรนเปรอให้อย่างไม่อาจห้ามได้ น้ำตาใสยังคงไหลรินไม่รู้จบ

     น้ำขาวขุ่นเปรอเปื้อนมือใหญ่ เส็ตโชมารูเลียนิ้วของตัวเองอย่างกระหาย ก่อนจะมองร่างบางที่ไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืน หอบหายใจหนัก ร่างสูงก้มลงเหนือร่างของอินุยาฉะ ก้มลงกระซิบเสียงนุ่มว่า

     "เป็นของข้า...เจ้าเป็นของข้า..."

     "อ๊ะ! อา!!!"

     อินุยาฉะกรีดร้องทั้งน้ำตา มือนิ้วใหญ่ทั้งสามนิ้วถูกส่งเข้าในช่องแคบโดยไม่เบิกทาง อินุยาฉะดิ้นทุรนทุรายอย่างทรมาน เส็ตชมารูดันนิ้วเข้าไปลึกอีก ควานหาจุดอ่อนไหวที่สุด

     "เอาออกไป...ฮึก...อา....อ๊า!!!"

     เจอแล้ว.....

     เส็ตโชมารูถอนนิ้วออก ก่อนจะจับเขาเรียวพาดบ่า อินุยาฉะมองแก่นกลางใหญ่ชูชันนั้นอย่างหวาดกลัว

     "อย่า! ขอร้องละ...ฮึก...ไม่เอา!"

     "ข้าไม่ยอมให้เจ้าเป็นของใคร...."

     "อึก!! อา!!!!"

     ร่างบางกรีดร้องลั่น น้ำตาใสไหลบ่าอย่างทรมาน ร่างกายราวกับจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ สมองขาวโพลนไปหมด

     ร่างสูงขยับกายเข้าออกอย่างรวดเร็วโดยไม่รอให้ร่างกายคุ้นชิน

     เสียงกรีดร้อง...เสียงร่ำไห้...เสียงหอบหายใจถี่...

     โลหิตจากช่องทางแคบที่ไม่เคยถูกบุกรุกเปรอะเปื้อนที่นอนขาวสะอาด

     "อา....อึก! อ๊า..หยุดที...ฮึก...อา...."

     "อ๊า!!!!!"

     ....................

     แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาปลุกทุกชีวิตในรั้ววังให้ตื่นจากการหลับไหล นางข้ารับใช้ห้าคนกำลังเดินที่ห้องขององค์กษัตริย์ ในมือแต่ละคนมีถ้วยน้ำ แจกันใส่น่ำอุ่น เสื้อผ้าขององค์กษัตริย์

     ครืน.....

     "ท่านเส็ตโชมารู ขออนุญาตเพคะ"

     เหล่านางสนมเข้าไปในห้องบรรทม ก่อนจะหยุดอยู่หน้าผ้าม่านไม้ไผ่ลายจ้งจอกสีดำ "ขออนุญาตเพคะ" และเมื่อแหวกผ้าม่านไม้ไผ่ออก เหล่านางสนมต่างเบิกตาโตอย่างตกใจ

     "ว๊าย!!!"

     "นะ นี่มัน...."

     สิ่งที่พวกนางพบเห็น...คือร่างบางในชุดขาว ที่ข้อเท้าทั้งสองข้างถูกล่ามด้วยโซ่ตรวนซึ่งเปรอะไปด้วยเลือดสีแดงที่เกิดจากการขัดขืนของร่างบางเอง ข้อมือบางช้ำม่วงจนน่ากลัว

     ร่างบางกำลังสลบไสลอยู่บนพื้น

     "จะ เจ้าชายอินุยาฉะ....อะไรกัน...."

     "พวกเจ้าออกไปได้แล้ว" เสียงทุ้มทรงอำนาจดังขึ้น เหล่านางสนมต่างสะดุ้งสุดตัว หันไปมองเจ้าของเสียง พบร่างสูงของเส็ตโชมารูยืนอยู่ที่ม่านไม้ไผ่ "ออกไปซะ!"

     "พะ เพคะ!!"

     เหล่านางข้ารับใช้ต่างวิ่งออกไปจากห้อง เส็ตโชมารูมองร่างบางบนพื้น ก่อนจะช้อนตัวขึ้นอย่างนุ่มนวล และวางบนเตียงสีขาวอย่างถะนุถนอม มือใหญ่ลูบไล้ใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาอย่างรักใคร่ ก้มลงจุมพิตที่แก้มนุ่ม

     "อินุยาฉะ....ข้ารักเจ้า...."
  
     ร่างสูงกอดร่างบางไว้ในอ้อมอก ใบหน้าแสดงออกถึงความรู้สึกผิด และปวดร้าว "ไม่ว่าจะยังไง...ข้าจะไม่ยอมยกเจ้าให้ใคร"

"ไตร่ตรองดูให้ดีก่อนเถิดท่านเส็ตโชมารู!!"

     เหล่าขุนนางต่างเอ่ยเสียงคัดค้านเมื่อได้ยินประกาศิตจากองค์ราชาผู้นั่งนิ่งอยู่บนบัลลังก์ทอง เหล่าขุนนางต่างไม่เห็นด้วย แต่กระนั้นก็มีบางพวกที่ยอมรับคำขององค์ราชา จนเหล่าขุนนางต่างแตกแยกเป็นสองฝ่าย ส่งเสียงอื้ออึงโต้เถียงกันอย่างไม่ดุเดือด

     "เช่นนั้นสายเลือดศักดิ์สิทธิ์จะไร้ผู้สืบทอด!"

     "ข้าไม่ได้สนเชื้อสาย" เส็ตโชมารูเอ่ยเรียบ ๆ "เดิมทีข้าก็ไม่ได้มีเชื้อสายบริสุทธิ์อยู่แล้ว"

     "แต่เราจะไร้ผู้สืบทอดบัลลังก์นะพะย่ะค่ะ!!"

     "คนที่คู่ควรกับบัลลังก์รองจากข้าก็มีเยอะแยะ" เส็ตโชมารูกล่าว "ข้ายืนยันคำเดิม.....ข้าจะแต่งงานกับอินุยาฉะ"

     "ได้โปรดไตร่ตรองดูให้ดีเถิดท่าน!! จะชายใดก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ท่านอินุยาฉะ!!"

     ร่างสูงตวัดสายตามองเหล่าขุนนางอย่างดุดัน

     "ข้าจะเลือกใครก็เรื่องของข้า!!"

     "แต่ข้าไม่อนุญาต!!"

     เสียงประกาศกร้าวดังก้องไปทั่วท้องพระโรง เส็ตโขมารูกำมือแน่น เหลือบตามองพระมารดาที่ย่างก้าวเข้ามาอย่างสง่างามน่าเกรงขามไม่เปลี่ยนแปลง ดวงตาสีอำพันของนางตวัดมองเหล่าขุนนางอย่างคมกริบราวมีดที่พร้อมจะเสียบทะลุหัวใจทุกคน พระบาทเรียวหยุดเยื้องย่างที่หน้าพระบัลลังก์ทอง จ้องมองโอรสผู้กลายเป็นกษัตริย์อย่างกราดเกรี้ยว

     "เจ้า....หักหน้าข้าหรือเส็ตโชมารู!"

     เส็ตโชมารูยืนขึ้นอย่างผ่าเผย เหล่าขุนขางต่างเฝ้ามองผู้มีอำนาจทั้งสองอย่างหวาดเกรง

     "หม่อมฉันไม่ได้หักหน้าท่านแม่"

     "หึ! แต่เจ้าก็ทำอยู่นี่ไงล่ะ!!" พัดสีแดงส่งเสียงดัง ฉับ! "เจ้ากล้าปฏิเสธหญิงที่เพียบพร้อมเช่นไอเนะ! หญิงที่ข้าหาให้ไปแต่งกับเจ้าครึ่งอสูรโสมมนั่น!!"

     "ข้าเลือกแล้วจะไม่เปลี่ยนใจ" เส็ตโชมารูยืนยันเสียงเรียบ "ข้าต้องขออภัยที่ขัดใจท่านแม่ แต่ข้าเลือกอินุยาฉะ"

     "ไม่ได้!!"

     "อินุยาฉะไม่ดีตรงไหนเล่าท่านแม่!!" เส็ตโชมารูเอ่ยเสียงเข้ม "ท่านคงไม่รู้ การที่อินุยาฉะหนีออกไปนอกวังและคลุกคลีกับเหล่าราษฏรกลายเป็นผลดีอย่างไม่น่าเชื่อ เหล่าประชาต่างชอบอินุยาฉะ นั่นเป็นการการันตีได้แล้วว่าอินุยาฉะคู่ควรจะเคียงข้างข้า"

     ฮานะยิ้มกริ่ม ก่อนจะกางพัดออกอีกรอบ

     ครืด!!

     "ขอประทานอภัยพะย่ะค่ะ! แต่มีเศรษฐีท่านหนึ่งส่งผ้าไหมพันพับและทองคำกว่าพันชั่งมามอบให้แด่ท่านไอเนะพะย่ะค่ะ"

     !!

     เส็ตโชมารูมองข้าวของที่ถูกย้ายเข้ามาในห้อง ก่อนจะมองผู้เป็นพระมารดาที่ยิ้มอย่างมีชัย พัดแดงชี้ไปที่เหล่าของที่ถูกย้ายเข้ามา

     "นี่ไงละ ของการันตีของไอเนะ!" ฮานะประกาศก้อง "เมื่อสามวันก่อน นางได้เข้าไปช่วยเหลือการคลอดของภรรยาท่านเศรษฐีท่านหนึ่งของเมือง และยังได้รักษาอาการป่วยที่เป็นมานานของลูกชายของท่านเศรษฐีอีก ตอนแรกเศรษฐีนั้นคิดจะมอบทองคำกว่าหมื่นชั่งให้นาง แต่นางปฏิเสธไม่รับของใด ๆ และดูสิ!!! ตอนนี้เศรษฐีคนนั้นส่งของมาแสดงความขอบคุณให้นางอย่างซาบซึ้ง!! ผ้าไหมชั้นดีกว่าร้อยพับ และทองคำอีกพันชั่ง รวมแล้วก็ไม่ต่างกับหมื่นชั่งเลยแม้แต่น้อย!!"

     เสียงฮือฮาดังขึ้นทั่วท้องพระโรงอีกครั้ง

     "ไตร่ตรองให้ดีเถิดพะย่ะค่ะ! ท่านไอเนะนั้นมีคุณสมบัติเพียบพร้อมมากทีเดียวนะพะย่ะค่ะ!!"

     "ท่านอินุยาฉะได้ฐานเสียงมาจากประชาชนทั่วหล้า ท่านเองก็มีคุณสมบัติดีไม่แตกต่างกันหรอก!!"

     "งั้นข้ามีข้อเสนอ!!"

     เสียงก้องดังขึ้นอีกครั้ง ความเงียบตกลงมาครอบคลุมทุกคนอีกรอบ

     ร่างสูงของท่านราชครูก้าวเข้ามาในท้องพระโรง "ทำไมเราไม่มาตัดสินกันล่ะ"

     "ตัดสินเหรอ?"เส็ตโชมารูทวนคำ

     "พะย่ะค่ะ!" นาราคุหัวเราะในลำคอ ก่อนจะหยิบผ้าไหมชั้นดีขึ้นมาดู "อยากจะรู้ว่าเนื้อผ้าไหนดีกว่ากันก็ต้องทดสอบ.....ให้ศิษย์ข้าไอเนะ และท่านอินุยาฉะประลองกันเพื่อตัดสินว่าใครคู่ควรที่จะเคียงข้างองค์กษัตริย์"

     "นั่นเป็นความคิดที่ดี" ฮานะว่า ยิ้มกว้าง "ว่าไงละเส็ตโชมารู"

     ร่างสูงหรี่ตามองพระมารดาและราชครูอย่างไม่ไว้ใจ

     "ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันคิดว่านั่นเป็นเรื่องดี" ขุนนางคนสนิทท่านหนึ่งว่า "หากเราตัดสินเช่นนี้จะเป็นการดีและไม่ก่อให้เกิดการแตกแยกภายในคณะบริหาร มันเป็นการยืนยันและยอมรับที่ดี"

     เส็ตโชมารูนิ่งคิด ก่อนจะนั่งลงบนบัลลังก์ทองอีกครั้ง "ได้.....อีกเจ็ดวัน เราจะมีการทดสอบกัน"

     "ข้าจะเป็นผู้คิดการทดสอบเอง" ราชครูนาราคุกล่าว "หวังว่าพระองค์จะอนุญาต"

     "ได้" เส็ตโชมารูเอ่ย

     ....................

     ร่างสูงแหวกผ้าม่านไม้ไผ่ออกก่อนจะมองดูร่างเพรียวบางบนเตียง

     อินุยาฉะนั่งกอดเข่า ซุกหน้าลงกับหัวเข่าของตนอย่างเหนื่อยล้า ข้อเท้าขาวเต็มไปด้วยรอยบาดแผลและรอบเลือดแห้งเนื่องจากเจ้าตัวพยายามจะปลดพันธนาการตัวเอง

     "อินุยาฉะ....."

     ใบหน้างานเงยขึ้นมองผู้เรียกขาน ดวงตาสีอำพันทอประกายกร้าวก่อนจะเขยิบออกหนีมือใหญ่ที่ยื่นมาหา

     "อย่ามาแตะต้องข้า!" ถ้อยคำนั้นแข็งกร้าวจริง แต่น้ำเสียงกลับแห้งพร่าอย่างมากและระดับเสียงก็แผ่วกว่าที่ควรจะเป็น

     เส็ตโชมารูมองร่างบางที่พยายามหนีห่างจากเขา

     "มาหาข้า"

     "ไม่!" ร่างบางปฏิเสธทันที "ข้าเกลียดคนชั่วช้าเช่นเจ้าที่สุด!!"

     มือเรียวกำแน่น หัวใจในอกนั้นปวดร้าวราวกับถูกดาบแทงทิ่ม ทำไมหนอ....ทั้ง ๆ ที่ใจนี้รักคนตรงหน้า แต่ทำไมคนที่รักถึงกลับทำลายเขาได้ลงคอ.....

     "เจ้าเกลียดข้าหรืออินุยาฉะ"

     "เออ! ข้าเกลียดเจ้า!!"

     "น่าแปลก...." ร่างสูงกล่าวเสียงนุ่ม ก่อนจะจับข้อเท้าเรียวแน่

     "อ๊ะ! ข้าเจ็บนะ!!" ร่างบางโวยวาย พยายามยื้อตัวออกห่าง แต่ร่างสูงกลับดึงเขาเข้าไปใกล้ "หยุด! ปล่อยข้านะ! อ๊ะ!?" อ้อมแขนใหญ่กอดร่างบางแน่นอย่างหวงแหน อินุยาฉะงงงวย

     "น่าแปลก....ที่ในตอนนี้ข้ากลับรักเจ้าจนหมดใจ....."

     !!

     ดวงตาสีอำพันเบิกกว้างอย่างตกตะลึง  กอดแขนแกร่งยิ่งกอดกายเขาแน่นยิ่งกว่าเดิม อินุยาฉะไม่เข้าใจ งงงวย สับสน

     "อะไร?...มัน...อ๊ะ!!"

     ร่างบางถูกกดลงบนเตียงนุ่มสีขาวอย่างรวดเร็ว อินุยาฉะพยายามจะค้านแต่ริมฝีปากบางของคนตรงกลับประกบปิดกลีบปากนุ่มไม่ให้เอื้อนเอ่ย

     "อื้ม! อึก...."

     อินุยาฉะพยายามผลักไส แต่ร่างสูงไม่ยินยอม มอบความร้อนแรงให้อย่างโหยหา มือเรียวพยายามพลักไส

     "เส็ตโชมารู...อุ๊บ!" ลิ้นร้อนล่วงล้ำเข้าไปเมื่อร่างบางเผลอตัว กวัดเกี่ยวลิ้นเล็ก ควานหาความหวานล้ำเลิศที่เพิ่งได้ลิ้นชิมเมื่อยามคืนที่ผ่านมา ร่างบางอ่อนระทวยเมื่อรสจูบนั้นนุ่มนวลลง ผิวขาวเริ่มขึ้นสีเรื่อ ใบหน้าหวานงดงามแดงซ่าน

     "อืม...อื้อ...อื้อ...."

     ร่างสูงผละออกอย่างเสียดาย มองดูร่างบางที่หอบหายใจหาอากาศ ดวงตาสีเดียวกันจับจ้องอย่างลึกซึ้ง ดวงตาสวยของร่างบางเลือกที่จะเป็นฝ่ายหลบเลี่ยงหนีไปเสียก่อน

     "มองข้า....อินุยาฉะ....." มือใหญ่ประคองใบหน้าหวานให้หันมองตน ร่างบางจ้องมองดวงตาคมอย่างเสียไม่ได้ ".....มองแต่ข้า....." นิ้วใหญ่เกลี่ยริมฝีปากนุ่มอย่างอ่อนโยน ".....แล้วใจของข้าจะเป็นของเจ้าคนเดียว....."

     "หมายความว่ายังไง?" ร่างบางงงงวย

     "หมายความว่า....." ร่างสูงก้มลงข้างใบหู เอื้อนคำกระซิบเสียงทุ้มนุ่ม "....ข้ารักเจ้า....ข้ารักเจ้าเหลือเกินอินุยาฉะ...."

     มือเรียวยกขึ้นปิดปาก ดวงตาสวยไหววูบอย่างรวดเร็ว ก่อนน้ำตาใสจะไหลรินออกมาอย่างมิอาจห้ามได้ ดีใจ....ใช่ดีใจเหลือเกิน.....แต่ว่า.....

     "ถ้าเป็นเมื่อก่อน.....ข้าคงดีใจมาก" เส็ตโชมารูมองร่างบางข้างใต้อย่างเสียใจ อินุยาฉะเอ่ยเสียงเครือ "แต่ตอนนี้....ใจของข้าสลายเพราะท่านไปแล้ว....ฮึก....ข้าไม่เหลือใจจะรักใครอีกแล้ว.....ฮึก....."

     ร่างสูงประคองร่างบางกอดแน่น ความปวดร้าวในอกกำลังทำให้เขาคลั่ง....คลั่งเจียนตาย.....

     "หากรักข้า....แล้วทำไมถึงทำกับข้าแบบนี้...." ร่างบางเอ่ยอย่างตัดพ้อ สะอื้นไห้กับอกแกร่งอย่างเจ็บปวด "....ทำไมถึงทำร้ายข้าแบบนี้...."

     "จะเชื่อหรือไม่ หากข้าบอกว่าทุกสิ่งที่ข้าทำนั้นคือรัก...เพราะข้ารักเจ้า...ไม่อยากให้เจ้าเป็นของใคร...ข้าเกลียดทุกครั้งที่ใครก็ตามเข้าใกล้เจ้า..." ร่างสูงดันร่างบางออกห่าง ประคองใบหน้าสวยสบตาตน ปาดน้ำตาใสออกจากพวงแก้มนุ่ม "ข้าเกลียดเมื่อเห็นเจ้ายิ้มให้คนอื่น...." หน้าผากของทั้งคู่พิงกันอย่างอ่อนล้า "เกลียด...เมื่อเห็นมือของเจ้าไม่ได้อยู่ในมือของข้า....และข้ากลัว...กลัวว่าใจของเจ้า.....จะไม่เป็นของข้า....."

     อินุยาฉะจ้องมองดวงตาคม ก่อนจะพบหยาดน้ำตาใสของคนตรงหน้าหลั่งรินออกมา มันทำให้อินุยาฉะแปลกใจ....

     "เจ้า?" ร่างเพรียวกระซิบ มือเรียวยกขึ้นปาดน้ำตาใสออกจากใบหน้าคมคาย "ร้องไห้?"

     "ข้าเจ็บ..." เส็ตโชมารูกระซิบ "....ยิ่งเห็นเจ้าเจ็บ ข้าเองก็เจ็บ...."

     ดวงตาสองคู่สบประสานกันอย่างลึกซึ้ง แขนเรียวยกขึ้นกอดร่างสูงอย่างไม่อาจขัดขืนเพราะหัวใจสั่งให้ทำเช่นนั้น มันเป็นสิ่งที่เขาเองปราถนาตลอดมา....

     "รักของเจ้าจริงแท้หรือไม่" เสียงหวานกระซิบถามข้างหู

     เส็ตโชมารูจุมพิตหน้าผากมน "ชักดาบของเจ้ามาควักหัวใจของข้าได้เลย"

     ร่างบางยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะมอบจุมพิตละมุนให้ร่างสูง "เช่นนั้นหัวใจของเจ้าต้องเป็นของข้า....ทดแทนดวงใจที่แตกสลายของข้า...."

     "หัวใจข้าคือของเจ้า.....ตลอดไป..." เส็ตโชมารูกระซิบนุ่มแต่จริงจังราวคำสาบานมั่น ก่อนจะมอบจุมพิตนุ่มนวลตอบแก่ร่างบางในอ้อมแขน.....

"นายน้อย!!"

     นามิปราดเข้าไปหานายน้อยของเธออย่างรวดเร็ว สำรวจดูอย่างถีถ้วนก่อนจะเหลือบมองเส็ตโชมารูที่ยืนอยู่ด้านหลัง เธอรีบถวายความเคารพ

     "ไม่ต้องหรอก" เส็ตโชมารูห้าม "พาอินุยาฉะไปพักเถอะ"

     "เพคะ"

     ร่างบางถูกพาประคองไปนั่งที่ริมระเบียงห้องนั่งเล่น ก่อนที่เหล่านางข้ารับใช้จะรีบปราดเข้ามาดูแลอย่างห่วงใย พร้อมกับทำแผลที่ข้อเท้าให้อย่างนุ่มนวล

     ไม่นานก็เหลือเพียงอินุยาฉะ เส็ตโชมารูและนามิพร้อมกับน้ำชาที่กำลังส่งกลิ่นหอมกรุ่น สายลมเย็นสบายพัดเอื่อยมาอย่างนุ่มนวล

     "จริงหรือเปล่าเพคะ" นามิเอ่ยก่อน "ที่พระองค์จะเลือกท่านอินุยาฉะ"

     คำถามนั้นทำเอาร่างบางหน้าแดงขึ้นมาทันที เส็ตโชมารูหัวเราะน้อย ๆ ก่อนจะตอบ "ทุกอย่างจะถูกตัดสินในอีกเจ็ดวัน"

     "แล้วนายน้อย..." นามิเกริ่น

     "ข้ารู้เรื่องหมดแล้ว" อินุยาฉะตอบ "เส็ตโชมารูบอกข้า"

     นามิยิ้มกรุ่มกริ่ม อินุยาฉะถลึงตาใส่แก้เขิน นามิหัวเราะเบา ๆ
  
     "ยินดีด้วยนะเพคะ ทั้งนายน้อยและท่านเส็ตโชมารู"

     "ยังไม่ได้ตัดสินกันเลยนะนามิ!" อินุยาฉะว่า

     "แหม ยังไงหม่อมฉันก็เชื่อว่าพระองค์จะต้องได้คู่กันอยู่แล้วเพคะ"

     "นามิ!!" อินุยาฉะแหว เส็ตโชมารูหัวเราะในลำคออยางพอใจ

     ....................

     "ท่านราชครู"

     นาราคุเหลือบตามองลูกศิษย์เอกเพียงครู่ ก่อนจะหันกลับไปมองสวนสวยตรงหน้าแทน เสียงน้ำไหลรินและเสียงไม้ไผ่กระทบหินแข็งทำให้ทุกอย่างที่พระตำหนักของราชครูนั้นสงบเงียบ สบายใจผู้มาเยือน

     "ว่ามาสิ"

     "คือข้า...." ไอเนะลังเล

     "ถ้าเรื่องการประลองไม่ต้องห่วง" นาราคุเอ่ย "แต่ข้าหวังให้เจ้าชนะ"

     "แต่ถ้าข้าไม่..."

     "เจ้าต้องชนะ" นาราคุตัดบท ก่อนจะวางแก้วใส่สุราสีใสอย่างเบามือ "ข้าจะช่วยเจ้าอีกที" นาราคุยิ้มกริ่ม ก่อนจะชูลกแก้วขนาดเล็กที่มีเส้นผมสีเงินของใครบางคนอยู่ในนั้น "อินุยาฉะต้องเป็นของข้า....."

     "แต่ข้า...."

     นาราคุเหลือบมองลูกศิษย์อีกครั้ง คราวนี้ในแววตาสีดำนั้นเต็มไปด้วยความแข็งกร้าวดุดัน "ข้าเคยบอกเจ้าแล้วใช่มั๊ย....จงทิ้งอดีตของตัวเจ้าซะ!"

     ".....ค่ะ....." ไอเนะตอบเสียงเศร้า

     "ดี.....ไปได้แล้ว"

     "ค่ะ"

     "ถ้าเจ้าคิดจะแพ้ละก็.....ฆ่าจะฆ่ามันซะ!!"

     !!

     ....................

     หนึ่งวันก่อนการประลอง.....

     "หืม??" อินุยาฉะมองหญิงสาวที่เดินเข้ามาหาตนอย่างแปลกใจ

     "ขอคุยด้วยได้มั๊ยคะ" ไอเนะเอ่ย ยิ้มน้อย ๆ

     อินุยาฉะสั่งให้นางข้ารับใช้ออกไปก่อนจะเหลือแค่ตนกับไอเนะเท่านั้น

     "มีอะไรเหรอ?" อินุยาฉะเอ่ยถามอย่างสงสัยและไม่ไว้ใจ

     "จะมาขอโทษค่ะ" ไอเนะตอบ อินุยาฉะงงงวย "ขอโทษนะคะที่เกิดเรื่องแบบนี้"

     "เอ๋??"

     "ขอโทษถ้าในการประลองต้องทำให้ท่านบาดเจ็บ ขอโทษที่อาจจะต้องให้ม่านวุ่นวาย ขอโทษที่ต้องให้ท่าน.....พ่ายแพ้"

     "!?" อินุยาฉะจ้องมองหญิงสาวเขม็ง แต่ในใจยังสงสัยในคำพูดของหญิงสาว

     "ข้าไม่อยากจะทำการประลองนี้เลยนะคะ" ไอเนะว่า "แต่ข้า....มีคนรักของข้า"

     "เส็ตโชมารูสินะ" อินุยาฉะเอ่ยเรียบ ๆ

     หญิงสาวยิ้มน้อย "คนรักของข้า....ข้าต้องทำเพื่อเขา ฉะนั้นต้องขอโทษจริง ๆ ที่ข้าจะเป็นต้องชนะท่าน!!"

     อินุยาฉะมองหญิงสาวที่ก้มหัวให้ "ไว้ค่อยมาพูดตอนการประลองจบลงดีกว่านะ"

     "ไม่ค่ะ! ยังไงข้าก็ต้องชนะ!!" ไอเนะประกาศ ก่อนจะก้มหัวลาและเดินจากไปอย่างรวดเร็ว อินุยาฉะไม่ได้มีท่าทีโมโหหรืออารมณ์ใด ๆ นอกจากความสงสัยในแววตาของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยความว้าวุ่น.....

     .....................

     วันประลอง.....

     "การประลองก็ไม่ยาก มีอยู่สองการทดสอบ" นาราคุประกาศมองดูร่างบางทั้งสองที่กำลังนั่งนิ่งฟังอย่างรอคอยอยู่กลางห้องโถงท่ามกลางเหล่าขนนางมากมาย

     "หนึ่ง.....จงชนะใจประชาชนและสอง....ประลองฝีมือเพื่อพิสูจน์ความแข็งแกร่งสมกับการเคียงคู่กษัตริย์.....ข้าจะส่งพวกเจ้าไปอาศัยที่หมู่บ้านชายแดนในฐานะคนธรรมดา จงอยู่ที่นั่นให้ได้เจ็ดวัน แล้วพวกข้าจะตัดสินเอง"

     ..........

     "อยู่ที่นี่เจ็ดวัน.....ก็ไม่เลวร้ายอะไร" อินุยาฉะเอ่ยกวาดตามองไปทั่วหมู่บ้าน ข้าง ๆ คือไอเนะในชุดกิโมโนธรรมดาและเรียบง่ายกว่าปกติ

     "เราต้องอยู่ที่ไหนนะ?" อินุยาฉะหันไปถามไอเนะ เธอมองซ้ายมองขวาก่อนจะชี้ไปที่กลุ่มคนที่กำลังโบกไม้โบกมือเรียกพวกเขาอยู่

     "ทางนั้นละมั้งคะ" ไอเนะว่า

     ทั้งสองเดินตรงไปที่กลุ่มคนมากมายที่กำลังโบกไม้โบกมือเรียกพวกเขาอย่างร่าเริง ชายแก่คนหนึ่งเดินก้าวออกมาหน้ากลุ่มเอ่ยทักทายอย่างใจดี

     "ยินดีต้อนรับท่านผู้สูงศักดิ์ทั้งสองสู่หมู่บ้านอันต่ำต้อยของพวกเรา"

     "อย่าเป็นพิธีเลยท่านผู้เฒ่า" อินุยาฉะเอ่ย ยิ้มน้อย ๆ "เราถูกส่งมาในฐานะคนธรรมดา จงต้อนรับพวกเราอย่างคนธรรมดาเถอะ"

     "เป็นความเมตตาแท้.....ข้าคือผู้ใหญ่บ้านของที่นี่ ขอเชิญพวกท่านสู่ที่พักของเรา"

     เมื่อเดินเข้าไปในหมู่บ้านเหล่าชาวบ้านก็ต่างแห่กันมารุมล้อมทั้งสอง เอ่ยกล่าวต้อนรับพร้อมกับให้ของมากมายเป็นการแสดงไมตรีจิตอันหาได้ยากยิ่งในรั้วราชวัง

     "แด่เจ้าชายและท่านหญิงค่ะ!!" อินุยาฉะและไอเนะรับช่อดอกไม้มาจากเหล่าเด็ก ๆ

     เมื่อมาถึงที่พัก อินุยาฉะและไอเนะพบว่ามันเป็นเพียงกระท่อมไม้สองหลังธรรมดาเท่านั้น ไม่มีอะไรพิเศษแต่อย่างใด เสียแต่ออกจะเก่าไปหน่อยเท่านั้น

     "ท่านนาราคุบอกให้พวกท่านพักที่นี่" ผู้ใหญ่บ้านบอก "ข้าแย้งว่าบ้านสองหลังนี้เก่ามากและต้องซ่อมแซมหลายจุดแต่ท่านราชครูก็ยืนยันให้พวกท่านพักที่นี่"

     "ไม่เป็นไรค่ะ" ไอเนะยิ้มกว้าง "หากไม่ลำบากช่วยหาคนและไม้พร้อมอุปกรณ์มากให้หน่อยนะคะ พวกเราจะซ่อมแซมส่วนเสียหายของบ้านเอง"

     "ครับ"

     "อย่างเจ้าจะไหวเหรอ" อินุยาฉะถาม ไม่ใช่แดกดันหรือเย้ยยัน แต่อดห่วงไม่ได้มากกว่า เพราะหญิงสาวข้างกายนั้นดูยังไงก็ไม่เหมาะกับงานหนักเลยแม้แต่น้อย

     "ค่ะ! แค่นี้เล็กน้อยอยู่แล้วค่ะ" ไอเนะยิ้มกว้าง

     แล้วก็จริงอย่างที่หญิงสาวว่า เธอสามารถทำในสิ่งที่ผู้ชายอกสามศอกก็ทำได้จริง ๆ อินุยาฉะมองหญิงสาวที่กำลังตอกตะปูเป็นจังหวะ เขายิ้มน้อย ๆ ก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนหลังคาเพื่อซ่อมแซมส่วนที่เป็นช่องโหว่

     ....................

     ยามราตรีมาเยือน.....

     เสียงปรบมือและเสียงร้องเพลงพื้นบ้านดังไปทั่วหมู่บ้าน ทั้งชายหญิงและเด็กเล็กเด็กน้อยต่างออกมาร่ายรำอย่างสนุกสนาน กลางวงคือเพลิงพลิ้วที่สร้างเงาดำไหววูบราวกับต้องการจะเต้นรำไปกับเสียงปรบมือและเสียงร้องเพลงด้วย

     อินุยาฉะมองดูไอเนะที่เต้นรำกับเด็ก ๆ เขายิ้มน้อย ๆ ให้เธอเมื่อเธอส่งยิ้มกว้างมาให้ อินุยาฉะนั่งลงข้างผู้ใหญ่บ้านและเอ่ยสนทนาด้วย

     "ที่นี่สงบสุขดีมาก ทั้ง ๆ เป็นชายแดนแท้ ๆ"

     "ก็ไม่หรอกครับ" น้ำเสียงของผู้ใหญ่บ้านนั้นดูหนักใจมาก พอดีกับที่ไอเนะเดินเข้ามาหาทั้งคู่ เธอนิ่งฟังอย่างสงสัย "ตอนนี้เรามีปัญหาใหญ่อยู่"

     "อะไรหรือค่ะ?" ไอเนะถาม

     ผู้ใหญ่บ้านถอนหายใจหนัก "มีคนมากมายต้องตาย.....เพราะตอนนี้มีสัตว์ปีศาจร้ายมันออกอาละวาดที่หมู่บ้านนี้บ่อยครั้ง จนชาวบ้านแทบอยู่ไม่เป็นสุข พวกเขาพยายามช่วยกันขับไล่แต่มันแข็งแกร่งเกินไป.....ที่พวกเขายังยิ้มอยู่นี้ก็เพราะไม่อยากให้พวกท่านต้องมารับรู้ปัญหาของพวกเรา แต่ข้า.....ไม่อยากเห็นรอยยิ้มฝืนนั้นอีกแล้ว"

     ไอเนะกุมมือผู้ใหญ่บ้านอย่างอ่อนโยน อินุยาฉะมองเหล่าผู้คนที่เต้นรำกันอย่างสนุกสนาน

     "พวกเขากล้าหาญ" อินุยาฉะเอ่ย "บางทีรอยยิ้มในตอนนี้คงเป็นรอยยิ้มของพวกเขาจริง ๆ.....ใคร ๆ ก็อยากจะหลุดพ้นจากความเป็นจริงของชีวิตสักครั้ง"

     "ไปเต้นรำกันเถอะค่ะ!" ไอเนะเอ่ย ก่อนจะพยายามชักจูงอินุยาฉะและผู้ใหญ่บ้านออกไปเต้น ผู้ใหญ่บ้านรอดตัวเพราะปวดหลังแต่อินุยาฉะยื้อเท่าไหร่ก็ไร้ผลเพราะแรงหญิงสาวมีมากกว่าที่เห็นจากรูปร่างเพรียวบางนั้น

     "ข้าเต้นไม่เป็น!"

     "เดี๋ยวก็เป็นแล้วล่ะค่ะ!" ไอเนะยิ้มกว้างก่อนจะพาอินุยาฉะเต้นรอบกองไฟอย่างสนุกสนาน เด็ก ๆ และคนอื่น ๆ ก็ออกมาเต้นด้วยอย่างสนุกสนาน

     ....................

     "ราตรีสวัสดิ์ค่ะ" ไอเนะเอ่ย ยิ้มน้อย ๆ

     "อืม เจ้าด้วย" อินุยาฉะอ้าปากหาวพลางบิดขี้เกียจ

     ทั้งสองเดินเข้าไปในบ้านตัวเอง แต่ก่อนที่อินุยาฉะจะได้ล้มตัวลงนอนเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เขาเดินออกไปเปิดพบว่าเป็นไอเนะ

     "มีอะไรหรือ?"

     "เพิ่งนึกได้ค่ะ....ต้องเปลี่ยนผ้าพันแผลก่อนนะคะ" ไอเนะชี้ไปที่ข้อเท้าที่พันด้วยผ้าพันแผลสีขาวของอินุยาฉะ "ชาวบ้านให้ยาสมุนไพรมาแล้ว"

     "ไม่ต้องก็ได้" อินุยาฉะส่ายหน้า มองยาสมุนไพรในมือของไอเนะ

     "ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ดิฉันไม่ทำร้ายท่านอินุยาฉะด้วยการกระทำต่ำช้าแบบนั้นแน่"

     "ไม่ใช่แบบนั้น! แต่ข้าคิดว่าไม่จำเป็นเฉย ๆ"

     "ไม่ได้นะคะ! แผลไม่สะอาดไม่ดีต่อสุขภาพ!"

     อินุยาฉะถอนหายใจก่อนจะปล่อยให้หญิงสาวเดินเข้าไปในบ้าน ไอเนะนั่งลงบนเตียงตามด้วยอินุยาฉะ หญิงสาวแกะผ้าพันแผลทั้งสองข้างออกอย่างเบามือ ตรวจดูสภาพแผลอยู่เพียงครู่ก็เริ่มลงยาให้อย่างเบามือที่สุด

     อินุยาฉะนั่งมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างครุ่นคิด.....ไอเนะเป็นคนดี.....นั่นเป็นสิ่งที่เขาสัมผัสได้.....หญิงสาวเป็นคนดีมาก เก่งและฉลาด.....แต่ทำไมดันไปเป็นศิษย์กับเจ้านาราคุนั่นได้นะ.....

     "ทำไมเจ้าถึงมาเป็นศิษย์นาราคุละ" ปากก็ไวเท่าความคิด หญิงสาวเงยหน้ามองเขาก่อนจะยิ้มน้อย ๆ

     "เรื่องมันยาวค่ะและก็ไม่น่าฟังนักหรอกนะคะ"

     "ไม่เป็นไร....ขอโทษที่ถาม"

     ไอเนะหัวเราะในลำคอน้อย ๆ ก่อนจะเริ่มพันแผลให้อินุยาฉะอย่างนุ่มนวล "ตั้งแต่ที่ข้าจำความได้ ข้าก็เป็นกำพร้าแล้วค่ะ" อินุยาฉะมองหญิงสาว "ข้าเติบโตมาพร้อมกับกลุ่มเด็กขอทานที่ถูกเลี้ยงดูโดยชายชราที่เราเรียกเขาว่า 'พ่อ' ค่ะ.....พ่อเคยเป็นทหารเก่า ท่านให้วิชาความรู้เราเท่าที่ท่านจะทำได้ แต่ 'พี่ทากะ' น่ะชอบหนีเรียนอยู่เรื่อย" อินุยาฉะมองรอยยิ้มพิมพ์ใจเมื่อหญิงสาวเอ่ยถึงชื่อของคน ๆ หนึ่ง "พวกเราเติบโตมาแบบเด็กขอทาน บ้างก็ไปขโมยของเขามาบ้างจนวันหนึ่ง....พวกเราแอบเข้าไปในบ้านของท่านราชครูเพื่อขโมยอาหาร แต่ถูกจับได้ พี่ทากะพยายามช่วยข้าและรับโทษโบยแทนข้า แต่ท่านราชครูไม่ได้ทำโทษเราดังที่คาดค่ะ

     "ท่านราชครูบอกว่าจะให้พวกเราทำงานให้ท่าน และนับแต่นั้นพวกเราก็ทำงานทุกอย่างให้ท่านราชครู ทั้งงานบ้านงานครัวเราก็ทำหมด เหตุผลในตอนนั้นคือท่านกำลังขาดคนงานพอดี.....ท่านยังสอนหนังสือเราและให้เงินเพื่อช่วยจัดงานศพเล็ก ๆ ให้ท่านพ่อด้วยค่ะ.....แล้วท่านก็เลือกข้าเป็นศิษย์เอก ส่วนคนอื่น ๆ ก็ยังคงทำงานในพระตำหนักต่อไป"

     "แล้วคนที่ชื่อทากะล่ะ?" อินุยาฉะถาม

     "พี่ทากะก็ยังทำงานให้ท่านราชครูค่ะ เขาไม่ค่อยเก่งการเรียนแต่ด้านฝีมือการต่อสู้เขาไม่น้อยหน้าใคร พี่ทากะจึงเป็นองค์รักษ์ประจำตัวท่านนาราคุค่ะ"

     อินุยาฉะนิ่งนึกใบหน้าขององค์รักษ์ของนาราคุ.....จำได้ว่าเคยเห็นอยู่ครั้งสองครั้ง.....ชายหนุ่มตาดุดันสีเพลิง เส้นผมยาวรวบไว้ลวก ๆ สีดำสนิท ร่างกายกำยำสมชายชาติทหารในชุดของทหารองค์รักษ์.....

     "เสร็จแล้วค่ะ" ไอเนะเอ่ย ยิ้มอย่างพอใจในผลงาน "แต่ที่นอนของท่านอินุยาฉะไม่นุ่มเลยนะคะ แล้วก็ผ้าห่มบางมาก"

     "ชาวบ้านเอาผ้ามาให้แล้วแต่ข้าไม่ใช้หรอก ข้าก็เลยบอกวกเขาให้เอาไปให้เจ้า" อินุยาฉะบอก "เป็นสาวเป็นนางมาอยู่ป่าเขาก็ต้องลำบากบ้างละนะ"

     "ก็บอกแล้วไงคะว่าไม่เป็นไร" ไอเนะส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ "รอสักครู่นะคะ" หญิงสาววิ่งออกไปจากบ้าน เพียงชั่วครู่ก็วิ่งกลับมาพร้อมผ้านุ่มมากมาย เธอรีบเข้ามาจัดเตียงให้อินุยาฉะอย่างรวดเร็ว ก่อนจะส่งผ้านวมผืนนุ่มให้อินุยาฉะ "อยู่ป่าอยู่เขามันหนาว ร่างบาง ๆ ของท่านจะเป็นหวัดง่ายนะคะ....ยิ่งไม่มีท่านเส็ตโชมารูมาคอยเอ็นดูด้วยแบบนี้"

     อินุยาฉะหน้าแดงซ่านก่อนจะโวยเข้าให้ "นี่เจ้า!!"

     "คิก ๆ ค่า ๆ ขออภัย" ไอเนะยิ้มกริ่ม "ราตรีสวัสดิ์ค่ะ"

     "อืม ราตรีสวิสดิ์"

สามวันต่อมา.....

     เป็นอีกวันที่เงียบสงบสุขไร้ปัญหาใด ๆ อินุยาฉะและไอเนะต่างก็ใช้ชีวิตได้อย่างไม่มีปัญหา และตอนนี้ไอเนะก็ไปช่วยกลุ่มแม่บ้านทอผ้า ส่วนอินุยาฉะก็ไปช่วยทำการเกษตร บางทีไอเนะจะถูกเรียกไปช่วยด้านการแพทย์กับหมอประจำหมู่บ้านบ่อยครั้ง

     แต่แล้ว.....วันที่คาดว่าจะสงบสุขนั้น กลับไม่เป็นดังคาด.....

     "มันมาแล้ว!!" เสียงคนตะโกนลั่ง เสียงตีกลองทำให้ชาวบ้านทุกคนต่างตระหนกตกใจ ทิ้งงานทั้งหมดและรีบเข้าไปซ่อนตัวในหลุดหลบภัยทันที อินุยาฉะกระชับดาบเขี้ยวอสูรในมือมั่น บอกไอเนะให้พาคนอื่น ๆ ไปหาที่หลบภัย

     โฮกกกกกก!!

     เสียงขู่กรรโชกดังลั่น เสียงกรีดร้องอย่างหวาดกลัวดังระงม อินุยาฉะกัดฟันกรอด จ้องมองสัตว์ร้ายอย่างโกรธแค้น

     ร่างสูงใหญ่ของหมีร้าย คมเล็บยาวกว่าหมีปกติเปื้อนเลือดสีแดงสด ปากกว้างที่เต็มไปด้วยคมเขี้ยวยาวอย่างผิดรูป เพราะมันยาวจนเลยขอบปากแต่สิ่งที่อยู่ระหว่างคมเขี้ยวของมันนั่นเองที่ทำให้อินุยาฉะโกรธแค้น.....ชิ้นส่วนอวัยวะของใครบางคนอยู่ในนั้น อาจเป็นเด็ก....เพราะชิ้นส่วนนั้นเล็กกว่าที่จะเป็นของผู้ใหญ่....ดวงตาแดงก่ำของมันจ้องมองเหยื่อมากมายทีวิ่งหนีตาย

     โฮกกกกกกกกกกกก!!

     อินุยาฉะควงดาบในมือมั่น "กลับไปกินน้ำผึ้งซะเถอะแก!!!"

     ร่างเพรียวพุ่งตรงเข้าหาสัตว์ร้ายอย่างรวดเร็ว คมดาบเฉือนผ่านลำตัวอย่างไม่ปราณี สัตว์ร้ายกรีดร้องอย่างเจ็บปวด ก่อนจะยิ่งคลุ้มคลั่งจ้องมองอินุยาฉะอย่างเกรี้ยวกราด คมดาบเปื้อนเลือดสะบัดไล่เลือดอย่างรังเกียจ

     "ท่านอินุยาฉะ!!" อินุยาฉะหันไปมอง พบไอเนะวิ่งมาพร้อมกับธนูในมือ

     "ข้าบอกให้เจ้าไปหาที่ซ่อน!!" อินุยาฉะตะโกนไล่ "อ๊ะ!!!"

     ในนาทีที่ร่างเพรียวเผลอสัตว์ร้ายพุ่งเข้าโถมร่างใหญ่ใส่อินุยาฉะอย่างรวดเร็ว อินุยาฉะกัดฟันแน่นเมื่อคมเล็กของมันจิกลงบนแขนขาวของเขา ดาบเขี้ยวอสูรกระเด็นไปอีกทาง

     "ท่านอินุยาฉะระวังหัว!!" ไอเนะตะโกนบอก ก่อนจะชักลูกธนูสามลูกออกมา เล็งไปที่สัตว์ร้าย คมแหลมของลูกธนูพุ่งปักเข้าซ้ำแผลเดิมของมัน มันร้องโหยหวน อินุยาฉะใช้กรงเล็บของตนตวัดใส่หน้ามัน มันปล่อยร่างเพรียวทันที อินุยาฉะวิ่งไปเก็บดาบก่อนจะหยุดนิ่งอยู่หน้าไอเนะ

     "มาทำไม!?" อินุยาฉะถาม ไม่สนใจบาดแผลของตน

     "มาช่วยน่ะสิคะ!"

     "งั้นก็อยู่แค่ตรงนี้ก็พอ" อินุยาฉะกำชับและพุ่งเข้าใส่สัตวฺร้ายที่กำลังเจ็บปวด คมดาบใหญ่ตวัดปาดคอมันอย่างรวดเร็ว ตามด้วยคมธนูที่พุ่งเข้าไปในลูกตาของมัน.....ร่างสัตว์ร้ายนิ่งค้างก่อนจะล้มลงนอนแน่นิ่งกับพื้น.....

     "บ้าชะมัด" อินุยาฉะพึมพำ เดินเข้าไปหาสัตว์ร้ายและมองดูบาดแผลที่แขนของตน "ได้แผลอีกแล้ว"

     "ข้าจะรักษาให้นะคะ" ไอเนะเดินเข้ามาสำรวจดูบาดแผลของอินุยาฉะ

     เฮ!!!!

     ........................

     นาราคุและทุกคนในห้องโถงต่างมองมาที่อินุยาฉะและไอเนะ ทั้งคู่นั่งอยู่กลางถ้องโถงเหมือนดั่งครั้งแรกที่มารับทราบภารกิจ ต่างกันตรงที่วันนี้ทั้งสองจะได้รู้ผลว่าใครจะเป็นผู้แพ้หรือผู้ชนะ แต่ทว่าท่าทีของทั้งสองไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจกันเลยสักนิด

     "เมื่อยนะ" จู่ ๆ อินุยาฉะก็เอ่ยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยพลางลูบแขนทั้งสองข้างอย่างเมื่อยล้า

     "จบจากตรงนี้จะนวดให้มั๊ยคะ" ไอเนะเสนอ ยิ้มกว้าง ทุกคนยิ่งประหลาดใจมากขึ้น

     "อา.....ก็ดีนะ" อินุยาฉะยิ้ม

     "ต้องเปลี่ยนผ้าพันแผลด้วยนะค่ะ โชคดีนะคะที่มีตัวยามาด้วยน่ะ" ไอเนะว่า

     "ยังไงก็ได้ แต่ข้าเมื่อย" อินุยาฉะบ่น

     "ฮ่าฮ่าฮ่า!! เข้าใจแล้ว! เข้าใจแล้ว!" นาราคุเอ่ยเสียงดัง "เพราะอย่างนี้สินะการแข่งขันครั้งนี้ถือว่าเสมอ!!"

     เกิดเสียงคัดค้านไม่พอใจขึ้นหลายเสียง เหล่าขุนนางต่างไม่เห็นด้วย

     "ทุกท่านฟังก่อน!" นาราคุเอ่ย "ถูกแล้วที่พวกเขาเสมอ เพราะว่าชาวบ้านทุกคนต่างรักพวกเขาทั้งคู่ ผู้ใหญ่บ้านเล่าให้ข้าฟังว่าพวกเขาไม่มีทีท่าเหมือนเป็นศักตรูกันเลยแม้แต่น้อยแต่ราวกับเป็นมิตรสหายเก่าแก่เสียมากกว่า พวกเขาไม่ชิงดีชิงเด่น พวกเขาไม่ขัดแย้ง แต่พวกเขาร่วมมือกัน พวกเขาเข้าใจกันและพวกเขาก็ดีต่อกัน นั่นเป็นความประทับใจของชาวบ้าน!! สมควรแล้วที่จะเสมอ"

     อินุยาฉะและไอเนะมองหน้ากันก่อนจะยิ้มน้อย ๆ ให้กัน

     ....................

     "เจ้าดูสนิทกับไอเนะดีนิ" เส็ตโชมารูเอ่ย มองร่างบางที่นอนพักผ่อนอยู่ข้างกาย

     "อืม....นางเป็นคนดี" อินุยาฉะพึมพำ นอนรับสายลมเย็นสบายจากบานประตูที่เปดอ้าออกกว้างสู่ระเบียงที่มองเห็นสวนสวยและดอกซากุระที่พริ้วไหว

     "บางทีนะ...." อินุยาฉะเกริ่น หลับตาลง "....ข้าคิดว่าหากนางเป็นราชานีเคียงคู่กับเจ้าก็ดี....นางเก่ง นางฉลาดและเป็นคนดี นางอาจจะช่วยเจ้าปกครองบ้านเมืองได้แน่"

     เส็ตโชมารูไม่พอใจนักในคำเอ่ยนั้น เขาเอนตัวลงคร่อมร่างบางไว้ อินุยาฉะลืมตามองอย่างตกใจ

     "เจ้าผลักไสข้าให้นางหรือ" น้ำเสียงของเส็ตโชมารูนั้นน่ากลัวอย่างประหลาด

     "ไม่ใช่สักหน่อย!" อินุยาฉะค้าน นึกกลัวเส็ตโชมารูขึ้นมา "ข้าแค่คิด...."

     "งั้นจงเลิกคิดซะ" เส็ตโชมารูก้มลงกระซิบข้างหู ก่อนจะขบเม้มอย่างหยอกล้อ

     "อ๊ะ! อย่า....ข้าเหนื่อยแล้ว" อินุยาฉะดันแผ่นอกแกร่งเบา ๆ

     "ข้าไม่เจอเจ้าถึงเจ็ดวัน....คิดถึงเจ้าเหลือเกิน...." เส็ตโชมารูเอ่ยเสียงกระซิบ ก้มลงจูบพรมทั่วใบหน้างาม

     "แต่ว่า...." อินุยาฉะเริ่มใจอ่อน

     "หึหึหึ" เส็ตโชมารูก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากนุ่ม ก่อนจะส่งลิ้นร้อนผ่านกลีบปากนุ่มเข้าไปดูดดุนหาความหวานหอมที่ไม่ได้ลิ้มรสมาถึงเจ็ดวันอย่างโหยหา อินุยาฉะขัดขืนพอเป็นพิธีก่อนจะยอมรับรสสัมผัสวาบหวิวอย่างว่าง่าย

     "เจ้ารู้มั๊ยว่าข้าเป็นห่วงเจ้ามาก....." เส็ตโชมารูบอก ก้มลงซุกไซร้ซอกคอขาว "กลัวว่าเจ้าจะเป็นอะไรไป"

     อินุยาฉะยิ้มอย่างพอใจ ไม่เอ่ยอะไรนอกจากหลับตารับสัมผัสจากร่างสูงอย่างโหยหา

     ....................

     "เจ้าทำอะไร!" นาราคุเอ่ยถามลูกศิษย์เสียงเข้ม

     "ข้าคิดว่าเป็นสิ่งที่ดี" ไอเนะบอก "ข้าคิดจะจัดการ....ท่านอินุยาฉะในการประลองครั้งต่อไปแทน"

     นาราคุไม่พอใจนัก แต่ก็เอ่ยว่า "โอกาสครั้งสุดท้ายของเจ้า....ชนะอินุยาฉะ"

     "ค่ะ" ไอเนะก้มหัวก่อนจะออกไปจากห้อง

     หญิงสาวเดินไปตามระเบียงทางเดินก่อนจะมองดูองค์รักษ์ของราชครูที่กำลังซ้อมดาบอยู่ในสวน เธอยิ้มและรีบเดินเข้าไปหา

     "พี่ทากะ"

     ชายหนุ่มหันมาหาเจ้าของเสียงเรียก ก่อนจะยิ้มกว้าง

     "ว่าไงว่าที่ราชินี!"

     ไอเนะทำใบหน้างอง้ำอย่างแง่งอนก่อนจะเอ่ย "แหม! พี่อยากให้ฉันเป็นราชินีขนาดนั้นเลยเหรอไง"

     ทากะหัวเราะและเอ่ยว่า "ก็เจ้าเก่ง....และเจ้าจะได้สบายไปทั้งชีวิตด้วยนะ"

     ไอเนะจับมือใหญ่มั่น ทากะหันมามองหญิงสาวด้วยใบหน้าเศร้าศร้อย

     "ท่านพี่เองก็กำลังไปได้ดีในอาชีพทหาร" ไอเนะเอ่ย "ชีวิตเราดีทั้งคู่"

     "แต่ไม่อาจอยู่ร่วมกันได้....." ทากะกระชับมือเรียวมั่น

     "ท่านพี่.....ข้ามีเรื่องจะบอก" ไอเนะเงยหน้ามองพี่ชายอย่างมุ่งมั่น "ข้าขอโทษ....."

     ....................

     สามวันต่อมา.....การประลองรอบสุดท้าย.....

     เหล่าผู้ชมต่างนั่งรอดูการประลองรอบเวทีหินบนอัฒจรรย์หิน รอคอยสองชีวิตที่ต้องแย่งชิงตำแหน่งเคียงคู่ราชา

     แล้วเสียงอื้ออึงก็เงียบลงเมื่อผู้เข้าแข่งขันทั้งสองเดินออกมาที่ลานประลอง ต่างยืนอยู่คนละฟากฝั่งของเวทีหิน ในมือคืออาวุธที่ใช้ในการประลอง

     "ขออภัยหากต้องล่วงเกินท่านไปบ้าง" ไอเนะเอ่ย

     "ข้าเองก็เช่นกัน" อินุยาฉะควงดาบในมือมั่น

     เสียงระฆังดังก้องบ่งบอกวินาทีแห่งการแข่งขัน!!!

     อินุยาฉะและไอเนะต่างพุ่งเข้าหากันอย่างรวดเร็ว

     เคร้ง!!

     เสียงดาบปะทะกันดังลั่นเรียกความสนใจจากคนดูได้มากทีเดียว

     ทั้งสองฝ่ายต่างสู้กันสุดฝีมือ อินุยาฉะเอียงตัวหลบคมดาบกล้าได้อย่างหวุดหวิด ก่อนจะโต้กลับอย่างรวดเร็ว ไอเนะกัดฟันกรอดเมื่อคมดาบเฉือนสีข้างของเธอไป เธอโต้กลับด้วยการเตะเข้าที่หัวไหล่ของอินุยาฉะจนร่างบางกระเด็น  อินุยาฉะรีบลุกขึ้นมา ตั้งรับคมธนูนมือของไอเนะ....แน่นอนเขารู้ว่าเธอถนัดการใช้ธนูมากกว่าคมดาบ

     "!!"

     อินุยาฉะชะงัก.....ขยับตัวไม่ได้!

     เฟี้ยว~!

     "อ๊ะ!"  อินุยาฉะกัดฟันเมื่อคมธนูเฉือนเอาเนื้อที่ต้นแขนเขาไป

     ไอเนะกัดฟัน เหลือบตามองท่านราชครูที่อยู่บนแท่นปะรำพิธี....ลูกแก้วที่มีเส้นผมนั่นแน่ ๆ.....เธอมองเข้าไปในมือของนาราคุ.....

     "ท่านอินุยาฉะ....."  ไอเนะเอ่ย ก่อนจะยิ้มกว้าง ".....ดีใจที่ได้พบท่าน และ.....ลาก่อนค่ะ"

     "!?"

     ....................

     "แฮ่ก.....แฮ่ก....."

     อินุยาฉะหอบหายใจหนัก บาดแผลเต็มตัว เลือดสีแดงสดไหลหยดลงบนแท่นพิธีอย่างช้า ๆ ไอเนะก็มีสภาพไม่ต่างกันนัก เพียงแต่อินุยาฉะอาการหนักกว่า เพราะหลายครั้ง.....เขาขยับตัวไม่ได้กระทันหัน.....

     "ปิดฉาก....." ไอเนะเอ่ย ง้างธนูในมือมั่น

     อินุยาฉะกัดฟันกรอด "เจ้าโกงข้า...."

     ไอเนะเพียงยิ้มบาง อินุยาฉะกำดาบในมือแน่น

     "ลาก่อนค่ะ....."

     เฟี้ยว~!!

     "อีกแล้ว...." อินุยาฉะพึมพำ ไม่อาจขยับแขนขาได้ "บัดซบ!"  เขาหลับตาแน่น!

     เฟี้ยว~!!

     เพล้ง!!

     "!!"  อินุยาฉะลืมตา รู้สึกว่าแขนและขาสามารถขยับได้อีกครั้ง เขามองไอเนะ เธอยิ้มกว้างให้เขาก่อนจะทิ้งดาบและธนูลงกับพื้น เธอเบือนใบหน้าไปที่ราชครูผู้ตกตะลึงและมองเธออย่างเกรี้ยวกราด

     "เมื่อกี้เสียงอะไรน่ะ!?"

     หลายเสียงถามอย่างอื้ออึงแปลกใจ นาราคุจ้องมองเส้นผมสีเงินที่กำลังมอดไหม้หายไป และมองลูกธนูที่นอนอย่างสงบอยู่เบื้องหลัง

     "ขออภัยค่ะท่านราชครู ข้าพลาดเอง!!" ไอเนะตะโกนบอก

     นาราคุกัดฟันกรอด

     "ข้ายอมแพ้" ไอเนะประกาศก้อง เธอยิ้มให้อินุยาฉะเดินเข้ามาใกล้เขา ก่อนจะกุมมือเขามั่น "ระตัวให้ดี....ท่านราชครูนาราคุอันตรายมาก แต่ข้าไม่อาจอกตัญญูต่อท่านอาจารย์ได้" อินุยาฉะพยักหน้า

     "ข้านึกว่าเจ้าจะใช้กลโกงซะแล้ว"

     ไอเนะส่ายหน้า ก่อนจะเอ่ยตะโกนให้ทุกคนได้ยินกันทั้งหมด "ข้าไม่หวังจะเคียงคู่กษัตริย์ เพราะข้ามีคนที่ข้ารักอยู่แล้ว! ท่านอินุยาฉะต่างหากที่เหมาะสมกับท่านเส็ตโชมารู" เธอยิ้มกว้างให้ทากะ "พวกท่านจงเปิดใจเถิด หากเห็นแก่รักแท้ของทั้งสองแล้วจงเปิดรับ! ข้าเชื่อว่าทั้งสองพระองค์จะพาอาณาจักรไปสู่ความรุ่งเรืองได้"

     อินุยาฉะและไอเนะมองหน้ากัน หญิงสาวกอดอินุยาฉะก่อนจะเอ่ยย้ำอีกครั้ง "ลาก่อนค่ะ....."

     ตูม!!!

     "อ๊ะ!"

     อินุยาฉะล้มลงก่อนจะไอค่อกไอแค่กเพราะควันสีเทาที่คลุมอยู่รอบกาย

     "ไอเนะ!?"

     "ขอให้รักของพวกท่านจงมั่นคงมิเสื่อมคลายค่ะ"

     เสียงของไอเนะดังแว่ว และเมื่อควันสีเทาหายไป ก็มีเพียงอินุยาฉะเท่านั้นที่อยู่บนเวที

การแต่งตั้งตำแหน่งแด่อินุยาฉะเป็นไปได้ด้วยดี.....

     เป็นเวลาหลายปีที่อินุยาฉะและเส็ตโชมารูได้อยู่เคียงคู่กันอย่างมีความสุข.....แต่คำเตือนของไอเนะนั้นก็ทำให้พวกเขาต้องระวังนาราคุไว้ตลอดเวลา.....

     ทว่า.....นาราคุก้าวนำพวกเขาไปหนึ่งก้าว.....

     ......สงครามกบฎ......

     เสียงกรีดร้องโหยหวน เสียงกู่ร้องของเหล่าทหารที่พุ่งเข้าปะทะห้ำหั่นใส่กัน สายเลือดที่สาดกระเซ็น ทุกชีวิตที่เสียไปและอีกหลายชีวิตที่หนีตาย.....อาณาจักรแห่งปีศาจถึงกาลล่มสลาย.....

     ณ พระราชวัง.....

     บนยอดหอคอยสูง เส็ตโชมารูเผชิญหน้ากับนาราคุ อินุยาฉะที่อยู่เบื้องหลังเส็ตโชมารูกระชับดาบในมือมั่นเพื่อปกป้องเส็ตโชมารู

     "หึหึหึหึ ข้าละรอคอยมานานเหลือเกินที่จะได้เห็นเจ้าตายอย่างทรมานด้วยน้ำมือของข้า เส็ตโชมารู!"

     นาราคุหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง มองอินุยาฉะอย่างหยาบโลน

     "เพียงแค่เจ้ายอมมอบอินุยาฉะให้ข้าเท่านั้น อาณาจักรของเจ้าก็ไม่ต้องถึงกาลอวสาน แต่เจ้าไม่ยอม ข้าก็ต้องมาทำแบบนี้ละนะ แย่จริง ๆ หึหึหึ"

     "หุบปากของเจ้าซะนาราคุ! จะฆ่าข้าก็เข้ามาเลย!" เส็ตโชมารูเอ่ย

     "ก็ได้.....ถ้าอยากตายนักก็ได้"

     แล้วร่างสูงทั้งสองก็พุ่งเข้าปะทะฝีมือดาบใส่กันอย่างไม่หยุดยั้งและรุนแรง อินุยาฉะรีบเข้าไปปัดป้องคมดาบของนาราคุให้เส็ตโชมารูทันที นาราคุยิ้มกริ่ม มันไม่สะท้านสะเทือนเลยแม้แต่น้อย

     "พวกเจ้าสู้ข้าไม่ได้หรอก!"

     นาราคุปัดดาบของเส็ตโชมารูออก ก่อนจะจับแขนอินุยาฉะแน่นและเหวี่ยงไปกระแทกกำแพง

     "คิดว่าทุกอย่างจะจบด้วยดีหรือยังไง!! จนกว่าเจ้าจะตายข้าจะตามฆ่าเจ้าไปทุกหนแห่ง!!" นาราคุหัวเราะเสียงก้อง

     เส็ตโชมารูพุ่งเข้าปะทะกับนาราคุอีกครั้ง แต่นาราคุปัดดาบของเขาออกและจับคอเขาไว้มั่น มือใหญ่บีบลำคอของไว้แน่น

     "หึหึหึ ข้าจะให้โอกาสเจ้าเลือก....จะตายหรือจะยอมอินุยาฉะให้ข้า"

     "ไม่...อึก....ไม่มีทาง.....อัก....."

     "หึหึหึหึ"

     อินุยาฉะพยุงตัวขึ้นอย่างช้าก่อนจะพุ่งเอาดาบหมายปักลงบนล่างของนาราคุ

     "นี่สิตอนจบอันสมบูรณ์ของข้า" นาราคุเอ่ยยิ้มกริ่ม เอียงตัวหลบคมดาบได้อย่างง่ายดายแต่คมดาบนั้น.....

     ฉึก!

     "มะ...ไม่....ไม่จริง...." อินุยาฉะเบิกตาโต ทรุดตัวลงนั่ง มองดูร่างของเส็ตโชมารูที่ร่วงหล่นลงกับพื้น.....ดาบเขี้ยวอสูรปักลงที่กลางลำตัว..... "ไม่...ไม่...ไม่จริง!!!"

     "ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!!" นาราคุหัวเราะลั่นอย่างพอใจ

     อินุยาฉะตัวสั่น มองดูร่างที่หายใจรวยระรินของเส็ตโชมารู "ไม่จริง!!"

     "จบแล้ว! จบแล้ว! นี่แหล่ะตอนจบที่แท้จริง!!"

     อินุยาฉะรีบคลานเข้าไปหาร่างที่กำลังจะสิ้นใจ มองเรียวประคองใบหน้าของคนรัก น้ำตาใสไหลอาบในหน้า ตัวสั่นอย่างไม่อาจควบคุม

     "เส็ตโช...มารู...ฮึก...ข้าขอโทษ....ข้าขอโทษ....ฮึก!....ไม่!!!!"

     เส็ตโชมารูส่ายหน้าน้อย ๆ ยิ้มบางอย่างอ่อนล้า อินุยาฉะกอดร่างของเส็ตโชมารูแน่น กรีดร้องอย่างทรมาน เส็ตโชมารูใช้แรงเฮือกสุดท้ายยกมือของเขาขึ้นลูบใบหน้าสวยที่เต็มไปด้วยน้ำตา

     "อินุยาฉะ...."

     "ข้าขอโทษ....ฮึก....ข้าขอโทษ...." อินุยาฉะเอ่ยพร่ำอย่างรวดร้าว

     เส็ตโชมารูส่ายหน้าก่อนจะเอ่ยเสียงกระซิบแหบพร่าแผ่วเบากับอินุยาฉะ ร่างบางนิ่งฟัง ก่อนจะมองคนรักในอ้อมแขน เส็ตโชมารูยิ้มบางและหลับตาลง

     "เช่นกัน.....ข้าเองก็เช่นกัน...." อินุยาฉะเอ่ยกับเส็ตโชมารู "เส็ตโชมารู....ฮึก....เส็ตโชมารู....ไม่!!!!!!!!!!"

     "ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!" นาราคุหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง "ทีนี้! เจ้าก็เป็นของข้า!"

     ร่างสูงตรงเข้ามากระชากแขนอินุยาฉะ ร่างบางพยายามขัดขืน แต่นาราคุดึงอินุยาฉะเข้ามาใกล้ จับใบหน้างามมองตน

     "อย่าร้องไห้ไปอินุยาฉะ....." นาราคุปาดน้ำตาใสออกอย่างลวก ๆ ".....เดี๋ยวเจ้าจะมีความสุขกับข้าในไม่ช้าแล้ว"

     "ฮึก! ไม่มีวัน...." กรงเล็บแหลมคมตวัดใส่นาราคุ ร่างสูงถอยหนีได้ทันท่วงที อินุยาฉะคว้ามีดสั้นมาจากเอวของนาราคุ ชี้ตรงไปที่นาราคุ

     "หึหึหึหึ! เจ้าจะทำอะไรข้าได้อินุยาฉะ" นาราคุเอ่ยยิ้มกริ่ม

     "ข้าอาจทำอะไรเจ้าไม่ได้" อินุยาฉะเอ่ยเค้นเสียงอย่างรวดร้าว ก่อนจะชี้คมมีดสั้นเข้าหาตัวเอง "แต่ข้าสามารถหลุดพ้นจากเจ้าได้"

     "อย่าแม้แต่จะคิด!!"

     ฉึก!

     คมมีดสั้นปักลงที่กลางหัวใจของอินุยาฉะ ร่างบางยิ้มอย่างมีชัยให้นาราคุที่มองอย่างตกตะลึง

     ร่างบางทรุดตัวลงและล้มลงเคียงข้างเส็ตโชมารู ผู้เป็นที่รักเพียงคนเดียวของเขา "ข้าก็เช่นกัน....." อินุยาฉะกระซิบ ".....ทุกชาติไป"

     "ม่ายยยยยยยยยยย!!!" นาราคุกรีดร้องลั่นอย่างแค้นเคือง

     ครืน!!!!

     สายฝนตกกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง เสียงฟ้าร้องดังก้องไปทั่วแผ่นดิน

     ร่างของคู่รักสงบนิ่ง นาราคุกัดฟันกรอด มองดูร่างของคู่รักอย่างเคียดแค้น

     "ข้าไม่ยอมแพ้แน่!!"

     ..............................................................

     ...............................................

     ...............................

     ...................

     ............

     ......

     ...

     "อินุยาฉะ!!! ไปโรงเรียนได้แล้วลูก!!!"

     "ครับ!"

     ร่างเพรียวบางในชุดนักเรียนชายของโรงเรียนแห่งหนึ่งวิ่งลงมาจากชั้นสอง วิ่งเข้าไปในครัว

     "แม่! วันนี้ผมเข้าชมรมนะ!!"

     "จ้า ๆ! อย่าลืมข้าวกล่อง!" อิซาโยอิส่งข้าวกล่องให้ลูกชาย

     "ขอบคุณครับ" เด็กหนุ่มยิ้มกว้างให้แม่ก่อนจะรีบวิ่งออกไปจากบ้าน "เจอกันตอนเย็นครับ!"

     ร่างเพรียววิ่งออกจากบ้านพร้อมกับจักรยาน อินุยาฉะรีบมัดผมสีเงินของตนอย่างลวก ๆ

     "เดี๋ยวต้องตัดซะหน่อยแล้วมั้ง!" อินุยาฉะบ่นอุบ ก่อนจะรีบขี่จักรยานไปตามทางถนนอย่างรีบร้อน "เวร ๆ! วันนี้มีงานโรงเรียนซะด้วยสิ!" อินุยาฉะพึมพำ

     เมื่อจักรยานคู่ใจหักเลี้ยวที่หัวมุม รถยนต์คันหรูราคาหลายล้านก็โผล่ออกมา อินุยาฉะร้องเสียงหลงหักเลี้ยวหลบได้อย่างหวุดหวิด

     "นี่!! ขับรถให้ดูทางซะบ้างสิวะ!!" อินุยาฉะว่าใส่คนขับรถ

     ร่างสูงในชุดสูทก้าวลงจากรถ มองอินุยาฉะอย่างไม่พอใจ

     "เธอต่างหากที่ต้องดูทาง....ระวังบ้างสิ" ร่างสูงเอ่ยเรียบ ๆ

     ทั้งสองมองกัน อินุยาฉะแปลกใจมองดูร่างสูงในชุดสูทอย่างครุ่นคิด.....เคยเห็นผู้ชายคนนี้ที่ไหนมาก่อนหรือเปล่านะ.....

     ร่างสูงเองก็มีท่าทีไม่ต่างกัน จ้องมองใบหน้าติดหวานอย่างครุ่นคิด

     "เธอคือ...." ร่างสูงเอ่ย

     "อินุยาฉะ" อ๊ะ! แล้วตูจะบอกทำไมเนี่ย!

     "ฉันเส็ตโชมารู" ร่างสูงเอ่ย "ทีหลังก็ระวังหน่อยสิ รีบเหรอไง"

     "ก็รีบน่ะสิ! อ๊ะ!" อินุยาฉะเพิ่งนึก "ตายละสายแล้วนี่หว่า!!" ร่างบางรีบปั่นจักรยานจากไปอย่างรวดเร็ว

     เส็ตโชมารูมองตามร่างบางที่จากไปอย่างคิดหนัก "เคยเห็นที่ไหน....."

     เสียงโทรศัพท์มือถือเรียกให้เขาตื่นจากภวังค์ เส็ตโชมารูรับสายอย่างรวดเร็ว "ฮัลโหล....เออ....ทำไมแกไม่นั่งยื้อพวกตาแก่ให้รอฉันในที่ประชุมต่อไปล่ะ.....หึหึหึ เปล่า....จะรีบไปเดี่ยวนี้"

     ....................

     "ข้ารักเจ้า.....ข้ารักเจ้า....จะผ่านไปกี่ร้อยปี พันปี กี่ชาติภพ.....ข้าก็รักเจ้า"

     "ข้าก็เช่นกัน.....ทุกชาติไป"




THE END [จบบริบูรณ์]





8 comments:

  1. ชอบมากคร่าาา เคยอ่านในเด็กดีเมื่อนานมาแล้ว...แต่จำชื่อเรื่องไม่ได้(ฮา) เมื่อเร็วๆพยายามลองหาดูในเด็กดี แต่ไม่เจอ พอลองมั่วๆก็มาเจอเเบบบังเอิญ����
    แต่งต่อเรื่อยๆนะค่ะ ชอบมากค่ะ><

    ReplyDelete
  2. สนุกมากๆมเลย มีภาคต่อมั้ย ^_^ อยากอ่านต่อ

    ReplyDelete
  3. สนุกมากกกกกกกกก

    ReplyDelete
  4. มันดีมากกกกกกกกกกก สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ชอบมาก พรือออออ ;;/////;; ชอบจนไม่รู้จะบอกยังไง ฟกกดเงวสสเดหฟก มีแต่งเรื่องไหนอีก จะตามไปอ่านให้หมดเลยค่ะ ชอบมากจริงๆ ;;///;;

    ReplyDelete
  5. ฟินมากค่ะเเต่ว่า...............ทิชชู้หายไปหนายหมดดดดดดดดดเลือดออกจะตายอยู่เเล้วถ้าเราตายเเล้วส่งฟิกนี้ไปให้อ่านด้วย......ขอบคุณ

    ReplyDelete
  6. โอยยยยยย ต่อมน้ำตานี้ไหลมาเป็นทางเลย แอบอยากให้แต่งโลกปัจจุบันต่อนะ--

    ReplyDelete
  7. ขอเอาไปแต่งต่อได้ไหมค่า;-----; แอบมโนภาคต่อไปแล้วอ่าาา

    ReplyDelete