Tuesday, September 16, 2014

Fan Fic BLEACH - เร็นจิ x เบียคุยะ - สารภาพ By Juntiva





ข้ามิใช่ดวงจันทร์บนฟากฟ้าใด
ข้ามิใช่ดวงจันทร์ของผู้ใด
ข้าก็คือข้า.....คน ๆ หนึ่งที่มีความรู้สึกสามัญดั่งคนทั่วไป.....
.....ข้าก็มีหัวใจ.....

คนอื่นอาจคิดว่าข้าแข็งแกร่ง เข้มแข็งและกล้าหาญ
.....แต่เขาเหล่านั้นคิดผิด.....
ข้ามิใช่ทั้งหมดที่พวกเขากล่าวมา....ข้ามิใช่ผู้กล้า....
.....ข้าไม่กล้าที่จะเข้าใกล้ผู้หนึ่ง...ผู้ที่ข้ามอบได้ทั้งชีวิต....


     ท้องฟ้าสีหม่นยามฤดูร้อนที่มักแฝงหน้าฝนเข้ามาด้วยนั้น ช่างไม่น่าพิสมัยนักกับใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะกับบุรุษผมแดงที่เกลียดสายวรุณเป็นพิเศษ ด้วยเหตุที่เจ้าตัวบ่นประจำว่าทำให้เสื้อผ้าแห้งช้าและเดินทางไปไหนมาไหนลำบาก
     เวรชิบ! ตกอีกแล้วไอ้ฝนเวรนี่ เร็นจิสบถอย่างไม่ชอบใจนัก วันนี้เห็นตอนเช้าอากาศดีคิดจะซ้อมดาบแต่กลายเป็นว่าเมฆครึ้มฝนนั้นกลับเข้ามาแทนที่ฟ้าสีครามในตอนบ่ายเสียได้
     ข้าเคยบอกเจ้าแล้วใช่มั๊ย เรื่องคำพูดของเจ้า อาบาราอิ เร็นจิ
     เสียงเรียบเฉยทำให้ร่างสูงสะดุ้งตกใจ หันขวับมามองผู้เป็นนาย และรีบยิ้มแห้ง ๆ
     เอ่อ...ขออภัยครับ!”
     อย่าให้ข้าได้ยินคำพูดแบบนั้นอีก เบียคุยะปราม
     ครับ!” เร็นจิรับคำ เบียคุยะมองร่างสูงตรงหน้าเพียงครู่ ก่อนจะรีบหลบสายตาไปเมื่อดวงตาของร่างสูงจ้องมองมา ร่างเพรียวบางเงยหน้ามองฟ้าแทน
     ฝนจะตกเหรอ...
     เร็นจิหันไปมองฟ้าเช่นกัน พลันหยดน้ำขนาดเล็กก็ร่วงหล่นลงมากระทบพื้นหญ้าสีเขียวขจี ครับ.....ตกแล้วครับ

หากมีคน อยากพูดความจริง
สารภาพทุกสิ่ง ในวันนี้

     เร็นจิรู้สึกทำตัวไม่ถูกบ้าง ใจเต้นระรัวเหมือนทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ร่างบางข้างกายนี้ แม้จะห่างกันถึงหนึ่งช่วงแขน แต่มันก็อดให้เขาใจเต้นไม่ได้

เรื่องในใจ ที่เขาเคยมี
และเป็นเรื่องที่เขาไม่เคยบอกใคร

     เบียคุยะไม่กล้าที่จะหันไปมองร่างสูงข้างกาย เมื่ออยู่ใกล้เด็กคนนี้ เขาต้องใจเต้นระรัวทุกครั้งไป รู้สึกดีปและปลอดภัย เพียงสบตาก็อบอุ่นไปทั้งหัวใจ....

แต่(จึง)อยากจะขอ
ถ้าเธอนั้นได้ฟังแล้ว
ได้โปรดลืมมันไปได้ไหม

อยากจะบอกเหลือเกิน.....อยากจะพูดออกไปว่า รัก

เขาอยากบอกว่ารัก ให้เธอนั้นได้ฟังไว้

มันทั้งอึดอัด...และปวดใจเหลือเกิน....

ตั้งแต่ในวันนั้นจนวันนี้ ไม่รู้นานเท่าไหร่

ตั้งแต่เมื่อไหร่กันหนอที่หัวใจทั้งสองดวงต่างเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อใกล้กัน

แต่เรื่องราวชีวิตจริง ก็กั้นไม่ให้พูดไป

ไม่รู้หรอก.....รู้เพียงว่ามันรู้สึกดีเหลือเกิน....แต่ว่า.....

แม้ว่าเขาจะ
รักเธอสักเพียงไหน

ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร....คำ ๆ นั้น ก็ไม่กล้าที่จะพูดไป...
ใจหนึ่งนั้นกลัวที่จะพูด...เพราะไม่เคยที่จะทำตามใจตน
อีกใจหนึ่งก็ไม่กล้า...เพราะเกรงว่าคนตรงหน้าจะหายไป

     ฝนตกแบบนี้ลำบากแย่เลยนะครับ เร็นจิเอ่ย
     ใช่....
     เอ่อ....หากท่านไม่รังเกียจ....ข้าจะไปส่งท่านให้ที่คฤหาสน์
     ร่างบางหันมามองร่างสูงอย่างแปลกใจ แต่เร็นจิหันหน้าหนีไปอีกทางเพื่อหลบใบคมเข้มที่แดงขึ้นมา เบียคุยะรู้สึกดีใจอย่างประหลาด
     คือว่า...ข้าหมายถึง...ในฐานะรองหัวหน้าหน่วย หน้าที่ข้าก็คือต้องดูแลท่านใช่มั๊ยละ เร็นจิแก้ตัว
     ถึงจะเอ่ยอ้างหน้าที่ขึ้นมา แต่เบียคุยะก็ยังรู้สึกดีใจอยู่ดี....ราวกับมีผีเสื้อบินล่องอยู่ในหัวใจของเขาอย่างนั้นแหละ.....
     ก็ดี... เบียคุยะตอบเรียบ ๆ ทำหน้าที่ได้ดีแล้ว
     แต่แล้วเมื่อร่างบางเดินห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว ก็ลื่นเพราะละอองฝนที่สาดเข้ามาจากนอกระเบียงทางเดิน ร่างสูงรีบคว้าตัวร่างบางเอาไว้เพราะกลัวว่าร่างบอบบางนี้จะบาดเจ็บ แต่กลายเป็นว่าเขาก็ไม่ทันระวัง จึงลื่นล้มเช่นกัน คว้าเอาร่างบางล้มไปด้วยอย่างไม่ได้ตั้งใจ

อยากจับมือเธอ อยากพูดความจริง
อยากเปิดเผยทุกสิ่งในตอนนี้

     อูย....อ๊ะ!” เร็นจิอุทานอย่างตกใจ มองร่างบางข้างใต้ที่มีสีหน้าเจ็บปวดเล็กน้อย ข...ขะอภัยขอรับ!” เร็นจิมองร่างบางข้างใต้ที่เขาคร่อมอยู่
     เบียคุยะสบตาคมเข้มนั้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ เร็นจิจ้องมองนัยน์สีนิลอย่างเผลอไผล
     เอ่อ...ท่านเบียคุยะ...
     มือบางดันไหล่ร่างสูงออกอย่างเบามือ ลุกออกไป...

แต่เจอะทีไรก็ไม่กล้าสักที
ที่จะให้คำนี้หลุดจากปากไป

     อ๊ะ! ครับ ๆ ขออภัยขอรับ เร็นจิรีบลุกขึ้นจากร่างเพรียวบาง เบียคุยะยันกายขึ้นนั่งพื้นและค่อย ๆ ยืนขึ้นอย่างช้า ๆ
     อ๊ะ!” ร่างบางร้องเบา ๆ เร็นจิเหลือบตามองขาเรียวข้างซ้ายที่สั่นน้อย ๆ
     เจ็บขาเหรอครับ!” เร็นจิร้องลั่น รีบก้มมองดูข้อเท้าร่างบางทันที
     อย่าแตะ! โอ๊ย!” เบียคุยะร้องอย่างเจ็บปวด เร็นจิมองรอยช้ำสีม่วงคล้ำนั้น
     ขาคงแพลงนิดหน่อยน่ะครับ....อาจเพราะลื่นเมื่อกี้ เร็นจิยิ้มแห้ง ๆ เพราะเขาแท้ ๆ.... ขออภัยจริง ๆ ครับ
     เบียคุยะเบ้ปากน้อย ๆ และเอ่ย ช่างเถอะ...แค่นี้ไม่ตายหรอก
     ถ้อยคำประชดประชันนั้นทำให้เร็นจิยิ่งใจเสีย งั้นข้าจะขอไถ่โทษโดยการช่วยท่านนะครับ

แต่(จึง)อยากจะขอ
ถ้าเธอนั้นได้ฟังแล้ว
ได้โปรดลืมมันไปได้ไหม

     เอ๋!! อ๊ะ!!” เบียคุยะร้องอย่างตกใจ เป็นครั้งแรกที่เร็นจิเห็นใบหน้างามนั้นขึ้นสีแดงเรื่อและมีสีหน้าอื่น ป...ปล่อยข้าลง!”
     เร็นจิอดคิดไม่ได้ว่าร่างบางในอ้อมแขนนั้น น่ารัก ไม่ได้หรอกครับ เดินไปแบบนี้ยิ่งเจ็บ ข้าไปส่งท่านนั่นแหละครับ
     แต่ไม่ใช่แบบนี้!” เบียคุยะว่า หน้ายังคงแดงเรื่อ เจ้าวางข้าลงซะ! นี่เป็นคำสั่ง!”
     ครั้งนี้ขอขัดหน่อยนะครับ เร็นจิยิ้มหน้าเป็น แต่ใจจริงก็อดตื่นเต้นไม่ได้ น้อยครั้งที่เขาจะได้ใกล้ชิดร่างเพรียวบางนี้....และครั้งนี้ก็ใกล้ชิดกว่าทุกครั้ง.....

เขาอยากบอกว่ารัก ให้เธอนั้นได้ฟังไว้

เบียคุยะเงยหน้าจะต่อว่าร่างสูง แต่ก็ต้องชะงักเมื่อพบว่าใบหน้าของตนห่างใบหน้าคมเข้มเพียงคืบ

ตั้งแต่ในวันนั้นจนวันนี้ ไม่รู้นานเท่าไหร่

ใจดวงน้อยเต้นระส่ำยิ่งกว่าครั้งแรก....หวั่นเหลือเกินว่าร่างสูงนั้นจะได้ยินเสียงระรัวนี้

แต่เรื่องราวชีวิตจริง ก็กั้นไม่ให้พูดไป

ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้.....

แม้ว่าเขาจะ
รักเธอสักเพียงไหน

ต้องอดกลั้นตัวเอง...ไม่ให้เผลอพูดคำนั้นออกไป....ลำบากเหลือเกิน

     เบียคุยะหลุบตาหนี เร็นจิยิ้มน้อย ๆ อย่างอ่อนโยน อดรู้สึกเอ็นดูกับท่าทีน่ารักเช่นนั้นไม่ได้ เขากระชับอ้อมแขนและเดินไปตามระเบียงเพื่อพาร่างบางออกจากหน่วยไปส่งที่คฤหาสน์

     มือเรียวถือด้ามไม้ของร่มเพื่อกันไม่ให้หยาดน้ำเย็นเฉียบนั้นกระทบสัมผัสร่างกายของเขาและร่างสูงที่กำลังอุ้มเขาอยู่นี้ ร่างบางมีอาการไม่พอใจ ร่างสูงมีสีหน้าลำบากใจ เพราะตอนออกมาจากหน่วย เหล่าลูกน้องในหน่วยต่างจ้องมองพวกเขากันเป็นแถวด้วยความประหลาดใจเอย ตกใจเอย ต่างความรู้สึกกันไป และนั่นจึงทำให้เบียคุยะไม่พอใจนัก
     ขออภัยจริง ๆ นะครับ ร่างสูงเอ่ย
     ร่างบางยังคงไม่ยอมเอ่ยคำใด
     แต่ถ้าปล่อยให้ท่านเดินมาเองละก็ แทนที่จะได้กลับถึงคฤหาสน์ ข้าคิดว่าท่านอาจจะต้องนอนค้างที่ห้องพยาบาลที่หน่วยสี่แทนน่ะครับ
     เบียคุยะยังคงเงียบ
     ขอโทษจริง ๆ ครับ
     ร่างบางหน้าแดงน้อย ๆ ถอนหายใจเบา ๆ ไม่เป็นไร
     เร็นจิยิ้มกว้างเมื่อได้รับการตอบรับ เขามุ่งเดินต่อไป

แต่ (จึง)อยากจะขอ
ถ้าเธอนั้นได้ฟังแล้ว
ได้โปรดลืมมันไปได้ไหม

     ร่างสูงหยุดนิ่งที่หน้าคฤหาสน์ เบียคุยะเอื้อมมือไปเคาะประตู ไม่นานข้ารับใช้คนหนึ่งก็เปิดประตูให้พวกเขาข้าไป

แค่อยากบอกว่ารัก ให้เธอนั้นได้ฟังไว้
แค่อยากบอกคำนี้ให้เธอรู้ และให้เธอเข้าใจ

     ร่างสูงวางร่างบางลงบนที่นอนนุ่มที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้ เร็นจิพยายามเบามือที่สุดเพราะกลัวร่างบางในอ้อมแขนจะเจ็บอีก เบียคุยะเฝ้ามองท่าทางที่ระมัดระวังนั้นอย่างดีใจลึก ๆ
     ขอบคุณ...
     เร็นจิยิ้ม ข้ายินดีเพื่อท่านเสมอ ดวงตาคมเข้มสบตาสีนิลอย่างมีความนัย

อยากบอกคำว่ารักกับเธอนั้นจะได้ไหม

ดวงใจทั้งสองดวงร้องเรียกหาบางสิ่ง

ตั้งแต่ในวันนั้นจนวันนี้ไม่รู้นานเท่าไหร่

เร็นจิโน้มตัวเข้าหาร่างบางมากขึ้น

แต่เรื่องราวชีวิตจริงก็กั้นไม่ให้พูดไป

เบียคุยะเผยอปากนุ่มเพียงเล็กน้อย เอื้อนเอ่ยเสียงแผ่ว เร็นจิ...

แม้ว่าเขาจะ
รักเธอสักเพียงไหน

เร็นจิชะงัก เขาถอยห่างออกมา และก้มหัวเอ่ยลา ข้าขอตัวครับ
     ร่างสูงลุกขึ้นและเดินออกไปจากห้อง เบียคุยะมองประตูเลื่อนที่ปิดลง ดวงตาสีนิลงามหมองเศร้าลงมาก วูบไหวระริกด้วยอารมณ์ภายใน มือบางยกขึ้นวางบนอกซ้าย
     เร็นจิ..... ยังไงก็ไม่อาจจะเอ่ยออกไปได้.....

และเรื่องราวชีวิตจริง ก็กั้นหัวใจฉันไว้

มองฟ้าที่ยังคงหม่นหมอง สายวรุณยังคงร่วงหล่นมิขาดสาย จิตใจยังคงบอบช้ำอยู่ไม่วาย เหตุเพราะใจมิอาจเอ่ยคำนั้น.....

แม้ว่าฉันจะ
รักเธอสักเพียงไหน

เบียคุยะ....ข้ารักเจ้าเหลือเกิน

ไม่ว่าจะทำเช่นไร.....
ยามใดที่อยากเอนเอ่ยออกไป...ข้ารู้สึกได้ถึงสายพันธนาการ...
.....ที่เหนี่ยวรั้งข้า....ตอกย้ำถึงหน้าที่อันแสนหนักอึ้ง....

ถึงจะรักเจ้าสักเพียงใด...
แต่ยังกลัวว่าหากเจ้าได้รับรู้แล้ว...ข้าอาจจะไม่ได้พบกับเจ้าอีกเลย
....สู้แบกรับอย่างปวดร้าวต่อไป.....เพื่อให้ได้อยู่เคียงเจ้าเสียดีกว่า.....


THE END


No comments:

Post a Comment