Wednesday, September 17, 2014

Confession of a friend 2

เฮอะ อย่าให้รู้นะไอ่แก้มร่างเล็กพูดออกมายิ้มๆ ก่อนจะเคลื่อนตัวเข้าไปหาเพื่อนรัก ทาบมือลงบนหน้าผากของอีกคนอย่างเบามือ ตัวยังร้อนๆ  มึงนอนไปเลย
            “?”
            “กูบอกว่าตัวมึงยังร้อน! ไข้แดกตั้งแต่เมื่อคืน นอนไป!!” ไอ้ห่านี่ .. เอ๋อชิบหาย
                ขี้เกียจนอนว่ะ ทำไมต้องนอน คิบอมบ่นอุบทันที ขอให้ได้เถียง ..
                ไม่สบายก็ต้องนอนพักดิ่ไอ่ควาย
                ไม่จำเป็นสักหน่อย .... เอ้อ! แล้วดงเฮล่ะ?”
            ตื่นมาก็ถามหาแต่แม่งเลยนะ กูนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ทั้งคน .. มึงจะรู้สึกอะไร ยังไง กับใคร ช่วยอย่าให้มากระทบกูได้ไหมคิบอม? อย่าให้กูได้รับรู้อะไรได้ไหมคิบอม ..
                ไปหาป๊ามันสีหน้าหมองลงทันทีจนคิบอมสังเกตุได้ ดงเฮมันทำอะไรฮยอกแจว้ะ? เขาปล่อยให้มันสารภาพรักกับฮยอกแจ .. แล้วเท่าที่รับรู้มา ก็เหมือนจะสำเร็จหนิใช่ไหม?
                มึง ... เป็นไรเนี่ยร่างสูงผลักหัวของคนตัวเล็กเบาๆ พอเห็นว่าก้มหน้าลงไป แล้วจู่ๆ คิบอมก็สังเกตุเห็นน้ำหยดใสๆ ที่ร่วงลงมาจากใบหน้าที่ก้มอยู่ เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม?”
            “..
                ฮยอกแจ เงยหน้าขึ้นมาคุยกับกูน้ำเสียงดุๆ ที่หาฟังได้อยากจากคิมคิบอมถูกเปล่งออกมาสั่งเป็นเชิงบังคับ คนฟังส่ายหน้ารัว เสียงสะอื้นเบาๆ เริ่มหลุดออกมา
                ..ฮึก
            “กูบอกให้เงยหน้าขึ้นมาคุยกับกูไง
            “ไม่เอาเสียงอู้อี้ในลำคอดังออกมาแทบฟังไม่รู้เรื่อง หากแต่คิบอมก็ยังพอแปลความได้ว่ายังไงซะฮยอกแจก็ไม่ทำตามที่เขาบอกแน่นอน .. มือแกร่งเอื้อมไปโอบร่างบอบบางเข้ามาในอ้อมแขนอุ่นๆ จากพิษไข้ ฮยอกแจไม่ได้ขัดขืนอะไร เอาแต่สะอื้นไห้ตัวโยน
                ไม่ต้องร้องน่า .. ผู้ชายเค้าไม่ร้องไห้กันนะเว้ยมืออีกข้างก็ลูบไปที่กลุ่มผมเส้นเล็กอย่างอ่อนโยน ..เขาไม่ชอบให้ฮยอกแจร้องไห้เลย มันรู้สึก ... ไม่ดี
                ฮึก...ฮือออยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เพียงแค่คำพูดปลอบโยนที่ดูไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยของคิบอมก็ทำให้ฮยอกแจปล่อยให้น้ำตาทะลักออกมาราวกับเขื่อนแตก โกรธ โกรธที่คิบอมไม่เคยรู้อะไรเลย ไม่รู้เหี้ยอะไรเลย! แม้กระทั่งเหตุผลที่เขาร้องไห้ในตอนนี้ คิบอมก็ยังไม่รู้
                โอเคๆ  อยากร้องก็ร้องให้ตายไปเลยคำพูดที่ดูผลักไส หากแต่อ้อมแขนอุ่นกลับกระชับให้แน่นขึ้น แน่นจนคนในนั้นรู้สึก อึดอัด ไม่ใช่เพราะคิบอมกอดเขาแน่นเกินไป แต่เพราะความรู้สึกลึกๆ ที่ตอนนี้เริ่มจะเอ่อล้นออกมามันทำให้เขาอึดอัด อยากจะเขวี้ยงทิ้งไป แต่ก็ทำไม่ได้
                ค..คิบอม
            “หืม?”
            “กู...มีเรื่องจะบอกมึง ..ฮึกตามคำที่ดงเฮบอกเขา สูดหายใจลึกๆ และพูดออกไป ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น ..พูดเหมือนง่ายนะ มาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มันน่ากลัว .. น่ากลัวมาก
                เรื่องอะไร?” ร่างสูงดึงตัวอีกคนออกมาจากอ้อมกอด ดวงตาคมจ้องเข้าไปสำรวจหาความจริงในแก้วตาใสของร่างเล็ก มาถึงตอนนี้เขาเริ่มใจไม่ดี ..คงไม่ใช่เรื่องนั้น .. หรอกใช่ไหม?
                ก ..กูชอบ ...
            นั่นไงกูว่าแล้ว! .. คิบอมเลื่อนมือไปปิดปากฮยอกแจไว้อย่างรวดเร็วก่อนจะได้ยินประโยคอันโหดร้ายจากคนที่เขาแอบรัก มืออีกข้างรั้งท้ายทอยไว้ ยื่นหน้าเข้าใกล้ใบหน้าหวานที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา
                ไม่ต้องบอก กูรู้แล้วมึงจะรักใครชอบใครมันไม่ใช่เรื่องของกูแล้ว ดงเฮโชคดีมากนะที่มีมึง โชคดีที่ไม่โดนมึงมองข้าม แบบที่ทำกับกูอยู่ตอนนี้ ไม่ต้องพูดอะไร กูรู้หมดแล้ว
                มึง ... รู้ !!”
                กูรู้มานานแล้วด้วย แล้วเมื่อวานนี้กูก็เห็นหมดแล้ว ที่มึงกับดงเฮ ..
                ฮยอกแจหน้าเสียลงทันที รู้มานานแล้วยังไม่พอ เมื่อวานนี้ยังเห็นเขาพูดกับดงเฮหมดเลยหรือไง? คิบอมรู้แล้ว แก็ทำเป็นเมินเฉยไม่สนใจความรึ้กของเขางั้นเหรอ? ไอ้บัดซบ ..
                จะมายอกมาย้ำอะไรกันนักหนาว่ารักกัน ฮยอกแจคงตกใจมากที่เขารู้แล้ว ดูจากสีหน้าท่าทางที่ดูจะร้องไห้ออกมาเสียให้ได้ .. คง ยังไม่กล้าจะบอกใคร ว่าคบกับดงเฮแล้วล่ะมั้ง
                “.. แล้วมึง มึงคิดว่ายังไงล่ะคิบอม ...
                หึ จะให้กูตอบตามความจริงเลยไหมล่ะว่ากูอิจฉา! กูชอบมึงมาก่อนแม่งด้วยซ้ำไป
                กูจะพยายาม ...ไม่จำเรื่องที่ได้ยินแล้วกันเพื่อความสบายใจของมึงทั้งสองคน กูจะทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว จะไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวาย จะไม่กระแดะไปเป็นส่วนเกิน
                ก็ดีร่างเล็กพูดดวยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะลุกขึ้นเดินตรงเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว ..
                กลัวน้ำตาจะไหลลงมา ให้แม่งเห็นว่ากูรักมันเหลือเกิน
                ทันทีที่ประตูบานเล็กของประตูห้องน้ำปิดลง ร่างทั้งร่างก็สั่นเทาออกมาจากการกลั้นเสียงสะอื้นอย่างแรง น้ำใสๆ จากดวงตาไหลรินออกมาอย่างไม่เกรงใจใคร
                ฮยอกแจนั่งชันเข่าอยู่กับพื้น แผ่นหลังเล็กพิงราบกับบานประตู ริมฝีปากบางถูกกัดไว้แน่นจนห้อเลือดเพราะไม่ต้องการจะให้มีเสียสะอื้นใดเล็ดลอดออกให้อีกคนได้ยิน .. เสียใจ เหลือเกิน ทั้งๆ ที่รู้มานานแล้ว แต่กลับปล่อยให้เขาคิดเองเออเอง ความหวังลมๆ แล้งๆถูกคำพูดของดงเฮปลุกให้กระพืออีกครั้ง หากแต่ก็ต้องสลายหายไปอย่างรวดเร็เพียงเพราะประโยคสั้นๆ ของคิบอม
                กูจะ .. ลืมไปซะว่าเคยรักมึง .. คิบอม
                ในขณะเดียวกัน .. ร่างสูงยืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำที่อีกคนเพิ่งเดินเข้าไป มือหนาจับที่ลูกบิดประตู ทำท่าจะเดินตามเข้าไป ไม่รู้สิ สีหน้าของฮยอกแจดูไม่ดีเลย เขาไม่อยากปล่อยให้ร่างเล็กอยู่คนเดียวในตอนนี้ .. กำลังจะออกแรงบิดอยู่แล้ว หากแต่ท่าทีแลคำพูดเมื่อกี้ก็แว๊บเข้ามาในหัว
                ก็ดี.. ก็ดีงั้นเหรอ? สีหน้าของฮยอกแจดูเฉยชา เมื่อรวมกับคำพูดสั้นๆ ได้ใจความเมื่อครู่แล้วทำเอาคิบอมจุก พูดราวกับว่าจะมาตอกย้ำว่ารักกัน รักดงเฮมากนักหนา
                ทั้งๆ ที่เฝ้ารอโอกาสดีๆ มานานหลายปี แต่จู่ๆ ควาหวังครั้งสำคัญในชีวิตก็กลับต้องมาพังทลายไปในค่ำคืนเดียว มันก็สมควรนี่ ฮยอกแจพร่ำบอกว่าเกลียดเขาต่างๆ นานา ดงเฮดีกว่าคิบอมทุกอย่าง มันหล่อ มันรวย มันเป็นสุภาพบุรุษ ไม่ทำตัวปากดีแบบเขา ..
                คิบอมพิงหลังกว้างไว้กับประตูตรงหน้า ของเหลวใสที่กักเก็บไว้ในดวงตาดูราวกับว่าจะทะลักออกมาได้ทุกเมื่อ .. จบแล้ว ไม่มีอะไรอีกแล้ว จากนี้ไปคงไม่ต้องคิดอะไรอีกแล้ว
                เพราะกูจะต้องลืมมึงให้ได้สักที .. ฮยอกแจ









                ขาเล็กก้าวเข้ามาในรั้วมหาวิทยาชื่อดังที่เหล่านักศึกษาต่างเข้าหาความรู้ หากแต่จุดประสงค์ที่ฮยอกแจมาครั้งนี้ไม่ใช่มเรียน ก็แค่ไม่อยากสู้หน้าไอ้เหี้ยนั่นเท่านั้นเอง
                ฮยอกแจ!” เจ้าของชื่อสะดุ้งทันทีที่จู่ๆ ก็มีมือคู่ใหญ่มาเกาะหลัง และเมื่อหันไปก็พบว่าเป็นคือคยูฮยอนนั่นเอง มาทำเหี้ยอะไรแถวนี้จ้ะ?”
                เบื่อหอ
                หรอ .. แล้วนี่ มึงจะไปไหน
                ไม่รู้ว่ะ ฮยอกแจตอบคำถามเพื่อนอีกคนขณะที่ยังเดินไปเรื่อยๆ  เขาก็ยังไม่รู้จะไปมุดหัวอยู่แถวไหนดี เจอไอ้คยูฮยอนก็ยังดี จะได้มีเพื่อน แล้วมึงอ่ะ ทำไร?”
                อยากรู้ป้ะล่ะกูมาทำอะไร รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหนาหล่อเหลาทันที ก่อนจะลากคนที่ตัวเล็กกว่าเดินลัดสวนหย่อมเล็กๆ มาทางส่วนของโรงเรียนมัธยมปลายซึ่งยู่ในรั้วเดียวกันกับมหาลัยที่พวกเขาเรียน เด็กมัธยมจากที่นี่ ส่วนใหญ่ก็มาสอบเข้ามหาลัยนี้ทั้งนั้น
                ลากกูมาดูอะไรเนี่ย ฮยอกแจถามขึ้นเสียงหงุดหงิด ข้าแข้งมันเริ่มล้าแล้วจากการเดินตามแรงลากของคยูฮยอน แล้วก็มาหยุดอยู่ที่โรงเรียนมัธยมที่ซึ่งเป็นสถานที่คลายเครียดของแม่ง ไม่ได้มานั่งพักผ่อนหย่อนใจอะไร มานั่งส่องขาเด็กผู้หญิง .. เชี่ยยย ย
                มึงมองไปตรงนั้นนะ มองตรงไปอ่ะ นั่นอ่ะ .. เห็นมั้ยคยูฮยอนจับใบหน้าของเพื่อนให้มองตรงไปทางม้านั่งริมสนามฟุตบอล ที่ซึ่งมีผู้ชายนั่งกันอยู่สองคน
                ไม่เห็นมี มินิสเกิร์ตสักคน
                เหี้ยยย .. กูไม่ได้ให้มึงมาส่องของดี วันนี้มาส่องของดีมากกว่านั้น
                ผู้ชายสองคนนั้นเนี่ยนะ?” ผู้ชายคนหนึ่งดูตัวเล็กๆ ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสดูมีสกุลรุนชาติ ใบหน้าขาวอมชมพูกับริมฝีปากแดงๆ นั่นดูเข้ากันจนคิดว่าคงหนีไม่พ้นคำว่า “.. น่ารักว่ะ
                ใช่ปะล่ะ! โคตรรรรรน่ารักอ่ะ กูมองมานานแล้ว น้องเค้าชื่อซองมิน ร่างสูงกว่าดูกระดี๊กระด๊าขึ้นมาทันทีที่เริ่มมีแนวร่วม .. ฮยอกแจมองเด็กที่ชื่อซองมินแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เด็กมันน่ารัก ยิ้มทีกูจะละลายแล้ว แต่จู่ๆ สายตาก็พลันเหลือบไปมองผู้ชายอีกคนข้างๆ กันทันทีที่รู้สึกได้ถึงสายตาอาฆาต ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ ซองมินดูตัวใหญ่ และก็คงไม่ใช่เด็กมอปลาย ใบหน้าขึงขังจ้องตรงมาทางเขาและคยูฮยอนอย่างโหดเหี้ยม
                เอ่อ ไอ่โจ .. กูว่าแฟนน้องเค้าจ้องเราอยู่ .. นะ
                ไม่ใช่แฟนเว้ย พี่ชายๆ .. ชื่อพี่ซีวอน ปีสาม
                นั่นแหละ .. พี่ซีวอน เหมือนเค้ากำลังมองกูกับมึงอยู่นะเว้ย
                และยังไม่ทันขาดคำ คนชื่อซีวอนก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะก้าวยาวๆ ตรงมาทางพวกเขาด้วยใบหน้าโหดๆ  .. ฮยอกแจเห็นดังนั้นก็รีบกลืนน้ำลายเสียเฮือกใหญ่ เพราะประโยคสุดท้ายของเพื่อนเวรมันกระซิบเบาๆ ให้เขารับหน้าแทน ก่อนแม่งจะแว๊บหายไปทันที
                โทษนะน้อง เห็นมองอยู่นาน มีอะไรรึเปล่าซีวอนเอ่ยด้วยท่าทีดูมีอำนาจ ฮยอกแจยิ้มแหยๆ ให้ก่อนจะเหลือบไปมองด้านหลังของชายร่างสูงตรงหน้า รู้หมเขาเห็นอะไร?
                ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยย!! .. ทิ้งให้กูรับศึกหนัก มึงตอแหลไปนั่งจีบน้องซองมินหรอสัส !
            “เอ่อ .. เปล่าๆ  แค่มองวิวทิวทัศน์รอบๆ โรงเรียนเก่าเฉยๆ เปล่าตอแหล แค่หาทางรอด
                มองวิวหรือมองน้องผมไม่ทราบ?” อ้าวว .. รู้ดีอีกไงไอ้เปรต
                โถ่ บอกว่า .. ร่างบางหยุดพูดไปเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทีส่งซิกของเพื่อนชั่วทางด้านหลังซีวอนเป็นเชิงว่าให้ไล่แม่งออกไป .. แหมม ได้คืบจะเอาศอก กูเกี่ยวไรด้วยว้ะ !
                หืม?”
                นี่ ซีวอน ชื่อซีวอนใช่มั้ย?”
                ใช่
                เอาล่ะ ซีวอน .. มีอะไรจะให้ดู ฮยอกแจชูมือขาวๆ ของตัวเองขึ้นมา หันด้านหลังมือให้คนตัวสูงกว่าดู เก็บนิ้วโป้งลงไป ตามด้วยนิ้วก้อย นิ้วนาง .. และปิดด้วยนิ้วชี้ เหลือเพียงนิ้วหนึ่งนิ้วอันไม่พึงประสงค์
                มึงงงงงงง หมายความว่าไง!”
                กูเหม็นขี้หน้ามึงไงซีวอน
                ไอ้สัส กูรุ่นพี่มึงนะ ซีวอนพูดด้วยน้ำเสียงเหี้ยมๆ  ไหลหนากระแทบกข้าที่ต้นแขนเล็กๆ ของคนปากหมาอย่างแรงจนถึงกับเซ ฮยอกแจแหงนหน้าขึ้นมองคนตัวสูงอย่างเอาเรื่อง
                มาชนกูทำไมไอ้เหี้ย!” ร่างเล็กกว่าตะคอกใส่อีกคนเสียงดัง ก่อนจะประทบฝ่าตีนงามๆ ลงไปบนรองเท้าหนังสุดโอเว่อร์ของคนอายุมากกว่าอย่างแรงไม่แพ้กัน
                โอ้ยยยยย! ไอ้สัส กูเจ็บ! ไม่อยากตายดีรึไงมึง!!” ซีวอนกุมตีนไว้ด้วยสีหน้าเจ็บปวด สร้างความสะใจให้อีกคนไม่น้อย ฮยอกแจหัวเราะร่าออกมาอย่างไม่เกรงกลัวอันตรายที่รออยู่เบื้องหน้าเลยสักนิด
                อยากตายมาก ตามมาฆ่ากูหน่อยสิครับรุ่นพี่ซีวอน ฮ่าๆๆๆๆพูดจบก็ออกวิ่งไปทางเขตมหาลัยทันที วิ่งไปขำไป ซีวอนที่วิ่งกะเผละๆ ก็วิ่งตามมาติดๆ ไม่ยอมแพ้
                หยุดนะมึงงงงงงงง แหกไปปากก็เท่านั้น มีหรือไอ้คนกวนตีนจะทำตาม ร่างบางยังคงวิ่งไปเรื่อยๆ  พลางหันมาหัวเราะใส่คนวิ่งตามเป็นระยะๆ  จนกระทั่งออกจากประตูมหาวิทยาลัยไปแล้ว
                ซีวอนเองก็เหมือนจะไม่ยอมแพ้ จะเอาแม่งมาเตะให้สักน่วมเลย ซีวอนวิ่งตามไป เสื้อเชิ้ตตัวหรูชุ่มไปด้วยเหงื่อ วิ่งไล่กวดคนตัวเล็กไปติดๆ  ไม่สนใจสายตาคนที่ป้ายรถเมล์ที่ต่างก็มองว่าไอ้บ้าที่ไหนมาเล่นวิ่งไล่จับกันแถวนี้ ..
                ฮยอกแจเลี้ยวไปที่มุมตึกซึ่งไร้ผู้คน ก่อนจะก้มลงซ่อนตัวไว้หลังถังขยะ พยายามกลั้นเสียงหัวเราะเมื่อซีวอนวิ่งมาหน้าเอ๋อเมื่อไม่เห็นเขาอยู่ในซอยนี้ ก่อนจะออกวิ่งต่อไป .. ดูเหมือนจะไม่กลับไปหาน้องซองมินง่ายๆ หรอก คงต้องตามจับตัวฮยอกแจไปอัดเสียก่อนล่ะมั้ง
                ฮ่าๆๆๆๆเมื่อเห็นว่าปลอดภัยแลว ฮยอกแจจึงออกมาจากที่ซ่อน ปาดเหงื่อที่ผุดออกมาตามใบหน้าและลำคอ ลงทุนเสียเหงื่อหน่อย แต่ก็ได้แลกกับการลืมเรื่องเครียดๆ เมื่อเช้ามาได้สนิท
                ยืนขำอะไรคนเดียวจ๊ะเสียงทุ้มๆ ดังขึ้นทางด้านหลัง ร่างบางหันไปมองทันที .. ไอ้เหี้ยยยยย ลืมไปเลย นี่มันซอยอันตรายที่ดงเฮห้ามไม่ให้เขาผ่านมาแถวนี้ .. ฮยอกแจมองไปรอบๆ ตัว ชายฉกรรจ์ห้าหกคนยืนรายล้อมเขาอยู่ .. ตายห่า ขอถอนคำพูด กูว่าไม่คุ้มแล้วว่ะ
                ออกไปนะเว้ย กูจะกลับบ้าน ฮยอกแจพูดกับคนหัวทองที่มาขวางทางเขาไม่ให้ออกไปจากซอยเหี้ยๆ นี่ เชิดหน้าขึ้นเหมือนกล้า แต่จริงๆ ฉี่ข้ากำลังจะแตก
                เมื่อกี้ว่าเห็นหลังไอ้ซีวอนอยู่ไกลๆ  ถ้าตะโกนเรียกแม่งจะมาช่วยมั้ยวะ?
                จะรีบไปไหนเล่า~”
                พวกมึงต้องการอะไร?” ถามไปงั้น ถ่วงเวลาเผื่อมีใครเดินผ่านมาแถวนี้ มันจะเอาอะไรได้วะ? มือถือก็ไม่ได้เอามา กระเป๋าตังค์ก็ไม่ได้เอามา เสื้อยืดกางเกงยีนส์ เพียวๆ เลย
                อยากได้เพื่อนเล่น คนที่ใส่แจ็คเก็ตเสี่ยวๆ พูดขึ้น ก่อนกุ้ยทั้งวงนั่นจะแหกปากหัวเราะออกมา .. ห่า เส้นตื้นกันจังนะ ฮาอะไรกันวะสาดดดดดดดดดดดดดด
                ปล่อยกูไปเหอะ นี่กูไม่ได้พกอะไรมากับตัวเลยจริงๆ นะเนี่ย
                ใครว่ากูต้องการเงินล่ะ คนที่ดูจะตัวสูงที่สุดตรงเข้ามาล็อกร่างเล็กไว้กับกำแพงเย็นๆ  ฮยอกแจเบิกตาโพล่งด้วยความตกใจ ไม่คิดว่ามันจะจู่โจมรวดเร็วแบบนี้ จำพวกกูไม่ได้หรอฮยอกแจ!”
                จำไม่ได้หรอกไอ้เหี้ย ปล่อยกูนะเว้ย!” ชายคนนั้นกดหลังฮยอกแจกับกำแพงแรงยิ่งขึ้น จนตอนนี้อดคิดไม่ได้ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน เขาเคยรู้จักพวกเหี้ยนี่ด้วยหรอ?
                กู .. ฮันกยองไง .. ทำไม? จำขี้หน้ากันไม่ได้แล้วหรอ
                อ๋อออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ !!
            “แหม ก็นึกว่าใคร ไอ้ครึ่งลูกขี้ขโมยนี่เอง เป็นไงล่ะสบายดีไหม?” ปากนี่ขอให้ได้เปิดเถอะ การกวนตีนคือลมหายจของลีฮยอกแจ แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์อันน่าหวาดหวั่น แต่ปากก็บ่ยั่นจริงๆ
                ยังมีหน้ามาพูดนะ ถ้าไม่ใช่เพราะมึง กูก็ไม่ต้องโดนไทร์ออกแล้วสัส!!”
                มึงทำตัวมึงเองนะไอ้คนจีน กูแค่เป็นหูเป็นตาให้เพื่อน ไม่อยากให้ของมันหาย
                ยังปากดีเหมือนเดิมนะสัส!” ฮันกยองออกแรงกดหลังเล็กของคนปากหมาลงกับกำแพงมากขึ้น เสียงเยียบเย็นฟังดูน่าขนลุกไม่น้อย ....
แม้จะเจ็บหลังก็ไม่อาจเบะปากร้องออกมา แม้จะกลัวก็ไม่สามารถคุกเข่าอ้อนวอน สันดานแบบนี้มันมีมาตั้งแต่เกิด ด้วยความที่มีแบ็คอัพดี ลีฮยอกแจจึงไม่ค่อยจะกลัวใคร
แล้วจะทำไม!” แต่จังหวะนี้ .. เหลือกูคนเดียวแล้วมั่งเหอะ!
กูเหม็นขี้หน้ามึง เหม็นขี้หน้าไอ้ไฮโซพ่อมึงด้วย คงหมายถึง .. ไอ้ดงเฮ
เรื่องของมึงดิ่
ห่านี่ เจอตีนกูหน่อยดีมั้ย!” ไม่พูดเปล่า ร่างสูงเหวี่ยงคนตัวบางลงบนพื้น ตีนโตๆ กำลังจะสัมผัสสีข้างของฮยอกแจ เจ้าตัวยกแขนขึ้นมาป้องหน้าตัวเองไว้ตามสัญชาติญาณ หลับตาปี๋
แต่ก่อนที่จะพบจุดจบของชีวิต .. พ่อก็มาช่วยลูกตัวน้อยจริงๆ

หยุดเลยไอ้เหี้ย!”

ไอ้ดงเฮ!” เสียงสองเสียงประสานขึ้นมาพร้อมกัน รอยยิ้มบนใบหน้าซีดๆ ปรากฎขึ้นทันทีที่เห็นว่าใครกำลังวิ่งเข้ามาจากปากซอย   เย้ดแม่ม กูรอดแล้ว
                ฮ่าๆๆๆ  มึงนี่ผู้ชายจริงเปล่าวะฮยอกแจ? ต้องมีเหี้ยนี่ตามมาช่วยตลอด
                ก็กูเจ๋งอ่ะ! เพื่อนกูดีอ่ะสัส ไม่เหมือนมึงหรอกมีแต่เพื่อนก่ากๆ  ถุ๊ย!” ร่างเล็กรีบยันตัวลุกขึ้นมายืนเต็มความสูงอันน้อยนิด ก่อนจะขากเสลดลงตรงปลายเข้าของฮันกยองอย่างสวยงาม
                อย่ามาปากหมา .. มึงมาก็ดีดงเฮ กูจะได้คิดบัญชีพร้อมๆ กันไปเลย
                พลพรรคแก๊งค์เสี่ยวของคนจีนวิ่งมาล้อมคนที่เพิ่งมาใหม่ไว้ทันที อย่าว่าแต่จมาถกฮยอกแจไปเลย ช่วยตัวเองให้รอดออกมาก่อนจะทำได้ไหม? แม่งเล่นล้อมกูไว้ซะขนาดนี้
                มึงจะทำอะไรเพื่อนกู ฮันกยองฮยอกแจที่เริ่มเห็นว่าท่าไม่ค่อยจะดีปราดเข้าไปคว้าคอเสื้อของคนตัวสูงอย่างรวดเร็ว ด้วยความอารมณ์เสีย
                ปล่อยคอเสื้อกู
            “มึงก็ปล่อยเพื่อนกูไปสิ
                ปล่อยคอเสื้อกู
            พลั่กก!
            “พอใจยังไอ้สัส!” พูดออกมาหลังจากจัดการปล่อยหมัดหนักๆ เข้าไปที่กรามซ้ายของฮันกยองอย่างแรง ร่างสูงที่ถึงกับล้มลงไปหันหน้าขึ้นมามองลูกหมาแรงเยอะอย่างเดือดดาล
                ไอ้ฮยอกแจ!” ไม่พูดเปล่า ฮันกยองยันกายลุกขึ้นยืนก่อนจะซัดหมัดที่หนักกว่าเข้าที่ใบหน้าขาวซีดทันทีจนถึงกับหน้าหัน ร่างทั้งร่างล้มลงไปบนพื้นอย่างแรง
                ฮยอกแจ!” ดงเฮตกใจกับภาพที่เห็น เขาทำท่าจะวิ่งออกมาจากวงล้อมแก๊งค์เสี่ยว แต่ก็โดนชายตัวโตตัวขวางไว้ ดงเฮไม่สนใจ ปล่อยลูกถีบออกไปที่ยอดอกของเหี้ยนั่นทันที
                ไอ้ห่า กูเจ็บนะเว้ย!” คำพูดที่พ่นด่าออกมาดูเหมือนกับเด็กจนฮันกยองอยากจะหัวเราะออกมาเป็นภาษาอีสาน ฮยอกแจลุกขึ้นนั่งเอามือกุมปากที่เลือดไหลออกมา ถ้าสังเกตุดีๆ จะเห็นว่าน้ำตาเริ่มซึมออกมาด้วยเช่นกัน
                เห้ย! ฮ่าๆๆๆ  มึงร้องไห้ทำไม!”
                ก็กูเจ็บ! ไม่ต้องมาหัวเราะกู มึงเจอนี่หน่อยเป็นไง
            พลั่กกกก! ตุ้บบบบ ..
                ร่างเล็กที่นั่งอยู่วาดเท้าไปที่ขายาวๆ ทั้งสองของฮันกยองอย่างรวดเร็ว จนอีกฝ่ายเสียหลักล้มลงไม่เป็นท่า ไม่รอให้ศัตรูได้มีโอกาส ฮยอกแจลุกขึ้นใช้วิธีหมาๆ อย่างการกระทืบลงไปบนลำตัวหนาอย่างแรง .. โดยที่ฝ่ายดงเฮก็ยังไม่มีที่ท่าว่าจะหลุดออกมาจากพวกเกรียนห้าหกคนนั่นได้เลย เขาจัดการล้มมันทุกคนแล้ว แต่ผลลัพธ์ที่ได้ตามมาคือการฟื้นของปีศาจพร้อมอาวุธที่ใช้ได้ในทุกสถานการณ์อย่างของมีคมสีเงินวาวๆ ที่เรียกว่ามีด
            “ฮยอกแจ มึงพอได้แล้ว วิ่งออกไปแล้วโทรตามคิบอมมา ดงเฮตะโกนบอกเพื่อนรักเมื่อเห็นว่าชักจะคุมสถานการณ์ไม่อยู่ เขาไม่ต้องการให้ฮยอกแจมีแม้แต่รอยแผลจากมีดก่ากๆ พวกนี้
                ให้กูปล่อยมึงอยู่คนเดียวเนี่ยนะ ... โอ้ย!” แค่เพียงจังหวะเดียวที่หันหน้าไปหาดงเฮ ฮันกยองรีบลุกขึ้นปล่อยหมัดใส่แม่งไปทันที โดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัวก็ปล่อยไปอีกหมัด
                ฮยอกแจ!” ภาพของคนที่แอบรักมานานหลายปีโดนทำร้ายจนเลือดออกหน้าออกตาเต็มไปหมดแบบนี้เปรียบได้กับเชื้อเพลิงชั้นดีที่ราดลงบนกองฟางในร่างกายของดงเฮ กำลังวังชาและความกล้าบ้าบิ่นหลั่งเข้ามาจากที่ใดไม่อาจทราบ รู้เพียงว่าเขากลายเป็นเฉินหลงไปแล้ว
                ชายตัวสูงคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหมายจะแทงมีดนั่นเข้าที่ท้องของดงเฮ หากแต่เขาก็หลบทัน จับแขนของไอ้เหี้ยนั่นกระแทกกับเข่าของตัวเองจนได้ยินเสียงของกระดูก ก่อนจะหันไปจัดการกับอีกหลายคนที่เหลือ
                จนแล้วจนเล่า .. ร่างบางๆ ก็ร่วงลงไปกองอยู่กับพื้น ตาปรือๆ เหมือนจะตายแหล่มิตายแหล่ แต่ฮันกยองก็ยังไม่เลิกรา ตามลงไปคร่อมร่างของฮยอกแจเอาไว้ก่อนจะซัดเข้าไปซ้ายทีขวาทีอย่างมันมือ ไม่ได้สนใจเลยว่าศัตรูอีกคนที่สามารถตีวงล้อมออกมาได้แล้วกำลังวิ่งมาด้านหลัง
                พลั่กกกกก!
            “ไอ้เหี้ย!” ดงเฮประทับเรียวขาเข้าที่ก้านคอของไอ้เวรนั่นอย่างแรง ด้วยความแค้นส่วนตัวเมื่อได้เห็นสภาพของเพื่อนรักที่สลบเหมือดไปแล้ว ทำให้ฝ่าตีนต้องกระทืบอย่างแรงไปบนใบหน้าของฮันกยองอย่างแรง .. ความจริงนี่ในยังเทียบไปได้กับการมาทำแบบนี้กับฮยอกแจ เพียงแต่ดงเฮมีสติพอที่จะประมวลสมองว่าทำอย่างไรต่อไป
หยิบโทรศัพท์เครื่องบางออกมากดเบอร์โทรด่วน โดยไม่ต้องรอให้ปลายสายรับ ไม่ต้องนำโทรศัพท์มาแนบฟูฟัง นี่คือสัญญาณฉุกเฉิกระหว่างเขา คิบอม และฮยอกแจ นึกเจ็บใจตัวเองที่ตอนวิ่งมาไม่ทำแบบนี้เสียก่อน อย่างน้อยถ้ายังมีไอ้แรงควายอย่างคิบอมมาช่วย ก็ดีกว่า ..
ดงเฮช้อนตัวร่างเล็กขึ้นอย่างเบามือ ก่อนจะเดินออกไปทางปากซอย และก็ต้องตกใจเมื่อพบว่ารถของคิบอมเบรคเอี๊ยดอยู่ตรงหน้าเขา เจ้าของรถเปิดประตูออกมาด้วยสีหน้าตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก คิบอมเปิดประตูหลังให้ดงเฮวางเพื่อนตัวเล็กไว้บนนั้น
ไอ้เหี้ย ทำไมไม่เรียกกู คิบอมเอ่ยถามเพื่อนออกมาอย่างหัวเสียขณะที่กำลังช่วยกันวางร่างของฮยอกแจไว้ที่เบาะหลัง แล้วนี่พวกใครล่ะ? ไอ้เยซองหรอ?”
เปล่า .. ดงเฮตอบไว้แค่นั้นก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่เบาะข้างคนขับ ไอ้ฮันกยอง
สัส ไอ้ขี้ขโมย.. อยากแดกตีนกูซะแล้ว คิบอมพูดพลางสตาร์ทรถมุ่งหน้ากลับหออย่างรวดเร็ว .. จิตใจไม่ยักกะอยู่กับเนื้อกับตัว เขาต้องการกลับไปจัดการไอ้เหี้ยตี๋นั่น เขาไม่พอใจที่เห็นบาดแผลบนใบหน้าของดงเฮ และไม่พอใจอย่างแรงที่เห็นสภาพของฮยอกแจ
มึงพาฮยอกแจไปทำแผล เดี๋ยวกูมา คิบอมพูดขึ้นเมื่อรถจอดเทียบกับประตูเข้าหอ เขาและดงเฮเดินมาที่เบาะหลังก่อนจะช่วยกันประคองร่างอ่อนปวกเปียกของฮยอกแจออกมาจากตัวรถ ดงเฮพยักหน้าเข้าใจพลางช้อนตัวเพื่อนตัวเล็กเข้ามาในอ้อมแขน
โทรเรียกไอ้คยูฮยอนไปด้วยนะมึง มีอะไรโทรหากู
เออๆ .. มึงก็หายาใส่แผลมึงด้วย ทิ้งท้ายไว้กับเพื่อนรักแค่นั้นก่อนจะเหยียบคันเร่งออกไปทันที คิบอมหยิบโทรศัพท์ออกมากดหาคู่หูในภารกิจครั้งนี้ทันที
ฮัลโหล
มึงอยู่ไหน?”
เพิ่งส่งแฟนใหม่กลับบ้าน น้องพี่ซีวอนที่เราเคยเห็นกันวันนั้นอ่ะ เหี้ยแม่งน่ารักเป็นบ้า
เอาเป็นว่าตอนนี้ว่างแล้วใช่มั้ย?”
ว่าง อยากแดกเหล้า
ไม่ต้องเลย วันนี้งด .. ไปออกกำลังกายกับกูดีกว่า
ว้าววว! อย่างงี้กูชอบ คราวนี้ใครล่ะ?”
ไอ้คนจีนขี้ขโมยอ่ะ มึงจำได้มั้ย?”
จำได้ซะยิ่งกว่าได้ กูรอหน้ามหาลัยนะ
จัดไปครับ









อื้มม..เสียงครางในลำคอของเพื่อนรักทำให้ดงเฮเบนความสนใจไปทางร่างบางบนเตียงที่กำลังยันกายลุกขึ้นนั่ง ร่างสูงก้าวไปประคองคนเจ็บไว้อย่างรวดเร็วจนเหมือนว่าจะออกหน้าออกตา ฮยอกแจใช้มือคลำไปบริเวณมุมปากที่รู้สึกได้ถึงความเจ็บ รสคาวๆ ของเลือดในปากทำเอาใบหน้าเหยเก
เจ็บมั้ยดงเฮเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลที่ใช้ทำแผลให้ตัวเองอยู่เมื่อครู่มาที่อีกคน คำถามเบสิคเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเหลือเกิน....
ถามมาได้ เจ็บดิ่วะร่างเล็กตอบกลับไปอย่างไม่ค่อยสะดวกเท่าที่ควร ขยับปากมากไม่ค่อยได้ แผลมันจะฉีกเอา เห้ยๆๆ ! ไม่เอาแอลกอฮอล์!”
ฮยอกแจแหกปากโวยวายออกมาอย่างลืมตัวเมื่อเห็นสำลีในมือดงเฮที่ดูจะมีส่วนที่เป็นสีฟ้าอ่อนหน่อยๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไอ้น้ำเวรนั่นแน่ๆ
ควาย ไม่ล้างแผลแล้วจะหายมั้ย
เดี๋ยวมันก็หายเองตามธรรมชาตินั่นแหละ
มึงจบปอหกมาได้ไงวะฮยอกแจดงเฮส่ายหน้าเบาๆ ให้กระบือตัวน้อยในความคิดของเพื่อนรัก ก่อนจะยื่นสำลีเช็ดแผลเข้าไปใกล้ไปหน้าขาวนั่นอีกครั้ง
เข้ามา กูถีบมึงแน่
ก็ลองดิ่ดูเหมือนร่างสูงจะไม่สนใจกับคำขู่ของคนตัวเล็กเลยแม้แต่น้อย ยังทำท่าจะป้ายน้ำอรสรพิษใส่แผลสดๆ นั่นลูกเดียว ... แล้วก็เป็นไปตามคำขู่ ขาเล็กๆ ภายใต้กางเกงยีนส์ขายาวเด้งออกมายันลำตัวของคุณหมอจำเป็นไว้ก่อนจะเข้าได้ถึงตัว
หากแต่มีหรือลีดงเฮจะพ่ายแพ้ต่อศิลปะป้องกันตัวควายๆ ของเพื่อนตัวเล็ก เอี้ยวตัวหลบนิดเดียวก็รอดพ้นฝ่าตีนนั่นแล้ว ซ้ำยังลงโทษคนดื้อด้วยก่อนเลื่อนตัวไปซ้อนไว้ด้านหลังก่อนจะล็อกข้อมือบางไว้ แค่นี้ก็หมดฤทธิ์ ตีนสองข้างที่อยู่ข้างหน้าถีบเตียงไปมาอย่างไร้ประโยชน์ แขนก็โดนล็อก น้ำยาปลิดชีพก็อยู่ในมือของคนข้างหลัง ... ตาย กูตายพอดี
ปล่อยกู! ไอ้สัส ปล่อยยยยย!!” ฮยอกแจสะบัดหน้าไปมาเต็มที่ หลีกหนีจากสำลีพิฆาตที่ทำท่าจะแปะมาที่ใบหน้าของเขาสุดชีวิต ดงเฮก็ดูเหมือนจะตกที่นั่งลำบากเหมือนกัน การซ้อนตัวอยู่ด้านหลังทำให้เข้าเล็งแผลที่มุมปากของร่างเล็กไม่ถนัด ยิ่งแม่งดิ้นไปดิ้นมาอย่างงี้อีก
เห้ยๆ พอๆ .. เลิกเล่นได้แล้วฮยอกแจน้ำเสียงดุๆ เปล่งออกมาหยุดปฏิกิริยาของหมาจนตรอกไว้ได้ทันที .. ฮยอกแจโคตรเกลียดเวลาดงเฮดุเลย แม้อยากจะด่าออกมาว่ากระแดะทำเป็นพ่อกู แต่ก็ต้องเก็บไว้ กลัวมันเสยหน้าให้สักดอก
มันแสบจริงๆ นะดงเฮไม้แข็งไม่ได้ก็ต้องลองไม้อ่อน น้ำเสียงอ้อนๆ ราวกับลูกแมวที่ทำให้คิบอมยอมลงไปซื้อขนมให้นั้นนับเป็นอาวุธชั้นดี เป็นไม้ตายคอมโบของฮยอกแจเลยทีเดียว
อย่ามาทำหน้าตอแหล... แต่ใช้ไม่ได้กับดงเฮ
เอาวะ! ทนเจ็บนิดนึงเอง ไม่งั้นตอนอาบน้ำจะแสบมากกว่านี้อีกนะ!
ปล่อยกูก่อนได้ไหม แล้วจะยอมให้ทำแผล
แล้วมึงก็จะได้หนีกูไปแอบในห้องน้ำ
เห้ย กูพูดจริง กูสัญญาจะอยู่นิ่งๆ เลย
..ดงเฮมองหน้าของอีกฝ่ายที่หันหลังมาพูดกับเขานิ่ง ชั่งใจอยู่ว่าจะเชื่อไอ้ปากหมานี่ได้ไหม แต่ก็เอาเหอะ ยังดีกว่ามานั่งสู้กันแบบนี้ เสียเวลาเปล่าๆ
มันต้องเชื่อใจกันอย่างงี้ร่างเล็กยิ้มร่าออกมาทันทีที่เพื่อนตัวสูงปล่อยแขนเขาให้เป็นอิสระ ฮยอกแจยกแขนขึ้นกอดอกไว้แน่น นี่ไง ..  กูจะเก็บแขนไว้แบบนี้ โอเคมั้ย?”
พูดง่ายๆ อย่างงี้ค่อยน่ารักหน่อย
มึง .... ไม่ว่ะ งั้นกูจับไว้แบบนี้ก็ได้อ่ะดงเฮเอื้อมมือไปจับข้อมือคู่นั้นไว้แน่น มืออีกข้างที่ถือสำลีเช็ดแผลไว้ก็เอื้อมมาจ่ออยู่ที่ใบหน้าของคนตัวบาง ... ยังไม่ถนัดเท่าไหร่
ภาพของคนทั้งสองในตอนนี้ดูล่อแหลมเกินไปแล้ว ไม่รู้ว่าฟัดกันอิท่าไหนร่างเล็กถึงได้ขึ้นมานั่งอยู่บนตักกว้างของคนที่ตัวโตกว่า แถมยังโดนแขนล่ำๆ โอบไว้ .. และประเด็นร้อนคือ
เขาทั้งสองอยู่บนเตียง
หันหน้ามาดิ๊
ฮยอกแจหันหน้ามาหาคนเรียก ดงเฮตกใจเมื่อเริ่มรู้สึกได้ถึงระยะห่างระหว่างใบหน้า ใกล้กันเกินไปแล้ว .. ไหนจะแผ่นหลังเล็กๆ ที่ทาบอยู่กับอกกว้างของเขา
เบาๆ นะโชคดีแล้วที่คนตัวบางหลับตาปี๋ด้วยความกลัว ไม่งั้นดงเฮคงเขินจนไม่เป็นอันทำแผลแน่นอน .. มือแกร่งหากแต่เบากำลังที่ถือสำลีไว้ค่อยๆ ประทับน้ำยาล้างแผลลงรอบๆ บริเวณบาดแผลสด สัมผัสได้ถึงร่างกายสั่นเทในอ้อมแขน ฮยอกแจกลัวการทำแผลเป็นที่สุด บอกว่ายอมโดนดงเฮเตะสักสามสิบทียังดีกว่าการที่ต้องมานั่งทำแผลแค่แป๊บเดียว
ใกล้เสร็จแล้วน่าดงเฮเอ่ยออกมาเบาๆ  กลัวว่าลมที่ออกมาจากปากจะไปกระทบโดนบาดแผลของร่างบาง กลัวแม่งจะเจ็บ .. เมื่อกี้ใส่ยาที่แผลของตัวเองยังไม่เบามือขนาดนี้เลย แต่กับฮยอกแจน่ะทำอะไรลวกๆ ได้ที่ไหนล่ะ ต้องทะนุถนอมให้ถึงที่สุด
 สำลีปลิดชีพค่อยๆ เลื่อนมาบริเวณแผลสดรอบๆ ดวงตา ก่อนจะไล่ไปทั่วใบหน้า ยิ่งได้เห็นผลที่ได้จากการกระทำของฮันกยองใกล้ๆ แล้วดงเฮนึกอยากตามไปสมทบกับคิบอมซะตอนนี้เลย ไอ้เหี้ยนี่ไม่ยั้งมือเลยจริงๆ  อย่าให้กูเจออีกนะมึง เล่นไม่เลี้ยงแน่!
มึงคิดอะไรอยู่เนี่ย ทำไมกูเริ่มเจ็บๆ แล้ววะจากสัมผัสอ่อนโยนเมื่อครู่ ตอนนี้เริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนคนหลับตาอยู่รู้สึกได้ .. เพราะคิดถึงเรื่องไม่ดีๆ  กำลังที่ออกแรงไปก็เริ่มมากขึ้น
เพราะมึงเลยฮันกยอง .. ผิดอีกกระทงแล้วนะสัส

50%

เสร็จแล้วดงเฮพูดออกมาขณะที่บรรจงปิดพลาสเตอร์สีเนื้อลงไปตรงแผลบริเวณหางคิ้วของร่างเล็ก ก่อนจะเป่าลมไปเต็มๆ ใบหน้าขาวผ่องที่เต็มไปด้วยบาดแผล
มือยังเบาเหมือนเดิมนะ ไม่เหมือนไอ้คิบอมฮยอกแจเอ่ยชมไปขณะที่ลุกออกจากตักกว้างมายืนที่ข้างเตียง ทำแผลแม่งเจ็บกว่าโดนกระทืบอีก
เอาเหอะน่า
แกร๊กก
ตายยากชิบหายร่างเล็กเหลือบไปมองที่ประตูเมื่อได้ยินเสียงคนเปิดเข้ามา และก็พบว่าคนๆ นั้นก็คือคนที่กำลังพูดถึงกับดงเฮอยู่ กูกำลังด่ามึงพอดีเลย
เออ ด่าเข้าไปเหอะ กูไม่มีดีอะไรสักอย่างหรอกร่างสูงพูดเป็นเชิงกระชดประชันที่ดูราวกับว่าพูดเล่น หากแต่ในใจลึกๆ นั้นรู้สึกแบบที่พูดออกมาจริงๆ
                คิบอมทอดตัวนอนยาวลงบนเตียงนุ่มด้วยความเมื่อยล้า เสียเหงื่อไปเยอะ เริ่มจะหมดแรง เปลือกตาหนาทำท่าจะปิดลงดวงตาคมเข้มที่ทำงานอย่างหนักมาทั้งวัน
                มึง อย่าเพิ่งหลับดิ่
            “มีอะไรดงเฮ?”
            “พรุ่งนี้ฮยอกแจมันต้องไปหาหมอฟัน
            “แล้ว .. ?”
                กูติดงานแต่งลูกเพื่อนพ่อ
            “เห้ยย! ทำไมอย่างงี้ว้ะ? แล้วกูอ่ะ?” ฮยอกแจตรงปรี่เข้าเกาะแขนของอีกคนทันที สร้างความขุ่นเคืองใจให้เพื่อนอีกคนที่นอนอยู่เป็นอย่างมาก
                ก็กำลังให้คิบอมมันไปแทนกูนี่ไง
            “โห่! เดี๋ยวแม่งพากูไปหลงในโรงบาลอีกทำไงล่ะ
            “โหยยย ตอนนั้นมึงบอกกูเองนะให้เดินไปตึกสาม มันก็เขียนอยู่ว่าตึกสามมันตึกหมอเด็ก ไอ้เหี้ย พอกูเถียงก็มางอนกู .. คิบอมเด้งลุกขึ้นนั่งตามสัณชาติญาณทันทีพร้อมบทโต้ตอบ เสียงทุ้มๆ ที่ใส่อารมณ์เข้าไปเต็มที่ทำเอาคนโดนเถียงอยู่นิ่งไม่ได้เช่นกัน
            “กูพูดตอนไหน! กูพูดว่าหลังตึกสาม กูให้เดินทะลุตึกสามไปมั่งเหอะ มึงอ่ะลากกูเดินขึ้นตึกสามเฉยเลย อย่ามาๆ .. กูจำได้นะเว้ย
            “ควาย ไม่ต้องมาเถียง พูดให้เหมือนที่มึงพูดเมื่อวันนั้นดิ่วะ มึงอ่ะ ..
            “เห้ย หยุดๆๆ  เถียงกันเป็นเด็กๆ  กูรำคาญสุดท้ายแล้วคนห้ามทัพก็ไม่ใช่ใครอื่น คงต้องเป็นลีดงเฮผู้น่าสงสารที่กำลังยกมือสองข้างขึ้นปิดปากจัดๆ ทั้งสองไม่ให้เถียงกันต่อ
                ...
            “เอาเป็นว่าพรุ่งนี้มึงพาฮยอกแจไปแทนกูแล้วกันคิบอม คยูฮยอนมันติดเด็ก กูไม่อยากไปขัดมัน
                ...
            “เออๆ  ครั้งนี้ครั้งเดียวนะเว้ย คิบอมจับมือที่ปิดปากตัวเองไว้ออก ก่อนจะตอบกลับไปด้วยคำพูดที่ตรงข้ามกับใจตัวเองเหลือเกิน ..
                เหอะ กูอยากไปกับมึงตายห่าแหละฮยอกแจก็ทำแบบเดียวก่อน และพูดออกไปแบบที่ขัดกับใจของตัวเองเช่นกัน .. เพียงคำพูดสั้นๆ ของคิบอมก็ทำให้เขาเจ็บจี๊ดขึ้นมาได้ถึงขนาดนี้
                รังเกียจกูมากขนาดนั้นเลยหรือไง? .. นี่คงเป็นคำถามภายใจในของคนทั้งสองในตอนนี้
                อารมณ์เสียว่ะ กูไปแดกเหล้ากับคยูฮยอนดีกว่าคิบอมว่าไปขณะที่เดินไปใส่รองเท้าตรงหน้าประตู ก่อนจะบิดลูกบิดแล้วเดินออกไป
                ปล่อยเพื่อนรักอีกสองคนเอาไว้แบบเดิมในบรรยากาศที่ชวนให้อึดอัด ดงเฮเข้าใจว่าทำไมคนตัวเล็กถึงได้เงียบเป็นเป่าสากแบบนี้ คงเป็นคำว่าอารมณ์เสียของคิบอมเมื่อครู่นี้เป็นแน่
                ร่างโปร่งค่อยๆ ฉุดอีกคนเข้ามากอดไว้ เขารู้ว่าฮยอกแจกำลังต้องการอ้อมกอดแบบนี้มากที่สุด และก็เป็นจริงดังคาด ดงเฮเริ่มรู้สึกถึงแรงสะอื้นเบาๆ  และตามมาด้วยความเปียกชื้นที่เสื้อบริเวณหน้าอก
                ร้องอีกแล้วดงเฮลูบเข้าที่กลุ่มผมเส้นเล็กเบาๆ เป็นเชิงปลอบขวัญ ปล่อยให้คนตัวเล็กได้ร้องไห้ให้สาแก่ใจ การที่ต้องเป็นหมอนรองน้ำตาให้คนที่ตัวเองรักมันเจ็บแค่ไหนคงไม่มีใครรู้หรอก
                มันรู้แล้ว ..ฮึก ดงเฮ มันรู้อยู่แล้ว รู้มาตั้งนานแล้ว!”
                รู้ว่า...?  รู้ว่ากูชอบมึง? รู้ว่ามึงชอบมัน?”
                รู้ทุกอย่างฮยอกแจดันตัวเองออกมาจากอกกว้างของเพื่อนสนิท มันได้ยินเรื่องเมื่อวานที่เราคุยกัน ..ฮึก แล้ว .. แล้วมันก็บอกว่ามันจะลืม ลืมว่ามันรู้อะไรมาบ้าง
            “...ไม่มีทาง คิบอมไม่มีทางทำแบบนั้น
                มันทำเหมือนความรู้สึกของกูเป็นอะไรไม่รู้! ..ฮึก  ฮืออร่างเล็กโผเข้ากอดดงเฮอีกครั้ง ตอนนี้ฮยอกแจคงลืมไปแล้วว่าการทำแบบนี้มีแต่จะเป็นน้ำมันราดลงบนกองฟางในจิตใจของดงเฮ คงลืมไปแล้วว่าดงเฮก็มีความรู้สึกแบบที่เขารู้สึกกับคิบอมเหมือนกัน
                ไม่หรอกมั้ง มึงเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า
            แม้ฮยอกแจจะน่ารำคาญ คอยแต่จะหาเรื่องเดือดร้อนให้เขาและคิบอม ดงเฮก็ไม่เคยคิดว่าคิบอมจงเกลียดจงชังอะไรฮยอกแจเลยสักนิด แม้ปากจะด่ากันบ่อยๆ  แต่เขาก็รู้ว่าจริงๆ แล้วมันรักเพื่อนแค่ไหน คิบอมน่ะไม่ใช่คนสันดานเสียๆ แบบนั้นแน่นอน
                ไม่ผิดหรอก
            “มึงอย่าคิดมากเลยฮยอกแจ ให้กูพูดให้ไหม?”
            “ไม่ต้อง ..ปล่อยให้แม่งเกลียดกูไปเรื่อยๆ
            ดงเฮถอนหายใจยาวๆ ออกมาขณะที่ลูบหัวทุยๆ ของเพื่อนตัวเล็กในอ้อมกอด ยังไงซะเขาก็ไม่เชื่ออยู่ดีว่าคิบอมจะพูดจาทรามๆ แบบนั้นจริงๆ  ถึงจะไม่ได้รักแบบนั้นแต่ก็น่าจะรักษาน้ำใจกันบ้างแหละน่า
                หิวมั้ย?” ในที่สุดก็หาเรื่องอื่นพูดขึ้นมาจนได้ แต่ก็ไม่ได้รับเสียงตอบกลับแต่อย่างใด ดงเฮเขย่าตัวคนในอ้อมแขนเบาๆ เป็นการถามย้ำ หากแต่ฮยอกแจก็ยังคงเงียบ
                ง่วง
            “อ้อ..
            “มึงรีบไปไหนหรือเปล่า
            ดงเฮไม่ตอบอะไร เพียงแต่เอนตัวลงนอนบนเตียงนุ่มพร้อมกับอีกร่างที่ยังกอดเขาแน่น ฮยอกแจหยุดร้องไห้แล้ว คงจะง่วงจริงๆ .. แน่นอนว่าเขาไม่สามารถทิ้งไอ้ลูกหมานี่ให้นอนคนเดียว
                ยังเจ็บแผลอยู่ไหมรั้งร่างของคนตัวบางออกจากอก ใช้สายตาสำรวจไปทั่วไปหน้าที่ถูกตกแต่งด้วยบาดแผลและพลาสเตอร์สีอ่อน ดวงตาใสเริ่มกลายเป็นสีแดงตามประสาคนเพิ่งร้องไห้เสร็จ ..ดงเฮสำรวจความเรียบร้อยบนใบหน้าขาวจนไม่ทันได้สังเกตุว่า สายตาของอีกคนก็จับจ้องอยู่ที่เขาเช่นเดียวกัน
                ทำไมมึงชอบกูวะสงสัยพ่อแม่คงไม่สั่งสอนว่าการพูดอะไรตรงๆ แบบนี้มันน่าเอาตีนเขี่ยปากเล่น หากเป็นคนอื่นฮยอกแจคงโดนเขี่ยซะเละ แต่นี่ดงเฮผู้แสนดี มันถามมาเขาก็แค่ตอบไป
                แล้วทำไมมึงชอบคิบอมล่ะคำถามแบบนี้ เจอกูตัวต่อตัวดีกว่ามั้ง ให้กูตอบยังไงล่ะ ..ถามกวนตีนกูก่อน กูกวนตีนกลับไม่ผิด
                เรื่องของกู
                งั้นก็เรื่องของกูเหมือนกัน
            “ตีนมั้ยดงเฮ
            “ขอปากแทนได้มั้ยล่ะ
            “ตีนกูบนปากมึง?”
            ปากมึงบนปากกู
            ป้าปป
                มือเล็กทาบลงบนใบหน้าคมอย่างแรง หากแต่คนโดนตบก็สามารถแยกแยะได้ว่าอันไหนเล่นอันไหนจริง ดงเฮหัวเราะออกมาเบาๆ กับท่าทีเขินอายพิสดารของฮยอกแจ
                เงียบปากไปเลยมือเล็กยังคงพยายามจะปิดปากของอีกคนให้ได้ แต่ก็เป็นอันต้องถูกดงเฮรวบข้อมือทั้งสองไว้เสียก่อน โดยที่เจ้าตัวก็ยังหัวเราะไม่หยุด
                มึงตลกว่ะ
            “ขำกูขอให้เป็นหมา
            “หมาฉลาดกว่ามึงอีก
            “งั้นเป็นหมันจบคำพูดที่แสนดูถูกลูกผู้ชาย ดงเฮก็จัดการคร่อมคนปากดีไว้ทันที ล็อกแขนทั้งสองไว้เหนือหัวด้วยมือข้างเดียว เห้ย! ไอ้เหี้ยยย ปล่อยกู!”
            “เดี๋ยวพ่อจับปล้ำให้หรอก จะได้รู้กันไปว่ากูเป็นหมันรึเปล่าดงเฮยื่นหน้าเข้าใกล้อีกคน รอยยิ้มขี้เล่นที่ไม่ค่อยมีให้ใครเห็นตอนนี้กลับประดับไว้บนใบหน้าหล่อเหลา ดูเพิ่มเสน่ห์ให้ชายหนุ่มเป็นอย่างมาก
                เห้ยยย กูพูดเล่นเฉยๆ มั่งเหอะ
            “จริงอ้ะ?” มืออีกข้างที่ยังไม่มีหน้าที่อะไรถูกเจ้าของนำไปไต่เล่นบนหน้าท้องแบนราบผ่านเนื้อผ้าชุดนอนบางๆ ให้ร่างเล็กจั๊กจี้เล่น แล้วก็เป็นดังนั้น ฮยอกแจถึงกับเกร็งหน้าท้องทันทีที่จู่ๆ ก็มีมือลากผ่านบนส่วนที่สร้างความเสียววาบให้แก่ร่างกายมากที่สุด
                ดงเฮ มัน ..จั๊กจี้ อย่าดิ่แม้ฮยอกแจจะเคยชินกับสถานการณ์แบบนี้ แต่ก็ยังไม่ชินเวลาโดนแกล้งอยู่ดี ไม่ดงเฮก็คิบอมชอบเล่นแบบนี้กับเขาอยู่เรื่อย บางที่ก็รุมทีเดียวทั้งสองคน บางที่ก็เล่นกันจนเลือดตกยางออก ..ก็คนมันบ้าจี้ ข้างๆ ตีนมีอะไรมันก็ถีบหมดนั่นแหละ
                ถ้าเป็นคิบอม ต่อให้ฮยอกแจแหกปากข้อร้องแทบตายมันก็ไม่หยุด
                แต่ก็อย่างที่บอก .. ดงเฮน่ะคนดีที่สุดในเรื่องแล้ว
                แค่นี้ก็สยิวกิ้วแล้วหรอ? ฮ่าๆๆร่างสูงหัวเราะออกมาอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้แกล้งอะไรต่อแล้ว
                ร่างเล็กปั้นหน้านิ่ง จ้องมองภาพตรงหน้าอย่างตั้งใจ เมื่อกี้นี้เหมือนจู่ๆ ก็มีใบหน้าของคิบอมแทรกเข้ามาทับหน้าดงเฮ ใช่สินะ เมื่อวานนี้คิบอมมันก็เล่นกับเขาแบบนี้ ..แต่เหมือนของคิบอมจะไม่ได้จบแค่ตรงนี้ ฮยอกแจยังคงจำภาพใบหน้าหล่อเหลาที่ค่อยๆ เข้ามาใกล้ได้ไม่มีลืม ยังไม่เข้าใจว่าการกระทำแบบนั้นมันเกิดขึ้นได้ยังไง และก็ยังไม่รู้ว่าผลลัพธ์มันเป็นยังไง
                ดังนั้นคงไม่ผิด ถ้าเขาจะ ...
                ขอจูบมึงได้ไหมดงเฮ คำพูดที่แสนซื่อบริสุทธิ์หากแต่ทำเอาคนฟังถึงกับสะดุ้ง ดงเฮที่หยุดหัวเราะไปแล้วขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ ทำไมจู่ๆ มันถามแบบนั้น
                อะไรของมึงแต่ยังไม่ทันจะได้ถามอะไรเป็นเรื่องเป็นราว กลีบปากเล็กสีเชอร์รี่ก็ประกบกับริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ด้วยความที่ดงเฮยื่นหน้าเข้ามาใกล้มาก จึงไม่ยากเลยที่ร่างบางจะทำเรื่องบู่มบ่ามแบบนี้ได้ มือแกร่งค่อยๆ คลายข้อมือเล็กออก คงเพราะถูกความหอมหวานจากอีกคนดึงดูดความสนใจทั้งหมดมาอยู่ที่ปากแล้ว
                เรียวลิ้นเล็กเคลื่อนที่เข้าสู่โพรงปากกว้าง ก่อนจะกระทำการอันไม่ควรอย่างยิ่งโดยการไปปลุกลิ้นหนาของอีกคนให้ตื่นตัว ดงเฮชักจะรำคานคำว่าสติสัมประชัญญะที่มีอยู่ในหัวของตัวเอง เกี่ยวตวัดลิ้นนุ่มของเพื่อนรักเพื่อตอบสนองทันที
                อื้มมนุ่ม ราวกับเนื้อครีม ความหอมหวานในโพรงปากเล็กนั้นขับไล่ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของอีกคนเป็นจนหมดสิ้น มือหนาลุกล้ำเข้าไปในเสื้อนอนตัวบาง สัมผัสช่วงเอวนุ่มลื่นเหมือนผิวเด็กด้วยความโหยหา ก่อนจะโดนร่างเล็กพลิกตัวขึ้นมาอยู่บนลำตัวของเขา
                ฮยอกแจรู้สึกดีกับสัมผัสแปลกใหม่ที่เกิดมาทั้งชีวิตเพิ่งจะเคยลิ้มลอง รู้สึกเหมือนริมฝีปากโดนติดกาวไว้แน่น ถอนออกมาไม่ออกแล้ว ยังไม่รวมไปถึงมือคู่หนึ่งที่ล้วงเข้าไปในสาบเสื้อเรียบร้อยแล้ว .. ลิ้นทั้งสองพันกันนัวเนีย ส่งมอบความโหยหาและต้องการผ่านสองลิ้นนั้น
                เหมือนอารมณ์ครุกรุ่นของดงเฮจะมีมากกว่า ร่างเล็กถูกพลิกกลับมาอยู่ข้างใต้อีกครั้ง เสื้อนอนถูกถอดออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้เพียงแต่ริมฝีปากหนากำลังขบเม้มไปทั่วลำคอขาวผ่อง ซอกคอขาวเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงทุกบริเวณที่ถูกดงเฮครอบครอง มือกว้างลูบไล้ไปทั่วต้นขาเรียว กางเกงนอนขาบานดูจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยในตอนนี้ บั้นท้ายได้รูปถูกขยำอย่างมันมือ
                อ่าาาอกบางแอ่นรับสัมผัสวาบหวามทันทีที่ยอดอกสีสวยถูกปากหนาครอบครอง ขาแข้งเริ่มอยู่ไม่สุข ยกขึ้นมาเกี่ยวพันไว้รอบเอวของร่างสูง ขากางเกงร่นตามลงไปจนขาขาวไม่มีอะไรปกปิด
                RRRRR
            ราวกับเสียงเรียกสติของทั้งคู่ให้กลับมา ปากหนาผละออกจากร่างกายบอบบางทันทีที่โทรศัพท์ของฮยอกแจดังขึ้น ร่างเล็กถือโอกาสกลบเกลื่อนความเขินอายด้วยกันเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนหัวเตียงมากดรับโดยยังไม่ทันได้ดูว่าปลายสายเป็นใคร
                ฮ..ฮัลโหล
            “มึง กูได้ของมาใหม่สองแผ่น สนเปล่า?”
            “ไม่เอาว่ะ เอ่อ คยูฮยอน แค่นี้ก่อนนะ พูดจบก็กดวางสายไปทันที ดงเฮล้มตัวลงนอนราบไปด้านข้างของฮยอกแจที่นอนอยู่ หายใจยาวๆ ออกมาตามแบบฉบับหลายที
                คยูฮยอนหรอ?”
            “เอาหนังโป๊มาขายเหมือนเดิมแม้จะพูดไปเหมือนว่ารำคาญ แต่จริงๆ อยากจะโทรกลับไปขอบคุณคยูฮยอนที่บังเอิญโทรฯ มาตอนนี้พอดิบพอดี ไม่อย่างนั้น ต่อจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้นฮยอกแจก็ไม่อาจรู้
            “กู ขอโทษนะ
            “กูต่างหากต้องขอโทษ เสือกอยากรู้อยากเห็นอะไรแปลกๆ
            ดงเฮหันหน้ามายิ้มบางๆ ให้เพื่อนรักที่นอนอยู่ข้างๆ  มือหนาดึงมือเล็กมากุมไว้ ก่อนจะยกขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากของตัวเอง ฮยอกแจดูเหมือนจะตกใจเล็กๆ กับการกระทำแบบนั้น
                น่าสมเพศมากมั้ยวะ?”
            “หมายถึงอะไร? กูหรอ?”
            “กูต้องการมึง กูโหยหามึง กูอยากกอดมึงนานๆ
            “.. เอ่อ กูว่า ..
            “กูชอบให้คิบอมแกล้งให้มึงร้องไห้ เพราะคนที่คอยปลอบมึงก็จะเป็นกู
            “...
            “กูจะนอนคั่นกลางทุกครั้งเวลาเรานอนด้วยกันสามคน กูกลัวคิบอมจะสนใจมึงขึ้นมา
            “...
            “กูไม่ให้ใครเข้าใกล้มึง กูอยากดูแลมึง อยากปกป้องมึง อยากเป็นเจ้าของมึง
            “...
            “กูอยากทำอะไรอีกมากมาย อยากทำอะไรอีกเยอะแยะเลยฮยอกแจดงเฮพร่ำเพ้อต่อไปด้วยรอยยิ้ม น้ำใสเริ่มไหลออกมาจากดวงตาคมเข้ม ...ยามที่แสงไฟกระทบกับดวงตาของดงเฮ มันทำให้ฮยอกแจรู้สึกเหมือนว่ามีหลอดไฟอีกดวงอยู่ในนั้น เขาชอบจ้องมัน ชอบจินตนาการว่ามันคือหลอดไฟที่ให้ความอบอุ่นแก่เขาในเวลาที่อากาศหนาวครอบคลุมไปทั่วร่างกาย
                แต่ในเวลานี้ มีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาคู่นั้นเป็นทาง ดูราวกับว่า
                หลอดไฟเสีย? ..แล้วฮยอกแจจะมีอะไรให้ความอบอุ่นล่ะ
                ...
            “ที่มึงถาม ทำไมกูรักมึง
            “ทำไมล่ะ?”
            “....
            “กูขอโทษนะดงเฮ ทั้งๆ ที่มึงดีกับกูขนาดนี้ แต่ ... แต่ แต่
            แต่มึงไม่ได้รักกู
            “กูรักมึงมั่งเหอะ! แต่คือ... มึงเป็นเพื่อนกู กูคิดกับมึงได้แค่นี้จริงๆ  ขอโทษนะดงเฮ ขอโทษที่กูให้อะไรมึงไม่ได้มากกว่านี้ กูพร้อมทุกอย่างที่จะทำให้เพื่อนดีๆ อย่างมึงมือความสุข กูให้มึงได้ทุกอย่าง .....แต่อย่างเดียว ที่กูให้มึงไม่ได้
                เพราะมึงให้คิบอมไปแล้ว
            “....ดงเฮร่างบางโผเข้ากอดอีกคนขณะที่ครางชื่อของคนนั้นออกมา ฮยอกแจไม่รู้จะพูดยังไง ดงเฮร้องไห้ พร้อมกับพูดอะไรบ้าๆ แบบนี้ที่เขาไม่เคยได้ยิน เข้าใจดีว่าการรักเค้าข้างเดียวมันเจ็บปวดแค่ไหน จะพูดปลอบยังไงก็ไม่มีทางหนีความรู้สึกแบบนี้พ้นหรอก
                กูอยู่รอบๆ ตัวมึงเสมอนะฮยอกแจ เรียกชื่อกูดังๆ  กูพร้อมเสมอที่จะวิ่งไปหามึง
                ดงเฮมึง...ดีเกินไปแล้ว
            “นอนไปๆ  วันนี้มึงเหนื่อยมาทั้งวัน ดงเฮกล่าวประโยคสุดท้ายออกมา แล้วทั้งห้องก็เหลือเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศเท่านั้น บรรยากาศเงียบสงบน่านอนมากทีเดียว
                แต่จังหวะนี้ ใครแม่งจะหลับลง
               
 70%






                ที่ป้ายรถเมล์หน้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง ...อาจเป็นภาพที่ไม่ค่อยได้ดูชมกันบ่อยนักสำหรับนักศึกษามากหน้าหลายตา ภาพที่ลูกอาเสี่ยผู้กุมอำนาจพรรคการเมืองของเกาหลีใต้ไปกว่าครึ่งกำลังยืนรอรถเมล์อยู่ในป้าย วันๆ เห็นแต่มีรถแพงๆ มาจอดเกยฟุตบาทหน้าตึกคณะบริหาร ไหงวันนี้ตกอับมาขึ้นรถเมล์ได้ล่ะ?
                หากแต่ในความเป็นจริง ..ใครว่าดงเฮรอรถเมล์อยู่ เขาและฮยอกแจที่นั่งอยู่ข้างๆ กำลังรอไอ้เด็กสถาปัตย์ผู้ตรงต่อเวลามาหาต่างหากล่ะ ..นัดกันไว้เมื่อห้าสิบนาทีที่แล้ว ยังไม่เห็นแม้แต่เส้นผม
                แหม... ไม่มาสักตีสามเลยล่ะ?” เสียงแหลมเล็กฟังดูรำคาญหูเอ่ยขึ้นเหน็บแนมชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังวิ่งหอบแฮกมาหา หลังจากที่ยืนรอแม่งจนรากงอกมาเกือบชั่วโมงแล้ว
                เลทนิดๆ หน่อยๆ  บ่นเป็นคนแก่
            “พ่อมึงสิ กูยืนรอมึงเป็นชาติแล้วไอ้คิบอม
            “พวกมึง หยุดได้แล้ว กูรำคาญดงเฮห้ามปากของเพื่อนรักทั้งสองไว้ ก่อนสงครามน้ำลายจะรุนแรงมากขึ้นกว่านี้ เขาไม่มีเวลามากพอที่จะต้องมาฟังไอ้ห่านี่เถียงกัน
                จะไปได้ยังอ่ะ?” ฮยอกแจยันตัวลุกขึ้น ก่อนจะเหล่ตามองไปทางเพื่อนตัวสูง
                แล้วให้กูรีบมา ไม่ใช่เพื่อรีบพามึงไปแหกปากให้หมอส่องหรือไงวะ
            “คิบอม มึงช่วยพูดจาดีๆ กับกูสักประโยคเผ่าพันธุ์มึงจะสูญพันธุ์ไหมวะ
            “แล้วมึงทำหน้าเหี้ยๆ แบบนั้นใส่กูก่อนทำไมล่ะครับ
                หน้ากูปกติก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วมั่งเหอะ!”
            “ปกติเวลาอยู่กับกูล่ะสิ..
            “เห้ยยยยยย พอแล้วครับเพื่อนๆ ..มึงรีบพาแม่งไปเลยคิบอมดงเฮพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะดันตัวเพื่อนทั้งสองไปทางสะพานลอย รถของคิบอมจอดอยู่ที่ร้านเบเกอร์รี่อีกฟากของถนน
                เออๆ ก็จะไปแล้วนี่ไง ..แล้วมึงจะดันกูไปไหนไม่ทราบ?”
            “สะพานลอย
            “ไอ้กากดงเฮ ระดับกูเคยข้ามหรอสะพานลอยน่ะคิบอมส่ายหัวให้กับความเกรียนของดงเฮ ก่อนจะลากเพื่อนตัวเล็กสุดอีกคนมาไว้ข้างตัว มานี่ ไอ้แคระแกรน
            ขี้เกียจเปิดปากด่ากลับ กูชิน
            ร่างสูงกำลังมองซ้ายมองขวา รอดูจังหวะที่รถโล่ง ..ดงเฮเห็นว่าทุกอย่างโอเคก็หันหลังทำท่าจะไปที่รถของตัวเองเพื่อบึ่งไปงานเลี้ยงที่พ่อเขาบังคับให้ไปบ้าง
                หากแต่สัณชาติญาณบางอย่าง บอกให้ดงเฮหันกลับไปที่เพื่อนรักทั้งสองคนอีกครั้ง
                คิบอมทำท่ากำลังจะพาฮยอกแจเดินข้ามถนนไป ไม่รู้มันมองยังไงของมันถึงไม่เห็นว่ารถแท็กซี่คนหนึ่งกำลังวิ่งมาด้วยความเร็วที่พอจะชนคนตายได้!
            ขายาวๆ ของคิบอมก้าวไปแล้ว ตามไปติดๆ ด้วยร่างเล็กของฮยอกแจ แท็กซี่คันนั้นกำลังเคลื่อนที่เข้ามาโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดให้คนข้ามถนนเลย อย่าว่าแต่อะไร ระยะที่กระชั้นชิดเช่นนี้ ถึงจะนักแข่งรถมาเองก็คงเบรคไม่อยู่แล้ว
                ปากของดงเฮกำลังจะขยับเรียกชื่อใครสักคนในสองคนนั้น ไม่รู้เกิดเหี้ยอะไรขึ้นมา ยังจะมาวิเคราะห์ว่าควรตะโกนเรียกชื่อใครออกไป .. ในขณะที่เสียงกำลังจะเปล่งออกไป ดวงตาคมเฝ้ามองภาพเหตุการณ์นั่นไม่กระพริบ ลุ้นขอให้ปาติหารณ์เกิดขึ้น ขอให้แท็กซี่คนนั้นเป็นเพียงภาพที่เข้านึกขึ้นมาเอง
                ถ้าตะโกนชื่อฮยอกแจ อะไรจะเกิดขึ้น? .. มันจะทำอะไรได้ล่ะ ตัวแค่นั้น แล้วถ้าเรียกคิบอม? จะเป็นยังไง? .. คิดเหี้ยอะไรอยู่วะดงเฮ รีบๆ เรียกมันเร็วเข้า เพื่อนมึงจะตายห่าอยู่แล้วนะ!
            คิบอม!” และในที่สุดก็ตัดสินใจเรียกชายหนุ่มผู้ซึ่งดงเฮไว้ใจให้ดูแลคนที่เขาแอบรักมานานหลายปีมากที่สุด ..ยังไงซะ คิบอมไม่มีทางปล่อยให้ฮยอกแจได้รับอันตรายอะไรอย่างแน่นอน
                ผิดคาด!! คิบอมเพียงแต่หยุดเดินแล้วหันหน้ามาทางเขา จัดว่ายังอยู่ในเลนที่ปลอดภัย แท็กซี่มหาภัยคันนั้นไม่ได้วิ่งมาเลนที่คิบอมยืนอยู่ .... แต่ไอ้ตัวเล็กอีกคนมันเดินลิ่วไปแล้ว
                คิบอมมองสีหน้าของเพื่อนรักที่ตะโกนเรียกชื่อตัวเองเมื่อครู่นี้ด้วยความไม่เข้าใจ ดงเฮกำลังจะสื่ออะไรจากสีหน้าของมัน ในชั่วเสี้ยววินาที คิบอมก็พอรู้ได้ว่าต้องมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นในอีกพริบตาข้างหน้านี้ .... แล้วก็เป็นดังคาด เขาหันไปหาร่างบางที่เดินนำไปก่อนพร้อมๆ กับเสียงแผดร้องอันตื่นตระหนกของดงเฮที่ดังก้องไปทั่วบริเวณ ..
                ฮยอกแจ!”  ไม่ทันแล้ว...
               
                โครมมมมมมมมม

            ร่างบอบบางที่ทั้งคิบอมและดงเฮต่างก็เฝ้าทะนุถนอมมาชั่วชีวิต ไม่ให้ใครได้เข้าใกล้ ดูแลราวกับไข่ในหิน ..กระเด็นไปด้านหน้าด้วยแรงอัดปะทะจากความเร็วของรถยนต์ เสียงเบรคของแท็กซี่เวรตะไลคันนั้นดังขึ้นราวกับมีดเฉือดหัวใจของเพื่อนรักทั้งสองคนที่กำลังมองภาพตรงหน้าตาไม่กระพริบ ร่างของฮยอกแจนอนแน่นิ่ง ก่อนธารโลหิตจะไหลของเหลวสีแดงฉานออกมานองพื้นถนน
                ฮยอกแจ!” ดงเฮวิ่งไปหาร่างบางที่ไร้การตอบสนองใดๆ  เสื้อนักศึกษาสีขาวถูกย้อมเป็นสีเลือดภายในไม่กี่วินาที ร่างสูงกว่าช้อนร่างนั้นขึ้นแนบอกก่อนจะเขย่าพร่ำเรียกชื่อคนที่ตนรักราวกับคนบ้า
                ต่างจากคิบอม .. ดวงตาสีดำสนิทยังไม่ได้กระพริบเลยตั้งแต่วินาทีที่กระโปรงรถสัมผัสกับร่างกายของฮยอกแจ ขายาวๆ ทรุดลงคุกเข่ากับพื้น มือไม้สั่นเทา เขาขี้ขลาดเกินกว่าจะเดินเข้าไปหาคนที่แอบรักมานานแสนนานเหมือนดงเฮ ทั้งๆ ที่เดินไปด้วยกันแท้ๆ  แต่ร่างกายของคิบอมกลับไม่มีแม้รอบขีดข่วนเดียว เขายืนนิ่ง ปล่อยให้ฮยอกแจพบกับความเลวร้ายไปต่อหน้าต่อตา
                เสียงหวีดร้องของผู้พบเห็น เสียงรถตำรวจ รถพยาบาล ดังขึ้นเรียกสติของคิบอม ร่างสูงรวบรวมเรี่ยวแรงที่พอมีเหลือยืนขึ้นก่อนจะวิ่งไปยังแอ่งน้ำสีแดงที่อาบอยู่บนพื้น คิบอมมองรถพยาบาลนำร่างอันบอบช้ำของเพื่อนขึ้นเตียงฉุกเฉิน ก่อนจะเข็นเข้าไปในรถพยาบาลที่จอดอยู่ไม่ไกลกัน ดงเฮไม่ลืมที่จะวิ่งมาลากข้อมือคิบอมวิ่งตามเข้าไปในรถด้วย
                ฮ...ฮยอก ฮยอกแจคิบอมครางชื่อเจ้าของร่างกายที่ชุ่มไปด้วยเลือดบนเตียงสีขาวนั้นด้วยน้ำเสียงสั่นเทา ความรู้สึกผิดกอบกุมไปทั่วจิตใจ ฮยอกแจ กู ..กูขอโทษ
            “ฮยอกแจ .. มึง อย่าเป็นอะไรนะหากคิบอมจะหันไปมองหน้าเพื่อนอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ กันข้างกันสักนิด คงจะเห็นน้ำใสๆ ที่ไหลลงมาจากดวงตาคมของดงเฮ
                กูขอโทษ .. ดงเฮ ฮยอกแจ กูขอโทษ










                สองขายาวก้าวเดินไปมา เสียงของรองเท้าผ้าใบที่กระทบกับพื้นดังขึ้นเป็นจังหวะการย่างก้าว เสียงก้องไปทั้งระเบียงทางเดินสีขาว ชายหนุ่มอีกคนที่ตัวใหญ่กว่านั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าประตูกระจกขุ่นบานใหญ่ซึ่งอยู่ปลายทาง อากาศเย็นเฉียบแทบจะบาดลึกลงไปในร่างกายของคนทั้งสอง หากแต่เนื้อหนังมันดูเหมือนจะด้านชาไปแล้วตั้งแต่เหตุการณ์อันเลวร้ายเมื่อครู่นี้เกิดขึ้น
                ดงเฮหยุดขาทั้งคู่ของตัวเองตรงที่เก้าอี้ข้างๆ เพื่อนรัก คิบอมยังคงนั่งก้มหน้าอยู่แบบเดิมตั้งแต่ประตูห้องฉุกเฉินปิดลง เขาเองที่มัวแต่เป็นห่วงอาการของคนในห้องนั่นจนลืมนึกถึงคนที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยเช่นกันอย่างคิบอม
                อย่าทำท่าอย่างงี้ดิ่วะ ฮยอกแจมันไม่ตายง่ายๆ หรอกน่าท่อนแขนที่ไม่ได้ใหญ่ล่ำกำยำเกินกว่าผุ้ชายปกติทั่วไปพาดไปโอบบ่ากว้างของคนที่นั่งก้มหน้าอยู่ด้านข้าง พูดไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ก็จริงอยู่ หากแต่ในใจนั้นร้อนรุ่มจนแทบจะตายอยู่แล้ว
                มึงไม่ได้ยินที่หมอพูดหรอดงเฮ

            ทำใจเผื่อไว้หน่อยก็ดีนะครับ

                แล้วไอ้หมอแก่นั่นมันพ่อมึงหรอ?” ดงเฮว่าไปติดตลก ไม่ใช่ว่าไม่สนใจคำพูดบาดรูหูคำสุดท้ายของหมอก่อนจะเข้าไปในห้องฉุกเฉิน แค่ทำเป็นไม่สนใจ ... มีแต่จะบั่นทอนกำลังใจ สนไปทำไม?
            “ทำไมกูไม่เชื่อมึง ทำไมกูไม่พามันเดินข้ามสะพานลอย
            “คิบอม มึง...
                กูยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลย...คิบอมเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเทา ทุกอย่างมันเร็ว เร็วมากๆ ...
            “...
                ทั้งๆ ที่กูห่างกับมันแค่เอื้อมมือเดียว
            “...
            “กูขอโทษ ดงเฮ ... กูขอโทษ
                จะหยุดพูดได้ยังไอ้เหี้ย
            “...
            ดงเฮตวาดเพื่อนไปเพียงครั้งเดียว คิบอมก็เป็นอันหุบปากลงทันที หากแต่กลับมีน้ำตาไหลออกมาแทน จะว่านึกสมเพชตัวเองนั้นก็ถูก แต่ไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ  มันตันไปหมดจริงๆ
                ร้องหาพ่อมึงหรอผ่ามือของดงเฮตบเพี๊ยะเข้าที่ท้ายทอยของคนร้องไห้เข้าให้ทีหนึ่ง ร่างสูงหันมามองอีกคนอย่างไม่พอใจทั้งน้ำตา แต่ก็ได้รับสิ่งตอบกลับไปเพียงใบหน้านิ่งๆ ของเพื่อนรัก
                มึงไม่รู้สึกอะไรเลยรึไงไม่รู้สึกโกรธอะไรกูเลยหรอที่กูพาคนรักของมึงไปเจ็บปางตาย ทั้งๆ ที่กูกลับมานั่งอยู่ตรงนี้ ไม่รู้สึกเป็นห่วงเป็นใย ไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไงว่าคนในห้องนั่นจะเป็นเช่นไร
            ดงเฮยังคงนั่งหน้านิ่งงันอยู่เหมือนเดิม ในสมองตอนนี้ประเดประดังตีปนกันหลายๆ เรื่อง คิบอมเหี้ยมากที่ปฏิเสธฮยอกแจไปแบบนั้น แล้วทำไมมานั่งน้ำตาไหลแบบนี้
                กูรักฮยอกแจ ตอบหน้าตายออกมาโพล่งๆ  จนคนฟังถึงกับต้องหันไปมองหน้า แววตาเปียกชื้นที่กำลังสั่นไหวตามประสาคนมืดแปดด้านของคิบอมทำให้ดงเฮอยากเอ่ยปากถามอะไรบางอย่าง เป็นคำถามเดียวที่อยากจะถาม แต่กลัวว่าคำคอบนั้นจะเป็นเครื่องบ่งชี้ให้เขาออกจากชีวิตของคิบอมและฮยอกแจไปให้ไกลที่สุด แล้วมึงล่ะ... รู้สึกยังไงกับแม่ง?”
            คิบอมถึงกับจุกในคำถามของดงเฮ กลัวเหลือเกินว่าคำถามเลวร้ายนี้จะมาเผชิญกับตัวเอง ....หากเป็นในเวลาและสถานการณ์อื่นที่ไม่ใช่แบบตอนนี้ เขาคงกล้าปฏิเสธออกไปเนียนๆ
                แต่กับกรณีนี้ การปฏิเสธหัวใจตัวเองเปรียบเหมือนมีดคมๆ มาเชือดเฉือนตรงกลางอกดีๆ นี่เอง ฮยอกแจกำลังนอนรอความเป็นความตายอยู่ในห้องตรงหน้านั่น ขึ้นอยู่กับฟ้าจะลิขิตให้เลือกไปทางไหน หากจะเป็นทางสู่ความตาย ขอให้คำพูดที่คิบอมกำลังจะกล่าวออกไปได้เป็นสิ่งที่เหนี่ยวรั้งฮยอกแจไว้ แม้จะทำได้สักเซี้ยวเดียวก็ยังดี
                กูก็รักฮยอกแจ
                ผลั่กก
                ร่างใหญ่โตร่วงลงไปกองอยู่กับพื้นทันทีที่กำปั้นหมัดหนักที่สุดในชีวิตเจ้าของของมันปล่อยออกไปโดนขากรรไกรของใครอีกคน ดงเฮยืนยัดขึ้นเต็มความสูง จ้องเขม็งลงไปยังเพื่อนรักผู้โง่เขลาอย่างเดือดดาล สมองสั่งการให้กระหน่ำซัดลงไปอีกสักหมัดของหมัด หากแต่ความรู้สึกนึกคิดบางอย่างกลับบอกให้หยุด ดงเฮแทบจะปล่อยโฮออกมาดังๆ หลังจากที่คิบอมพูดประโยคเฉือนใจเขาออกมาได้เต็มปากเต็มคำ แต่คนที่ฟังแล้วเจ็บกว่า คงเป็นคนที่นอนอยู่ในห้องฉุกเฉินนั่นแหละ
                ไอ้ควายยย! ไอ้โง่เอ้ย!! กูอยากจะฆ่ามึง!” ร่างสูงตวาดก้องโถงทางเดินอันเงียบงัน ไม่สนใจหากว่าจะมีหมอหรือพยาบาลแห่กันมาก่นด่าว่ามาแหกปากเสียงดังในโรงพยาบาลได้ยังไง
                มึงก็ฆ่ากูสิ! มึงจะฆ่ากูให้ตาย หั่นศพกูให้เละ ยังไงกูก็ไม่มีทางเลิกรักแฟนมึงได้หรอกดงเฮ!” ด้านคิบอมเองที่ไม่สนใจจะปาดน้ำตาบนใบหน้าออกไปเลยสักแอะก็ตะโกนสวนขึ้นมาเช่นกัน พยายามลุกขึ้นนั่งโดยมีแขนทั้งสองยันพื้นไว้ด้านหลัง
            “มึงแกล้งโง่หรอกโง่อยู่ในสันดานวะคิบอม!” อยากจะหัวเราะทั้งน้ำตา ดงเฮแทบล้มทั้งยืนเมื่อคำถามที่คาใจทุกอย่างถูกไขข้อข้องใจ ทุกประโยคที่ออกมาจากปากคิบอม ฮยอกแจ และเขาถูกเอามาประมวลผลใหม่ ผลสรุปที่ได้แทบทำเอาคนคิดอยากหายใจไม่ออกขึ้นมาดื้อๆ
                อะ...อะไร? มึงด่ากูทำไม
            “มึงมันโง่! มึง! มึงไม่เคยรู้อะไรเลย ไม่รู้เลยว่าคนที่กูรักรอคำพูดเมื่อกี้ขอมึงมานานแค่ไหน ไม่รู้เลยว่าฮยอกแจแทบขาดใจกับการกระทำที่ขัดกับใจตัวเองของมึง สัสเอ้ย! ชอบมันแล้วทำไมไม่บอกมันไป ทำไมไม่บอกกู คิบอมมึงบอกกูสิ บอกกูสิไอ้เหี้ย!” ร่างโปร่งคุกเข่าลงกระชากคอเสื้อของอีกคนราวกับคนเสียสติ คิดไม่ถึงว่าคนที่ดูเหมือนจะคิดเป็นมากที่สุดกลับเป็นคนที่โง่มากที่สุด
                หมายความว่ายังไง...ผิดกับคิบอมที่ดูเหมือนสติสตังค์จะหลุดลอยไปแล้ว ใบหน้าเศร้าหมองจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของดงเฮเพื่อค้นหาคำตอบ
                ฮยอกแจ...ก็รักมึง
                ไม่จริง
            “ฮยอกแจรักมึง
            “ไม่จริง
            “ฮยอกแจรักมึง
            “ไม่จริง

            “ไอ้สัส กูบอกว่าฮยอกแจรักมึง! รักมึงมานานมากแล้วด้วย!”

No comments:

Post a Comment