Tuesday, September 16, 2014

Fan Fic NARUTO - Sasu x Naru - หอโคมแดง By Juntiva





หอโคมแดง.....สถานที่แห่งความพลิกผันทั้งปวง

                ในราตรีแห่งเหมันต์ ณ สถานที่แห่งความพลิกผันทั้งปวง.....ทั้งกาย ทั้งใจ.....ที่นี่ ที่ที่เสียงดนตรีและโคมแดงยังส่องสว่าง.....หอโคมแดง....
                ร่างในเงามืดเร้นกายใต้เงาของไม้ใหญ่ข้างหอโคมแดง ดวงตาสีดำสนิทจับจ้องไปยังห้องที่เป็นเป้าหมาย กายแกร่งที่ซ่อนอยู่ใต้ชุดสีดำเคลื่อนตัวด้วยความเร็วอันน่าอัศจรรย์ไปยังกิ่งไม้อีกกิ่งที่อยู่ใกล้กับห้องนั้นมากกว่า เงาดำรอจนไฟตะเกียงในห้องดับไป จึงพุ่งกายกระโจนเข้าไปอย่างรวดเร็ว
                โครม!
                อะไรน่ะ!!”
                อย่าขยับ!”
                อ๊ะ!”
                ร่างในชุดดำหยิบมีดสั้นจ่อที่ลำคอขาวละเอียดอย่างข่มขู่ ดวงตาสีเข้มสำรวจห้องมืดอย่างระแวดระวัง ก่อนจะถามเสียงเข้มว่า
                โอคาเบะ มาชิ อยู่ไหน?!”
                ไอ้โจรโรคจิต!!”
                เฮ้ย!”
                ร่างของเงาดำปริศนาถูกจับทุ่มอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่คาดคิด มีดสั้นถูกยึดไป จากผู้ล่ากลายเป็นผู้ถูกล่า เมื่อร่างเพรียวบางในเงามืดจ่อคมมีดมาที่คอของเขา
                เจ้าเป็นใคร?”
                ....... ร่างสูงไม่ยอมตอบ
                คงจะเป็นพวกนักฆ่ารับจ้างสินะ เสียใจด้วย ท่านโอคาเบะน่ะ กลับไปตั้งนานแล้ว
                อะไรนะ!?”
                ให้ตายสิ ร่างเพรียวบางลุกขึ้นจากร่างสูงแกร่ง ก่อนจะจุดตะเกียงห้องให้กลับมาสว่างอีกครั้ง
                เมื่อแสงสว่างมาแทนที่ ก็เผยให้เห็นความจริงกระจ่างชัดตรงหน้า ร่างในชุดดำคือเด็กหนุ่มอายุราวสิบเจ็ดถึงสิบแปดปี อยู่ในชุดสีดำสนิททั้งตัวและปิดใบหน้าด้วยหน้ากากจิ้งจอก ขณะที่เจ้าของห้อง คือร่างเพรียวในชุดกิโมโนสีสดใส ใบหน้าติดหวาน เรือนผมสีทองยาวถึงกลางหลัง ดวงตากลมสีฟ้าสดใส ท่าทางแก่นแก้วและดื้อรั้น ริมฝีปากบางสีชมพูยิ้มกว้าง หากที่นี่ไม่ใช่หอโคมแดง ร่างสูงคงคิดว่าเขากำลังอยู่ในหอนางโลมเสียแทน
                อ้อ! พวกนินจารับจ้างนี่เอง ร่างบางเอ่ย มือท้าวสะเอว มาฆ่าคนในห้องคนอื่นแบบนี้ไม่มีมารยาทเอาเสียเลยนะ
                ร่างสูงไม่รู้จะเอ่ยคำใด แต่ก็ต้องตกใจเมื่อร่างบางปราดเข้ามานั่งใกล้จนใบหน้าทั้งสองนั้นใกล้กันเพียงคืบ
                ว้าว! ข้าไม่เคยเห็นนินจาตัวเป็น ๆ อย่างเจ้ามาก่อนเลย ท่าทางของร่างบางดูตื่นเต้นและสนใจเขาอย่างมาก ไม่มีความกลัวเกรงใด ๆ ทั้งสิ้น
                เจ้าไม่กลัวหรือไง ข้ามาเพื่อฆ่าคนนะ
                ร่างบางเบ้ปากและส่ายหน้า ฆ่าเคยเห็นพ่อแม่ตายต่อหน้า เรื่องแค่นี้คงไม่เท่าไหร่หรอก
                คำที่กล่าวออกมาดูเหมือนเป็นเรื่องลม ฟ้า อากาศไปเสียสิ้น นั่นทำให้ร่างสูงประหลาดใจยิ่งขึ้น ร่างบางยื่นมือออกไปจับใบหน้าของร่างสูงไว้
                ขอดูหน้าหน่อยสิ หน้าตาของนินจาจะเป็นยังไง
                เฮ้ย อย่า!!” ร่างสูงรีบเขยิบออกห่าง
                หวา! อะไรกัน!” ร่างบางเอ่ยอย่างแง่งอน ในฐานะที่ข้าเป็นเจ้าของห้อง จงเปิดเผยหน้าตาที่แท้จริงของเจ้ามาซะ
                ไม่เกี่ยวกันซะหน่อย!!”
                เกี่ยวสิ!”
                ตึง ๆ ๆ ๆ!!
                นารูโตะ เกิดอะไรขึ้น?? เสียงดังเชียว
                ทั้งสองชะงักนิ่ง ร่างสูงงงงวย เป็นร่างบางที่ได้สติก่อน
                มานี่! ทำตามที่ข้าบอกนะ ร่างบางสั่งก่อนจะลากเตียงกับที่นอนออกมาและโยนเสื้อกิโมโนสีเข้มให้ร่างสูง เปลี่ยนซะ เอาหน้ากากของเจ้าออกด้วย ว่าแล้วร่างบางก็เริ่มถอดกิโมโนออกจนเผยให้เห็นไหล่และแผ่นอกขาวเนียน แบนราบ
                เฮ้ย!!”
                นารูโตะ เสียงอะไรน่ะ!”
                เร็วเข้าสิ!” ร่างบางเร่งร่างสูง ก่อนจะเดินไปที่ประตูบานเลื่อน
                ร่างสูงลังเลอยู่เพียงครู่ก่อนจะยอมทำตามที่ร่างบางบอก
                ร่างเพรียวบางเจ้าของห้องเปิดประตูบานเลื่อนก่อนจะยิ้มกว้าง อะไรเหรอ ป้าซึนาเดะ?”
                พวกเด็กคนอื่น ๆ ลงไปบอกข้าว่าได้ยินเสียงแปลก ๆ ในห้องเจ้าและเมื่อกี้ข้าก็ยังได้ยินเสียงของใครบางคนด้วย
                อ๋อ! ก็ข้ากับลูกค้าของข้ายังไงเล่า ท่านป้าซึนาเดะ ร่างบางตอบด้วยสีหน้าขบขัน ก่อนจะเปิดประตูกว้างขึ้น เผยให้เห็นร่างสูงแกร่งในชุดกิโมโนสีเข้ม เผยอกกว้าง แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่า คือใบหน้าคมเข้ม หลอเหลา ประกอบด้วยคิ้วเข้มสีดำ ดวงตาเข้มสีดำสนิท จมูกโด่งได้รูป และริมฝีปากบาง ใบหน้านั้นเรียบเฉยแต่กลับมีเสน่ห์อย่างล้นเหลือ ร่างบางมองดูชายผู้จากนินจากลายเป็นคนธรรมดาอย่างตกตะลึง
                อ้อเหรอ ซึนาเดะมองชายหนุ่มร่างสูงอย่างประหลาดใจ ก่อนจะยิ้มกว้าง แต่ข้ายังไม่เห็นชายคนนี้ที่ข้างล่างเลย และเจ้าก็ยังไม่มาบอกเลยว่าจะรับแขกคนนี้กับข้า
                โธ่!” นารูโตะเกาะแขนหญิงวัยกลาง คนดี ๆ แบบเขาใช่ว่าข้าจะเจอบ่อยที่ไหนล่ะ ป้าซึนาเดะ ข้าเลยอดใจไม่ไหวรีบพาขึ้นมาก่อน เดี๋ยวคนอื่นก็แย่งข้าไปน่ะสิ
                ร่างสูงพยายามไม่เอ่ยแย้งอะไรออกไป เขาคิดว่านิ่งไว้เสียดีกว่า
                เฮ้อ~ เจ้านี่นะ! ทีหลังอย่าทำเช่นนี้อีกเป็นอันขาดล่ะ! ขืนเจ้ารับแขกซี้ซั้วแบบนี้ข้าเสียระบบหมด นี่คือหอโคมแดงอันทรงเกียรตินะ ไม่ใช่ซ่องโสเภณี
                คร้าบ~!”
                และเมื่อซึนาเดะจากไป ร่างเล็กและร่างสูงก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ร่างบางปิดประตูก่อนจะรีบปราดเข้าใกล้ร่างสูงอีกรอบ นั่นทำให้ร่างสูงตกใจอย่างมาก
                ว้าว! หน้าตาเจ้าดีมากเลย!”
                เอ่อ.... เขาไม่รู้ว่าถ้าถูกผู้ชายชมแบบนี้จะดีใจดีหรือเปล่า แต่ก็อดหน้าแดงน้อย ๆ ไม่ได้ เพราะใบหน้าหวานนั้นอยู่ใกล้เหลือเกิน อะแฮ่ม!” ร่างสูงกระแอมและเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า ขอบใจเจ้ามากที่ช่วยข้าไว้ ถือว่าข้าติดหนี้เจ้า
                อ้าว จะไปแล้วเหรอ?” ร่างบางร้องอย่างตกใจ
                ใช่ จริงสิ ร่างสูงยื่นถุงเงินจำนวนหนึ่งให้ ค่าตัวเจ้า เพราะเจ้าบอกผู้หญิงคนนั้นไปแล้วว่าข้าเป็นแขก ขืนไม่จ่ายเจ้าก็จะเดือดร้อนใช่มั๊ยล่ะ เอาไปสิ
                ร่างบางรับมาอย่างว่าง่าย ก่อนจะเฝ้ามองร่างสูงที่กำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้า
                นี่!”
                อะไร? เหวอ!?”
                ร่างสูงล้มลงบนที่นอนนุ่มเมื่อร่างบางดึงเขาด้วยแรงที่คาดไม่ถึงว่าคนตัวเล็ก ผอมบางแบบนี้จะมีแรงมากขนาดนี้ และเขาก็ต้องยิ่งประหลาดใจเมื่อร่างบางตวัดตัวขึ้นคร่อมร่างกายของเขา ใบหน้าหวานยิ้มยั่วเย้า กิโมโนร่นลงเผยให้เห็นกายขาวสีชมพูระเรื่อดูน่าหลงใหลยิ่งนัก
                ไม่อยากสนุกก่อนเหรอ ข้าสนใจเจ้านะ
                ไม่!” ร่างสูงยันตัวขึ้น เอ่ยปฏิเสธทันที นั่นทำให้ใบหน้าหวานงอง้ำ
                คนใจร้าย! เออจริงสิ! บอกชื่อเจ้ามาหน่อยสิ จะได้เรียกสะดวก ๆ
                ข้า.... ร่างสูงลังเล ข้าชื่อ.....ซาสึเกะ.....แค่นั้นแหล่ะ
                ข้าชื่อ นารูโตะ...อุซึมากิ นารูโตะ
                ซาสึเกะมองใบหน้าหวานที่ยิ้มให้เขาอย่างสดใส ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่ดูท่าทางไม่ยอมใคร ดื้อรั้นและร่าเริงสดใสเช่นนี้ จะเป็นชายในหอโคมแดงได้ ดวงตาเข้มสีดำจ้องสบตากับดวงตากลมโตสีฟ้าสดใส พอรู้ตัวอีกที ริมฝีปากบางก็ประทับลงบนริมฝีปากของเขาเสียแล้ว
                ซาสึเกะนิ่งค้างไปอย่างตกตะลึง ร่างบางถอนจูบออก ก่อนจะยิ้มกว้าง แล้วมาหาข้าอีกนะ
                ถ้อยคำเหมือนร่าเริง แต่ทว่าดวงตาสีฟ้าใสกลับไหววูบและเศร้าโศกอย่างประหลาด ซาสึเกะเม้มปากและตอบกลับไปว่า
                ได้สิ.....ถ้าข้าว่างพอ
                ดีจัง!” ร่างบางโถมตัวกอดร่างแกร่งอย่างชอบใจ และคราวหน้า มาในฐานะแขกของข้าด้วยนะ ข้าจะตอบแทนที่เจ้ายอมเป็นเพื่อนกับข้า
                เอ่อ.....ข้าว่ามาแบบนี้ล่ะดีแล้ว
                อย่าเลย เดี๋ยวข้ากำลังรับแขกอยู่ล่ะแย่เลย ลูกค้าก็หนีข้าหมดน่ะสิ ร่างบางหัวเราะน้อย ๆ
                ไม่นาน เมื่อร่างสูงเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับเป็นชุดเดิมแล้ว ก็เอ่ยลาจากไป ดวงตาสีฟ้าสดใสจ้องมองจนไม่สามารถจะมองเห็นได้อีกต่อไป มือเรียวเลื่อนปิดหน้าต่างอย่างช้า ๆ ใบหน้าที่เคยแย้มยิ้มสดใสเศร้าหมองลง นารูโตะเดินทิ้งตัวลงนอนบนเตียง กลิ่นกายของร่างสูงยังคงติดอยู่ ความอบอุ่นของร่างสูงยังไม่จางหายไปไหน
                ซาสึเกะ.....จะได้เจออีกมั๊ยนะ
                ...................
                ร่างสูงในชุดสีดำสนิทนั่งนิ่งอยู่บนกิ่งไม้อย่างรอคอย ดวงตาสีเข้มจ้องมองบานหน้าต่างห้องที่มืดสนิท ซาสึเกะเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ประดับด้วยดวงดาวสกาวนับล้านดวง เขารู้สึกแปลกใจตัวเองจริง ๆ ว่าทำไมถึงมาที่นี่อีกครั้ง ตลอดสามวันที่ผ่านมาเขาพยายามลืมเรื่องราวในคืนก่อน แต่อาจเพราะดวงตาสีฟ้าอันน่าหลงใหลที่แฝงไปด้วยความเศร้านั้น.....ชักนำให้เขากลับมาอีก
                และแสงตะเกียงในห้องก็สว่างขึ้นอีกครั้ง ซาสึเกะจ้องมองดูเงาที่เคลื่อนไหวริมหน้าต่าง ร่างเพรียวบางสวมกิโมโนอย่างไม่เร่งร้อน ขณะที่เงาอีกร่างสวมกอดร่างบางนั้นจากด้านหลัง ทั้งสองพูดคุยกันเพียงครู่ ซาสึเกะมองร่างเงาที่จากไป นั่นคือช่วงจังหวะเวลาที่เขารอคอย ก้อนหินขนาดเล็กถูกโยนไปกระทบกับขอบไม้ของหน้าต่าง เรียกให้เจ้าของห้องเลื่อนบานหน้าต่างเปิดออก
                เจ้า!?” นารูโตะเบิกตามองร่างบนกิ่งไม้อย่างตกใจ
                ว่างหรือเปล่า?”
                นารูโตะยิ้มกว้างอย่างดีใจ เข้ามาสิ กายบางหลีกตัวให้ทางซาสึเกะ
                เมื่อกี้ แขกของเจ้าหรือ?” ซาสึเกะถามเมื่อเข้ามาในห้องแล้ว
                ใช่ นารูโตะตอบขณะเลื่อนปิดบานหน้าต่าง
                ซาสึเกะเหลือบสายตามองที่ลำคอขาวที่แต้มด้วยรอยแดงช้ำเล็กน้อย เขาสังเกตท่าทางการเดินของร่างบางที่ดูจะพยายามฝืนอย่างมาก ทั้งใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตานั้น ดูเหมือนารูโตะกำลังทำตัวให้ร่าเริง
                ดื่มชาก่อนสิ ชาข้าอร่อยนะ นารูโตะวางถาดช้าลงและจัดเบาะรองนั่งให้ซาสึเกะ
                ขอบใจ.... ซาสึเกะนั่งลงบนเบาะเป็นการตอบรับน้ำใจ จ้องมองดูมือเรียวที่เทน้ำชาให้เขาอย่างเชื่องช้างดงามราวกับร่ายรำ
                เจ้ารับแขกเช่นนี้ทุกวันหรือ?” ซาสึเกะถามออกไป
                คิก ๆ ก็ตามแต่ท่านซึนาเดะจะจัดมาให้ล่ะนะ นารูโตะตอบพลางหัวเราะคิกคัก
                แล้ว.....ร่างกายของเจ้า.....เอ่อ..... ซาสึเกะพยายามนึกหาคำพูดมาถามให้เหมาะสม
                ไม่ใช่แขกทุกคนที่มาหาความสำราญกับข้าด้วยเพียงแต่ทางกายหรอกนะ นารูโตะตอบด้วยรอยยิ้มขัน ซาสึเกะหน้าแดงน้อย ๆ เมื่อร่างบางเอียงใบหน้าเล็กน้อยดูน่ารักจนไม่น่าจะเป็นเด็กผู้ชายได้เลย
                บ้างก็มาพูดคุยเกี่ยวกับบทกวี การเต้นรำ การร้องเพลงบ้างเหมือนกัน บางทีก็มีอย่างพวกท่านอาจารย์ทั้งหลายมาใช้บริการข้า พวกเขาก็จะสอนความรู้ต่าง ๆ ให้ข้าแทนก็มีนะ
                เหรอ ซาสึเกะตอบรับสั้น ๆ
                อะไรกันเนี่ย ยังจะปิดหน้าอยู่อีกเหรอ ข้าอุตส่าห์เทชาให้เจ้าแล้วนะ อีกอย่าง ใบหน้าของเจ้า ข้าก็เห็นหมดแล้ว
                ซาสึเกะมีท่าทีไม่ยอม นารูโตะจึงปราดเข้าไปใกล้อย่างไม่ยอมแพ้ ใบหน้าหวานยื่นเข้าใกล้ใบหน้าคมเข้มนั้น ใจร้าย! ข้าอุตส่าห์เปิดเผยตัวข้าทุกอย่างเลยนะ แต่เจ้ากลับมีความลับแบบนี้ไม่ยุติธรรมนี่!!”
                แล้วใครให้เจ้าพูดเรื่องของเจ้าจนหมดล่ะ ซาสึเกะยียวนตอบ หัวเราะน้อย ๆ
                ใบหน้าหวานทำพองลมที่แก้มจนซาสึเกะรู้สึกอดใจเต้นในความน่ารักนั้นไม่ได้ ชิ! เปิดหน้าเดี๋ยวนี้นะ!”
                เฮ้ย! อย่า!”
                ซาสึเกะพยายามดันร่างบางออกห่าง แต่นารูโตะรีบใช้ตัวโถมใส่ร่างสูงจนล้มลงบนพื้นทั้งคู่ มือเรียวรีบฉวยหน้ากากออกจากใบหน้าของร่างสูง พร้อมกับยิ้มอย่างมีชัย ซาสึเกะเบ้ปาก บ่นอุบ
                ทำไมจะต้องเปิดหน้าด้วย แค่นี้ก็คุยกันได้อยู่แล้ว ซาสึเกะอดบ่นไม่ได้ เขายันกายขึ้นในท่านั่ง ร่างบางยังคงนั่งอยู่บนตักของเขาไม่ยอมลุกไปไหน
                ก็ถ้าเจ้าปิดหน้า ข้าก็ทำแบบนี้ไม่ได้น่ะสิ
                จุ๊บ!
                “!?”
                นารูโตะยิ้มกว้าง ซาสึเกะหน้าแดงจัด เขาหลบดวงตาสีฟ้าสดใสอย่างเก้อเขิน วงแขนเรียวยกขึ้นคล้องคอร่างสูง ซาสึเกะใจเต้นระรัว มองการกระทำของร่างบางอย่างตกตะลึง
                จะทำอะไรน่ะ!?”
                คิก ๆ ทำตัวเป็นเด็กไม่รู้เรื่องไปได้ นารูโตะยิ้มยั่วเย้า ก่อนจะเบียดกายเข้าหาอกแกร่ง
                เฮ้ยเดี๋ยวก่อน! เอ่อ....
                ข้าบอกแล้วไง ว่าข้าน่ะสนใจเจ้าแล้ว ร่างบางกระซิบเสียงหวาน
                เอ่อ.... ซาสึเกะใจเต้นเร็วเสียกว่าตอนแรก ใบหน้าเขาแดงจัดจนนารูโตะหัวเราะอย่างชอบใจ ริมฝีปากบางประทับจุมพิตเบา ๆ ที่ริมฝีปากของร่างสูงอีกครั้ง
                เจ้านี่ท่าทางไม่น่าไร้เดียงสาเลยนะ นารูโตะกล่าวอย่างขบขัน
                นั่นควรจะเป็นคำพูดของข้ามากกว่านะ ซาสึเกะเอ่ย หลบสายตาพลางแสร้งทำหน้ามุ่ย กลบเกลื่อนความอาย
                นารูโตะหัวเราะ ก่อนจะจ้องเข้าไปในดวงตาสีเข้ม มือเรียวเริ่มปลดเปลื้องอาภรณ์ที่คลุมกายออกอย่างช้า ๆ ซาสึเกะเบิกตามองอย่างตกตะลึง
                อย่า!” ซาสึเกะรีบคว้ามือเรียวที่กำลังจะถอดอาภรณ์ของตนออก
                ทำไมล่ะ เจ้ารังเกียจหรือ?”
                เปล่า ซาสึเกะส่ายหน้า เพียงแต่ข้าคิดว่าวันนี้เจ้าควรจะพักผ่อนมากกว่า
                ร่างบางยิ้มหวานอย่างชอบใจ แสดงว่าเจ้าไม่ได้รังเกียจข้า ว่าจบก็กอดร่างสูงแน่น ซุกอกแกร่งราวกับเด็กเล็ก
                ซาสึเกะหน้าแดง เขากระแอมเล็กน้อย สายตาเหลือบมองไหล่บางที่โผล่พ้นเนื้อผ้าชั้นดีออกมา มันแต้มด้วยรอยแดงเล็ก ๆ ทั่วผิวขาว บ่งบอกว่ากายนี้มีไว้เพื่ออะไร...
                นี่....ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” ซาสึเกะถาม ดันนารูโตะออกห่างเล็กน้อย เพื่อจ้องมองเข้าไปในดวงตาสีฟ้างดงามนั้น เฝ้ารอคอยคำตอบ
                นี่เป็นเรื่องส่วนตัวนะ ร่างบางว่า ทำปากบึ้งน้อย ๆ เหมือนไม่พอใจ
                ซาสึเกะชะงัก นึกได้ว่าคำถามของตนนั้นดูจะล้ำเส้นความเป็นส่วนตัวไปจริง ๆ นารูโตะเห็นใบหน้าร่างสูงดูยุ่งยากก็หัวเราะอย่างพอใจและเอ่ยว่า
                ล้อเล่นน่า! ข้าจะตอบคำถามเจ้าก็ได้ เพราะข้าถือว่าเจ้าเป็นคนพิเศษของข้าคนเดียว ร่างบางประคองใบหน้าหล่อเหลาให้สบตาตน แล้วจึงเริ่มเล่าเรื่องของตัวเอง ตอนแรกนะ บ้านข้าน่ะ เป็นขุนนางของโคโนฮะเนี่ยแหล่ะ แต่ว่า..... ซาสึเกะเห็นแววตาสีฟ้าที่เริ่มทอแววเศร้าหมองจากเหตุแห่งอดีต .....พ่อแม่ข้าโดนจับข้อหาเป็นกบฏต่อโคโนฮะ...โทษนั้นถึงประหารทั้งครอบครัว แต่ข้าที่ตอนนั้นอายุได้เพียงสิบปีถูกพาหนีมาโดยแม่นม...ข้ากลัวมาก คืนแรกที่ไร้อ้อมกอดของท่านพ่อและท่านแม่.....เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ความหนาวเหน็บนั้นกัดกินหัวใจข้า.....ข้าหนีแม่นม กลับมาที่บ้านอีกครั้ง แต่บ้านนั้นกลับว่างเปล่า....ไม่มีใครอยู่เลย.....
                ข้าจึงวิ่งไปที่ปราสาท คิดว่าท่านพ่อ ท่านแม่จะต้องอยู่ที่นั่นแน่ ๆ แต่ระหว่างทาง ที่ลานกลางเมือง..... มือบางกำแน่น กายบางสั่นเทา ซาสึเกะจับมือบางนั้นไว้อย่างอ่อนโยน มองนารูโตะอย่างสงสารและเห็นใจ .....ศีรษะของพวกท่าน..... หยาดน้ำตาใสไหลอาบแก้มนวล ไร้เสียงสะอื้น ไร้น้ำเสียงโหยหาฟูมฟาย นารูโตะเพียงแต่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาจากเนตรงามเท่านั้น .....ข้าเห็นศีรษะของพวกท่าน ปักประจานอยู่กลางลาน.....ข้ากลัวมาก ข้าวิ่งหนีอีกครั้ง...ข้าวิ่งไม่รู้ทิศ ไม่รู้อะไรเลย แต่น่าแปลกเหลือเกิน...ที่ข้ากลับตระหนักได้อย่างชัดเจนว่า ข้าไม่มีใครอีกแล้ว.....
                นารูโตะยกชายเสื้อแขนกิโมโนเช็ดน้ำตา ยิ้มบางให้ซาสึเกะเพื่อบอกว่าตนไม่เป็นไร แต่ซาสึเกะรู้ดีว่าดวงตานั้นตรงข้ามกับสิ่งที่ร่างบางกระทำ
                ข้าเริ่มทำงานทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ โชคดีที่ข้าอ่านออกเขียนได้ เลยได้ทำงานกับท่านหมอคนหนึ่ง ท่านสอนหนังสือให้ข้าและก็เรื่องสมุนไพรให้ข้าเล็กน้อย แต่ว่าพอข้าอายุได้สิบสามปี ร้านยาของท่านหมอนั้นต้องล้มเลิกกิจการ เพราะท่านหมอได้ตายจากไปด้วยอุบัติเหตุ ภรรยาท่านหมอก็ป่วยหนัก ลูกสาวของท่านก็ไม่มีความรู้ด้านยาด้วยเพราะหล่อนเป็นหญิงช่างเที่ยว และเอาแต่ใจ ทั้งยังฟุ่มเฟือย ข้าพยายามทำงานอย่างอื่นเพื่อนายหญิง แต่มันก็ไม่เพียงพอค่ายาจะรักษานายหญิงได้เลย ข้าจึงตัดสินใจ.....ท่านซึนาเดะมาพบข้า ขอซื้อตัวข้าไปด้วยราคาที่สูงพอจะเป็นค่ารักษาให้นายหญิงได้และยังเหลือให้ใช้จ่ายได้อีก.....ข้าดีใจที่นายหญิงเอ่ยปากปฏิเสธข้อเสนอนั้นทันที ท่านบอกว่ารักข้าเหมือนลูกชายคนหนึ่ง แต่ข้าก็ไม่อาจทนเห็นท่านหญิงตายต่อหน้า จึงตัดสินใจมาอยู่ที่หอโคมแดงแห่งนี้
                ซาสึเกะมองดูร่างบางที่เช็ดน้ำตาเพื่อกลบเกลื่อนความอ่อนแอของตน นารูโตะยิ้มกว้าง พยายามหยุดร้องไห้จนสำเร็จ
                ข้าเล่าเรื่องของข้าแล้ว เจ้าก็เล่าเรื่องตัวเองบ้างสิ นารูโตะเอ่ยด้วยรอยยิ้มกว้าง ซาสึเกะมองดูคราบน้ำตานั้นด้วยความเห็นใจ มือใหญ่เอื้อมออกไปดึงร่างบางมากอดไว้อย่างอ่อนโยน
                อยากร้องไห้ ก็ร้องเถอะ หากเจ้าเก็บมันไว้ น้ำตานั้นก็ท่วมใจเจ้าจนเจ้าไม่อาจหายใจได้อีกเลย
                ถ้อยเสียงทุ้มอ่อนโยนและนุ่มนวล เปี่ยมไปด้วยความห่วงใยและเห็นใจ ทำให้ใจดวงน้อยเต้นระรัวยิ่งกว่าคราแรกที่ได้พบเจอร่างสูง ความอบอุ่นที่ถูกหยิบยื่นให้ถูกซึมซับลงไว้ในหัวใจ มือเรียวเกาะบ่ากว้างไว้ ยิ้มอย่างดีใจพร้อมน้ำตาใสซึมน้อย ๆ
                ขอบคุณ.... เสียงหวานกระซิบแผ่ว .....ซาสึเกะ
                อืม
                ...................
                หายไปไหนมาทั้งคืนน่ะ ซาซึเกะ
                ร่างสูงเหลียวมองเจ้าของคำถาม ร่างเพรียวบางมองเขาอย่างสงสัยและไม่พอใจเล็กน้อย ซาสึเกะเพียงยิ้มน้อย ๆ
                รู้มั๊ยว่าท่านพ่อตามหาเจ้าอยู่ เมื่อคืน เจ้าควรจะอยู่ที่งานเลี้ยงเหมือนราชองครักษ์คนอื่น ๆ
                ไม่เอาน่าอิทาจิ ข้าก็แค่ผู้ช่วยธรรมดาเขาตอบพี่ชายอย่างไม่แยแส
                อิทาจิเดินเข้ามาใกล้น้องชายมากขึ้นก่อนจะใช้นิ้วเรียวยาวดีดหน้าผากนั้นอย่างหมั้นไส้
                แต่อีกไม่นานเจ้าก็จะกลายเป็นราชองครักษ์แล้วจริง ๆ อย่าลืมสิ! ตระกูลอุจิวะเราคือ เงาพิฆาต ของราชวงศ์
                ช่าย ๆ จำได้หมดแหล่ะ พูดเสร็จแล้วข้าก็ขอตัวไปนอนพักก่อน
                นี่! เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยว่าเมื่อคืนไปไหนมา อิทาจิถามอีกรอบเมื่อซาสึเกะเดินจากไป
                ไปหาเพื่อน อยู่กับพวกตาแก่ไม่สนุกนี่หว่าซาสึเกะตอบพลางยกมือขึ้นโบกลาอย่างลวก ๆ ก่อนจะหายตัวเข้าไปในห้อง
                ร่างสูงทิ้งตัวลงนอนบนฟูก ก่อนจะหลับตา ทว่าภาพของร่างบางในหอแดงกลับแจ่มชัดในความมืด
                นารูโตะ.....
                กลิ่นกายที่อบอวลด้วยเครื่องหอมและกำยาน ดวงตาสีฟ้าที่ส่องประกายกล้า ใบหน้างดงามที่ประดับด้วยรอยยิ้มเศร้าหมอง...ไม่น่าเชื่อว่าทุกอย่างจะพาใจหวั่นไหวได้เพียงนี้ น้ำเสียงหวานหูนั่นวนเวียนซ้ำไปมาในหัวไม่อาจลืม
                เมื่อคืนนารูโตะหลับไปทั้ง ๆ ที่ร้องไห้ แทนที่จะจากมากลับประคองกอดร่างเพรียวนั้นไว้จนรุ่งเช้า เขาเป็นอะไรไปแล้วนี่?
                ....................
                ตระกูลอุจิวะ คือ เงาพิฆาต ของราชวงศ์ เมื่อมีผู้ใดคิดสั่นคลอนราชบัลลังก์แห่งโคโนฮะ ผู้นั้นจะถูกเงาพิฆาตแห่งเลือดขัตติยะปลิดชีพในทันที
                ด้วยประวัติศาสตร์ที่เปื้อนเลือดและถูกฉาบไว้ด้วยเกียรติยศศักดิ์ศรีของตระกูลอุจิวะ พวกเขาจะต้องเป็นเหมือนเงามืดที่ห้ามละทิ้งสมรภูมิ อยู่คู่เลือดที่ไหลรินแผ่นดินอย่างเงียบ ๆ เป็นเงาแห่งความตายที่แฝงอยู่ข้างร่างไร้วิญญาณในสนามรบ ห้ามละทิ้งนายและคำสั่ง คือกฎเหล็ก ใครจะตายก็ห้ามสนยกเว้นนายเหนือหัวผู้เดียว
                และสิ่งที่เป็นเรื่องต้องห้ามที่สุด...คือ หัวใจ...หัวใจที่ห้ามแบ่งให้ใคร ก็เหมือนห้ามมี รัก เพราะเมื่อรักใครอื่น ก็จะต้องปกป้องคน ๆ นั้นด้วยจนอาจจะสามารถละทิ้งผู้เป็นนายได้...ใช่แล้ว ตระกูลอุจิวะเกรงกลัวอานุภาพแห่งรัก...
                หากไม่ถึงคราวจะแต่งงาน หรือไม่มีคู่หมั้นหมายที่พ่อแม่เลือกให้ก็ห้ามมีใครในหัวใจ จะรักหรือไม่ ก็ต้องแต่งตามคำสั่ง
                แต่ถึงอย่างนั้น.....นัยน์ตาสีเข้มก็ยังคงจับจ้องเงาเลือนรางที่หน้าต่างของหอโคมแดงอยู่ทุกวัน.....
                ซาสึเกะก็ไม่รู้หัวใจตัวเองว่าทำไม? แต่ก็ไม่อาจละทิ้งนารูโตะได้.....
                .....อยากจะปกป้อง.....
                ซาสึเกะ
                ร่างสูงมองร่างเพรียวที่ยื่นตัวออกมาทางหน้าต่างและโบกมือให้เขา
                เข้ามาได้แล้วล่ะ
                อืม
                มันคืออะไรกันนะ?
                ยามที่สบดวงเนตรสีฟ้านั้น ใกล้ชิดกายนั้นและสดับฟังน้ำเสียงระรื่นหูนั้น.....
                หัวใจก็เป็นสุขอย่างประหลาด.....
                .....หรือนี่.....คือเรื่องต้องห้าม.....คือ ความรัก.....?
                ...................
                สายลมผันผ่านกาลเวลาให้ผันแปร กลีบดอกซากุระร่อนถลาเล่นลมพลิ้วราววิหคน้อยสีชมพู มือเรียวยื่นผ่านกรอบหน้าต่างออกมาสัมผัสสายลมและกลีบดอกสีชมพูอย่างชอบใจ รอยยิ้มพิมพ์ใจที่แม้แต่นางสวรรค์ยังยอมแพ้ประดับบนดวงหน้าหวานน่าพิศมอง ทำให้อรุณแห่งใบไม้ผลิสดใสยิ่ง
                ซาสึเกะ
                เสียงหวานเอ่ยฝากไปกับสายลม ให้เงามืดใต้กิ่งไม้สีหวานไหวตัว ก่อนจะพุ่งเข้าไปในห้องกว้างของร่างบางในชุดกิโมโนสีสวย
                นารูโตะ
                ร่างในชุดกิโมโนโผเข้าหาร่างสูงอย่างดีใจ วงแขนเรียวกอดกระชับลำคอของชายหนุ่ม ใบหน้าหวานอิงซบบ่ากว้าง เรียกรอยยิ้มอ่อนโยนให้แก่ใบหน้าคมคายใต้หน้ากากได้เป็นอย่างดี
                ดีใจจัง มาหาข้าแต่เช้าแบบนี้มีอะไรหรือเปล่า?” ดวงตาสีฟ้าสดใสเงยสบหน้ากากสีขาว มือใหญ่ถอดหน้ากากออก เผยให้เห็นใบหน้าคมคายที่เติบโตขึ้นเป็นชายหนุ่มวัยยี่สิบเอ็ดปี
                ข้าเห็นว่าวันนี้อากาศดี จึงมาหาเจ้า
                นารูโตะยิ้มกว้างเสียพาใจร่างสูงหวั่นไหวเป็นรอบที่ล้านแล้ว....
                สามปีที่รู้จักกันมานับตั้งแต่คืนแห่งความผิดพลาดของเขาในคืนนั้น นับจากนั้นมาบางอย่างในดวงตาสีฟ้าดึงดูดให้เขามาที่นี่ทุกค่ำคืน จนกลายไม่มีเว้นวัน พวกเขาเติบโตพร้อมกับบางอย่างในหัวใจของกันและกัน
                นารูโตะ...
                ร่างบางผละออกจากอกแกร่งก่อนจะยิ้มให้อย่างรอคอย
                ซาสึเกะเสมองไปทางอื่น ใบหน้าของเขาขึ้นสีน้อย ๆ ก่อนจะกระแอมไอ เมื่อรู้สึกว่าลำคอช่างหนืดเหนียวเสียเหลือเกิน
                คือ...คืนนี้จะมีงานเทศกาล...เอ่อ...เนื่องในวันคล้ายวันประสูติขององค์ชาย ฉันเลยอยาก...เอ่อ...
                ร่างบางยกชายแขนเสื้อกิโมโนขึ้นมาปิดรอยยิ้มเขินอาย ใบหน้าหวานแดงก่ำ แต่ดวงตายังคงจ้องมองร่างสูงอย่างรอคอย แม้หัวใจจะพองโตจนแน่นอกแทบจะหายใจไม่ออกแล้วก็ตาม
                คือว่า...เอ่อ...ซาสึเกะอึกอัก ใจเต้นระรัวอย่างตื่นเต้น ตั้งแต่รู้จักกันมา ความรู้สึกแบบนี้เกิดกับเขาแทบทุกวินาทีที่อยู่กับนารูโตะ ฉัน...ฉันอยากจะ...
                อยากจะ??” ร่างบางทวนคำเสียงแผ่ว
                นายอยากจะไป...เอ่อ...ไป...แบบว่า...ร่างสูงหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม ร่างบางเองก็ไม่แพ้กับ ก้มหน้างุดเมื่อร่างสูงเหลือบสายตามามอง
                ป...ไปไหนหรือ?” นารูโตะเอ่ยเสียงสั่นด้วยความตื่นเต้น
                ไป...คือ...เฮ้อ! ไปงานเทศกาลกับฉันนะ!!
                ซาสึเกะรวบรวมความกล้าเอ่ยไปจนได้ในที่สุด นารูโตะยิ้มเอียงอาย ซาสึเกะจ้องมองใบหน้าหวานแดงก่ำอย่างลุ้นระทึกในใจ นารูโตะพยักหน้าแทนคำพูด ทำให้ซาสึเกะยิ้มกว้างอย่างดีใจเป็นที่สุด
                งั้นฉันจะมารับนายคืนนี้ที่หน้าหอนะ
                อืม ฉันจะรอนะ
                งั้นฉันไปก่อนนะ เจอกันตอนค่ำ อย่าลืมนะร่างสูงเอ่ยอย่างดีใจเป็นที่สุด พูดรัวเร็วอย่างตื่นเต้น อดใจรอให้ถึงค่ำนี้แทบไม่ไหว
                อืม นายก็อย่ามาช้านักนะ ไม่งั้นฉันจะไปกับคนอื่นแน่
                แน่นอน! ฉันไม่มีทางสายแน่!
                ว่าจบก็ผละจากร่างบาง ไปที่ขอบหน้าต่าง หันมายิ้มส่งท้ายก่อนจะสวมหน้ากากและพุ่งออกจากไปอย่างรวดเร็ว
                 นารูโตะมองตามเหมือนทุกครั้ง ทังที่ตะวันสองแสงเจิดจ้าขนาดนี้ แต่ร่างสูงกับกลายเป็นเงาหายไปอย่างง่ายดายเสียเหลือเกิน...
                มือเรียวประสานบนหน้าอก ใจเอ๋ย...อย่าเต้นแรงนักสิ ข้าหายใจไม่ออกอยู่แล้วเสียงหวานพึมพำกับตนแผ่วเบา รอคอยให้ตะวันลาลับอย่างตั้งใจทั้งที่ตะวันเพิ่งพ้นฟ้า
                ...................
                และแล้ว...ราตรีก็มาเยือนย่าง...
                เสียงขลุ่ยดังแว่วในสายลมเริ่มบรรเลงเพลงนำราตรีนี้ให้เข้าสู่กาลเวลาแห่งความสนุกสนานครื้นเครง และเสียงเครื่องดนตรีอื่น ๆ ก็ตามมาบรรเลง นางระบำพื้นบ้านต่างออกมาร่ายรำเพื่ออวยชัยอวยโชคแก่ผู้มางานเทศกาลและเพื่อเทพเจ้าแห่งฟากฟ้าได้เชยชม
                นารูโตะในชุดกิโมโนเรียบ ๆ แต่หรูหราสีน้ำเงินลายซากุระสีทองเดินเคียงข้างร่างสูงใหญ่ของซาสึเกะที่อยู่ในชุดกิโมโนชายสีดำน่าเกรงขาม ทั้งสองตกเป็นเป้าสายตาในราตรีนี้อย่างง่ายดาย ทั้งชื่นชม ทั้งฉงนและทั้งรังเกียจจากมากคนซึ่งมากใจ
                น่ารังเกียจ...
                นารูโตะได้ยินคำนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าตั้งแต่เยื้องย่างเข้างาน เคียงข้างชายที่ตนรัก แม้จะเผชิญกับสายตาเช่นนั้นมาตั้งแต่เด็กเพราะทำงานเช่นนี้ ใช่ว่าทุกคนในสังคมจะยอมรับ แต่เขาก็ไม่เคยสนใจว่าใครจะมองเช่นไร เพราะซึนาเดะบอกอยู่เสมอ ว่าแม้เขาจะทำงานเช่นนี้ แต่ก็ไม่ใช่พวกขายตัวหรือโสเภณี แต่คือร่างแห่งศิลปะ ซึ่งบางทีก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงเรื่องเพศเพราะเป็นชาย จึงไม่มีปัญหาเรื่องตั้งครรภ์และร้องเรียนกับใครไม่ได้ แต่ในอีกด้าน พวกเขาก็ได้รับความนับถือในฐานะผู้สร้างสรรค์และสืบทอดศิลปะเก่าแก่
                ทว่าครั้งนี้ มันต่างออกไป เขาไม่ได้ยืนคนเดียว เขาไม่ได้อยู่ท่ามกลางเพื่อนร่วมอาชีพ แต่ตอนนี้เขามี...ซาสึเกะ...
                เขากลัวว่าร่างสูงจะไม่พอใจ จะรังเกียจ และจะจากเขาไป...ไม่อยากเลย...แต่ก็รู้ดีว่าหากเขายืนอยู่เคียงข้างร่างสูงต่อไป อาจทำให้ซาสึเกะเสียเกียรติเปล่า และอับอายขายหน้าได้
                จะไปไหน?
                ซาสึเกะคว้ามือเรียวแน่นเมื่อเห็นว่านารูโตะกำลังจะเดินหันหลังไปทางอื่น
                ข้า...นารูโตะลังเลที่จะตอบ ไม่รู้จะพูดอย่างไร
                ดูสิ...น่าอายนัก...
                “น่ารังเกียจ
                ขยะแขยงชะมัด
                พวกหอโคมแดงนิ...
                น่าสมเพช
                ซาสึเกะเงยหันไปมองตามเสียงซุบซิบเหล่านั้นอย่างไม่พอใจ กำมือบางไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย
                เจ้าก็เห็นแล้วนิ นารูโตะบอกเสียงเบา
                เห็นอะไร?
                ข้า...นารูโตะรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว ขอบตาร้อนเหลือเกิน “...ข้าทำให้เจ้าต้องอับอาย
                ซาสึเกะกัดฟันแน่น ก่อนจะพาร่างบางออกมาจากฝูงชน ผ่านเส้นทางใต้แสงสลัวสู่สวนขนาดเล็กของวัดซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเทศกาล ในสวนคือทะเลสาบขนาดใหญ่ที่ขุดขึ้นเพื่อปลูกบัวหลวงจากพระราชวัง อันเป็นของถวายจากองค์ราชินี แต่คืนนี้ดอกบัวยังตูมเต่ง แต่แสงสีมองนวลตาที่ลอยไปมาเหนือผิวน้ำช่างน่าจับตา ดั่งดวงดาวติดปีกบินลงมาจากฟ้าเพื่อยลโฉมตนในน้ำ
                นารูโตะ
                ร่างบางปาดน้ำตาใส ก่อนจะเงยหน้ามองร่างสูง ซาสึเกะชี้ลงไปที่ผิวน้ำ
                เจ้าเห็นอะไร
                นารูโตะไม่เข้าใจ ชะโงกมองลงไป และตอบ
                เงาของข้าและของเจ้า
                ซาสึเกะโยนหินลงไปตรงเงา ผิวน้ำสั่นไหวกระเพื่อมเป็นวงกว้าง และสงบนิ่งอีกครั้ง
                มองอีกครั้ง...เจ้าเห็นอะไร?
                นารูโตะทำตามอีกครั้งและตอบเช่นเดิม
                ทำไม?” นารูโตะไม่เข้าใจ
                เจ้าก็คือเจ้า ไม่ว่าใครจะพูดอย่างไร เจ้าก็คือนารูโตะ...นารูโตะที่ข้ารู้จัก คำพูดใด ๆ ของใครก็เปลี่ยนเจ้าไม่ได้ เหมือนน้ำที่โดนก้อนหิน...เงาก็คงอยู่เช่นนั้น
                นารูโตะก้มมองเงาของตนในน้ำ เห็นสายตาของร่างสูงที่จ้องมองมาก็อดหน้าแดงระเรื่อไม่ได้
                ไม่ว่าใครจะมองยังไง เจ้าก็คือเจ้า...ร่างสูงสวมกอดร่างบางจากด้านหลัง เอ่ยกระซิบข้างใบหูขาว เจ้าคือนารูโตะ...ยามที่ข้ามองเจ้า เจ้าไม่ใช่ชายจากหอโคมแดง...แต่เจ้าคือคนที่ข้ารัก
                ซาสึเกะ... อีกครั้งที่นารูโตะรู้สึกว่าภาพตรงหน้าพร่าเลือนไม่ชัดเจน ใบหน้าและขอบตาช่างร้อนผ่าว
                ข้ารักเจ้า นารูโตะ
                อื้ม!” ร่างบางหันไปกอดร่างสูงแน่น ข้าก็รักเจ้าที่สุด
                หลังจากนั้น นารูโตะยืนเคียงข้างซาสึเกะอย่างไม่หวั่นไหวอีกต่อไป ร่างสูงกุมมือบางไว้แน่น ขณะที่ส่งแอปเปิ้ลชุบน้ำเชื่อมให้ ก็เอ่ยว่า
                รอฉันอีกหน่อยนะ
                เอ๋?
                ซาสึเกะมองดวงหน้าหวานที่กระทบแสงสีส้มนวลตาของดวงไฟเหนือศีรษะ อีกทั้งคืนนี้แสงจากจันทร์ครึ่งดวงยังสาดส่องอยู่ ทำให้ดวงตาสีฟ้าสดใสดั่งฟ้าครามนั้นดูเจิดจ้าและดึงดูดมากกว่าครั้งไหน ๆ ดวงหน้าหวานที่ชวนฝันมาตลอดตั้งแต่คราแรกที่ได้พบกันช่างน่ามองเสียยิ่งกว่าคืนใด ๆ
จันทร์ว่าสวย เจ้านั้นเหนือล้ำ
ดาราด่ำดื่มใจ เจ้ายิ่งกว่า
                รอฉันอีกหน่อย
                นารูโตะมองนัยน์ตาสีเข้มอย่างรอคอย
                แล้วฉัน...ฉันดวงตาสีเข้มนั้น มุ่งมั่นจนใจดวงน้อยสั่นระรัว ฉัน...ฉันจะอยู่กับนาย...ตลอดไป
                ซาสึเกะ!?
หาใดเปรียบตรึงในใจของข้า
เพียงยาใจตรงหน้าแค่ผู้เดียว
                ฉันสัญญา!
                อื้ม!!
                นารูโตะเขย่งปลายเท้าขึ้นหอมแก้มร่างสูงอย่างดีใจ ซาสึเกะยิ้มเก้อเขิน หน้าแดงน้อย ๆ
                ความสุขในอากาศ อบอวลทั่วเทศกาล เสียงดนตรียังคงบรรเลงอย่างเริงร่า ผู้คนออกมาเริงระบำรอบกองไฟเพื่อทวยเทพและความผาสุข ไกลออกไปคือเวทีการแสดงของคณะละครหลวงซึ่งจัดขึ้นเพื่อเหล่าราชนิกูลที่มาร่วมงานเทศกาลประจำเมืองนี้ด้วย
                แต่เบื้องหลังความสนุก คือเงาอันระแวดระวังของตระกูลอุจิวะ และเหล่าทหารอารักขา
                หนอย เจ้าซาสึเกะ ดันขอลาหยุดในวันแบบนี้ได้ไงอิทาจิบ่นถึงน้องชายอย่างหัวเสีย เพราะซาสึเกะจะได้เข้าพิธีเป็นราชองครักษ์เต็มตัวอยู่อีกไม่กี่วันแล้วแท้ ๆ แต่ยังเถลไถล ทำตัวเรื่อยเปื่อยไม่จริงจังอยู่เลย
                เอาเถอะ อิทาจิ ฟุงะกุเอ่ยกับลูกชายคนโตอย่างใจเย็น ยังไงซาสึเกะก็รู้ดีว่าหน้าที่ตัวเองคืออะไร มันคงขอใช้ชีวิตเต็มที่ก่อน
                ก็แบบนั้นแหล่ะครับ! อายุยี่สิบเอ็ดแล้ว ยังทำตัวเที่ยวเล่นเป็นเด็กอยู่เลย
                ก็นะ...พ่อก็คิดอยู่ว่าน่าจะแต่งได้แล้ว
                เอ๋?
                เจ้าเองก็เหมือนกันนะ อายุก็น่าจะแต่งได้ตั้งนานแล้ว
                อิทาจิยิ้มน้อย ๆ เรื่องนี้ขอคิดอีกหน่อยละกันครับ
                เห็นองค์ชายมาดาระก็คิดจะหาคู่ให้ด้วย ทรงเมตตาเจ้ามากเลยนะ ฟุงะกุเอ่ยกับลูกชายคนโอย่างภูมิใจ
                ขอเวลาอีกหน่อยดีกว่าครับ อิทาจิเลี่ยงอย่างสุภาพ เพราะยังไม่พร้อมจริง ๆ
                ทั้งสองหันไปสนใจการแสดงต่อ แต่ก็คอยระแวดระวังอยู่ตลอดเวลาอย่างเคร่งครัด เหล่าราชนิกูลเองก็วางใจและปล่อยตัวตามสบายไปกับความรื่นเริงสนุกสนาน
                ราตรีนี้ช่าวยาวไกล...ใคร ๆ ก็หวังให้มันดำเนินไปตามเส้นทางแห่งความสุขนี้ตลอดค่ำคืน ทว่า...
                บึ้ม!!
                กรี๊ดดดดดดดดดดด!!
                อ๊ากกกกกกกกกกก!!
                ปกป้องเหล่าราชวงศ์!! ทหาร อพยพคนออกจากงานและตามตัวคนร้ายมา!!
                นารูโตะทรุดตัวลงซุกอกชายหนุ่มข้างกายอย่างตกใจ เสียงระเบิดดังไปรอบบริเวณ เสียงกรีดร้อง เสียงตะโกน เสียงผู้คนร้องแตกตื่นและเสียงฝีเท้าของเหล่าคนหนีตายดังไปทั่วจนใจสั่นระรัวด้วยความตื่นเต้นและความกลัว
                อยู่ใกล้ ๆ ฉันไว้ อย่าปล่อยมือนะ!
                ซาสึเกะตะโกนเสียงฝ่าเสียงดังรอบตัวบอกนารูโตะก่อนจะฉุดร่างเพรียวให้วิ่งตามตรฝ่าฝูงชนออกมาจากงานเทศกาลจนได้
                ซาสึเกะรีบพานารูดตะวิ่งกลับไปที่หอโคมแดง นารูโตะเห็นซึนาเดะออกมาเปิดประตูรับเหล่าชายแห่งหอโคมแดงคนอื่น ๆ กลับเข้าหอ เมื่อเธอเห็นนารูโตะก็ยิ้มอย่างดีใจ
                นารูโตะ โชคดีที่ไม่เป็นอะไร เข้าไปเร็ว
                เดี๋ยว ซาสึเกะ!” นารูโตะหันไปหาร่างสูงที่ทำท่าจะวิ่งกลับไปที่เกิดเหตุ จะไปไหน?
                ฉันต้องไป ซาสึเกะตอบอย่างลำบากใจ
                ทำไมล่ะ มันอันตรายนะ
                ร่างสูงเงียบไปครู่หนึ่งอย่างลังเล ก่อนจะเอ่ย มันเป็น...หน้าที่ของฉัน
                เอ๋??
                หน้าที่ ที่จะต้องทำเพื่อราชวงศ์โคโฮะ
                ซาสึเกะดึงมือตัวเองออกจากมือบาง และใช้สองมือกุมมือบางไว้แน่น แต่ฉันสัญญา ฉันจะกลับมาอย่างปลอดภัย และไม่ลืมสัญญาของเราด้วย รอก่อนนะ! นารูโตะ!
                อ...อื้ม...ปลอดภัยนะ
                อื้ม! ฝากด้วยนะครับ ซาสึเกะหันไปพูดกับซึนาเดะก่อนจะรีบวิ่งกลับไปที่เกิดเหตุอีกครั้ง
                นารูโตะกลับขึ้นห้องอย่างหวั่นใจ เปิดหน้าต่างที่สามารถมองออกไปเห็นงานเทศกาลอยู่ไกล ๆ ซึ่งตอนนี้กลายเป็นทะเลเพลิงเพราะระเบิด แต่ดูเหมือนเหล่าทหารจะทำหน้าที่ได้ดี กันไม่ให้ไฟลามไปที่อื่นได้ แต่กระนั้น ความแตกตื่นและวุ่นวายยังคงไม่หายไป เสียงกรีดร้องและเสียงตะโกนโหวกแหวกของผู้คนยังคงมีอยู่
                มือเรียวนึกถึงร่างสูงที่วิ่งหายไปในฝูงชนเพื่อทำหน้าที่ของตน...
                จะว่าไป...เราก็ไม่เคยรู้เลยว่าซาสึเกะเป็นใคร? มาจากไหน?
                 คิดได้ดังนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองช่างละเลยร่างสูงเหลือเกิน และคิดว่าไว้คราวหน้าจะถาม ตอนนี้มือบางยกขึ้นพนมตรงหน้าอกและเริ่มสวดภาวนาให้ร่างสูงปลอดภัยและให้ความวุ่นวายนี้จบลงเสียที
                สองวันต่อมา...
                นารูโตะกระวนกระวานมาสองวันสองคืน รอให้ซาสึเกะมาหาแต่ก็ไร้วี่แวว แทบทุกเวลาที่ว่าง เขาสวดภาวนาต่อเทพเจ้าจิ้งจอก เทพประจำเมืองให้ปกป้องคุ้มครองซาสึเกะให้ปลอดภัย
                จากเหตุการณ์วุ่นวายในคืนนั้น ทำให้หอโคมแดงต้องปิดชั่วคราวเพื่อรอดูสถานการณ์ เพราะคืนนั้น องค์ชายลำดับที่สามและสี่แห่งอาณาจักรโคโนฮะถูกลอบสังหารได้ ข่าวที่ว่าแพร่สะพัดไปทั่ว และลือกันว่านี่เป็นฝีมือของอาณาจักรซึนะ ซึ่งเป็นอาณาจักรข้างเคียง ปกครองโดยราชากาอาระ ทรงเป็นกษัตริย์หนุ่มที่เพิ่งขึ้นครองราชย์ได้เพียงสามปี แต่เกียรติพระองค์ระบือไกลโดยเฉพาะด้านการขยายดินแดน
                อาณาจักรใหญ่อย่างโคโนฮะ ยากต่อการจะขยายดินแดนเข้ามา และดินแดนก็กว้างใหญ่พอกัน สองอาณาจักรนี้เลยพยายามปรองดองกันเรื่อยมาอย่างเท่าที่จะทำได้ แต่ก็เป็นไปอย่างลุ่ม ๆ ดอน ๆ เพราะต่างก็ไม่ยอมก้มหัวให้กันแต่โดยดี เพียงหลีกเลี่ยงการปะทะเท่านั้น
                ทว่าการขึ้นครองราชย์ของกาอาระทำให้โคโนฮะหวั่นมาตลอด เพราะรู้ดีว่ากาอาระเป็นพวกนักรบ ชอบการสงคราม เพียงปีแรกก็ขยายดินแดนเสียกว้างขวางจนต้องจับตามองให้ดี และดูเหมือนกาอาระจะไม่สนใจการสร้างไมตรีเล็ก ๆ น้อย ๆ เลยมาตลอดสามปี ดังนั้นจึงลือกันว่าไม่นาน กาอาระต้องโจมตีและขยายดินแดนมาที่โคโนฮะอย่างแน่นอน
                และเหตุการณ์ในคืนนั้นก็เป็นหนึ่งในแผนการ บ่อนทำลายกำลังใจประชาชนและทำลายเสาหลักประเทศ!!
                นารูโตะ
                ร่างบางลืมตาจากการภาวนา หันไปทางหน้าต่างห้อง พบร่างสูงของซาสึเกะยืนอยู่ นารูดตะยิ้มอย่างดีใจ ถอนหายใจอย่างโล่งอก รีบลุกขึ้นและเดินเข้าไปสวมกอดร่างสูงแน่น
                ดีจัง... ร่างบางผละตัวออกห่างเล็กน้อย ไม่บาดเจ็บอะไรใช่ไหม?
                ซาสึเกะยิ้มอ่อนโยน ก้มลงจุมพิตหน้าผากมนอย่างรักใคร่ ไม่เป็นอะไรหรอก อย่าห่วงเลย
                นารูโตะรีบจัดหาน้ำชาและขนมมาให้ร่างสูงอย่างรวดเร็ว ซาสึเกะนั่งลงบนเบาะนุ่มที่นารูโตะจัดหามาให้ เขานั่งนิ่งครุ่นคิดอย่างเคร่งเครียด นารูโตะที่นั่งอยู่ข้างกายมองอย่างห่วงใย มือบางประคองถ้วยน้ำชาส่งให้
                ซาสึเกะ
                ขอบใจ
                หลังจากจิบน้ำชาอุ่นแล้ว ใจที่ว้าวุ่นก็เริ่มสงบ หันมามองร่างบางที่ทำหน้ากังวล
                อย่าห่วงข้าเลย แค่มีเรื่องนิดหน่อยเท่านั้นแหล่ะ
                นารูโตะส่ายหน้า มีอะไรก็บอกข้าเถอะนะ
                ซาสึเกะยิ้มอย่างเหนื่อยอ่อน นารูโตะรู้ดีว่าร่างสูงเหนื่อยล้าแค่ไหน สังเกตจากดวงตาที่ไม่สดใสเหมือนเคยเพราะความอ่อนล้า ร่างกายดูหนักอึ้ง ใบหน้าขมวดคิ้วตลอดเวลา
                ข้าอยากช่วยเจ้าแบ่งเบาบ้าง นารูโตะกุมมือใหญ่อย่างอ่อนโยน ส่งยิ้มละมุนให้กำลังใจ
                ซาสึเกะรู้สึกสบายใจเหลือเกิน เขาล้มตัวลงนอนบนตักนุ่ม ปล่อยให้มือบางข้างหนึ่งลูบเรือนผมสีดำของเขา อีกข้างเขากุมไว้แน่นเสียเอง
                เป็นอาณาจักนซึนะซาสึเกะเริ่มเล่า คาดว่าอีกไม่นานคงเกิดสงครามแล้ว
                มือบางกำมือใหญ่แน่นขึ้น ซาสึเกะจูบมือนั้นอย่างหวงแหน
                ไม่เป็นไร
                เจ้าต่างเข้าร่วมใช่ไหม?
                ใช่
                นารูโตะใจหายวาบ ไม่อยากเลย...
                ข้าคือ อุจิวะ ซาสึเกะ...เป็นเงาพิฆาตของราชวงศ์ ของอาณาจักรนี้...จริง ๆ แล้วข้าทำแบบนี้ไม่ได้หรอก...อยู่กับเจ้า...แบบนี้
                ซาสึเกะลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะดึงร่างบางเข้ามากอดแนบอกแน่น
                แต่ข้าห้ามหัวใจไม่ให้รักเจ้าไม่ได้
                ซาสึเกะ
                ข้าจำเป็นต้องร่วมสงคราม ไม่อาจทิ้งครอบครัวและหน้าที่ได้
                “.....”
                แต่ข้าก็ทิ้งเจ้าไม่ได้เช่นกัน ข้าไม่ลืมหรอกนะ สัญญาของเรา
                ฮึก ใบหน้าหวานซุกอกแกร่งอย่างควบคุมน้ำตา ไม่อยากร้องไห้ แต่ยากเต็มทีเมื่อนึกไปต่าง ๆ นานา ว่าร่างสูงตรงหน้านี้อาจได้รับบาดเจ็บจากสงคราม
                ดังนั้น ก่อนสงครามจะเริ่ม ซาสึเกะดันไหล่บางออกห่าง จ้องเข้าไปในดวงตาสีครามสวยดั่งเพชรน้ำงาม ข้าจะส่งเจ้าไปที่อาณาจักรข้างเคียง ที่นั่น ข้ามีญาติของตระกูลอยู่ ตระกูลฮารุโนะจะเป็นคนดูแลเจ้าในฐานะสหายคนสนิทของข้า พวกผู้หญิงและเด็ก ๆ ในตระกูลอุจิวะก็จะถูกส่งไปเช่นกัน ข้าอยากให้เจ้ารอข้าจนกว่าสงครามจะสงบ ข้าสัญญา! ข้าจะตามไปรับเจ้า
                น้ำตาใสไหลอาบนวลแก้มอย่างไม่อาจห้ามได้อีกต่อไป ดวงตาสีฟ้าใสจ้องมองดวงเนตรสีเข้มที่จ้องตอบอย่างมุ่งมั่น แน่วแน่เพื่อยืนยันสัญญา
                จริงใช่ไหม?
                ใช่...ข้าสัญญา
                ฮึก...ร่างบางกุมมือใหญ่แน่น ข้า...ข้าจะรอ...ข้าสัญญา...ฮึก
                แล้วจุมพิตละมุนก็ประทับบนริมฝีปากอิ่ม เพื่อประทับสัญญาให้ตราตรึงในดวงใจสองดวงชั่วกาล...รอคอยวันเวลาให้สัญญานั้นเป็นจริง
                สงครามเริ่มขึ้นตามที่ซาสึเกะบอกไว้ หอโคมแดงปิดตัวถาวร ผู้คนต่างแยกย้ายอพยพไปยังอาณาจักรข้างเคียงและส่วนอื่น ๆ ของอาณาจักรที่สงครามยังลามไปไม่ถึง นารูโตะถูกคนจะตระกูลอุจิวะพาไปยังบ้านตระกูลฮารุโนะและได้รับการดูแลและต้อนรับอย่างดี ในฐานะสหายคนสนิทของอุจิวะ ซาสึเกะ
                นารูโตะอาศัยอยู่ในเรือนหลังเล็กของตระกูลอุจิวะที่เป็นของซาสึเกะตามพินัยกรรมมรดกที่รู้กันดี
                ทุกวัน ทุกคืน ร่างบางได้แต่ภาวนาให้คนรักในสงครามปลอดภัยและกลับมาหาตนตามสัญญา....
                ซาสึเกะ...ข้ารอเจ้าอยู่
                แฮ่ก....แฮ่ก....
                เสียงเพลิงแตกปะทุไหม้ เสียงดาบปะทะอยู่รอบกาย เสียงโห่ร้องของทหารยังไม่จบ พื้นดินที่เคยเขียวขจีกลายเป็นทะเลเลือดแดงฉาน ผืนหญ้าถูกแทนที่ด้วยร่างไร้วิญญาณของเหล่าทหารทั้งสองฝ่าย
                นารูโตะ....
                ซาสึเกะมองมือที่ชโลมไปด้วยเลือดของตน...สงครามดำเนินมาสามเดือนแล้ว...
                คนตายทุกวัน...
                ทะเลเลือดขยายมากขึ้นทุกวัน...
                มือนี้ ชโลมเลือดทุกวัน...
                คนที่รัก คนที่รู้จักก็หายไปในไฟสงครามทุกวัน...
                คงบ้าคลั่งไปแล้ว...
                คงกลายเป็นอสูรร้ายไปแล้ว...
                ...หากไม่มีดวงใจที่รักรอคอย...
                ...หากไม่มีเจ้าในหัวใจ...ข้าคงลืมเลือนความเป็นคนและตายเสียที่นี่...
                แต่เพราะมีเจ้า...นารูโตะ...
                ...เพราะมีเจ้า ข้าจึงไม่ยอมสยบให้ยมทูต!!
                “ซาสึเกะ!!
                เสียงตะโกนร้องเตือนจากอิทาจิ พี่ชายทำให้ร่างสูงหันไปมองอย่างแปลกใจ ก่อนจะเบิกตาโต กลับคมธนูที่พุ่งตรงมาทางตน....
                หนึ่งปีผ่านไป.....
                นารูโตะคุง
                ร่างเพรียวบางใต้ต้นซากุระที่บานสะพรั่งเหลียวหลังมามองผู้เรียกอย่างแปลกใจ ก่อนจะหลับตาเพราะสายลมพัดมากะทันหันจนกลีบสีชมพูหวานโปรยปราย เริงเล่นไปตามลม ก่อนจะร่วงหล่นลงบนพื้นสีเขียวมรกตท่ามกลางแสงแดดเจิดจ้า
                ท่านอิรุกะ
                นึกว่าหายไปไหนเสียแล้ว เอาขนมมาฝาก แต่ไม่เห็นอยู่ในเรือนเล็ก นึกว่าออกไปข้างนอก
                เดี๋ยวข้าก็จะออกไปจริง ๆ แล้วละขอรับ
                ร่างเพรียวในชุดกิโมโนสีเข้มยิ้มให้เด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างเอ็นดู นารูโตะยิ้มตอบอย่างเคารพนับถือ
                อุมุอิโนะ อิรุกะเป็นอาจารย์สอนวิชาดนตรีให้แก่ลูกหลานตระกูลอุจิวะและฮารุโนะ รู้จักกับนารูโตะเมื่อครั้งย้ายมาใหม่ ๆ และเจรจาพาทีกันถูกคอ จึงเริ่มสนิทสนมกันมานับตั้งแต่นั้น นารูโตะนับถือเหมือนพี่ชายคนหนึ่ง
                อิรุกะมีดวงหน้าเรียวได้รูป ผิวสีน้ำผึ้ง มีบาดแผลยาวที่ดั้งกลางใบหน้า นารูโตะรู้มาว่าเป็นแผลสมัยเด็กช่วยสงครามกลางเมือง กระนั้นแผลนั้นไม่ได้สร้างความน่าเกรงขามให้แก่คนตรงหน้าเลย ดวงหน้าติดหวานนั้นกลับดูใจดีมาก นัยน์ตาสีน้ำตาลสวยอบอุ่น ริมฝีปากอิ่มยิ้มแย้มสดใสตลอดเวลา เรือนผมยาวประบ่าสีดำสนิทล้อมดวงหน้าให้ยิ่งงดงามมากขึ้น
                อ้าว จะออกไปไหนงั้นเหรอ?
                ข้าอยากไปเดินเล่นเสียหน่อย วันนี้อากาศดี
                อืม ก็จริงนะ อิรุกะเงยหน้ามองท้องฟ้าสดใส พยักหน้าเห็นด้วย
                สงครามโคโนฮะจบมาหนึ่งปีแล้ว อาณาจักรกำลังฟื้นฟู อีกไม่นาน เหล่าลูกหลานอุจิวะที่มาที่นี่ก็จะกลับไป รวมทั้งนารูโตะด้วย เพราะนารูโตะ คิดจะไปตามหาซาสึเกะที่โคโนฮะ
                น่าเสียดายที่วันนี้ข้ามีสอน ไม่งั้นคงไปกับเจ้าด้วย
                คิก ๆ เพียงท่านอิรุกะบอกว่าอยากไปเดินเล่น เดี๋ยวท่านฮาตาเกะก็ต้องพาไปแน่
                หา...อย่าพูดถึงเจ้านั่นได้ไหม!!
                ฮาตาเกะ คาคาชิ ทายาทตระกูลฮาตาเกะที่เป็นพันธมิตรกับอุจิวะและฮารุโนะ มักมาเที่ยวเล่นที่คฤหาสน์ฮารุโนะบ่อย ๆ เพื่อเยี่ยมเยียนผู้ใหญ่แทนพ่อ (หนีงาน) และอีกเหตุผลคือมาแอบดูครูประจำบ้านฮารุโนะนั่นเอง
                ฮาตาเกะ คาคาชิเป็นชายหนุ่มร่างสูง ผู้ใบหน้าหล่อเหลา เคยดำรงตำแหน่งเป็นราชองครักษ์แก่กษัตริย์มาก่อน ทว่ากลังจากมารดาเสีย ก็ออกจากราชการเพื่อมาช่วยบิดาค้าขาย กระนั้นยังมีข่าวลือว่าฮาตาเกะคนลูกนี้ แอบมีกองทัพนินจาลับเพื่อช่วยเหลือราชวงศ์ด้วย
                ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าว่าเขาก็จริงใจกับท่านนะ
                พอเลย นารูโตะคุง ยิ่งพูดถึงข้ายิ่งอารมณ์ไม่ดี
                ไม่นานนารูโตะก็ขอตัวออกไปเดินเล่นในเมือง วันนี้ตลอดคึกคัก เพราะการค้าของโคโนฮะกำลังฟื้นฟูและดีขึ้นเรื่อย ๆ สินค้าจากโคโนฮะจึงหลั่งไหลมาให้ค้าให้ขายให้ซื้อให้หาอยู่มาก นารูโตะซื้อไหมขึ้นชื่อของโคโนะฮะกลับไปฝากคุณหนูแห่งฮารุโนะ นามซากุระเสียหน่อย เพราะตอนมาใหม่ ๆ เขาได้ท่านหญิงคนนี้แหล่ะเป็นเพื่อนคนแรก และคอยดูแลเขาเรื่อยมา
                เมื่อเดินเล่นจนพอใจก็คิดจะเดินกลับ ขณะเดินมาถึงหน้าบ้าน ก็พบร่างสูงในชุดสีดำยืนอยู่หน้าคฤหาสน์ฮารุโนะ มีหมวกใบใหญ่สวมหัวปกปิดใบหน้าทำให้มองไม่ชัด นารูโตะมองอย่างสงสัย แต่คิดว่าคงมาดีไม่มาร้าย จึงเอ่ยทักทายอย่างเป็นมิตร
                สวัสดีครับ มีอะไรธุระอะไรที่คฤหาสน์ฮารุโนะนี่หรือครับ?
                ร่างสูงในชุดดำหันมามอง มือใหญ่ยกขึ้นขยับหมวกขึ้นเล็กน้อย
                มาตามหาคน
                เหรอครับ... ยังไง ก็เข้ามาก่อนสิครับนารูโตะผายมือเชื้อเชิญ ก่อนจะเดินนำไป ทว่ายังเดินได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกมือใหญ่ฉุดรั้งตกอยู่ในอ้อมอกแกร่ง
                อ๊ะ! นี่ท่านจะทำอะไร!?
                ร่างเพรียวพยายามดิ้นหนี
                ลืมข้าแล้วหรือ นารูโตะ
                “!?
                นารูโตะ เงยหน้ามองคนพูด น้ำเสียงนั่น ฟังดี ๆ แล้วช่างคุ้นเคย
                มือใหญ่ถอดหมวกออก เผยให้เห็นใบหน้าคมคายอันจำได้ขึนใจ นารูโตะยกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียสะอื้นไห้ น้ำตาใสไหลอาบแก้มด้วยความปิติ กอดจะโผกอดคนตรงหน้าอย่างโหยหา
                ซาสึเกะ....
                ข้ากลับมาแล้ว
                นารูโตะดันตัวออกห่างน้อย ๆ มือบางยกขึ้นประคองใบหน้าร่างสูง มองเข้าไปในดวงตาสีเข้ม...ข้างเดียว...
                ตาเจ้า....
                บอดแล้วล่ะซาสึเกะบอก เมื่อมือเรียวยกขึ้นแตะที่แผ่นหนังสีดำบนตาซ้ายของเขา ดาบน่ะ
                แล้วบาดเจ็บตรงไหนอีกไหม นารูโตะถามอย่างห่วงใย
                ก็เยอะอยู่ แต่หายหมดแล้ว
                ดีจัง...ดีจริง ๆ ที่เจ้ากลับมา นารูโตะยิ้มทั้งน้ำตา
                ซาสึเกะประคองด้วยหน้าหวานให้เงยขึ้น ก่อนจะมองจุมพิตแนบแน่นโหยหา ประทับจูบเนิ่นนาน ก่อนจะผละจาก เอ่ยกระซิบเสียงแผ่วหวาน
                ข้ากลับมารักเจ้าอีกครั้ง และครั้งนี้...จะไม่จากไปไหนอีก ข้าสัญญา
                นารูโตะยิ้มกว้าง กอดร่างสูงแน่น ข้าสัญญาเช่นกัน
                ใต้ท้องฟ้าสีครามงามตา แม้จะไม่เหมือนดั่งวันแรกที่พบพาน แต่สัญญานั้นยังมั่นคงดั่งในวันวานตลอดไป....
.....ตลอดไป.....

THE END


5 comments:

  1. ฮื้อออออ TT
    สนุกจังเลยค่ะ
    ขอบคุณนะคะ

    ReplyDelete
  2. สนุกๆๆๆ อยากหาอ่านเรื่องอื่นต่อเลย

    ReplyDelete
  3. แต่งดีมากกก ไม่สั้นไปไม่ยาวไป เนื้อเรื่องดี แบบมันดีไปหมด

    ReplyDelete
  4. มันดีมากๆเลยชอบมากครับ

    ReplyDelete