…Imagine…
คำที่แทบจะไม่มีใครแปลความหมายของมันไม่ได้
คำที่มักจะถูกใช้ทับศัพท์กันอย่างแพร่หลาย คำที่แม้แต่เด็กประถมก็ยังเข้าใจ
ผมคนหนึ่งล่ะที่เข้าใจความหมายของมันเป็นอย่างดี ไม่ยากเลย กับแค่คำว่า...
Imagine หรือ จินตนาการ
ผมเข้าใจ...ผมรู้จัก เขียนได้ อ่านออก ออกเสียงได้เหมือนเจ้าของภาษาเลยด้วยเอ้า
แต่คุณรู้ไหมว่าตอนนี้...ผม...กำลังขาดมัน
ใช่...ผมกำลังขาดจินตนาการ แถมขาดอย่างรุนแรงเสียด้วยสิ!
ชายหนุ่มร่างสูงทิ้งตัวลงพิงกับเก้าอี้บุหนังเนื้อดีสีดำสนิทเต็มแรง
มือหนาปาปากกาหมึกซึมด้ามโปรดลงบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่อย่างฉุนเฉียว
จนปลายหมึกกระทบกระดาษสีขาวที่มีลายมือขีดๆฆ่าๆอยู่ราวครึ่งหน้าเป็นดวงใหญ่
ใบหน้าคมแหงนเงยพิงพนักเก้าอี้พลางปิดเปลือกตาลงระงับอารมณ์พลุ่งพล่านที่เกิดขึ้น
เพราะความไม่ได้ดั่งใจในผลงานของตัวเอง ในใจยังแย้งกับเหตุผลที่ได้ยินได้ฟังมา
เมื่ออาทิตย์ก่อน
ไม่ยอมรับ...แล้วก็ไม่อยากยอมรับ
ทำไมบก.ต้องสั่งให้เขาสร้างสรรค์ผลงานในแบบที่เขาไม่ถนัดเลยแบบนี้ด้วยนะ
ทั้งๆที่มีแนวให้เขียนตั้งมากมาย ทั้งแนวสืบสวนสอบสวน แนวสยองขวัญ
แนวรักหวานแหววแบบการ์ตูนตาหวาน แนวบู้ล้างผลาญ อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่งานเขียน...
.
.
.
“อะ...อะ...อะไรนะครับ” ซีวอนถึงกับพูดแทบไม่เป็นคำ
ร่างสูงทะลึ่งพรวดลุกขึ้นยืนจนแทบจะค้ำหัวคนเป็นหัวหน้าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะ
“ก็ตามนั้นแหละ”
“ตามนั้น? บก.ก็รู้ว่าผมไม่เขียนแนวแบบนั้น ผมเขียนไม่ได้!”
ตาคมจ้องสบกับดวงตาคู่หวานภายใต้กรอบแว่นหนาอย่างไม่พอใจยิ่งยวด
แต่กลับไม่ได้ทำให้คนตรงหน้าสะทกสะท้านแต่อย่างใด
“นายเป็นนักเขียนนะ ก็ต้องเขียนได้ทุกแนวสิ”
น้ำเสียงเรียบเรื่อยพร้อมกับอาการยักไหล่น้อยๆไม่ยี่หระ
ยิ่งทำให้ซีวอนแทบอยากจะกระโจนเข้าไปบีบคอเล็กๆนั่นเขย่าๆให้หายแค้น
รู้ก็รู้ว่าเขาแอนตี้เรื่องพวกนี้ รู้ทั้งๆรู้ว่าเขาเกลียดเรื่องพรรณนี้ยิ่งกว่าอะไร
แล้วนี่มาสั่งให้เขาเขียน แบบนี้มันแกล้งกันชัดๆนี่นา
“ผมขอปฏิเสธ ผมไม่ทำแน่ๆ เชิญบก.ไปหาคนอื่นเขียนแทนผมได้เลย”
คว้าสมุดบันทึกที่พกติดตัวเป็นประจำได้
ซีวอนก็หันหลังเตรียมออกจากห้องทำงานของคนเป็นหัวหน้าทันที
มือหนาคงจะเปิดประตูได้สำเร็จ ถ้าไม่ถูกเสียงหัวเราะเบาๆรั้งไว้ก่อน
“หึๆๆๆ ไม่กล้าล่ะสิ” ริมฝีปากอิ่มแดงเอื้อนเอ่ยท้าทาย คยูฮยอนรู้ดี
ซีวอนเกลียดการดูถูกแบบนี้ที่สุด และจะทำทุกอย่างเพื่อจะเอาชนะคำดูหมิ่นแบบนี้จนได้
“ว่าอะไรนะ??” ขายาวๆสาวกลับมาจนมายืนหน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่อีกครั้ง
ซีวอนโน้มตัวลงจนประจันหน้ากับใบหน้าขาวใสในระยะกระชั้นชิด
“เนี่ยหรอนักเขียนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ
เขียนได้ทุกแบบ ถ่ายทอดได้ทุกแนว โกหกกันชัดๆเลยนี่นา”
แกล้งเน้นย้ำคำสุดท้ายจนดวงตาคมกล้าสว่างวาบขึ้นต่อหน้า
น่ากลัว...แต่คยูฮยอนก็ยังปั้นหน้ายิ้มระเรื่อยอยู่ได้
“ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้นะ คุณพึ่งมาอยู่ได้แค่อาทิตย์เดียวจะไปรู้อะไร!”
“ถึงฉันจะพึ่งมาทำหน้าที่บก.แทนพี่ฮันได้แค่อาทิตย์เดียว
แต่ฉันก็รู้แล้วกันว่านักเขียนที่ดีน่ะควรจะเป็นยังไง”
“ยังไงผมก็ไม่ทำ ให้คนอื่นทำไปสิ ผมไม่ทำเด็ดขาด!!” ซีวอนประกาศเสียงกร้าว
ดวงตาคมประกายวาบราวกับจะเผาร่างเล็กตรงหน้าให้ไหม้แหลกเป็นจุล
ใบหน้าหวานซีดลงนิดหนึ่งเพราะไม่เคยเห็นร่างสูงตรงหน้าโกรธมากมายขนาดนี้มาก่อน
แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือ ยิ้มเย็น...ทั้งๆที่มือที่เกาะพนักวางแขนไว้สั่นไปหมด
“ก็ตามใจ งั้นก็ช่วยไปแก้ข่าวกับพวกนักข่าวด้วยล่ะ ว่าที่ตั้งหน้าตั้งตายกย่องนาย
ลงวารสารลงหนังสือพิมพ์กันเป็นว่าเล่นน่ะ มันไม่จริงเลยสักนิด”
“คุณ!!”
“ทำไม...หรือว่าไม่จริง” มือแกร่งถูกกำไว้ข้างตัวแน่น ซีวอนบอกตัวเองให้ใจเย็นๆ
อย่าพึ่งเอื้อมมือไปหักคอเจ้าของใบหน้าขาวๆที่ทำลอยหน้าลอยตากวนประสาทเขาอยู่
พยายามตั้งสตินับเลขตั้งแต่ 1 ถึง 1000 ตามที่เพื่อนเคยสอนไว้
เผื่อจะระงับจิตใจไว้ได้บ้าง
“ยังไงคุณก็จะให้ผมเขียนให้ได้เลยใช่ไหม?” เสียงทุ้มคำรามต่ำในลำคอ
คยูฮยอนเพียงแต่เอนตัวลงพิงพนักเก้าอี้แล้วพยักหน้าช้าๆเท่านั้น
“ใช่...”
“ผมจะเขียนได้ยังไงในเมื่อผมเกลียดเรื่องพวกนี้ ไม่เคยอ่าน ไม่เคยดู ไม่เคยสนใจ
แล้วผมจะเขียนมัน...จะจินตนาการมันออกมาได้ยังไง”
ร่างเล็กทำเป็นเอียงคอย่างใช้ความคิด
คิ้วเรียวขมวดมุ่นทั้งๆที่กลีบปากอิ่มแดงยังแย้มกว้าง
“นั่นสิน๊า เอ...เอาไงดีล่ะ”
“ช่วยผมสิ!”
“เห??” คราวนี้บก.คนเก่งเป็นฝ่ายเอ๋อไปบ้าง
ช่วย...จะให้คยูฮยอนช่วยเนี่ยนะ แล้วจะให้ช่วยยังไงล่ะเนี่ย
“ช่วย...จะให้ฉันช่วยยังไงล่ะ?”
“หาข้อมูลทั้งหมดมาให้ผมสิ ข้อมูล...หนังสือ...ตัวอย่าง
ทั้งหมดที่จะทำให้ผมเกิดจินตนาการ แล้วก็สร้างสรรค์ผลงานในแบบที่คุณต้องการได้”
ริมฝีปากได้รูปกดยิ้มเย็นเฉียบ ดวงตาคมฉายแววหมิ่นแคลนอย่างปิดไม่มิด
“คงไม่ยากไปหรอกใช่ไหม ดูคุณเองก็คงจะคุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้มาไม่น้อยนี่”
“ซีวอน!!!” ร่างบางลุกพรวดขึ้นราวกับถูกของร้อนราดรด
ใบหน้าหวานแดงก่ำด้วยความโกรธจัด หยาบคาย...หยาบคายที่สุด
ถือดียังไงมากล่าวหาทำนองว่าคยูฮยอนว่าคุ้นเคยเจนโลกกับเรื่องพวกนี้นะ
ชายหนุ่มเองก็ดูจะพอใจมากทีเดียวที่ทำให้ร่างเล็กโกรธจนควบคุมตัวเองไม่ได้
ยิ่งเห็นใบหน้าขาวจัดแดงก่ำเพราะความโมโหก็ยิ่งสะใจ
หึ...อยากมาบังคับคนอย่างเขาก่อน ก็อย่ามาหาว่าเขาร้ายก็แล้วกัน
“ตกลงผมรับงานนี้ แต่อย่าลืมข้อมูลของผมล่ะ
เอาไปให้ที่คอนโดฯเลยนะเพราะผมไม่อยากถือไปเอง มัน-น่า-รัง-เกียจ”
ซีวอนย้ำช้าชัดทั้งรอยยิ้มพลางถอยหลังไปจนถึงประตูทางออกจากห้องทำงาน
“นะ...นาย!!”
“อ้อ...พวกบรรดาผู้ชายของคุณไปช่วยสาธิตวิธีการจริงให้ผมดูด้วยก็ได้นะ
ถึงจะสะอิดสะเอียนไปหน่อยแต่ก็คงพอได้ ผมจะพยายามไม่ถือ...หึ”
ทิ้งคำพูดบาดหูไว้ก่อนประตูบานหนาหนักจะถูกปิดลง
ปล่อยให้คยูฮยอนยืนตัวสั่นเทิ้มเพราะความโกรธที่ทำอะไรคนตัวสูงที่พึ่งออกไปไม่ได้
กลีบปากบางเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง เปล่งเสียงลอดไรฟันอย่างหมายมาด
“ฉันจะทำให้นายถอนคำพูดทั้งหมดให้ได้เลย คอยดู!!”
.
.
.
เสียงกริ่งประตูดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ
ทำให้ชายหนุ่มหลุดออกจากภวังค์ความคิดที่กำลังล่องลอยไปไกลเกือบทันที
ตาคมตวัดมองไปทางประตูนิดหนึ่งก่อนจะยันตัวลุกขึ้นจากเก้าอื้ที่เอนพิงอยู่
เหลือบมองนาฬิกาที่ชี้ไปอยู่ที่เลขสองแล้วก็ถอนฉุนเฮือกใหญ่
ใครวะ...มาหาซะดึกเชียว
หวังว่าคงไม่ใช่ไอ้บรรดาผองเพื่อนที่จะมาขออาศัยห้องเขานอน
หลังจากไปสำมะเรเทเมาจนผับปิดมาแล้วหรอกนะ
ไอ้ตัวเขาปกติก็ไม่ได้อะไรหนักหนาหรอก
แต่ตอนนี้งานเขียนนิยายของเขายังไม่คืบหน้าเลยสักนิด
ขืนมาเจอไอ้พวกเพื่อนแสนดีก่อกวนเข้าไปอีก คงจะได้จบเห่กันล่ะคราวนี้
คิดแล้วก็อดเคืองคนหน้าหวานที่ไร้ความรับผิดชอบนั่นไม่ได้
นับๆดูแล้วจากวันที่ทะเลาะกันวันนั้น ตอนนี้ก็ล่วงเลยมาเกือบจะอาทิตย์อยู่แล้ว
บก.คนสวยที่เขาข่มขู่แกมบังคับให้หาข้อมูลมาให้ก็ยังเงียบหายไม่โผล่มา
แล้วนี่จะให้เขาเขียนนิยายแบบนั้นออกมาได้ยังไงกัน!
เหอะ...จินตนาการมันไม่ใช่แค่การนึกนั่งเทียนแล้วก็เขียนออกมาได้นะ
เล่นไม่มีข้อมูล...ไม่มีประสบการณ์แบบนี้ ถ้าเขายังเขียนได้ก็อัจฉริยะไปแล้วล่ะ
“ใครครับ?” ส่งเสียงถามไปก่อนจะเปิดประตูออกจนสุดความกว้าง
แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าห้องเต็มตา
“บก.??” ร่างเล็กยังอยู่ในชุดทำงานเต็มยศ
ดวงตาคู่โตภายใต้กรอบแว่นหนาช้อนมองเขาอย่างไม่แน่ใจ
มือบางถือกระเป๋าเดินทางใบขนาดกลางติดมือมาด้วย
นั่นยิ่งทำให้ซีวอนแปลกใจมากกว่าเดิม
เฮ้ย...อย่าบอกนะว่า...จะหอบผ้าหอบผ่อนหนีตามเขามาน่ะ
“เอ้า...เอาไป หนักนะ” กระเป๋าในมือเล็กถูกยื่นมาจนแทบจะกระแทกใบหน้าคม
จนซีวอนต้องรีบรับเอาไว้ทั้งๆที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก
“อะไรน่ะ?” น้ำหนักที่ดูจะมากกว่าจะเป็นเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ทำให้อดถามไม่ได้
“ข้อมูลไง...ไปล่ะ” บอกแค่นั้น คยูฮยอนก็ตั้งท่าหันหลังกลับไปตามทางเดิมทันที
ความเก่งกาจที่ตั้งท่าจะมาเอาคืนหดหายไปตั้งแต่ร่างสูงมาเปิดประตูให้
กลับไปตั้งหลักก่อนแล้วมาเอาคืนวันหลังก็ยังไม่สายหรอกน่า
และคยูฮยอนคงจะทำสำเร็จ ถ้ามือใหญ่ไม่รั้งเอาไว้ก่อน
“อะไรอีกล่ะ!” น้ำเสียงตวัดห้วนทั้งๆที่ใบหน้าหวานยังคงแดงระเรื่อ
จะไม่ให้แดงได้ยังไงล่ะ คิดถึงไอ้ “ข้อมูล” ที่อยู่ในกระเป๋านั่นทีไรก็อดอายไม่ได้สักที
นี่จะรู้บ้างไหมเนี่ย ว่าคยูฮยอนที่ต้องบากหน้าไปยืมไอ้ “ข้อมูล” ที่ว่าจากเพื่อนๆน่ะ
ต้องลำบากแค่ไหน ต้องทนฟังเสียงล้อเลียนยั่วหยอกจนอายแล้วอายอีกตั้งเท่าไหร่
รู้แบบนี้ไม่แกล้งไอ้คนขี้เก๊กหน้านิ่งนี่ซะก็ดีหรอก แล้วจะโทษใครได้ล่ะ...ถ้าไม่ใช่ตัวเอง
ที่ไปเชื่อคำพูดแมวๆของไอ้ปลาการ์ตูนเพื่อนตัวแสบที่ยุแยงจนได้เรื่องแบบนี้
.
.
.
“ชอบเขาล่ะสิ” เพื่อนซี้ควบตำแหน่งพิสูจน์อักษรของสำนักพิมพ์เอ่ยขึ้นเบาๆ
เล่นเอาคยูฮยอนชักสายตากลับมาเกือบไม่ทัน
“อะ...อะไรนะ”
“ก็คนที่นายแอบมองอยู่ทุกวั๊นทุกวันอ่ะ ชอบใช่ไหมล่ะ” ใบหน้าหวานแดงขึ้นทันตา
นี่เขาอาการออกจนเพื่อนจับได้เลยหรอเนี่ย
“บ้าน่ะทงเฮ” พอคยูฮยอนอ้อมแอ้มบอกออกไป
ก็ถูกแขนเรียวคว้าหมับเข้าที่ต้นคอ ดึงหน้าจนเข้าไปจะชิดกันอยู่มะรอมมะร่อ
“รู้หรอกน่า...อย่าปฏิเสธซะให้ยาก”
“เปล่านะ!” ยัง...ยังแกล้งทำกลบเกลื่อนเสียงแข็ง
“อืม...แต่คงจะยากมากเลยนะนั่น” ทงเฮเอียงคอด๊อกแด๊กไปมาพลางทำท่าครุ่นคิด
“ทำไมล่ะ” เผลอถามออกไปด้วยความอยากรู้
เอ...หรือว่าคนๆนั้นจะมีแฟนอยู่แล้วกันนะ
“ซีวอนน่ะ...เกลียดเรื่องพวกแบบ...ชายรักชายน่ะ”
ช้า...ชัด...ทุกถ้อยคำ คนที่ตั้งใจฟังถึงกับหน้าซีดลงนิดหนึ่ง
“อะไรนะ?”
“จริงๆนะ...เกลียดมากเลยด้วย นายสังเกตได้ง่ายๆเลยจากงานเขียนของเขา
เขาเขียนนิยายทุกประเภท ทุกแนว ทุกแบบ แต่ไม่เขียนเรื่องแนวๆนี้เลย”
ทงเฮย้ำให้คยูฮยอนใจแป้วลงไปอีก
“แต่...แต่ฉันไม่ใช่” อยากจะปฏิเสธว่าตัวเองไม่ใช่อะไรแบบที่ทงเฮบอก
ก็คยูฮยอนไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้กับผู้ชายคนไหนมาก่อนเลยนะ
ตกใจตัวเองเหมือนกันที่มาใจเต้นแรงกับผู้ชายคนนี้ได้
แต่ทำยังไงล่ะ ก็ชอบไปแล้ว...ก็รักไปแล้ว จะตัดใจตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วนี่นา
“แต่นายก็ชอบซีวอนนี่นา...ใช่ไหมล่ะ”
เมื่อถูกตาเรียวฉายแววรู้ทันของเพื่อนจ้องตรงๆแบบนี้
คยูฮยอนเลยจำต้องพยักหน้ารับแต่โดยดี
“ฉัน...ฉันคงต้องตัดใจใช่ไหม”
คิดแล้วก็ใจหาย รักทั้งๆที่ยังไม่ได้เริ่มทำอะไรเลยสักอย่างก็ต้องตัดใจแล้วหรอ
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก”
“แล้ว...แล้วฉันจะทำยังไงล่ะ” เสียงหวานถามอย่างกระตือรือร้น
“ก็เกลียดอย่างไหน ก็บังคับให้เจออย่างงั้นซะก็สิ้นเรื่อง
เจอไปเจอมา...เดี๋ยวก็ชินไปเอง”
ทงเฮหัวเราะร่าในขณะที่คยูฮยอนหน้าเสีย
หมายความว่ายังไง...อย่าบอกนะว่าทงเฮจะให้เขา?
เหมือนกับทงเฮจะรู้ถึงความคิดของเพื่อน
ใบหน้าหวานใสไม่แพ้กันจึงพยักหน้ารับแข็งขันจริงจัง
ทำท่าจริงจัง...ทั้งๆที่ดวงตายังเป็นประกายฉายแววสนุกสนานอย่างปิดไม่มิด
“ใช้อำนาจที่นายมี...บังคับให้ซีวอนทำในสิ่งที่เขาเกลียดให้ได้ก็พอ”
“นะ...นายหมายถึง?”
“ก็ให้พ่อรูปหล่อของนายเขียนนิยายประเภทนั้นสักเรื่องเป็นไง” ตาย...ตายพอดี
ถ้าสิ่งที่ทงเฮพูดเป็นความจริงล่ะก็ ขืนเขาบังคับให้ซีวอนเขียนนิยายประเภทนั้น
เขาไม่ถูกคนที่เขาแอบรักเกลียดไปถึงโลกหน้าเลยหรอ
“ไม่ดีมั๊ง เขาคงจะไม่ยอมแน่ๆ แล้วถ้าบังคับเขา แล้ว...แล้วถ้าเขาเกลียดฉันเลยล่ะ”
“อย่างน้อยก็ได้พยายามแล้วไม่ใช่หรือไง
พยายามแล้วเขาเกลียด...ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยนะ”
นั่นแหละ...เหตุผลที่เขาต้องหาเรื่องชวนทะเลาะกับร่างสูงตรงหน้าเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว
และก็ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะถูกตลบหลังเอาคืนแบบนี้
นี่ไม่รู้จะถูกหาว่าเชี่ยวชาญเจนโลกอีกหรือเปล่า
ก็ “ข้อมูล” แต่ละอย่างที่ได้มาน่ะ โอ๊ย...คยูฮยอนไม่อยากจะพูดถึงเลย
“เข้ามาก่อนสิครับบก. เผื่อบางอย่างผมไม่เข้าใจ จะได้ขอคำแนะนำจากคุณไง”
ไม่สนใจอาการอ้าปากค้างของคนที่ยืนตรงหน้าประตูสักนิด
มือหนาลากข้อมือคนตัวบางกว่าเข้ามาในห้องจนได้
กว่าจะหายตกใจคยูฮยอนก็ถูกกดลงนั่งตรงโซฟาหน้าทีวีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“โห...อะไรนักหนาเนี่ย”
เสียงทุ้มเรียกสายตาคู่หวานภายใต้กรอบแว่นตาให้มองตาม
กระเป๋าใบขนาดกลางถูกเปิดเทลงต่อหน้าต่อตาบนพื้นพรม
หนังสือเอย แผ่นวีซีดีดีวีดีเอย นิตยสาร สมุดภาพ ปฏิทินเอย
และที่ทำให้คยูฮยอนถึงกับหน้าแดงแป๊ดเบือนหน้าหนีแทบไม่ทัน
นั่นก็คือ “เซ็กซ์ทอย” ที่ร่วงลงมาหลายต่อหลายอันนั่นเอง
ไม่น่าเลย...ไม่น่าพลาดให้ทงเฮจัดของให้เล้ย...คยูฮยอน
“อืม...จะให้ผมเริ่มจากอันไหนดีล่ะ อันนี้ดีไหม?”
หางเสียงหมิ่นแคลนชัดเจน เล่นเอาคยูฮยอนรู้สึกชาไปทั้งหน้า
ซีวอนแกล้งยกแผ่นดีวีดีที่หน้าปกมีรูปภาพฟ้องชัดขึ้นมาดู
ไม่พอ...ยังยื่นไปให้คนตัวเล็กพิจารณาด้วยอีก
“จะ...จะดูแผ่นไหนก็เรื่องของนาย ฉันไปล่ะ”
ไม่ไหวแล้ว...คยูอยอนทนกับสายตาของคนตรงหน้าไม่ได้อีกแล้ว
นี่ภาพพจน์เขาคงจะติดลบจนไม่เหลือแล้วแน่ๆ
อยู่ดีไม่ว่าดี รู้งี้แอบรักแอบมองไปเรื่อยๆยังจะดีกว่าซะอีก
ร่างบางผุดลุกขึ้นจากโซฟาที่นั่งจมอยู่ แต่ไม่ทันจะก้าวออกไปก็ถูกมือหนาจับยึดไว้แน่น
แถมยังรั้งเขาไปจนต้องนั่งลงข้างร่างสูงที่ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาไปก่อนหน้านี้แล้วด้วย
“จะไปไหน...มาดูด้วยกันก่อนสิ ถ้าผมสงสัยอะไร...จะได้ถาม”
มือหนึ่งรั้งร่างบางไว้ไม่ให้ลุกหนีได้ อีกมือก็เอาแผ่นดีวีดีนั้นเข้าเครื่องเล่นไปด้วย
ยิ่งเห็นคนตัวเล็กทำตาโตอ้าปากค้างก็ยิ่งสะใจ
บังคับกันดีนักใช่ไหม อยากให้เขียนนักใช่ไหม เหอะ...จะแกล้งซะให้เข็ดเลย
อันที่จริงจะว่าซีวอนเกลียดเรื่องพรรค์นี้เลยก็ไม่ถูก
เพื่อนๆของเขาหลายคนก็มีแฟนเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม
ซึ่งเขาก็ไม่ได้รู้สึกรับไม่ได้จนขั้นตัดเพื่อนตัดฝูง ซีวอนรู้ดีว่าความรักบังคับกันไม่ได้
แต่ตราบใดที่มันยังไม่เกิดขึ้นกับเขาบ้าง
เขาก็จะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งด้วยตัวเองอย่างเด็ดขาด
จะว่าแอนตี้ก็ไม่ใช่...ต่อต้านก็ไม่เชิง...
เพียงแต่ถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็จะไม่ขอข้องเกี่ยวเท่านั้นเอง...
พอภาพใจจอโทรทัศน์เริ่มฉายขึ้นร่างบางก็เริ่มนั่งไม่ติดที่
คยูฮยอนถึงกับหลับตาปี๋เมื่อผู้ชาย 2 คนในจอเริ่มกอดจูบกันอย่างดูดดื่ม
ยิ่งเสียงครวญครางดังขึ้นเรื่อยๆ ความอดทนก็ยิ่งลดต่ำลงเรื่อยๆเช่นกัน
ไม่ไหวแล้ว...ไม่เอาแล้ว
“ปล่อย...ปล่อยฉัน ฉันจะกลับแล้ว” พยายามดึงมือตัวเองให้หลุดพ้นจากการเกาะกุม
แต่ก็เหมือนกับถูกล็อคด้วยกุญแจมือมากกว่าที่จะถูกมือของคนจับไว้
ดึงเท่าไหร่ก็ดึงไม่หลุด ตวัดตามองใบหน้าคมที่ยังนั่งจ้องทีวี
เหมือนดูสารคดีทั่วไปมากกว่าจะเป็นหนังอย่างว่าด้วยความไม่พอใจ
“เอ๊ะ...นายนี่ ปล่อยนะ” เสียงลูกแมวขู่ฟ่อ นอกจากจะเรียกร้องความสนใจไม่ได้แล้ว
ยังถูกเสียงทุ้มนุ่มถามสวนกลับมาอีก
“นั่นน่ะ...ทำแล้วมันรู้สึกยังไงน่ะ” คำว่า “นั่นน่ะ” ทำให้อดมองตามไม่ได้
แล้วก็ก้มหน้าลงแทบไม่ทัน หน้าเนียนขาวแดงจัดเหมือนลูกตำลึงสุก
ก็คำว่า “นั่นน่ะ” มันคือฉาก...ฉาก...ฉากอย่างว่าเลยนี่นา
“จะ...จะรู้หรอ” คยูฮยอนปิดหูปิดตาก้มหน้าตอบหน้าแดงก่ำ
จึงไม่เห็นสายตาคมที่เบนกลับมามองเป็นคำถาม
“ทำไมไม่รู้ล่ะ บก.ไม่เคยหรอ?”
“บะ...บ้า จะ...จะเคยได้ยังไงล่ะ” ปฏิเสธปากคอสั่น อายจนไม่รู้จะอายยังไงแล้ว
“หรอ...งั้นผมก็ปรึกษาอะไรไม่ได้เลยงั้นสิ” ซีวอนทำท่าคิดทั้งๆที่นัยน์ตาคมวาววับ
แกล้งทำ...คยูฮยอนสรุปอาการของคนตรงหน้าได้ในทันที
“ก็ใช่น่ะสิ งั้นปล่อยฉันไปได้หรือยัง” คิดว่าคราวนี้คงจะรอดแน่
แต่เปล่า...นอกจากคนตัวสูงจะไม่ปล่อยแล้ว
กลับยิ่งรั้งร่างบอบบางเข้าไปใกล้จนคยูฮยอนแทบจะเกยเข้าไปบนตักกว้าง
“ไม่เป็นไร งั้นมาเป็นเคสทดลองให้ผมศึกษาก็แล้วกัน” คราวนี้ตาคู่โตถึงกับเบิกกว้าง
ไม่ทันจะอ้าปากปฏิเสธร่างเล็กก็ถูกดึงเข้าไปปะทะอกหนาอย่างแรง
กลีบปากนุ่มที่เผยอค้างเพราะตกใจถูกทาบทับโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
ยิ่งดิ้นรนแรงกอดรัดก็ยิ่งมากขึ้น เหมือนกับลิ้นร้อนที่พยายามแทรกเข้าไป
ลิ้มรสความหอมหวานละมุนในโพรงปากนุ่มชื้น กวาดเก็บความรสหวานล้ำทุกหยาดหยด
ยาวนานจนคนตัวเล็กแทบจะหมดแรงต้านทานอีกต่อไป
“อืม...รู้สึกอย่างนี้นี่เอง”
กว่าซีวอนจะถอนริมฝีปากออกคนในอ้อมแขนก็ตัวอ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟ
ร่างเล็กสั่นสะท้านไปหมดกับประสบการณ์แปลกใหม่ที่ไม่เคยได้รับ
ในหัวสมองว่างเปล่าจนลืมไปเลยว่าควรขัดขืน แทนที่จะเอนพิงซบอกหนาไว้ทั้งตัวแบบนี้
ซีวอนก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทั้งๆที่ตัวเขาเองเคยแอนตี้เรื่องพวกนี้อย่างมากแท้ๆ
แต่ทำไมพอมีคนตัวเล็กๆบางๆมาอยู่ใกล้มือทีไร ก็คอยแต่อยากจะแตะต้องทุกทีไป
พอได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากร่างเล็กนี่ทีไร จิตใจก็ไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวทุกที
แต่อาการแบบนี้เขาก็เป็นเฉพาะกับบก.หน้าหวานของเขาเท่านั้น
กับคนอื่นน่ะหรอ...เหอะ อย่ามาเข้าใกล้เขาเชียวนะ
“ปละ...ปล่อยนะ” เสียงครางสั่นเหมือนแมวดังอยู่ข้างหู
เมื่อซีวอนโน้มตัวลงไปสูดความหอมจากซอกคอขาว
ละเลียดปลายลิ้นแตะชิมลงไปจนถึงกระดูกไหปลาร้า
หอม...หวานไปทั้งเนื้อทั้งตัว ถ้าชิมมากกว่านี้จะเป็นอะไรไหมนะ
“พอ...พอที”
ไม่รู้ตัวสักนิดจนแผ่นหลังบางเปล่าเปลือยแตะต้องความหนาวเย็นจากโซฟา
มือเล็กพยายามยกขึ้นดันร่างสูงหนาที่ทาบทับออกหากแต่ไม่เป็นผลสักนิด
ภาพในจอยังคงเป็นชายหนุ่มสองคนกำลังเคลื่อนไหวตามจังหวะกิจกรรมรักที่หนักหน่วง
เสียงครางดังน่าอายสะท้อนไปมาจนใบหน้าหวานแดงซ่าน
อาย...แต่ก็ปลุกเร้าอารมณ์ได้เป็นอย่างดี
“เรามาทำกันให้จบขั้นตอนดีกว่าครับ ผมจะได้มีจินตนาการ แล้วก็เขียนหนังสือได้สักที”
เสียงทุ้มดังมาจากแผ่นอกขาวบางที่ละเลียดชิมอยู่
คยูฮยอนหอบหนักแต่ก็ยังฝืนตั้งสติเถียงจนได้ เถียง...ทั้งๆที่แทบจะไม่เป็นคำนั่นแหละ
“นะ...นายก็ดู กะ...ก็อ่าน อ่านแล้วก็จิน...จินตนาการ...เอง...สิ”
คราวนี้ใบหน้าคมยอมเงยขึ้นมาสบตาด้วย ก่อนจะยิ้มสวยให้หนึ่งที
รอยยิ้มที่ร้ายกาจจนคยูฮยอนใจเต้นแรง
“ จินตนาการ...มันก็ต้องอาศัยประสบการณ์ด้วยนะครับ
ไม่มีประสบการณ์...จะจินตนาการออกได้ยังไง จริงไหมครับบก.”
นั่นคือประโยคสุดท้ายที่คยูฮยอนได้ยิน
ก่อนจะกลายเป็นข้อมูลให้คนตัวโตเก็บเกี่ยวประสบการณ์ตรงต่อไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
คราวนี้...ซีวอนคงจะสร้างผลงานเขียนแนวใหม่ได้สักที
Imagine หรือจะเท่า Experience
และตอนนี้ซีวอน...คงจะไม่ขาดจินตนาการอีกต่อไปแล้ว
END.
คำที่แทบจะไม่มีใครแปลความหมายของมันไม่ได้
คำที่มักจะถูกใช้ทับศัพท์กันอย่างแพร่หลาย คำที่แม้แต่เด็กประถมก็ยังเข้าใจ
ผมคนหนึ่งล่ะที่เข้าใจความหมายของมันเป็นอย่างดี ไม่ยากเลย กับแค่คำว่า...
Imagine หรือ จินตนาการ
ผมเข้าใจ...ผมรู้จัก เขียนได้ อ่านออก ออกเสียงได้เหมือนเจ้าของภาษาเลยด้วยเอ้า
แต่คุณรู้ไหมว่าตอนนี้...ผม...กำลังขาดมัน
ใช่...ผมกำลังขาดจินตนาการ แถมขาดอย่างรุนแรงเสียด้วยสิ!
ชายหนุ่มร่างสูงทิ้งตัวลงพิงกับเก้าอี้บุหนังเนื้อดีสีดำสนิทเต็มแรง
มือหนาปาปากกาหมึกซึมด้ามโปรดลงบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่อย่างฉุนเฉียว
จนปลายหมึกกระทบกระดาษสีขาวที่มีลายมือขีดๆฆ่าๆอยู่ราวครึ่งหน้าเป็นดวงใหญ่
ใบหน้าคมแหงนเงยพิงพนักเก้าอี้พลางปิดเปลือกตาลงระงับอารมณ์พลุ่งพล่านที่เกิดขึ้น
เพราะความไม่ได้ดั่งใจในผลงานของตัวเอง ในใจยังแย้งกับเหตุผลที่ได้ยินได้ฟังมา
เมื่ออาทิตย์ก่อน
ไม่ยอมรับ...แล้วก็ไม่อยากยอมรับ
ทำไมบก.ต้องสั่งให้เขาสร้างสรรค์ผลงานในแบบที่เขาไม่ถนัดเลยแบบนี้ด้วยนะ
ทั้งๆที่มีแนวให้เขียนตั้งมากมาย ทั้งแนวสืบสวนสอบสวน แนวสยองขวัญ
แนวรักหวานแหววแบบการ์ตูนตาหวาน แนวบู้ล้างผลาญ อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่งานเขียน...
.
.
.
“อะ...อะ...อะไรนะครับ” ซีวอนถึงกับพูดแทบไม่เป็นคำ
ร่างสูงทะลึ่งพรวดลุกขึ้นยืนจนแทบจะค้ำหัวคนเป็นหัวหน้าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะ
“ก็ตามนั้นแหละ”
“ตามนั้น? บก.ก็รู้ว่าผมไม่เขียนแนวแบบนั้น ผมเขียนไม่ได้!”
ตาคมจ้องสบกับดวงตาคู่หวานภายใต้กรอบแว่นหนาอย่างไม่พอใจยิ่งยวด
แต่กลับไม่ได้ทำให้คนตรงหน้าสะทกสะท้านแต่อย่างใด
“นายเป็นนักเขียนนะ ก็ต้องเขียนได้ทุกแนวสิ”
น้ำเสียงเรียบเรื่อยพร้อมกับอาการยักไหล่น้อยๆไม่ยี่หระ
ยิ่งทำให้ซีวอนแทบอยากจะกระโจนเข้าไปบีบคอเล็กๆนั่นเขย่าๆให้หายแค้น
รู้ก็รู้ว่าเขาแอนตี้เรื่องพวกนี้ รู้ทั้งๆรู้ว่าเขาเกลียดเรื่องพรรณนี้ยิ่งกว่าอะไร
แล้วนี่มาสั่งให้เขาเขียน แบบนี้มันแกล้งกันชัดๆนี่นา
“ผมขอปฏิเสธ ผมไม่ทำแน่ๆ เชิญบก.ไปหาคนอื่นเขียนแทนผมได้เลย”
คว้าสมุดบันทึกที่พกติดตัวเป็นประจำได้
ซีวอนก็หันหลังเตรียมออกจากห้องทำงานของคนเป็นหัวหน้าทันที
มือหนาคงจะเปิดประตูได้สำเร็จ ถ้าไม่ถูกเสียงหัวเราะเบาๆรั้งไว้ก่อน
“หึๆๆๆ ไม่กล้าล่ะสิ” ริมฝีปากอิ่มแดงเอื้อนเอ่ยท้าทาย คยูฮยอนรู้ดี
ซีวอนเกลียดการดูถูกแบบนี้ที่สุด และจะทำทุกอย่างเพื่อจะเอาชนะคำดูหมิ่นแบบนี้จนได้
“ว่าอะไรนะ??” ขายาวๆสาวกลับมาจนมายืนหน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่อีกครั้ง
ซีวอนโน้มตัวลงจนประจันหน้ากับใบหน้าขาวใสในระยะกระชั้นชิด
“เนี่ยหรอนักเขียนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ
เขียนได้ทุกแบบ ถ่ายทอดได้ทุกแนว โกหกกันชัดๆเลยนี่นา”
แกล้งเน้นย้ำคำสุดท้ายจนดวงตาคมกล้าสว่างวาบขึ้นต่อหน้า
น่ากลัว...แต่คยูฮยอนก็ยังปั้นหน้ายิ้มระเรื่อยอยู่ได้
“ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้นะ คุณพึ่งมาอยู่ได้แค่อาทิตย์เดียวจะไปรู้อะไร!”
“ถึงฉันจะพึ่งมาทำหน้าที่บก.แทนพี่ฮันได้แค่อาทิตย์เดียว
แต่ฉันก็รู้แล้วกันว่านักเขียนที่ดีน่ะควรจะเป็นยังไง”
“ยังไงผมก็ไม่ทำ ให้คนอื่นทำไปสิ ผมไม่ทำเด็ดขาด!!” ซีวอนประกาศเสียงกร้าว
ดวงตาคมประกายวาบราวกับจะเผาร่างเล็กตรงหน้าให้ไหม้แหลกเป็นจุล
ใบหน้าหวานซีดลงนิดหนึ่งเพราะไม่เคยเห็นร่างสูงตรงหน้าโกรธมากมายขนาดนี้มาก่อน
แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือ ยิ้มเย็น...ทั้งๆที่มือที่เกาะพนักวางแขนไว้สั่นไปหมด
“ก็ตามใจ งั้นก็ช่วยไปแก้ข่าวกับพวกนักข่าวด้วยล่ะ ว่าที่ตั้งหน้าตั้งตายกย่องนาย
ลงวารสารลงหนังสือพิมพ์กันเป็นว่าเล่นน่ะ มันไม่จริงเลยสักนิด”
“คุณ!!”
“ทำไม...หรือว่าไม่จริง” มือแกร่งถูกกำไว้ข้างตัวแน่น ซีวอนบอกตัวเองให้ใจเย็นๆ
อย่าพึ่งเอื้อมมือไปหักคอเจ้าของใบหน้าขาวๆที่ทำลอยหน้าลอยตากวนประสาทเขาอยู่
พยายามตั้งสตินับเลขตั้งแต่ 1 ถึง 1000 ตามที่เพื่อนเคยสอนไว้
เผื่อจะระงับจิตใจไว้ได้บ้าง
“ยังไงคุณก็จะให้ผมเขียนให้ได้เลยใช่ไหม?” เสียงทุ้มคำรามต่ำในลำคอ
คยูฮยอนเพียงแต่เอนตัวลงพิงพนักเก้าอี้แล้วพยักหน้าช้าๆเท่านั้น
“ใช่...”
“ผมจะเขียนได้ยังไงในเมื่อผมเกลียดเรื่องพวกนี้ ไม่เคยอ่าน ไม่เคยดู ไม่เคยสนใจ
แล้วผมจะเขียนมัน...จะจินตนาการมันออกมาได้ยังไง”
ร่างเล็กทำเป็นเอียงคอย่างใช้ความคิด
คิ้วเรียวขมวดมุ่นทั้งๆที่กลีบปากอิ่มแดงยังแย้มกว้าง
“นั่นสิน๊า เอ...เอาไงดีล่ะ”
“ช่วยผมสิ!”
“เห??” คราวนี้บก.คนเก่งเป็นฝ่ายเอ๋อไปบ้าง
ช่วย...จะให้คยูฮยอนช่วยเนี่ยนะ แล้วจะให้ช่วยยังไงล่ะเนี่ย
“ช่วย...จะให้ฉันช่วยยังไงล่ะ?”
“หาข้อมูลทั้งหมดมาให้ผมสิ ข้อมูล...หนังสือ...ตัวอย่าง
ทั้งหมดที่จะทำให้ผมเกิดจินตนาการ แล้วก็สร้างสรรค์ผลงานในแบบที่คุณต้องการได้”
ริมฝีปากได้รูปกดยิ้มเย็นเฉียบ ดวงตาคมฉายแววหมิ่นแคลนอย่างปิดไม่มิด
“คงไม่ยากไปหรอกใช่ไหม ดูคุณเองก็คงจะคุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้มาไม่น้อยนี่”
“ซีวอน!!!” ร่างบางลุกพรวดขึ้นราวกับถูกของร้อนราดรด
ใบหน้าหวานแดงก่ำด้วยความโกรธจัด หยาบคาย...หยาบคายที่สุด
ถือดียังไงมากล่าวหาทำนองว่าคยูฮยอนว่าคุ้นเคยเจนโลกกับเรื่องพวกนี้นะ
ชายหนุ่มเองก็ดูจะพอใจมากทีเดียวที่ทำให้ร่างเล็กโกรธจนควบคุมตัวเองไม่ได้
ยิ่งเห็นใบหน้าขาวจัดแดงก่ำเพราะความโมโหก็ยิ่งสะใจ
หึ...อยากมาบังคับคนอย่างเขาก่อน ก็อย่ามาหาว่าเขาร้ายก็แล้วกัน
“ตกลงผมรับงานนี้ แต่อย่าลืมข้อมูลของผมล่ะ
เอาไปให้ที่คอนโดฯเลยนะเพราะผมไม่อยากถือไปเอง มัน-น่า-รัง-เกียจ”
ซีวอนย้ำช้าชัดทั้งรอยยิ้มพลางถอยหลังไปจนถึงประตูทางออกจากห้องทำงาน
“นะ...นาย!!”
“อ้อ...พวกบรรดาผู้ชายของคุณไปช่วยสาธิตวิธีการจริงให้ผมดูด้วยก็ได้นะ
ถึงจะสะอิดสะเอียนไปหน่อยแต่ก็คงพอได้ ผมจะพยายามไม่ถือ...หึ”
ทิ้งคำพูดบาดหูไว้ก่อนประตูบานหนาหนักจะถูกปิดลง
ปล่อยให้คยูฮยอนยืนตัวสั่นเทิ้มเพราะความโกรธที่ทำอะไรคนตัวสูงที่พึ่งออกไปไม่ได้
กลีบปากบางเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง เปล่งเสียงลอดไรฟันอย่างหมายมาด
“ฉันจะทำให้นายถอนคำพูดทั้งหมดให้ได้เลย คอยดู!!”
.
.
.
เสียงกริ่งประตูดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ
ทำให้ชายหนุ่มหลุดออกจากภวังค์ความคิดที่กำลังล่องลอยไปไกลเกือบทันที
ตาคมตวัดมองไปทางประตูนิดหนึ่งก่อนจะยันตัวลุกขึ้นจากเก้าอื้ที่เอนพิงอยู่
เหลือบมองนาฬิกาที่ชี้ไปอยู่ที่เลขสองแล้วก็ถอนฉุนเฮือกใหญ่
ใครวะ...มาหาซะดึกเชียว
หวังว่าคงไม่ใช่ไอ้บรรดาผองเพื่อนที่จะมาขออาศัยห้องเขานอน
หลังจากไปสำมะเรเทเมาจนผับปิดมาแล้วหรอกนะ
ไอ้ตัวเขาปกติก็ไม่ได้อะไรหนักหนาหรอก
แต่ตอนนี้งานเขียนนิยายของเขายังไม่คืบหน้าเลยสักนิด
ขืนมาเจอไอ้พวกเพื่อนแสนดีก่อกวนเข้าไปอีก คงจะได้จบเห่กันล่ะคราวนี้
คิดแล้วก็อดเคืองคนหน้าหวานที่ไร้ความรับผิดชอบนั่นไม่ได้
นับๆดูแล้วจากวันที่ทะเลาะกันวันนั้น ตอนนี้ก็ล่วงเลยมาเกือบจะอาทิตย์อยู่แล้ว
บก.คนสวยที่เขาข่มขู่แกมบังคับให้หาข้อมูลมาให้ก็ยังเงียบหายไม่โผล่มา
แล้วนี่จะให้เขาเขียนนิยายแบบนั้นออกมาได้ยังไงกัน!
เหอะ...จินตนาการมันไม่ใช่แค่การนึกนั่งเทียนแล้วก็เขียนออกมาได้นะ
เล่นไม่มีข้อมูล...ไม่มีประสบการณ์แบบนี้ ถ้าเขายังเขียนได้ก็อัจฉริยะไปแล้วล่ะ
“ใครครับ?” ส่งเสียงถามไปก่อนจะเปิดประตูออกจนสุดความกว้าง
แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าห้องเต็มตา
“บก.??” ร่างเล็กยังอยู่ในชุดทำงานเต็มยศ
ดวงตาคู่โตภายใต้กรอบแว่นหนาช้อนมองเขาอย่างไม่แน่ใจ
มือบางถือกระเป๋าเดินทางใบขนาดกลางติดมือมาด้วย
นั่นยิ่งทำให้ซีวอนแปลกใจมากกว่าเดิม
เฮ้ย...อย่าบอกนะว่า...จะหอบผ้าหอบผ่อนหนีตามเขามาน่ะ
“เอ้า...เอาไป หนักนะ” กระเป๋าในมือเล็กถูกยื่นมาจนแทบจะกระแทกใบหน้าคม
จนซีวอนต้องรีบรับเอาไว้ทั้งๆที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก
“อะไรน่ะ?” น้ำหนักที่ดูจะมากกว่าจะเป็นเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ทำให้อดถามไม่ได้
“ข้อมูลไง...ไปล่ะ” บอกแค่นั้น คยูฮยอนก็ตั้งท่าหันหลังกลับไปตามทางเดิมทันที
ความเก่งกาจที่ตั้งท่าจะมาเอาคืนหดหายไปตั้งแต่ร่างสูงมาเปิดประตูให้
กลับไปตั้งหลักก่อนแล้วมาเอาคืนวันหลังก็ยังไม่สายหรอกน่า
และคยูฮยอนคงจะทำสำเร็จ ถ้ามือใหญ่ไม่รั้งเอาไว้ก่อน
“อะไรอีกล่ะ!” น้ำเสียงตวัดห้วนทั้งๆที่ใบหน้าหวานยังคงแดงระเรื่อ
จะไม่ให้แดงได้ยังไงล่ะ คิดถึงไอ้ “ข้อมูล” ที่อยู่ในกระเป๋านั่นทีไรก็อดอายไม่ได้สักที
นี่จะรู้บ้างไหมเนี่ย ว่าคยูฮยอนที่ต้องบากหน้าไปยืมไอ้ “ข้อมูล” ที่ว่าจากเพื่อนๆน่ะ
ต้องลำบากแค่ไหน ต้องทนฟังเสียงล้อเลียนยั่วหยอกจนอายแล้วอายอีกตั้งเท่าไหร่
รู้แบบนี้ไม่แกล้งไอ้คนขี้เก๊กหน้านิ่งนี่ซะก็ดีหรอก แล้วจะโทษใครได้ล่ะ...ถ้าไม่ใช่ตัวเอง
ที่ไปเชื่อคำพูดแมวๆของไอ้ปลาการ์ตูนเพื่อนตัวแสบที่ยุแยงจนได้เรื่องแบบนี้
.
.
.
“ชอบเขาล่ะสิ” เพื่อนซี้ควบตำแหน่งพิสูจน์อักษรของสำนักพิมพ์เอ่ยขึ้นเบาๆ
เล่นเอาคยูฮยอนชักสายตากลับมาเกือบไม่ทัน
“อะ...อะไรนะ”
“ก็คนที่นายแอบมองอยู่ทุกวั๊นทุกวันอ่ะ ชอบใช่ไหมล่ะ” ใบหน้าหวานแดงขึ้นทันตา
นี่เขาอาการออกจนเพื่อนจับได้เลยหรอเนี่ย
“บ้าน่ะทงเฮ” พอคยูฮยอนอ้อมแอ้มบอกออกไป
ก็ถูกแขนเรียวคว้าหมับเข้าที่ต้นคอ ดึงหน้าจนเข้าไปจะชิดกันอยู่มะรอมมะร่อ
“รู้หรอกน่า...อย่าปฏิเสธซะให้ยาก”
“เปล่านะ!” ยัง...ยังแกล้งทำกลบเกลื่อนเสียงแข็ง
“อืม...แต่คงจะยากมากเลยนะนั่น” ทงเฮเอียงคอด๊อกแด๊กไปมาพลางทำท่าครุ่นคิด
“ทำไมล่ะ” เผลอถามออกไปด้วยความอยากรู้
เอ...หรือว่าคนๆนั้นจะมีแฟนอยู่แล้วกันนะ
“ซีวอนน่ะ...เกลียดเรื่องพวกแบบ...ชายรักชายน่ะ”
ช้า...ชัด...ทุกถ้อยคำ คนที่ตั้งใจฟังถึงกับหน้าซีดลงนิดหนึ่ง
“อะไรนะ?”
“จริงๆนะ...เกลียดมากเลยด้วย นายสังเกตได้ง่ายๆเลยจากงานเขียนของเขา
เขาเขียนนิยายทุกประเภท ทุกแนว ทุกแบบ แต่ไม่เขียนเรื่องแนวๆนี้เลย”
ทงเฮย้ำให้คยูฮยอนใจแป้วลงไปอีก
“แต่...แต่ฉันไม่ใช่” อยากจะปฏิเสธว่าตัวเองไม่ใช่อะไรแบบที่ทงเฮบอก
ก็คยูฮยอนไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้กับผู้ชายคนไหนมาก่อนเลยนะ
ตกใจตัวเองเหมือนกันที่มาใจเต้นแรงกับผู้ชายคนนี้ได้
แต่ทำยังไงล่ะ ก็ชอบไปแล้ว...ก็รักไปแล้ว จะตัดใจตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วนี่นา
“แต่นายก็ชอบซีวอนนี่นา...ใช่ไหมล่ะ”
เมื่อถูกตาเรียวฉายแววรู้ทันของเพื่อนจ้องตรงๆแบบนี้
คยูฮยอนเลยจำต้องพยักหน้ารับแต่โดยดี
“ฉัน...ฉันคงต้องตัดใจใช่ไหม”
คิดแล้วก็ใจหาย รักทั้งๆที่ยังไม่ได้เริ่มทำอะไรเลยสักอย่างก็ต้องตัดใจแล้วหรอ
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก”
“แล้ว...แล้วฉันจะทำยังไงล่ะ” เสียงหวานถามอย่างกระตือรือร้น
“ก็เกลียดอย่างไหน ก็บังคับให้เจออย่างงั้นซะก็สิ้นเรื่อง
เจอไปเจอมา...เดี๋ยวก็ชินไปเอง”
ทงเฮหัวเราะร่าในขณะที่คยูฮยอนหน้าเสีย
หมายความว่ายังไง...อย่าบอกนะว่าทงเฮจะให้เขา?
เหมือนกับทงเฮจะรู้ถึงความคิดของเพื่อน
ใบหน้าหวานใสไม่แพ้กันจึงพยักหน้ารับแข็งขันจริงจัง
ทำท่าจริงจัง...ทั้งๆที่ดวงตายังเป็นประกายฉายแววสนุกสนานอย่างปิดไม่มิด
“ใช้อำนาจที่นายมี...บังคับให้ซีวอนทำในสิ่งที่เขาเกลียดให้ได้ก็พอ”
“นะ...นายหมายถึง?”
“ก็ให้พ่อรูปหล่อของนายเขียนนิยายประเภทนั้นสักเรื่องเป็นไง” ตาย...ตายพอดี
ถ้าสิ่งที่ทงเฮพูดเป็นความจริงล่ะก็ ขืนเขาบังคับให้ซีวอนเขียนนิยายประเภทนั้น
เขาไม่ถูกคนที่เขาแอบรักเกลียดไปถึงโลกหน้าเลยหรอ
“ไม่ดีมั๊ง เขาคงจะไม่ยอมแน่ๆ แล้วถ้าบังคับเขา แล้ว...แล้วถ้าเขาเกลียดฉันเลยล่ะ”
“อย่างน้อยก็ได้พยายามแล้วไม่ใช่หรือไง
พยายามแล้วเขาเกลียด...ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยนะ”
นั่นแหละ...เหตุผลที่เขาต้องหาเรื่องชวนทะเลาะกับร่างสูงตรงหน้าเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว
และก็ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะถูกตลบหลังเอาคืนแบบนี้
นี่ไม่รู้จะถูกหาว่าเชี่ยวชาญเจนโลกอีกหรือเปล่า
ก็ “ข้อมูล” แต่ละอย่างที่ได้มาน่ะ โอ๊ย...คยูฮยอนไม่อยากจะพูดถึงเลย
“เข้ามาก่อนสิครับบก. เผื่อบางอย่างผมไม่เข้าใจ จะได้ขอคำแนะนำจากคุณไง”
ไม่สนใจอาการอ้าปากค้างของคนที่ยืนตรงหน้าประตูสักนิด
มือหนาลากข้อมือคนตัวบางกว่าเข้ามาในห้องจนได้
กว่าจะหายตกใจคยูฮยอนก็ถูกกดลงนั่งตรงโซฟาหน้าทีวีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“โห...อะไรนักหนาเนี่ย”
เสียงทุ้มเรียกสายตาคู่หวานภายใต้กรอบแว่นตาให้มองตาม
กระเป๋าใบขนาดกลางถูกเปิดเทลงต่อหน้าต่อตาบนพื้นพรม
หนังสือเอย แผ่นวีซีดีดีวีดีเอย นิตยสาร สมุดภาพ ปฏิทินเอย
และที่ทำให้คยูฮยอนถึงกับหน้าแดงแป๊ดเบือนหน้าหนีแทบไม่ทัน
นั่นก็คือ “เซ็กซ์ทอย” ที่ร่วงลงมาหลายต่อหลายอันนั่นเอง
ไม่น่าเลย...ไม่น่าพลาดให้ทงเฮจัดของให้เล้ย...คยูฮยอน
“อืม...จะให้ผมเริ่มจากอันไหนดีล่ะ อันนี้ดีไหม?”
หางเสียงหมิ่นแคลนชัดเจน เล่นเอาคยูฮยอนรู้สึกชาไปทั้งหน้า
ซีวอนแกล้งยกแผ่นดีวีดีที่หน้าปกมีรูปภาพฟ้องชัดขึ้นมาดู
ไม่พอ...ยังยื่นไปให้คนตัวเล็กพิจารณาด้วยอีก
“จะ...จะดูแผ่นไหนก็เรื่องของนาย ฉันไปล่ะ”
ไม่ไหวแล้ว...คยูอยอนทนกับสายตาของคนตรงหน้าไม่ได้อีกแล้ว
นี่ภาพพจน์เขาคงจะติดลบจนไม่เหลือแล้วแน่ๆ
อยู่ดีไม่ว่าดี รู้งี้แอบรักแอบมองไปเรื่อยๆยังจะดีกว่าซะอีก
ร่างบางผุดลุกขึ้นจากโซฟาที่นั่งจมอยู่ แต่ไม่ทันจะก้าวออกไปก็ถูกมือหนาจับยึดไว้แน่น
แถมยังรั้งเขาไปจนต้องนั่งลงข้างร่างสูงที่ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาไปก่อนหน้านี้แล้วด้วย
“จะไปไหน...มาดูด้วยกันก่อนสิ ถ้าผมสงสัยอะไร...จะได้ถาม”
มือหนึ่งรั้งร่างบางไว้ไม่ให้ลุกหนีได้ อีกมือก็เอาแผ่นดีวีดีนั้นเข้าเครื่องเล่นไปด้วย
ยิ่งเห็นคนตัวเล็กทำตาโตอ้าปากค้างก็ยิ่งสะใจ
บังคับกันดีนักใช่ไหม อยากให้เขียนนักใช่ไหม เหอะ...จะแกล้งซะให้เข็ดเลย
อันที่จริงจะว่าซีวอนเกลียดเรื่องพรรค์นี้เลยก็ไม่ถูก
เพื่อนๆของเขาหลายคนก็มีแฟนเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม
ซึ่งเขาก็ไม่ได้รู้สึกรับไม่ได้จนขั้นตัดเพื่อนตัดฝูง ซีวอนรู้ดีว่าความรักบังคับกันไม่ได้
แต่ตราบใดที่มันยังไม่เกิดขึ้นกับเขาบ้าง
เขาก็จะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งด้วยตัวเองอย่างเด็ดขาด
จะว่าแอนตี้ก็ไม่ใช่...ต่อต้านก็ไม่เชิง...
เพียงแต่ถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็จะไม่ขอข้องเกี่ยวเท่านั้นเอง...
พอภาพใจจอโทรทัศน์เริ่มฉายขึ้นร่างบางก็เริ่มนั่งไม่ติดที่
คยูฮยอนถึงกับหลับตาปี๋เมื่อผู้ชาย 2 คนในจอเริ่มกอดจูบกันอย่างดูดดื่ม
ยิ่งเสียงครวญครางดังขึ้นเรื่อยๆ ความอดทนก็ยิ่งลดต่ำลงเรื่อยๆเช่นกัน
ไม่ไหวแล้ว...ไม่เอาแล้ว
“ปล่อย...ปล่อยฉัน ฉันจะกลับแล้ว” พยายามดึงมือตัวเองให้หลุดพ้นจากการเกาะกุม
แต่ก็เหมือนกับถูกล็อคด้วยกุญแจมือมากกว่าที่จะถูกมือของคนจับไว้
ดึงเท่าไหร่ก็ดึงไม่หลุด ตวัดตามองใบหน้าคมที่ยังนั่งจ้องทีวี
เหมือนดูสารคดีทั่วไปมากกว่าจะเป็นหนังอย่างว่าด้วยความไม่พอใจ
“เอ๊ะ...นายนี่ ปล่อยนะ” เสียงลูกแมวขู่ฟ่อ นอกจากจะเรียกร้องความสนใจไม่ได้แล้ว
ยังถูกเสียงทุ้มนุ่มถามสวนกลับมาอีก
“นั่นน่ะ...ทำแล้วมันรู้สึกยังไงน่ะ” คำว่า “นั่นน่ะ” ทำให้อดมองตามไม่ได้
แล้วก็ก้มหน้าลงแทบไม่ทัน หน้าเนียนขาวแดงจัดเหมือนลูกตำลึงสุก
ก็คำว่า “นั่นน่ะ” มันคือฉาก...ฉาก...ฉากอย่างว่าเลยนี่นา
“จะ...จะรู้หรอ” คยูฮยอนปิดหูปิดตาก้มหน้าตอบหน้าแดงก่ำ
จึงไม่เห็นสายตาคมที่เบนกลับมามองเป็นคำถาม
“ทำไมไม่รู้ล่ะ บก.ไม่เคยหรอ?”
“บะ...บ้า จะ...จะเคยได้ยังไงล่ะ” ปฏิเสธปากคอสั่น อายจนไม่รู้จะอายยังไงแล้ว
“หรอ...งั้นผมก็ปรึกษาอะไรไม่ได้เลยงั้นสิ” ซีวอนทำท่าคิดทั้งๆที่นัยน์ตาคมวาววับ
แกล้งทำ...คยูฮยอนสรุปอาการของคนตรงหน้าได้ในทันที
“ก็ใช่น่ะสิ งั้นปล่อยฉันไปได้หรือยัง” คิดว่าคราวนี้คงจะรอดแน่
แต่เปล่า...นอกจากคนตัวสูงจะไม่ปล่อยแล้ว
กลับยิ่งรั้งร่างบอบบางเข้าไปใกล้จนคยูฮยอนแทบจะเกยเข้าไปบนตักกว้าง
“ไม่เป็นไร งั้นมาเป็นเคสทดลองให้ผมศึกษาก็แล้วกัน” คราวนี้ตาคู่โตถึงกับเบิกกว้าง
ไม่ทันจะอ้าปากปฏิเสธร่างเล็กก็ถูกดึงเข้าไปปะทะอกหนาอย่างแรง
กลีบปากนุ่มที่เผยอค้างเพราะตกใจถูกทาบทับโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
ยิ่งดิ้นรนแรงกอดรัดก็ยิ่งมากขึ้น เหมือนกับลิ้นร้อนที่พยายามแทรกเข้าไป
ลิ้มรสความหอมหวานละมุนในโพรงปากนุ่มชื้น กวาดเก็บความรสหวานล้ำทุกหยาดหยด
ยาวนานจนคนตัวเล็กแทบจะหมดแรงต้านทานอีกต่อไป
“อืม...รู้สึกอย่างนี้นี่เอง”
กว่าซีวอนจะถอนริมฝีปากออกคนในอ้อมแขนก็ตัวอ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟ
ร่างเล็กสั่นสะท้านไปหมดกับประสบการณ์แปลกใหม่ที่ไม่เคยได้รับ
ในหัวสมองว่างเปล่าจนลืมไปเลยว่าควรขัดขืน แทนที่จะเอนพิงซบอกหนาไว้ทั้งตัวแบบนี้
ซีวอนก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทั้งๆที่ตัวเขาเองเคยแอนตี้เรื่องพวกนี้อย่างมากแท้ๆ
แต่ทำไมพอมีคนตัวเล็กๆบางๆมาอยู่ใกล้มือทีไร ก็คอยแต่อยากจะแตะต้องทุกทีไป
พอได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากร่างเล็กนี่ทีไร จิตใจก็ไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวทุกที
แต่อาการแบบนี้เขาก็เป็นเฉพาะกับบก.หน้าหวานของเขาเท่านั้น
กับคนอื่นน่ะหรอ...เหอะ อย่ามาเข้าใกล้เขาเชียวนะ
“ปละ...ปล่อยนะ” เสียงครางสั่นเหมือนแมวดังอยู่ข้างหู
เมื่อซีวอนโน้มตัวลงไปสูดความหอมจากซอกคอขาว
ละเลียดปลายลิ้นแตะชิมลงไปจนถึงกระดูกไหปลาร้า
หอม...หวานไปทั้งเนื้อทั้งตัว ถ้าชิมมากกว่านี้จะเป็นอะไรไหมนะ
“พอ...พอที”
ไม่รู้ตัวสักนิดจนแผ่นหลังบางเปล่าเปลือยแตะต้องความหนาวเย็นจากโซฟา
มือเล็กพยายามยกขึ้นดันร่างสูงหนาที่ทาบทับออกหากแต่ไม่เป็นผลสักนิด
ภาพในจอยังคงเป็นชายหนุ่มสองคนกำลังเคลื่อนไหวตามจังหวะกิจกรรมรักที่หนักหน่วง
เสียงครางดังน่าอายสะท้อนไปมาจนใบหน้าหวานแดงซ่าน
อาย...แต่ก็ปลุกเร้าอารมณ์ได้เป็นอย่างดี
“เรามาทำกันให้จบขั้นตอนดีกว่าครับ ผมจะได้มีจินตนาการ แล้วก็เขียนหนังสือได้สักที”
เสียงทุ้มดังมาจากแผ่นอกขาวบางที่ละเลียดชิมอยู่
คยูฮยอนหอบหนักแต่ก็ยังฝืนตั้งสติเถียงจนได้ เถียง...ทั้งๆที่แทบจะไม่เป็นคำนั่นแหละ
“นะ...นายก็ดู กะ...ก็อ่าน อ่านแล้วก็จิน...จินตนาการ...เอง...สิ”
คราวนี้ใบหน้าคมยอมเงยขึ้นมาสบตาด้วย ก่อนจะยิ้มสวยให้หนึ่งที
รอยยิ้มที่ร้ายกาจจนคยูฮยอนใจเต้นแรง
“ จินตนาการ...มันก็ต้องอาศัยประสบการณ์ด้วยนะครับ
ไม่มีประสบการณ์...จะจินตนาการออกได้ยังไง จริงไหมครับบก.”
นั่นคือประโยคสุดท้ายที่คยูฮยอนได้ยิน
ก่อนจะกลายเป็นข้อมูลให้คนตัวโตเก็บเกี่ยวประสบการณ์ตรงต่อไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
คราวนี้...ซีวอนคงจะสร้างผลงานเขียนแนวใหม่ได้สักที
Imagine หรือจะเท่า Experience
และตอนนี้ซีวอน...คงจะไม่ขาดจินตนาการอีกต่อไปแล้ว
END.
No comments:
Post a Comment