Wednesday, September 17, 2014

Imagine

…Imagine…



คำที่แทบจะไม่มีใครแปลความหมายของมันไม่ได้
คำที่มักจะถูกใช้ทับศัพท์กันอย่างแพร่หลาย คำที่แม้แต่เด็กประถมก็ยังเข้าใจ
ผมคนหนึ่งล่ะที่เข้าใจความหมายของมันเป็นอย่างดี ไม่ยากเลย กับแค่คำว่า...


Imagine หรือ จินตนาการ


ผมเข้าใจ...ผมรู้จัก เขียนได้ อ่านออก ออกเสียงได้เหมือนเจ้าของภาษาเลยด้วยเอ้า
แต่คุณรู้ไหมว่าตอนนี้...ผม...กำลังขาดมัน



ใช่...ผมกำลังขาดจินตนาการ แถมขาดอย่างรุนแรงเสียด้วยสิ!



ชายหนุ่มร่างสูงทิ้งตัวลงพิงกับเก้าอี้บุหนังเนื้อดีสีดำสนิทเต็มแรง
มือหนาปาปากกาหมึกซึมด้ามโปรดลงบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่อย่างฉุนเฉียว
จนปลายหมึกกระทบกระดาษสีขาวที่มีลายมือขีดๆฆ่าๆอยู่ราวครึ่งหน้าเป็นดวงใหญ่
ใบหน้าคมแหงนเงยพิงพนักเก้าอี้พลางปิดเปลือกตาลงระงับอารมณ์พลุ่งพล่านที่เกิดขึ้น
เพราะความไม่ได้ดั่งใจในผลงานของตัวเอง ในใจยังแย้งกับเหตุผลที่ได้ยินได้ฟังมา
เมื่ออาทิตย์ก่อน


ไม่ยอมรับ...แล้วก็ไม่อยากยอมรับ


ทำไมบก.ต้องสั่งให้เขาสร้างสรรค์ผลงานในแบบที่เขาไม่ถนัดเลยแบบนี้ด้วยนะ
ทั้งๆที่มีแนวให้เขียนตั้งมากมาย ทั้งแนวสืบสวนสอบสวน แนวสยองขวัญ
แนวรักหวานแหววแบบการ์ตูนตาหวาน แนวบู้ล้างผลาญ อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่งานเขียน...



.
.
.



อะ...อะ...อะไรนะครับซีวอนถึงกับพูดแทบไม่เป็นคำ
ร่างสูงทะลึ่งพรวดลุกขึ้นยืนจนแทบจะค้ำหัวคนเป็นหัวหน้าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะ

ก็ตามนั้นแหละ

ตามนั้น? บก.ก็รู้ว่าผมไม่เขียนแนวแบบนั้น ผมเขียนไม่ได้!
ตาคมจ้องสบกับดวงตาคู่หวานภายใต้กรอบแว่นหนาอย่างไม่พอใจยิ่งยวด
แต่กลับไม่ได้ทำให้คนตรงหน้าสะทกสะท้านแต่อย่างใด

นายเป็นนักเขียนนะ ก็ต้องเขียนได้ทุกแนวสิ

น้ำเสียงเรียบเรื่อยพร้อมกับอาการยักไหล่น้อยๆไม่ยี่หระ
ยิ่งทำให้ซีวอนแทบอยากจะกระโจนเข้าไปบีบคอเล็กๆนั่นเขย่าๆให้หายแค้น
รู้ก็รู้ว่าเขาแอนตี้เรื่องพวกนี้ รู้ทั้งๆรู้ว่าเขาเกลียดเรื่องพรรณนี้ยิ่งกว่าอะไร
แล้วนี่มาสั่งให้เขาเขียน แบบนี้มันแกล้งกันชัดๆนี่นา

ผมขอปฏิเสธ ผมไม่ทำแน่ๆ เชิญบก.ไปหาคนอื่นเขียนแทนผมได้เลย

คว้าสมุดบันทึกที่พกติดตัวเป็นประจำได้
ซีวอนก็หันหลังเตรียมออกจากห้องทำงานของคนเป็นหัวหน้าทันที
มือหนาคงจะเปิดประตูได้สำเร็จ ถ้าไม่ถูกเสียงหัวเราะเบาๆรั้งไว้ก่อน

หึๆๆๆ ไม่กล้าล่ะสิริมฝีปากอิ่มแดงเอื้อนเอ่ยท้าทาย คยูฮยอนรู้ดี
ซีวอนเกลียดการดูถูกแบบนี้ที่สุด และจะทำทุกอย่างเพื่อจะเอาชนะคำดูหมิ่นแบบนี้จนได้

ว่าอะไรนะ??” ขายาวๆสาวกลับมาจนมายืนหน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่อีกครั้ง
ซีวอนโน้มตัวลงจนประจันหน้ากับใบหน้าขาวใสในระยะกระชั้นชิด

เนี่ยหรอนักเขียนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ
เขียนได้ทุกแบบ ถ่ายทอดได้ทุกแนว โกหกกันชัดๆเลยนี่นา

แกล้งเน้นย้ำคำสุดท้ายจนดวงตาคมกล้าสว่างวาบขึ้นต่อหน้า
น่ากลัว...แต่คยูฮยอนก็ยังปั้นหน้ายิ้มระเรื่อยอยู่ได้

ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้นะ คุณพึ่งมาอยู่ได้แค่อาทิตย์เดียวจะไปรู้อะไร!

ถึงฉันจะพึ่งมาทำหน้าที่บก.แทนพี่ฮันได้แค่อาทิตย์เดียว
แต่ฉันก็รู้แล้วกันว่านักเขียนที่ดีน่ะควรจะเป็นยังไง

ยังไงผมก็ไม่ทำ ให้คนอื่นทำไปสิ ผมไม่ทำเด็ดขาด!!ซีวอนประกาศเสียงกร้าว
ดวงตาคมประกายวาบราวกับจะเผาร่างเล็กตรงหน้าให้ไหม้แหลกเป็นจุล
ใบหน้าหวานซีดลงนิดหนึ่งเพราะไม่เคยเห็นร่างสูงตรงหน้าโกรธมากมายขนาดนี้มาก่อน
แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือ ยิ้มเย็น...ทั้งๆที่มือที่เกาะพนักวางแขนไว้สั่นไปหมด

ก็ตามใจ งั้นก็ช่วยไปแก้ข่าวกับพวกนักข่าวด้วยล่ะ ว่าที่ตั้งหน้าตั้งตายกย่องนาย
ลงวารสารลงหนังสือพิมพ์กันเป็นว่าเล่นน่ะ มันไม่จริงเลยสักนิด

คุณ!!

ทำไม...หรือว่าไม่จริงมือแกร่งถูกกำไว้ข้างตัวแน่น ซีวอนบอกตัวเองให้ใจเย็นๆ
อย่าพึ่งเอื้อมมือไปหักคอเจ้าของใบหน้าขาวๆที่ทำลอยหน้าลอยตากวนประสาทเขาอยู่
พยายามตั้งสตินับเลขตั้งแต่ 1 ถึง 1000 ตามที่เพื่อนเคยสอนไว้
เผื่อจะระงับจิตใจไว้ได้บ้าง

ยังไงคุณก็จะให้ผมเขียนให้ได้เลยใช่ไหม?” เสียงทุ้มคำรามต่ำในลำคอ
คยูฮยอนเพียงแต่เอนตัวลงพิงพนักเก้าอี้แล้วพยักหน้าช้าๆเท่านั้น

ใช่...

ผมจะเขียนได้ยังไงในเมื่อผมเกลียดเรื่องพวกนี้ ไม่เคยอ่าน ไม่เคยดู ไม่เคยสนใจ
แล้วผมจะเขียนมัน...จะจินตนาการมันออกมาได้ยังไง

ร่างเล็กทำเป็นเอียงคอย่างใช้ความคิด
คิ้วเรียวขมวดมุ่นทั้งๆที่กลีบปากอิ่มแดงยังแย้มกว้าง

นั่นสิน๊า เอ...เอาไงดีล่ะ

ช่วยผมสิ!

เห??” คราวนี้บก.คนเก่งเป็นฝ่ายเอ๋อไปบ้าง
ช่วย...จะให้คยูฮยอนช่วยเนี่ยนะ แล้วจะให้ช่วยยังไงล่ะเนี่ย

ช่วย...จะให้ฉันช่วยยังไงล่ะ?”

หาข้อมูลทั้งหมดมาให้ผมสิ ข้อมูล...หนังสือ...ตัวอย่าง
ทั้งหมดที่จะทำให้ผมเกิดจินตนาการ แล้วก็สร้างสรรค์ผลงานในแบบที่คุณต้องการได้
ริมฝีปากได้รูปกดยิ้มเย็นเฉียบ ดวงตาคมฉายแววหมิ่นแคลนอย่างปิดไม่มิด

คงไม่ยากไปหรอกใช่ไหม ดูคุณเองก็คงจะคุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้มาไม่น้อยนี่

ซีวอน!!!ร่างบางลุกพรวดขึ้นราวกับถูกของร้อนราดรด
ใบหน้าหวานแดงก่ำด้วยความโกรธจัด หยาบคาย...หยาบคายที่สุด
ถือดียังไงมากล่าวหาทำนองว่าคยูฮยอนว่าคุ้นเคยเจนโลกกับเรื่องพวกนี้นะ

ชายหนุ่มเองก็ดูจะพอใจมากทีเดียวที่ทำให้ร่างเล็กโกรธจนควบคุมตัวเองไม่ได้
ยิ่งเห็นใบหน้าขาวจัดแดงก่ำเพราะความโมโหก็ยิ่งสะใจ
หึ...อยากมาบังคับคนอย่างเขาก่อน ก็อย่ามาหาว่าเขาร้ายก็แล้วกัน

ตกลงผมรับงานนี้ แต่อย่าลืมข้อมูลของผมล่ะ
เอาไปให้ที่คอนโดฯเลยนะเพราะผมไม่อยากถือไปเอง มัน-น่า-รัง-เกียจ

ซีวอนย้ำช้าชัดทั้งรอยยิ้มพลางถอยหลังไปจนถึงประตูทางออกจากห้องทำงาน

นะ...นาย!!

อ้อ...พวกบรรดาผู้ชายของคุณไปช่วยสาธิตวิธีการจริงให้ผมดูด้วยก็ได้นะ
ถึงจะสะอิดสะเอียนไปหน่อยแต่ก็คงพอได้ ผมจะพยายามไม่ถือ...หึ

ทิ้งคำพูดบาดหูไว้ก่อนประตูบานหนาหนักจะถูกปิดลง
ปล่อยให้คยูฮยอนยืนตัวสั่นเทิ้มเพราะความโกรธที่ทำอะไรคนตัวสูงที่พึ่งออกไปไม่ได้
กลีบปากบางเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง เปล่งเสียงลอดไรฟันอย่างหมายมาด





ฉันจะทำให้นายถอนคำพูดทั้งหมดให้ได้เลย คอยดู!!




.
.
.



เสียงกริ่งประตูดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ
ทำให้ชายหนุ่มหลุดออกจากภวังค์ความคิดที่กำลังล่องลอยไปไกลเกือบทันที
ตาคมตวัดมองไปทางประตูนิดหนึ่งก่อนจะยันตัวลุกขึ้นจากเก้าอื้ที่เอนพิงอยู่
เหลือบมองนาฬิกาที่ชี้ไปอยู่ที่เลขสองแล้วก็ถอนฉุนเฮือกใหญ่

ใครวะ...มาหาซะดึกเชียว

หวังว่าคงไม่ใช่ไอ้บรรดาผองเพื่อนที่จะมาขออาศัยห้องเขานอน
หลังจากไปสำมะเรเทเมาจนผับปิดมาแล้วหรอกนะ
ไอ้ตัวเขาปกติก็ไม่ได้อะไรหนักหนาหรอก
แต่ตอนนี้งานเขียนนิยายของเขายังไม่คืบหน้าเลยสักนิด
ขืนมาเจอไอ้พวกเพื่อนแสนดีก่อกวนเข้าไปอีก คงจะได้จบเห่กันล่ะคราวนี้

คิดแล้วก็อดเคืองคนหน้าหวานที่ไร้ความรับผิดชอบนั่นไม่ได้
นับๆดูแล้วจากวันที่ทะเลาะกันวันนั้น ตอนนี้ก็ล่วงเลยมาเกือบจะอาทิตย์อยู่แล้ว
บก.คนสวยที่เขาข่มขู่แกมบังคับให้หาข้อมูลมาให้ก็ยังเงียบหายไม่โผล่มา
แล้วนี่จะให้เขาเขียนนิยายแบบนั้นออกมาได้ยังไงกัน!

เหอะ...จินตนาการมันไม่ใช่แค่การนึกนั่งเทียนแล้วก็เขียนออกมาได้นะ
เล่นไม่มีข้อมูล...ไม่มีประสบการณ์แบบนี้ ถ้าเขายังเขียนได้ก็อัจฉริยะไปแล้วล่ะ

ใครครับ?” ส่งเสียงถามไปก่อนจะเปิดประตูออกจนสุดความกว้าง
แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าห้องเต็มตา

บก.??” ร่างเล็กยังอยู่ในชุดทำงานเต็มยศ
ดวงตาคู่โตภายใต้กรอบแว่นหนาช้อนมองเขาอย่างไม่แน่ใจ
มือบางถือกระเป๋าเดินทางใบขนาดกลางติดมือมาด้วย
นั่นยิ่งทำให้ซีวอนแปลกใจมากกว่าเดิม

เฮ้ย...อย่าบอกนะว่า...จะหอบผ้าหอบผ่อนหนีตามเขามาน่ะ

เอ้า...เอาไป หนักนะกระเป๋าในมือเล็กถูกยื่นมาจนแทบจะกระแทกใบหน้าคม
จนซีวอนต้องรีบรับเอาไว้ทั้งๆที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก

อะไรน่ะ?” น้ำหนักที่ดูจะมากกว่าจะเป็นเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ทำให้อดถามไม่ได้

ข้อมูลไง...ไปล่ะบอกแค่นั้น คยูฮยอนก็ตั้งท่าหันหลังกลับไปตามทางเดิมทันที
ความเก่งกาจที่ตั้งท่าจะมาเอาคืนหดหายไปตั้งแต่ร่างสูงมาเปิดประตูให้
กลับไปตั้งหลักก่อนแล้วมาเอาคืนวันหลังก็ยังไม่สายหรอกน่า
และคยูฮยอนคงจะทำสำเร็จ ถ้ามือใหญ่ไม่รั้งเอาไว้ก่อน

อะไรอีกล่ะ!น้ำเสียงตวัดห้วนทั้งๆที่ใบหน้าหวานยังคงแดงระเรื่อ
จะไม่ให้แดงได้ยังไงล่ะ คิดถึงไอ้ ข้อมูลที่อยู่ในกระเป๋านั่นทีไรก็อดอายไม่ได้สักที
นี่จะรู้บ้างไหมเนี่ย ว่าคยูฮยอนที่ต้องบากหน้าไปยืมไอ้ ข้อมูลที่ว่าจากเพื่อนๆน่ะ
ต้องลำบากแค่ไหน ต้องทนฟังเสียงล้อเลียนยั่วหยอกจนอายแล้วอายอีกตั้งเท่าไหร่
รู้แบบนี้ไม่แกล้งไอ้คนขี้เก๊กหน้านิ่งนี่ซะก็ดีหรอก แล้วจะโทษใครได้ล่ะ...ถ้าไม่ใช่ตัวเอง
ที่ไปเชื่อคำพูดแมวๆของไอ้ปลาการ์ตูนเพื่อนตัวแสบที่ยุแยงจนได้เรื่องแบบนี้



.
.
.



ชอบเขาล่ะสิเพื่อนซี้ควบตำแหน่งพิสูจน์อักษรของสำนักพิมพ์เอ่ยขึ้นเบาๆ
เล่นเอาคยูฮยอนชักสายตากลับมาเกือบไม่ทัน

อะ...อะไรนะ

ก็คนที่นายแอบมองอยู่ทุกวั๊นทุกวันอ่ะ ชอบใช่ไหมล่ะใบหน้าหวานแดงขึ้นทันตา
นี่เขาอาการออกจนเพื่อนจับได้เลยหรอเนี่ย

บ้าน่ะทงเฮพอคยูฮยอนอ้อมแอ้มบอกออกไป
ก็ถูกแขนเรียวคว้าหมับเข้าที่ต้นคอ ดึงหน้าจนเข้าไปจะชิดกันอยู่มะรอมมะร่อ

รู้หรอกน่า...อย่าปฏิเสธซะให้ยาก

เปล่านะ!ยัง...ยังแกล้งทำกลบเกลื่อนเสียงแข็ง

อืม...แต่คงจะยากมากเลยนะนั่นทงเฮเอียงคอด๊อกแด๊กไปมาพลางทำท่าครุ่นคิด

ทำไมล่ะเผลอถามออกไปด้วยความอยากรู้
เอ...หรือว่าคนๆนั้นจะมีแฟนอยู่แล้วกันนะ

ซีวอนน่ะ...เกลียดเรื่องพวกแบบ...ชายรักชายน่ะ
ช้า...ชัด...ทุกถ้อยคำ คนที่ตั้งใจฟังถึงกับหน้าซีดลงนิดหนึ่ง

อะไรนะ?”

จริงๆนะ...เกลียดมากเลยด้วย นายสังเกตได้ง่ายๆเลยจากงานเขียนของเขา
เขาเขียนนิยายทุกประเภท ทุกแนว ทุกแบบ แต่ไม่เขียนเรื่องแนวๆนี้เลย
ทงเฮย้ำให้คยูฮยอนใจแป้วลงไปอีก

แต่...แต่ฉันไม่ใช่อยากจะปฏิเสธว่าตัวเองไม่ใช่อะไรแบบที่ทงเฮบอก
ก็คยูฮยอนไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้กับผู้ชายคนไหนมาก่อนเลยนะ
ตกใจตัวเองเหมือนกันที่มาใจเต้นแรงกับผู้ชายคนนี้ได้
แต่ทำยังไงล่ะ ก็ชอบไปแล้ว...ก็รักไปแล้ว จะตัดใจตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วนี่นา

แต่นายก็ชอบซีวอนนี่นา...ใช่ไหมล่ะ
เมื่อถูกตาเรียวฉายแววรู้ทันของเพื่อนจ้องตรงๆแบบนี้
คยูฮยอนเลยจำต้องพยักหน้ารับแต่โดยดี

ฉัน...ฉันคงต้องตัดใจใช่ไหม
คิดแล้วก็ใจหาย รักทั้งๆที่ยังไม่ได้เริ่มทำอะไรเลยสักอย่างก็ต้องตัดใจแล้วหรอ

ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก

แล้ว...แล้วฉันจะทำยังไงล่ะเสียงหวานถามอย่างกระตือรือร้น

ก็เกลียดอย่างไหน ก็บังคับให้เจออย่างงั้นซะก็สิ้นเรื่อง
เจอไปเจอมา...เดี๋ยวก็ชินไปเอง

ทงเฮหัวเราะร่าในขณะที่คยูฮยอนหน้าเสีย
หมายความว่ายังไง...อย่าบอกนะว่าทงเฮจะให้เขา?

เหมือนกับทงเฮจะรู้ถึงความคิดของเพื่อน
ใบหน้าหวานใสไม่แพ้กันจึงพยักหน้ารับแข็งขันจริงจัง
ทำท่าจริงจัง...ทั้งๆที่ดวงตายังเป็นประกายฉายแววสนุกสนานอย่างปิดไม่มิด


ใช้อำนาจที่นายมี...บังคับให้ซีวอนทำในสิ่งที่เขาเกลียดให้ได้ก็พอ


นะ...นายหมายถึง?”

ก็ให้พ่อรูปหล่อของนายเขียนนิยายประเภทนั้นสักเรื่องเป็นไงตาย...ตายพอดี
ถ้าสิ่งที่ทงเฮพูดเป็นความจริงล่ะก็ ขืนเขาบังคับให้ซีวอนเขียนนิยายประเภทนั้น
เขาไม่ถูกคนที่เขาแอบรักเกลียดไปถึงโลกหน้าเลยหรอ

ไม่ดีมั๊ง เขาคงจะไม่ยอมแน่ๆ แล้วถ้าบังคับเขา แล้ว...แล้วถ้าเขาเกลียดฉันเลยล่ะ

อย่างน้อยก็ได้พยายามแล้วไม่ใช่หรือไง
พยายามแล้วเขาเกลียด...ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยนะ

นั่นแหละ...เหตุผลที่เขาต้องหาเรื่องชวนทะเลาะกับร่างสูงตรงหน้าเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว
และก็ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะถูกตลบหลังเอาคืนแบบนี้
นี่ไม่รู้จะถูกหาว่าเชี่ยวชาญเจนโลกอีกหรือเปล่า
ก็ ข้อมูลแต่ละอย่างที่ได้มาน่ะ โอ๊ย...คยูฮยอนไม่อยากจะพูดถึงเลย

เข้ามาก่อนสิครับบก. เผื่อบางอย่างผมไม่เข้าใจ จะได้ขอคำแนะนำจากคุณไง
ไม่สนใจอาการอ้าปากค้างของคนที่ยืนตรงหน้าประตูสักนิด
มือหนาลากข้อมือคนตัวบางกว่าเข้ามาในห้องจนได้
กว่าจะหายตกใจคยูฮยอนก็ถูกกดลงนั่งตรงโซฟาหน้าทีวีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โห...อะไรนักหนาเนี่ย

เสียงทุ้มเรียกสายตาคู่หวานภายใต้กรอบแว่นตาให้มองตาม
กระเป๋าใบขนาดกลางถูกเปิดเทลงต่อหน้าต่อตาบนพื้นพรม
หนังสือเอย แผ่นวีซีดีดีวีดีเอย นิตยสาร สมุดภาพ ปฏิทินเอย
และที่ทำให้คยูฮยอนถึงกับหน้าแดงแป๊ดเบือนหน้าหนีแทบไม่ทัน
นั่นก็คือเซ็กซ์ทอยที่ร่วงลงมาหลายต่อหลายอันนั่นเอง

ไม่น่าเลย...ไม่น่าพลาดให้ทงเฮจัดของให้เล้ย...คยูฮยอน

อืม...จะให้ผมเริ่มจากอันไหนดีล่ะ อันนี้ดีไหม?”
หางเสียงหมิ่นแคลนชัดเจน เล่นเอาคยูฮยอนรู้สึกชาไปทั้งหน้า
ซีวอนแกล้งยกแผ่นดีวีดีที่หน้าปกมีรูปภาพฟ้องชัดขึ้นมาดู
ไม่พอ...ยังยื่นไปให้คนตัวเล็กพิจารณาด้วยอีก

จะ...จะดูแผ่นไหนก็เรื่องของนาย ฉันไปล่ะ
ไม่ไหวแล้ว...คยูอยอนทนกับสายตาของคนตรงหน้าไม่ได้อีกแล้ว
นี่ภาพพจน์เขาคงจะติดลบจนไม่เหลือแล้วแน่ๆ
อยู่ดีไม่ว่าดี รู้งี้แอบรักแอบมองไปเรื่อยๆยังจะดีกว่าซะอีก

ร่างบางผุดลุกขึ้นจากโซฟาที่นั่งจมอยู่ แต่ไม่ทันจะก้าวออกไปก็ถูกมือหนาจับยึดไว้แน่น
แถมยังรั้งเขาไปจนต้องนั่งลงข้างร่างสูงที่ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาไปก่อนหน้านี้แล้วด้วย

จะไปไหน...มาดูด้วยกันก่อนสิ ถ้าผมสงสัยอะไร...จะได้ถาม
มือหนึ่งรั้งร่างบางไว้ไม่ให้ลุกหนีได้ อีกมือก็เอาแผ่นดีวีดีนั้นเข้าเครื่องเล่นไปด้วย
ยิ่งเห็นคนตัวเล็กทำตาโตอ้าปากค้างก็ยิ่งสะใจ
บังคับกันดีนักใช่ไหม อยากให้เขียนนักใช่ไหม เหอะ...จะแกล้งซะให้เข็ดเลย

อันที่จริงจะว่าซีวอนเกลียดเรื่องพรรค์นี้เลยก็ไม่ถูก
เพื่อนๆของเขาหลายคนก็มีแฟนเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม
ซึ่งเขาก็ไม่ได้รู้สึกรับไม่ได้จนขั้นตัดเพื่อนตัดฝูง ซีวอนรู้ดีว่าความรักบังคับกันไม่ได้
แต่ตราบใดที่มันยังไม่เกิดขึ้นกับเขาบ้าง
เขาก็จะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งด้วยตัวเองอย่างเด็ดขาด

จะว่าแอนตี้ก็ไม่ใช่...ต่อต้านก็ไม่เชิง...
เพียงแต่ถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็จะไม่ขอข้องเกี่ยวเท่านั้นเอง...

พอภาพใจจอโทรทัศน์เริ่มฉายขึ้นร่างบางก็เริ่มนั่งไม่ติดที่
คยูฮยอนถึงกับหลับตาปี๋เมื่อผู้ชาย 2 คนในจอเริ่มกอดจูบกันอย่างดูดดื่ม
ยิ่งเสียงครวญครางดังขึ้นเรื่อยๆ ความอดทนก็ยิ่งลดต่ำลงเรื่อยๆเช่นกัน

ไม่ไหวแล้ว...ไม่เอาแล้ว

ปล่อย...ปล่อยฉัน ฉันจะกลับแล้วพยายามดึงมือตัวเองให้หลุดพ้นจากการเกาะกุม
แต่ก็เหมือนกับถูกล็อคด้วยกุญแจมือมากกว่าที่จะถูกมือของคนจับไว้
ดึงเท่าไหร่ก็ดึงไม่หลุด ตวัดตามองใบหน้าคมที่ยังนั่งจ้องทีวี
เหมือนดูสารคดีทั่วไปมากกว่าจะเป็นหนังอย่างว่าด้วยความไม่พอใจ

เอ๊ะ...นายนี่ ปล่อยนะเสียงลูกแมวขู่ฟ่อ นอกจากจะเรียกร้องความสนใจไม่ได้แล้ว
ยังถูกเสียงทุ้มนุ่มถามสวนกลับมาอีก

นั่นน่ะ...ทำแล้วมันรู้สึกยังไงน่ะคำว่า นั่นน่ะทำให้อดมองตามไม่ได้
แล้วก็ก้มหน้าลงแทบไม่ทัน หน้าเนียนขาวแดงจัดเหมือนลูกตำลึงสุก
ก็คำว่านั่นน่ะมันคือฉาก...ฉาก...ฉากอย่างว่าเลยนี่นา

จะ...จะรู้หรอคยูฮยอนปิดหูปิดตาก้มหน้าตอบหน้าแดงก่ำ
จึงไม่เห็นสายตาคมที่เบนกลับมามองเป็นคำถาม

ทำไมไม่รู้ล่ะ บก.ไม่เคยหรอ?”

บะ...บ้า จะ...จะเคยได้ยังไงล่ะปฏิเสธปากคอสั่น อายจนไม่รู้จะอายยังไงแล้ว

หรอ...งั้นผมก็ปรึกษาอะไรไม่ได้เลยงั้นสิซีวอนทำท่าคิดทั้งๆที่นัยน์ตาคมวาววับ
แกล้งทำ...คยูฮยอนสรุปอาการของคนตรงหน้าได้ในทันที

ก็ใช่น่ะสิ งั้นปล่อยฉันไปได้หรือยังคิดว่าคราวนี้คงจะรอดแน่
แต่เปล่า...นอกจากคนตัวสูงจะไม่ปล่อยแล้ว
กลับยิ่งรั้งร่างบอบบางเข้าไปใกล้จนคยูฮยอนแทบจะเกยเข้าไปบนตักกว้าง

ไม่เป็นไร งั้นมาเป็นเคสทดลองให้ผมศึกษาก็แล้วกันคราวนี้ตาคู่โตถึงกับเบิกกว้าง
ไม่ทันจะอ้าปากปฏิเสธร่างเล็กก็ถูกดึงเข้าไปปะทะอกหนาอย่างแรง
กลีบปากนุ่มที่เผยอค้างเพราะตกใจถูกทาบทับโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
ยิ่งดิ้นรนแรงกอดรัดก็ยิ่งมากขึ้น เหมือนกับลิ้นร้อนที่พยายามแทรกเข้าไป
ลิ้มรสความหอมหวานละมุนในโพรงปากนุ่มชื้น กวาดเก็บความรสหวานล้ำทุกหยาดหยด
ยาวนานจนคนตัวเล็กแทบจะหมดแรงต้านทานอีกต่อไป

อืม...รู้สึกอย่างนี้นี่เอง

กว่าซีวอนจะถอนริมฝีปากออกคนในอ้อมแขนก็ตัวอ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟ
ร่างเล็กสั่นสะท้านไปหมดกับประสบการณ์แปลกใหม่ที่ไม่เคยได้รับ
ในหัวสมองว่างเปล่าจนลืมไปเลยว่าควรขัดขืน แทนที่จะเอนพิงซบอกหนาไว้ทั้งตัวแบบนี้

ซีวอนก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทั้งๆที่ตัวเขาเองเคยแอนตี้เรื่องพวกนี้อย่างมากแท้ๆ
แต่ทำไมพอมีคนตัวเล็กๆบางๆมาอยู่ใกล้มือทีไร ก็คอยแต่อยากจะแตะต้องทุกทีไป
พอได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากร่างเล็กนี่ทีไร จิตใจก็ไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวทุกที
แต่อาการแบบนี้เขาก็เป็นเฉพาะกับบก.หน้าหวานของเขาเท่านั้น
กับคนอื่นน่ะหรอ...เหอะ อย่ามาเข้าใกล้เขาเชียวนะ

ปละ...ปล่อยนะเสียงครางสั่นเหมือนแมวดังอยู่ข้างหู
เมื่อซีวอนโน้มตัวลงไปสูดความหอมจากซอกคอขาว
ละเลียดปลายลิ้นแตะชิมลงไปจนถึงกระดูกไหปลาร้า
หอม...หวานไปทั้งเนื้อทั้งตัว ถ้าชิมมากกว่านี้จะเป็นอะไรไหมนะ

พอ...พอที

ไม่รู้ตัวสักนิดจนแผ่นหลังบางเปล่าเปลือยแตะต้องความหนาวเย็นจากโซฟา
มือเล็กพยายามยกขึ้นดันร่างสูงหนาที่ทาบทับออกหากแต่ไม่เป็นผลสักนิด
ภาพในจอยังคงเป็นชายหนุ่มสองคนกำลังเคลื่อนไหวตามจังหวะกิจกรรมรักที่หนักหน่วง
เสียงครางดังน่าอายสะท้อนไปมาจนใบหน้าหวานแดงซ่าน
อาย...แต่ก็ปลุกเร้าอารมณ์ได้เป็นอย่างดี

เรามาทำกันให้จบขั้นตอนดีกว่าครับ ผมจะได้มีจินตนาการ แล้วก็เขียนหนังสือได้สักที
เสียงทุ้มดังมาจากแผ่นอกขาวบางที่ละเลียดชิมอยู่
คยูฮยอนหอบหนักแต่ก็ยังฝืนตั้งสติเถียงจนได้ เถียง...ทั้งๆที่แทบจะไม่เป็นคำนั่นแหละ

นะ...นายก็ดู กะ...ก็อ่าน อ่านแล้วก็จิน...จินตนาการ...เอง...สิ
คราวนี้ใบหน้าคมยอมเงยขึ้นมาสบตาด้วย ก่อนจะยิ้มสวยให้หนึ่งที
รอยยิ้มที่ร้ายกาจจนคยูฮยอนใจเต้นแรง


จินตนาการ...มันก็ต้องอาศัยประสบการณ์ด้วยนะครับ
ไม่มีประสบการณ์...จะจินตนาการออกได้ยังไง จริงไหมครับบก.



นั่นคือประโยคสุดท้ายที่คยูฮยอนได้ยิน
ก่อนจะกลายเป็นข้อมูลให้คนตัวโตเก็บเกี่ยวประสบการณ์ตรงต่อไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้




คราวนี้...ซีวอนคงจะสร้างผลงานเขียนแนวใหม่ได้สักที



Imagine หรือจะเท่า Experience



และตอนนี้ซีวอน...คงจะไม่ขาดจินตนาการอีกต่อไปแล้ว











END.




No comments:

Post a Comment