Tuesday, September 16, 2014

Fan Long Fic Baramos - ใคร x คาโล - Rancour is love By Juntiva





    "กรี๊ดดดดดดดดดดดดด!!"

     ครืน!!

     เสียงกรีดร้องดังก้องไปทั่วโบถส์ ได้ยินเสียงห่าฝนตกลงมาไม่ขาดสาย กระหน่ำซ้ำตอกย้ำเหตุการณ์ที่เลวร้ายตรงหน้า...

     นัยน์ตาสีฟ้าสะท้อนภาพของนางอันเป็นที่รักที่เปรอะเปื้อนไปด้วยสีแดงฉานของเลือด ร่างเพรียวบางในชุดเจ้าสาวที่เคยเป็นสีขาวเซล้มลงกับพื้น ดอกกุหลาบสีขาวร่วงหล่นสู่พื้นที่เจิ่งนองไปด้วยเลือด ดวงตาสีน้ำตาลที่เคยสดใสถูกบดบังด้วยเปลือกตาที่ปิดสนิท ลมหายใจรวยระรินในห้วงเวลาครั้งสุดท้ายแห่งชีวิต

     ร่างสูงของบุคคลปริศนาในชุดเสื้อคลุมหัวสีดำสนิท สวมหน้ากากปีศาจสีแดง เสียงหัวเราะอันชั่วร้ายดังก้องไปทั่วโบถส์ ก่อนที่ร่างของฆาตกรจะจางหายไปเป็นไอสีดำ ทิ้งเสียหัวเราะอันชั่วร้ายไว้เป็นครั้งสุดท้าย

     "เฟริน!!"

     ร่างเพรียวปราดเข้าไปหานางอันเป็นที่รัก ที่กำลังจะสิ้นใจในไม่ช้า

     "เฟริน! เฟริน! เธอต้องไม่เป็นอะไร! เธอต้องอยู่ อยู่กับฉัน....นะเฟริน"เสียงเครืออย่างหวั่นไหวและหวาดกลัว เปลือกตามิได้ปรือขึ้นอย่างที่หวัง ยังคงบดบังดวงเนตรสดใสที่คุ้นเคยต่อไป

     "ขอร้องเฟริน! เธอต้องอยู่กับฉัน! อยู่กับฉัน เราสัญญากันแล้วนะ! เฟริน!!"น้ำตาใสไหลอาบใบหน้างดงามดั่งรูปสลัก ซบลงกับอกของนางอันเป็นที่รัก อ้อมแขนกอดร่างบางแน่น

     "คะ...คาโล....."เสียงแผ่วกระซิบเรียกให้ร่างเพรียวตั้งใจฟัง "คาโล.....ขอโทษนะ...."

     "มะ มะ ไม่นะเฟริน! เธอห้ามขอโทษเด็ดขาด ห้ามนะ! อย่าพูดอะไร! เธอต้องรอด ฉันจะรักษาเธอเอง!"

     รอยยิ้มถูกแย้มอย่างอ่อนล้า เสียงกระซิบที่แผ่วเบาแต่ได้ยินชัดเจน "ไม่ต้อง...ไม่ทันแล้ว....ถึงเวลาของฉันแล้ว...."

     "ไม่! อย่าพูดแบบนั้นนะเฟริน! เธอต้องอยู่กับฉัน! ฉันรักเธอ ได้ยินไหมเฟริน! ฉันรักเธอ!!"

     น้ำตาใสไหลอาบพวงแก้มชมพูของร่างบางที่กำลังจะสิ้นใจ มือเรียวถูกยกขึ้นจับที่ใบหน้ารูปสลัก ยิ้มเป็นครั้งสุดท้าย "ขอโทษ....."

     ตึก.....

     มือเรียวตกลงสู่พื้น ร่างบางจากไปอย่างสงบ แต่ยังคงทิ้งรอยยิ้มอันคุ้นตาเอาไว้ แต่กระนั้นมันก็มิอาจจะช่วยให้ร่างเพรียวดีขึ้น คาโลเบิกตาโต มองร่างบางในอ้อมแขนที่หยุดลมหายใจ

     "มะ ไม่...ฮึก...เฟริน...เฟริน...เฟรินนนนนนนนนนน!!!!"

     ครืน!!

     สายฟ้าฟาดตอกย้ำอีกครั้ง เจ้าหญิงเฟลิโอน่า เกรเดเวล เดอะ ปริ๊นเซส ออฟ บารามอสแอนด์เดมอส จากโลกนี้ไปอย่างสงบ ด้วยวัยเพียง 19 ปี.....

     ....................6 ปี ต่อมา....................

     จิ๊บ.....จิ๊บ ๆ .....

     แสงสีทองอร่ามของอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องไปทั่วแดนแห่งนักรบ เป็นสัญญาณให้ทุกชีวิตตื่นจากการหลับใหล เริ่มต้นใช้ชีวิตในวันใหม่อีกครั้งหลังจากการพักผ่อนในยามราตรี แสงสีทองสาดส่องผ่านกระจกบานใสของห้องบรรทมแห่งปราสาทคาโนวาล ลอดผ่านช่องว่างของผ้าม่านสีครีมเจ้ากระทบเปลือกตาหนาที่ปิดสนิทของร่างเพรียวบนแท่นบรรทมสี่เสา

     "อืม....."

     เปลือกตาหนาค่อย ๆ ปรือขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังหนีแสงสีทองของดวงอาทิตย์ ก่อนจะลืมตาตื่นเต็มตา เผยให้เห็นนัย์เนตรสีฟ้าปนโศก คาโลค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นนั่งบนเตียง ก่อนจะหันหน้าไปทางหน้าต่างห้องบานใส ใบหน้างามดั่งรูปสลักต้องแสงสีทองเผยให้เห็นใบหน้างดงามที่เปื้อนคราบน้ำตา

     "อรุณสวัสดิ์.....เฟริน"

     เอ่ยเสียงกระซิบแผ่เบา เรียกหาคนรักที่จากไปแล้วถึงหกปี แต่เขาก็มิอาจจะลืมได้ลง ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ เลาใด ร่างพรียวบางจะกระซิบหานางอันเป็นที่รักเสมอ กระซิบเพรียกด้วยน้ำเสียงแห่งความโศกปนปวดร้ว แม้จักไม่เคยได้ยินเสียงขานรับตอบกลับมาแต่ก็ยังคงเรียกหาเช่นนี้ทุกวัน

     ก็อก ๆ

     เสียงเคาะประตูบานใหญ่ดังขึ้น เมื่อคาโลหันไป ก็พบผู้เป็นบิดาเดินเข้ามาในห้อง บาโรนั่งลงบนเตียงข้างลูชายก่อนจะเอ่ย

     "อรุณสวัสดิ์ คาโล"

     "อรุณสวัสดิ์ ท่านพ่อ"

     บาโรมองคราบน้ำตาบนแก้มของลูกชาย ก่อนจะถอนหายใจหนักเอ่ยถามอย่างห่วงใย
 
     "เหตุใดเจ้าจึงร้องไห้?"

     "ลูก...."คาโลก้มหน้าลงมองมือของตัวเอง "ลูกฝันร้ายท่านพ่อ"

     บาโรมองลูกชายที่เริมตัวสั่น เสียงสะอื้นไห้เริ่มดังขึ้น ตั้งแต่เฟรินจากไปคาโลเริ่มกลับเข้าสู่ความมืดมิดอีกครั้ง เป็นคนเฉยชา เงียบขรึม ชอบอยู่คนเดียว ไม่ยิ้ม ถ้ายิ้มก็เป็นยิ้มที่แสนเศร้า ไม่หัวเราะ พูดน้อยถ้าไม่พูดด้วยก็จะไม่ยอมพูด นัยน์ตาไหววูบเศร้าโศกตลอดเวลา น้ำเสียงยามเอื้อนเอ่ยก็จะเต็มไปด้วยความปวดร้าวที่ไม่ยอมจางหาย ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่คาโลก็ยิ่งอ่อนไหวมากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนด็กน้อยที่ถูกทิ้ง

     "ลูกเห็นเลือดเต็มไปหมด...ฮึก...เสียงหัวเราะดังก้องอยู่ในหัวของลูก...ลูกทำอะไรไม่ได้เลย...ฮึก...ท่านพ่อ...ฮึก...ลูกอยากลืม...ลูกอยากลืมมัน...ฮึก...แต่ลูกทำไม่ได้...ฮึก..."

     "อย่าร้องไห้"ไม่ใช่คำสั่งแต่เป็นปลอบโยนจากพ่อถึงโอรส บาโรกอดลูกชายและลูบหัวอย่างปลอบใจ คาโลสะอื้นไห้เงียบ ๆ

     บาโรฟังเสียงลูกชายอย่างปวดใจ.....เมื่อไหร่กันหนอ โอรสของเขาจะหลุดพ้นจากความเศร้าโศกเสียที.....

     ...................

     วันนี้คาโลออกเยี่ยมประชาชนกับผู้เป็นบิดา ขบวนเสด็จเยี่ยมก็เหมือนทุกครั้ง เรียบง่ายไม่มีอะไรหรูหราตามแบบฉบับของบาโร มีเพียงบาโร คาโลและองครักษ์อีกสองคนเท่านั้น

     "คาโล"บาโรเอ่ย

     "ครับ ท่านพ่อ"คาโลเอ่ยขานรับเสียงเรียบ แต่แฝงไปด้วยความเศร้า

     "วันนี้ข้ามีเรื่องจะพูดด้วย"

     "ครับ?"คาโลสงสัย

     "เราจะพูดกันในที่ประชุม"

     คาโลมองพระราชบิดาอย่างสงสัยและแปลกใจ แต่ก็ไม่กล่าวอะไรต่อ ยังคงขี่ม้าตามหลังบิดาต่อไป

     ประชาชนต่างมยืนโค้งคำนับรับเสด็จเต็มข้างทาง คาโลไม่ได้สนใจมากนัก แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อขบวนเสด็จหยุดกระทันหัน และยิ่งแปลกใจเมื่อเห็นผู้เป็นบิดาลงเดินกับพื้นแทนที่จะขี่ม้าดั่งเช่นทุกครั้ง

     "ท่านพ่อ?"

     "ข้าก็แค่อยากให้เจ้าสัมผัสถึงวิถีของประชาชนเราอย่างใกล้ชิดอภายภาคหน้าจะได้ไม่ลำบาก"

     คาโลไม่เข้าใจในสิ่งที่บิดาพูดแต่ก็ลงเดินเคียงข้าพระราชบิดา บาโรเอ่ยเล่าและสอนอะไรให้มากมายซึ่งเป็นสิ่งที่แปลกมากสหรับคาโล แต่ร่างบางก็ตั้งใจฟัง ประชาชนต่างโยนดอกไม้ให้แก่องค์กษัตริย์และองค์ชายเต็มทางเดินเป็นการให้เกียรติ บ้างก็ออกมาถวายสิ่งของมากมายให้แก่บาโร คาโลมองผู้เป็นบิดาจากเบื้องหลัง ก่อนจะรู้สึกถึงแรงกระตุกที่ชายเสื้อ เมื่อก้มลงมอง ก็พบกลุ่มเด็กายหญิงจำนวนหนึ่งกำลังมองเขาอยู่

     "เจ้าชายคาโลใช่มั๊ยค่ะ"

     "อา...ใช่ ฉันเอง"คาโลย่อตัวลงเพื่อให้คุยกับเด็ก ๆ ได้สะดวก

     "พวกหนูอยากให้ค่ะ"

     คาโลมองช่อดอกไม้ในมือของเด็ก ๆ ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ ที่ปนความเศร้าเอาไว้

     "ขอบใจนะ"

     "ขอให้หายเศร้าเร็ว ๆ นะค่ะ"

      คาโลมองเด็ก ๆ อย่างแปลกใจ แต่เด็ก ๆ ต่างวิ่งกลับไปหาแม่ของพวกเขาเสียแล้ว คาโลมองช่อดอกไม้เล็ก ๆ มากมายในอ้อมแขนอย่างเศร้า ๆ

     'นี่เรา....แสดงออกถึงเพียงนี้เชียวหรือ'

     วิ๊ง.....

     "อ๊ะ!?"

     คาโลเงยหน้าขึ้นมองด้านบน เห็นแสงสีเงินสะท้อนกระทบโสตตาท่ามกลางแสดงแดดยามเช้า

     เฟี้ยว~!

     "หลบไป!!"

     ช่อดอกไม้ร่วงลงสู่พื้นหินทางเดิน กลับดอกไม้ปลิวว่อนเพราะแรงกระทบ ร่างเพรียวตกอยู่ในอ้อมแขนของผู้ที่ช่วยชีวิตและล้มลงกับพื้น

     ฉึก!!

     คาโลลืมตามองลูกธนูที่ปักลงบนที่ ๆ ตนเพิ่งยืนอยู่เมื่อครู่นี้ เมื่อมองกลับขึ้นไปอีกครั้งก็ไร้วี่แววของผู้ลอบปลงพระชนม์ ร่างเพรียวถูกพยุงให้ยืนขึ้นตามเดิม

     "เชื่องช้าจริงนะ คาโล เวเนบลี"

     คาโลมองหน้าผู้ช่วยชีวิตซึ่งเป็นเจ้าของประโยคคำพูด

     ใบหน้าคมคายหล่อเหลา จมูกโด่ง ดงตาคมเข้มดุดันสีน้ำเงินเข้มดั่งห้วงมหาสมุทร ริมฝีปากแย้มยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ใบหน้าหล่อเหลานั้นล้อมกรอบด้วยทรงผมสีดำสนิท ชายผู้นี้ทำให้คาโลรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด

     "คาโล!"

     บาโรวิ่งเข้ามาหาลูกชายอย่างห่วงใย เมื่อมองผู้ที่ช่วยชีวิตโอรสของลูกชายเอาไว้ก็ถึงกับตกตะลึงเบิกเนตรก้าง

     "จะ เจ้า!"

     "ถวายความเคารพ.....เสด็จอาบาโร"

     "จะ เจ้าคือ....."

     "ถูกแล้ว หม่อมฉันเอง....มิคาแอล โรฮานด์"

      คาโลมองชายปริศนากับผู้เป็นบิดาสลับไปมาอย่างแปลกใจและสงสัย.....

      ...................

      "เจ้าหายไปไหนมาเสียนาน?"

      "ตั้งแต่พ่อของหม่อมฉันถูกขับไล่เพราะวางแผนล้มล้างพระองค์ หม่อมฉันกับท่านแม่ก็มิอาจอยู่ในวังได้ จึงหนีไปยังสโนว์แลนด์ อาศัยบารมีของเสด็จอา 'คาโรเรน่า' เป็นที่พึ่งพิงมาตลอด จนกระทั่งหม่อมฉันเลือกที่จะกลับมาอีกครั้ง"

      "เจ้าคงลำบากมากทีเดียว"

     "เล็กน้อยพ่ะย่ะค่ะ"

     ขณะนี้ทั้งหมดนั่งจิบน้ำชาอยู่ ณ ริมระเบียงของห้องโถง ข้างระเบียงคือสวยสวยงามตาแห่งปราสาทคาโนวาล

     คาโลนั่งฟังทั้งสองพูดคุยกัน เขาไม่เอ่ยอะไรเลย นอกจากจิบน้ำชาไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งชายหนุ่มผู้มาใหม่เอ่ยกับเขา

     "คาโลสินะ"

     ใบหน้างามเงยขึนสบตากับนัยน์เนตรสีน้ำเงินเข้ม "ใช่" ร่างบางตอบเรียบ ๆ ปนโศกเช่นเคย

     "หึ โตขึ้นเยอะเลยนิ ยิ่งโตยิ่งเหมือนเสด็จอาคาโรเรน่านะเราน่ะ"ถ้อยคำเหมือนหยอกเย้าขี้เล่น แตดวงตากับแฝงอะไรบางอย่าง คาโลรู้สึกแปลก ๆ เมื่อรัยร้ถึงดวงตาสีน้เงิน เขาเพียงเงียบต่อไป

     "คาโล นี่คือ มิคาแอล โรฮานด์ เป็นลูกพี่ลูกน้องของเจ้า แต่ก่อนพวกเจ้าก็รู้จักกันดี แต่น่าเสียดายที่มิคาแอลไปสโนว์แลนด์ตอนเจ้าอายุได้สองขวบปี ทำให้เคงลืมเขาไปแล้ว เขาเป็นพระญาตของเจ้าคนหนึ่ง"

    "ญาตห่าง ๆ น่ะ"มิคาแอลเสริม "แต่เราก็สนิทกันดี ข้าจำๆได้ว่าตอนเด็ก ๆ เจ้าน่ะตามข้าต้อย ๆ เชียวละ"

     คาโลเหมือนเริ่มจะได้บ้างแต่เลือนลางเหลือเกิน

     "ก็พอจะจำได้"บาโรเอ่ย "ตอนเด็ก ๆ คาโลชอบเจ้ามาก"

     "หึหึหึ พ่ะย่ะค่ะ ข้าจำได้ว่าเขาชอบมากเวลาข้าพาเขาไปแม่น้ำ"

     "อ๋อ ตอนนั้นน่ะเหรอ"

     "พ่ะย่ะค่ะ เขาละช่างซักช่างถามแท้ตอนเด็ก ๆ แต่ตอนนี้....ดูถ้าพูดน้อยลงมากเลยนะ"

     คาโลไม่ชอบสายตาแบบนั้นเอาเสียเลย มันแปลก ๆ จนไม่น่าไว้ใจ

     "อืม...เจ้าคงรู้ข่าวเมื่อหกปีก่อน"บาโรเอ่ยเรียบ ๆ

     "พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันทราบดีเลยทีเดียว เจ้าหญิงเฟลิโอน่าเสียชีวิตเพราะกลอบปลงพระชนม์ และจนบัดนี้ยังไม่อาจตามจับฆาตกรได้เลย เพราะมันไม่คิดจะทิ้งร่องรอยเอาไว้แม่แต่น้อย น่าสงสารเจ้าหญิงแท้ ๆ ยังสาวแท้ ๆ"

     คาโลกำถ้วยชาในมือแน่น ก้มหน้าลงมองน้ำชาบนตัก

     "เพราะแบบนี้สิ เจ้าถึงกลายเป็นคนอมทุกข์คาโล"

     ร่างบางไม่ตอบ

     "พูดน้อยจริง ๆ ด้วยแหะ"มิคาแอลเอ่ยอย่างหน่าย ๆ

     "เจ้าก็เลิกพูดแบนั้นเสียที"บาโรดุน้อย ๆ "เอาละ ไหน ๆ เจ้าก็มาแล้ว จะเข้าประชุมกับพวกข้าด้วยมั๊ยละ จะได้ประกาศการกลับมาของเจ้า"

     มิคาแอลยักไหล่ "พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันก็อยากเห็นใบหน้าของเหล่าขุนนางที่ตกใจเมื่อเห็นข้า"

     บาโรมองหลานชายอย่างพินิจ ก่อนจะเอ่ย "หวัง่าเจ้าคงไม่มีแผนอะไรในใจ"

     มิคาแอลโคลงหัว "แผนหรือ?"

     "เจ้าคงไม่มีความแค้นอะไรใช่มั๊ย"

    "อ๋อ! หึหึหึ หม่อมฉันน่ะหรือ ไม่มีแน่พ่ะย่ะค่ะ! หม่อมฉันรู้ดีว่าอะไรถูกไม่ถูก"

     "เช่นนั้นก็ดีแล้ว ข้ายังรู้สึกมาจนทุกวันนี้ที่สั่งประหารพ่อของเจ้า"

     "พ่ะย่ะค่ะ"

     "งั้นเราก็ไปกันเถอะ"

     บาโรยืนขึ้นก่อนจะเดินไปนำไปก่อน คาโลวางถ้วยชาลงก่อนจะรีบเดินตามไปบ้างแต่แล้วก็ถูกมือใญ่ของมิคาแอลรั้งข้อมือเอาไว้

     "อะไรกัน ไม่คิดจะทักพี่ชายสักหน่อยเหรอไง"

     คาโลมองรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเอ่ย

     "ข้า...จำท่านไม่ได้"

     "จริงหรือ...แต่ข้าว่าเจ้าจำข้าได้แม่นเลยหล่ะ โดยเฉพาะเหตุการณ์ครั้งนั้น....เจ้าน่าจะจำได้ดีนะ"

     "ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น"

     "จริงหรือ"มิคาแอลก้มลงกระซิบข้างหูคาโลว่า "แน่ใจนะ ว่าเจ้าจำคืนนั้นไม่ได้....คืนที่เจ้าเห็นมือข้าเปื้อนเลือด"

     คาโลเบิกตาโต คำพูดนั้นเมหือนกระตุ้นบางอย่างในหัว และทันใดนั้นภาพต่าง ๆ ก็กระจ่างชัด...คืนพระจันทร์เต็มดวงสีเงินยวง...เลือดสีแดงฉานไหลนองพื้น...ร่างของทหารมากมายล้มลงกองกับพื้น...ดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่แสงดออกถึงความโกรธแค้น....

     "พอจะจำได้แล้วสินะ"มิคาแอลยิ้มเจ้าเล่ห์

     คาโลเบิกตาโต มองชายตรงหน้าอย่างหวาดหวั่น ก่อนจะร้องเมื่อมือแกร่งบีบข้อมือของเขาแน่นขึ้น

     "หึ คาโล วาเนบลี นับจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จงโทษโชคชะตาและความผิดของายเลือดเจ้า"

     มือแกร่งปล่อยข้อมือของร่างบาง คาโลกุมข้อมือก่อนจะมองร่างสูงอย่างโกรธเคืองและรีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีน้ำเงินจ้องมองตามร่างบางไป ก่อนจะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
    
     "หึหึหึ...."

     ....................

     "ข้าจะสละราชบัลลังก์"

     เอ๋!!

     "ข้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว เรื่องการบ้านการเมืองก็ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนรุ่นใหม่เสียที"

     "ท่านพ่อ...."

     คาโลเอ่ยเสียงแผ่วอย่างตกใจ มิคาแอลลอบมองก่อนจะยิ้มอย่างมีนัย

     "จงประกาศเรื่องนี้ออกไปให้ประชาชนรับรู้ แจงรีบจัดงานเลือกษัตริย์องค์ใหม่ให้เร็วที่สุด"

     "ตะ แต่พระองค์!"

     "ทำตามที่ข้าบอกซะ....ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าต้องเข้าใจ ข้าอยากให้บั่นปลายชีวิตอย่างสงบ และทำตามใจตัวเองเสียบ้าง"

     "พะย่ะค่ะ!!"

     เมื่อห้องประชุมว่างเปล่า เหลือแค่เพียงกษัตริย์บาโร คาโลและมิคาแอลเท่านั้น

     "ท่านพ่อตัดสินใจเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ"

     "ตอนแรกข้าจะสละราชสมบัติ ตั้งแต่เจ้าตัดสินใจจะแต่งงานกับเฟริน แต่เพราะเกิดเหตุการณ์แบบนั้น ข้าจึงเลือกจะดูแลเจ้าต่อไป แต่ตอนนี้....คาโลเอ๊ย หกปีผ่านมาแล้ว ข้าคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่เจ้าต้องเติบโต....ข้าอยากให้เจ้าครองราชย์ต่อจากข้า"

     "แต่กระนั้นก็ยังมีคนอีกมากมายที่เข้าร่วมการต่อสู่เพื่อราชบัลลังก์"มิคาแอลเสริม

     "ข้าเชื่อว่าคาโลต้องทำได้....ถึงทำไมไม่ได้ ข้าก็รู้ว่าเจ้าต้องได้ มิคาแอล"

     "เอ๊ะ!?"คาโลมองมิคาแอลอย่างตกใจ

     "แหม เสด็จอารู้ความคิดข้าจนได้"มิคาแอลเอ่ย

     "ข้ารู้ว่าเจ้ากับมาเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนเห็นใม๊ยว่าเจ้าแตกต่างจากพ่อของเจ้ามากเพียงไร"

     มิคาแอลยิ้ม.... "พ่ะย่ะค่ะ"

     "งั้นก็ดี ข้าหวังว่าพวกเจ้าคนใดคนหนึ่งจะได้สืบราชย์ต่อจากข้า"

     "ท่านพ่อ...."คาโลเอ่ยเสียงแผ่ว

     บาโรยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องประชุม คาโลเดินตามไป ทิ้งมิคาแอลให้อยู่ในห้องต่อไป

     ชายหนุ่มร่างสูงยิ้มอย่างมีนัย ก่อนจะเดินออกไปจากห้องมองร่างบางที่เดินตามองค์กษัตริย์อยู่ไกล ๆ ดวงตาสีนำเงินสะท้อนภาพของคาโลเด่นชัด มือใหญ่ล้วงเอาสร้อยคอสีเงินออกมา มันเป็นล็อกเก็ตเงินแท้รูปวงรี เมื่อเขาเปิดออก ในล็อกเก็ตมีภาพของชายหญิงวัยกลางคู่หนึ่งกำลังส่งยิ้มมาให้อย่างใจดี ข้าง ๆ เป็นรูปของเด็กสาววัยรุ่นและเด็กชายสองคนกำลังส่งยิ้มมาให้

     "พ่อ..แม่..พี่ครับ...."ร่างสูงเอ่ย ก่อนจะมองเด็กผู้ชายอีกคนในรูปที่ใบหน้าเหมือนร่างบางที่เพิ่งเดินจากไป "ผมจะแกแค้นให้เอง...ให้สายเลือดวาเนบลีทุกคนต้องทนทุกข์เหมือนกันที่พวกเราต้องเจอ!!"

ตามธรรมเนียมอันเก่าแก่ ผู้ใดที่จะขึ้นเป็นกษัตริย์จำต้องทำการประลองเพื่อพิสูจน์ว่าตนคู่ควรกับบัลลังก์แห่งนักรบหรือไม่ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดจักได้บัลลังก์ไปครอง

     เวทีการประลองถูกจัดขึ้นตามพระราชดำรัสของกษัตริย์บาโร การสลัราชสมบัติของพระองค์ในครั้งนี้เป็นที่น่าเสียดายและน่าเสียใจแก่ประชาชนทั่วหน้า แต่กระนั้นก็ต่างคาดหวังว่าจะมีคนที่คู่ควรกับบัลลังก์สืบต่อไป

     ร่างเพรียวบางของคาโลยืนมองคนงานมากมายที่กำลังสร้างลานประลองชิงราชบัลลังก์ ดวงตาสีฟ้าหม่นเศร้าดูกังวล คาโลถอนหายใจก่อนจะเดินออกมาจากความวุ่นวายของการก่อสร้าง

     ตอนแรก เขาจะไปหาท่านพ่อ แต่เปลี่ยนใจกลับเข้าไปในห้องสมุดเสียแทน

     โดยปกติ ห้องสมุดมักจะมีพวกนักปราชญ์ และเหล่าราชครูมากมายมานั่งค้นหาข้อมูลต่าง ๆ แต่วันนี้มีประชุมด่วน ทำให้ไม่มีใครอยู่เลย ซึ่งคาโลคิดว่าดีแล้ว เพราะตอนนี้เขาอยากได้ความสงบที่สุด

     ร่างเพรียวนั่งลงด้านหลังสุดของห้องสมุด หลบลี้อยู่เบื้องหลังชั้นหนังสือสูงในหมวดการปกครอง ร่างบางเลือกหนังสือมาอ่านก่อนจะนั่งอ่านต่อไปอย่างสงบ แต่ว่า

     "จ๊ะเอ๋!!"

     "อ๊ะ!!"

     ผัวะ!!

     "โอ๊ย!"

     คาโลเบิกตาโตมองร่างสูงของมิคาแอลที่ลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้น ร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวด มือใหญ่กุมจมูกเอาไว้ คาโลยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจก่อนจะมองหนังสือในมือและมองกลับไปที่ร่างสูงอีก เขารีบวางหนังสือลงทันที

     "โอย...มือหนักชะมัด...โอย..."

     คาโลรีบปราดเข้าไปช่วยทันที

     "ข้าขอโทษ ข้าไม่นึกว่าท่านะจเล่นแบบนี้ ข้าขอโทษ"

     ร่างเพรียวช่วยร่างสูงให้ยืนขึ้นอย่างช้า ๆ มิคาแอลส่ายหน้าบอกเหมือนไม่เป็นไร ก่อนจะพึมพำบางอย่าง มือใหญ่ส่งแสงสีนวลอ่อนโยนและอังไว้เหนือจมูก ไม่นานร่างสูงก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

     "เฮ้อ...เกือบเสียหล่อแล้วมั๊ยละ"ร่างสูงว่า

     "ข้าขอโทษ"คาโลเอ่ยย้ำอีกรอบ

     "เออ ช่างเถอะ"มิคาแอลโบกมืออย่างไม่ถือสา "ข้าเองก็เล่นแผลง ๆ ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าต้องเจอแบบนี้....ไม่เปลี่ยนเลยนะเราน่ะ"ร่างสูงยิ้มมีนัย

     คาโลเลือกที่จะหลบสายตาสีน้ำเงินที่มีแววบางอย่างที่เขาไม่อยากมอง คาโลเอ่ยขอตัวเบา ๆ ก่อนจะหยิบหนังสือเตรียมจะเดินออกไป แต่ร่างสูงกลับเดินเข้ามาประชิดด้านหลังโน้มตัวกระซิบข้างหู

     "เดี๋ยวสิ"

     "อ๊ะ!"คาโลหันกลับไปหาร่างสูงทันที ก่อนจะปะทะเข้ากับแผ่นอกกว้าง ร่างบางรีบดันร่างสูงออกห่าง "ท่านจะทำอะไรน่ะ!!"

     มือใหญ่คว้าข้อมือเล็กกว่าเอาไว้แน่น ก่อนจะดันร่างเพรียวบางยึดติดกับกำแพงแน่น คาโลเบิกตาโตอย่างตกใจ

     "ข้ามีข้อเสนอ"

     ร่างบางมองร่างสูง ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่ค่อยพอใจนัก "ถ้าเช่นนั้น...ก็ปล่อยข้า"

     "คงจะไม่ได้ เพราะถ้าปล่อยเจ้าตอนนี้ เจ้าต้องหนีข้าไปแน่ ดังนั้น จงฟังให้ดี"

     คาโลนิ่งฟัง

     "จงยอมแพ้ในการแข่งชิงราชบัลลังก์ซะ"

     ร่างบางเบิกตาโต ก่อนจะมองร่างสูงเขม็ง "นั่นมัน..."

     "ไม่เช่นนั้น ข้าจะฆ่าพ่อของเจ้าซะ"

     "!!"

     "แล้วจะตามด้วยการฆ่าล้างตระกูล วาเนบลีทุกคน!"

     ร่างเพรียวบางกำมือแน่น จ้องร่างสูงเขม็ง เอ่ยเสียงเรียบแต่เย็นเยือก "ท่านพูดอะไรออกมารู้มั๊ย"

     "รู้สิ"มิคาแอลยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ "รู้ดีเสียด้วย"

     "รู้ทั้งรู้...สามหาวนัก"

     "ปากดีไปเถอะคาโล หากเจ้ายังปากดีอีก ข้าจะปิดปากนุ่ม ๆ ของเจ้าด้วยปากข้านี่แหละ"

     ร่างบางกัดฟันกรอด พยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ แต่ช่างยากลำบาก

     "จงคิดเอาสิ เจ้าแค่ถูกขับไล่ แต่ทุกคนปลอดภัย หรือเจ้าจะขึ้นครองราชย์แต่ทุกคนต้องตาย"

     "ท่านคิดว่าข้าโง่หรือไง"คาโลเอ่ย "ต่อให้ข้าทำตามข้อตกลง ท่านก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าจะไม่ฆ่าพ่อของข้า"

     "อืม...ก็เคยคิดนะ"มิคาแอลหัวเราะในลำคอเล็กน้อย

     "ท่านจะทำไปเพื่ออะไร"

     "ก็แก้แค้นยังไงละ"

     "แกแค้น?...ไหนท่านบอกกับพ่อของข้าว่า...."

     "พูดน่ะพูดได้"

     คาโลหรี่ตามองร่างสูงอย่างไม่ไว้ใจ "ท่านโกหกพ่อข้า..."

     "ใช่...เจ้าคิดหรือว่าข้าจะอภัยให้ 'ฆาตกร' ได้ง่าย ๆ"

     "พ่อของข้าไม่ใช่ฆาตกร!"คาโลเอ่ยอย่างไม่พอใจ

     "ใช่สิ! พ่อเจ้าน่ะมันฆาตกร พวกเจ้า...พวกที่มีสายเลือดวาเนบลีทุกคน พวกเจ้ามันฆาตกร!...ทำลายครอบครัวของข้า"

     "ท่านพูดอะไรของท่าน!?"

     "เจ้าคงไม่รู้สินะ งั้นข้าจะบอกให้ก็ได้"มิคาแอลบีบข้อมือเล็กให้แน่นขึ้นจนคาโลต้องร้องเบา ๆ อย่างเจ็บปวด "พ่อของเจ้าฆ่าพ่อข้าอย่างไม่ยุติธรรม...พวกเจ้าฆ่าพ่อข้า ทั้ง ๆ ที่พ่อข้าภักดีต่อพวกเจ้าขนาดไหน! แต่พวกเจ้ากลับหักหลังพ่อข้า ทำลายครอบครัวข้า...ทำให้ข้า แม่และพี่ของข้าต้องหลบหนีถูกตราเป็นกบฎชั่วทรยศแผ่นดิน!! ทั้ง ๆ ที่พวกข้ารักคาโนวาลยิ่งชีพ!!" น้ำเสียงเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ เพราะอารมณ์ ดวงตาสีน้ำเงินดุดันจนน่ากลัวอย่างประหลาด คาโลร้องอีกหนเมื่อมือแกร่งบีบข้อมือเขาแน่นขึ้นอีก

     "ข้า แม่และพี่สาวต้องหนีหัวซุกหัวซุน!! ต้องเร่ร่อนเป็นพวกข้างถนน! พี่สาวข้าถูกจับไปขายเป็นโสเภณี! ใช่....โสเภณีเชียวนะ พี่ของข้า...เจ้าจำได้มั๊ยคาโล...มิเคร่า...จำได้หรือเปล่า"

     คาโลไม่เข้าใจ แต่เมื่อได้ยินชื่ออันคุ้นหู ภาพในความทรงจำก็ไหลย้อนเข้ามาในหัว...หญิงสาวท่าทางใจดี รอยยิ้มที่อ่อนโยน มือเรียวที่ลูบหัวเขาอย่างเอ็นดูรักใคร่ น้ำเสียงหวานที่ร้องเรียกเขาอย่างนุ่มนวล....มิเคร่า....

    "มิ...มิเคร่า..."

    "ใช่แล้ว...จำได้หรือยัง...มิเคร่า...พี่สาวของข้า ทั้งๆที่นางรักเจ้าเหมือนน้องชายคนหนึ่ง แต่ทำไม...ทำไม!! ทำไมพวกเจ้าถึงตอบแทนความรักของพี่สาวข้าด้วยการทำลายเกียรติและชื่อเสียงของนาง!!"

     "ข้าไม่รู้!"คาโลร้อง พยายามสะบัดข้อมือของตนออกจากมือใหญ่ของร่างสูง "ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น! นั่นมันอดีต มันผ่านไปแล้วนะ!!"

     "แล้วมันผ่านเลยไปหรือไง!! เจ้าคิดว่าความเจ็บปวดที่พวกเจ้าทิ้งไว้ให้พวกข้ามันหายไปหรือไง!!"

     "แต่ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น!!"

     "แต่สายเลือดเจ้าเป็นคนทำ!! ตระกูลเจ้าเป็นคนทำลายครอบครัวข้า พ่อข้าถูกประหารตราหน้าว่าเป็นกบฎ! พี่สาวข้าถูกขายเป็นโสเภณี เกียรติถูกทำลาย นางมิอาจทนความอับอายจึงฆ่าตัวตาย!! แม่ข้าก็ตรอมใจตาย!! นี่น่ะเหรอที่เจ้าบอกว่ามันผ่านไปแล้ว! ความเจ็บปวดที่ข้าได้รับมันผ่านไปพร้อมกับกาลเวลาหรือยังไง!!"

     "ข้าไม่รู้ ข้าไม่รู้!!"คาโลร้อง

     "เจ้าต้องรู้!! เพราะพวกเจ้า! มันเป็นเพราะพวกเจ้า!!"

     "มันเป็นการเข้าใจผิด!!"

     "อย่ามาแก้ตัว!!"มิคาแอลที่ตอนนี้อารมณ์ร้อนเพราะความโมโห โกรธา จับคาโลกดลงบนม้านั่งยาว ร่างบางเบิกตาโต ก่อนจะรีบดิ้นรนหนีอย่างรวดเร็ว

     "ไม่! ท่านจะทำอะไรน่ะ!? ปล่อยข้านะ! โอ๊ย! ข้าเจ็บ..."คาโลเอ่ยอย่างเจ็บปวดเมื่อร่างสูงกดข้อมือของเขาลงกับพื้นไม้เก้าอี้นั่งยาว

     "เจ็บเหรอ...พี่สาวข้าเจ็บกว่านี้อีกรู้มั๊ย...แม่ข้าเจ็บปวดยิ่งกว่านี้...ความเจ็บปดวของข้า ก็ยิ่งกว่าที่เจ้ารู้สึกตอนนี้เสียอีก..."ร่างสูงเอ่ยเสียงเย็น

     "ปล่อยข้า!"

     "ข้าจะไม่ปล่อยพวกเจ้าให้มีความสุขแน่นอนคาโล วาเนบลี!...เจ้ามันก็เหมือนพ่อของเจ้า...ยโส โอหัง เห็นแก่ตัว...."

     เพี๊ยะ!

     ใบหน้าของร่างสูงหันไปตามแรงกระแทกจากฝ่ามือของร่างบาง เมื่หันกลับมาก็พบดวงตาสีฟ้าที่จ้องมองเขาอย่างรังเกียจและโกรธแค้น

     "อย่าเอ่ยถึงท่านพ่อแบบนั้น!"

     "ทำไมละ"มิคาแอลยิ้มเจ้าเล่ห์และชั่วร้าย "รับไม่ได้เหรอไง...ความจริงของพ่อเจ้า..."

     "ไม่ใช่!"คาโลง้างมือจะซ้ำอีกครั้ง แต่ร่างสูงจับข้อมือบางกดลงอีกครั้ง ก่อนจะก้มลงช่วงชิงความหอมหวานล้ำจากโพรงปากนุ่มอย่างรวดเร็ว

     ร่างบางเบิกตาโต พยายามขัดขืนหนีร่างสูง เมื่อลิ้นร้อนถูกสอดใส่เข้ามา คาโลก็ย่มหวาดหวั่นเพราะความไม่เคย ใช้ลิ้นดันกลับก็เหมือนกลายเป็นยิ่งกระตุ้นยั่วยุ

     "อือ...อืม...ไม่...อือ...หยุด..."

     ร่างสูงลากลิ้นร้อนมาที่ลำคอระหงสีขาวหิมะ คาโลกลั้นเสียงครางอย่างสุดความสามารถ ร่างสูงสร้างรอยรักไปหลายจุด ก่อนจะกลับขึ้นไปมอบจุมพิตเร่าร้อนอีกครั้ง คาโลรู้สึกขอบตาร้อนผ่าว มือเรียวถูกรวบและพันธนาการด้วยมือใหญ่เพียงมือเดียว มือใหญ่อีกข้างที่ว่างเริ่มล้วงเข้าไปใต้สาบเสื้อสีดำของร่างบาง คาโลสะดุ้งเมื่อนิ้วกร้านนั้นลูบไล้ที่หน้าท้อง เรื่อยขึ้นไปถึงยอดอกของเขา เขาไม่เคยรู้สึกหวาดกลัวแบบนี้มาก่อน น้ำใสไหลอาบขอบแก้มสีขาว ตัวสั่นด้วยความกลัว

      มอคาแอลหยุดการกระทำ ก่อนจะมองร่างบางข้างใต้ที่ตัวสั่นกลั้นสะอื้น น้ำตาไหลเงียบ ๆ เมื่อสบกับดวงตาสีฟ้าไหววูบหม่นเศร้าที่แฝงด้วยความโกรธแค้นเขาก็รู้สึกถึงบางอย่าง แต่มันยังไม่กระจ่างชัดเจนจนน่าสนใจ เขากลับยิ้มอย่างพอใจและเจ้าเล่ห์ เลียริมฝีปากอย่างพออกพอใจอย่างมาก ก่อนจะปล่อยร่างบาง ลุกขึ้นยืนและเอ่ยเป็นครั้งสุดท้าย

     "เลือกเอานะคาโล....จงยอมแพ้ซะ เพื่อที่พ่อของเจ้าจะได้ไม่ต้องมาตายไปเพราะความเย่อหยิ่งในศักดิ์ศรีโง่ ๆ ของเจ้า...ข้าเองก็มีสัจจะพอ...ไม่เช่นนั้นพ่อของเจ้าจะต้องตาย!"

     ว่าแล้วก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ร่างบางยังคงนอนนิ่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ยาว

     คาโลกำมือแน่น ก่อนจะยกมือขึ้นปิดหน้า ตัวสั่นสะท้านกลั้นเสียงสะอื้นไห้อย่างปวดร้าว.....

วันแห่งการชิงราชบัลลังก์มาถึงอย่างรวดเร็ว คาโลมองไปยังผู้เป็นพระราชบิดาซึ่งประทับอยู่บนแท่นประรำพิธี ดวงตาสีฟ้าหม่นเศร้าแสดงถึงความกังวลอย่างชัดเจน ย้อนนึกไปถึงเรื่องที่คุยกับผู้เป็นพ่อเมื่อคืน

     'ท่านพ่อ....หากลูกแพ้ ท่านพ่อจะโกรธลูกมั๊ย'

     'โกรธหรือ....ไม่หรอก...เพราะจริง ๆ แล้ว ข้าเองก็ไม่อยากให้เจ้าร่วมการต่อสู้นี่เท่าใดหรอกนะ'

     'ท่านพ่อ?'

     'มันทั้งอันตรายจนข้าอห่วงเจ้าไม่ได้จริง ๆ อีกทั้งหากเจ้าชนะ เจ้าก็ต้องวนเวียนอยู่ในความวุ่นวาย แบกรับสิ่งสาหัสมากมาย ตกอยู่ในวงล้อมของฝูงหมาป่า ต้องระแวดระวังพวกที่คอยตลบหลังตลอดเวลา ยามตื่นก็ต้องคิดแต่ปัญหา ยามรับก็ต้องคิดแต่การแก้ปัญหา...มันเป็นภาระที่ไม่เหมาะกับเจ้าเอาเสียเลยคาโล'

     'ท่านพ่อ....'

     'แต่หากเจ้าเลือกจะเดินบนหนทางนี้ก็จงทำให้เต็มที่เถิด'

     'แล้วหาก...มิคาแอลได้ขึ้นเป็นกษัตริย์เล่า'

     'อืม...ข้าก็ไม่รู้ แต่เขาฉลาดตั้งแต่เด็ก ชำนาญการรบไม่น้อยเลยทีเดียว ดูจากการที่เขามักไปซ้อมกับพวกทหารบ่อย ๆ เขาก็เหมาะสมกับบัลลังก์ดี แต่ข้าก็ยังอดกังวลไม่ได้....แม้เขาจะให้อภัยเรื่องที่ข้าได้ทำลงไปก็เถอะ'

     'ท่านพ่อประหารบิดาของมิคาแอลด้วยข้อหากบฎจริง ๆ หรือ'

     'จริง...ข้าเองก็ไม่อยากเชื่อ...แต่หลักฐานมันมัดตัวเขาแน่น ข้าจึงจำต้องประหารเขา'

     'ท่านพ่อ ลูกอยาจะบอกอะไรท่านบางอย่าง'

     'อะไรหรือ?'

     '....ข้า....ข้าอยากจะแบกรับแทนท่านพ่อ....ทุกเรื่อง....'

     '.....ขอบใจมาก คาโล'

    
ใช่...เขาอยากจะแบกรับแทนท่านพ่อทุกเรื่อง...ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม.....

     มือเรียวคำคทาพิพากษาแน่น ก่อนจะก้าวขึ้นสู่เวทีการประลองอย่างสง่าผ่าเผยสมสายเลือดสีน้ำเงิน

     ..........

     "รู้สึกว่าเขาจะไม่รับข้อเสนอของเจ้านะมิคาแอลเพื่อนยาก"

     ชายหนุ่มผมสีแดงเพลิง ใบหน้าคมเข้ม เอ่ยพร้อมรอยยิ้มขบขัน ดวงตาดำสนิทตัดกับสีผมไหวระริกอย่างชอบใจเมื่อเห็นร่างเพรียวบนเวทีจัดการคู่ต่อสู้ด้วยอาคมที่ทรงพลัง

     "ยังหรอก...ยังไม่แน่"มิคาแอลเอ่ยเรียบ ๆ

     "มั่นใจจริง....แต่ข้าว่าถ้าเจ้าสู้กับเขาจริง ๆ เจ้าต้องแพ้แน่ ๆ "

     ดวงตาคมคายสีน้ำเงินหับมามองเพื่อนสนิทอย่างไม่เข้าใจ

     "ก็เขาออกจะเก่งเวทย์มนต์ซะขนาดนี้ แถมเด่นทางเวทย์น้ำแข็งเป็นพิเศษ แบบนี้เจ้าแพ้เห็น ๆ กลายเป็นปะติมากรรมน้ำแข็งก่อนจะลงดาบที่คอขาว ๆ นั่นเสียอีก"

     "ใครว่าข้าเก่งแค่คมดาบอย่างเดียวเล่า อย่าลืมสิ 'โยเซฟ' ข้าเองก็เป็นศิษย์ภูติแห่งสโนว์แลนด์เหมือนกัน"

     "อ๊ะ! ใช่สินะ เจ้ามันถนัดใช้ธาตุไฟนิ"

     "หึหึหึหึ"

     ..........

     ร่างเพรียวพิงตัวกับกำแพงอย่างอ่อนล้า หอบหายใจหนัก เนื้อตัวมีบาดแผลเล็กน้อยจากการพลาดท่าในการต่อสู้

     "ตกลงเจ้าจะรับข้อเสนอหรือไม่"

     คาโลหันไปตามเสียง พบร่างสูงของสิคาแอลเดินเข้ามาใกล้ คาโลรีบยืนตัวตรง กำคทาในมือแน่น มองร่างสูงอย่างระแวดระวัง แต่มิคาแอลก็ไม่ได้เดินมาใกล้กว่านี้

     "ว่าไงละ?"

     ".....คำตอบ...จะได้บนเวที....."

     "โอ้! เอาอย่างนั้นก็ได้"

     มิคาแอลยิ้มกริ่ม ก่อนจะเดินออกไปยังเวทีพร้อมกับไม้พลองสีดำสนิทที่ดูไร้พิษสงในมือ

     ..........

     ดวงตาสีฟ้าจับจ้องคู่ต่อสู้ตรงหน้า ซึ่งส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ไม่น่าไว้ใจมาให้ตามเคย คาโลกำคทาในมือแน่น ก่อนจะเงยหน้ามองผู้เป็นพระราชบิดา ยิ้มน้อย ๆ จนบาโรสงสัยในรอยยิ้มที่แฝงความหายนั้น คาโลหันกลับมาสนใจคู่ต่อสู้ตรงหน้า และเตรียมพร้อม

     มิคาแอลควงไม้พลองในมืออย่างช่ำชองก่อนจะชี้ไปที่คาโลที่เตรียมพร้อมจะร่ายเวทย์

     "ขอข้าดูความสามารถด้านเวทย์ของเจ้าหน่อยสิคาโล...จะเก่งจริงอย่างที่เขาว่ากันหรือเปล่า"

     "......"ร่างบางไม่เอ่ยคำใด ๆ

     แล้วเมื่อเสียงระฆังดังขึ้น ร่างสูงก็พุ่งเข้าหาร่างบางด้วยความเร็วที่แม้แค่นักฆ่ายังทึ่ง คาโลยกตัวคทาขึ้นป้องกันด้ามไม้พลองที่ฟาดลงมาหมายจะตีให้ถูกที่หัวไหล่ ร่างบางกัดฟันก่อนจะปัดการโจมตีนั้นออก และเขาก็กระแทกคทาลงกับพื้นและสำแดงฤทธิ์พ่อมดปีศาจในทันที

     "วิสกาย่า!!"

     สายลมเย็นยะเยือกพัดมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเกล็ดหิมะ ร่างของหมาป่าหิมะปรากฎขึ้นเป็นฝูงใหญ่ และทันทีทันใด มันก็เข้าโจมตีร่างสูงที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงหมาป่าน้ำแข็งกระหายเลือด

     ร่างสูงยิ้มอย่างไม่เดือดร้อน ก่อนจะเข้าโจมตีหมาป่าน้ำแข็งด้วยไม่พลองอย่างรวดเร็ว คาโลมองร่างสูงที่ทำลายหมาป่าน้ำแข็งด้วยพละกำลังอันน่าเหลือเชื่อ ร่างบางเห็นท่าไม่ดี จึงรีบร่ายมนต์บทต่อไป ปรากฎวงแหวนเวทย์ใต้ฝ่าเท้าสีฟ้า

     "จงกระหายดั่งพายุหิมะ จงฟาดฟันด้วยกรงเล็กแห่งหมาป่า ความเยือกเย็นจักเป็นกายของเจ้า....แวร์วูฟล์!!"

     ร่างสูงมองไปยังร่างบาง วงแหวนเวทย์ส่งแสงเรืองรอง ก่อนลำแสงจะพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า รวมตัวกันกลายเป็นร่างของมนุษย์หมาป่าร่างใหญ่

     "จงพิฆาตไพรีตรงหน้าเจ้า!!"คาโลสั่งเสียงก้อง

     "นี่เป็นคำตอบของเจ้าสินะ"ร่างสูงเอ่ยยิ้มกริ่ม ก่อนจะควงไม้พลองในมือ และกระแทกมันลงกับพื้น ปรากฎแสงสีเทาหม่นมัวขึ้นใต้ฝ่าเท้าของร่างสูง

     "หากข้าเป็นนาย เจ้าจงเป็นบ่าว หากข้ากระหาย จงนำเลือดมาเพื่อข้า จงออกมา เลโอดาร์กเบิร์น!!"

     แล้วร่างของสิงห์ไฟก็ปรากฎกายขึ้นตรงหน้าร่างสูง มันมีร่างกายเป็นเพลิงทั้งกาย ตรงข้ามกับแวร์วูฟล์ที่ร่างกายเป็นขนสีขาวทั้งหมด มันแยกเขี้ยวยาวอย่างดุร้าย คาโลเบิกตาโตอย่างตกใจ มิคาแอลยิ้มอย่างพอใจ

     "ใช่ว่าเจ้าจะเก่งเวทย์คนเดียวคาโล"

     ผู้คนที่เฝ้ามองเบิกตาโตกับสัตว์ปีศาจเวทย์ของทั้งคู่ด้วยความตกตะลึง การต่อสู้ด้วยเวทย์มนต์ชั้นสูงกำลังบังเกิดขึ้น!

     "เป็นไปไม่ได้!"คาโลเอ่ยเสียงแผ่ว

     "อย่าเปิดช่องว่างมากไป!"

     สิงห์ไฟวิ่งพุ่งเข้าหาแวร์วูฟล์เป็นการเปิดฉากการต่อสู้ก่อน สัตว์ทั้งสองส่งเสียงคำรามลั่นจนผู้ชมขนลุกซู่ พวกมันเริ่มต่อสู้กันอย่างป่าเถื่อนโหดร้าย

     คาโลมองสัตว์ไฟอย่างไม่พอใจนัก เขาประมาทไปอย่างมาก เขาก็พอจะรับรู้ถึงไอเวทย์จากร่างสูงบ้างก็เถอะ แต่ดันโดนหลอกจากร่างสูงที่แกล้งปล่อยไอเวทย์มนต์ออกมาเพียงเล็กน้อยให้เขาหลงคิดไปว่าร่างสูงแค่พอใช้เวทย์พื้นฐานได้เท่านั้น

     "เจ้าคนเจ้าเล่ห์!"คาโลเอ่ยอย่างไม่พอใจนัก แต่เมื่อมองไปยังจุดที่ร่างสูงควรจะยืนอยู่ ไม่อาจมองเห็นร่างสูงได้อีกแล้ว....หายไปไหน!?

     "เชื่องช้าจริง ๆ ละนะ เจ้าน่ะ"เสียงกระซิบจากด้านหลังทำให้ร่างบางตกใจ แต่ก่อนจะหันไปมอง คมมีดสั้นก็จ่อเข้าที่ลำคอขาวเสียก่อน

     "อึก!"

     วงแขนใหญ่พันธนาการร่างบางจากด้านหลัง คาโลมองคมมีดอย่างโกรธแค้น มิคาแอลยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะกระซิบข้างหูร่างบาง

     "เจ้าเลือกที่จะปฏิเสธข้อเสนอของข้า ดังนั้นเจ้าก็จงดูให้ดี...ว่าพ่อของเจ้า ตายด้วยความโง่เขลาของเจ้า"

     ร่างของแวร์วูฟล์ที่โชกเลือดกระเด็นนอนหอบหายใจรวยระริน แล้วร่างสิงห์ไฟก็หันไปทางแท่นประรำพิธี แยกเขี้ยวอย่างดุร้าย ดวงตาสีเพลิงจับจ้องที่กษัตริย์บาโร คาโลกัดฟันกรอด ก่อนจะเอ่ยเสียก่อนที่ร่างสูงจะสั่งให้สิงห์ไฟทำบางสิ่งที่เขาจะไม่มีวันให้อภัยร่างสูงแน่นอนหากมันเกิดขึ้นจริง

     "ข้าไม่ได้ปฏิเสธ...."

     "หืม?"

     ข้อศอกกระแทกเข้าที่อกของร่างสูง มิคาแอลเผลอปล่อยคมมีดหลุดจากมือ คาโลหันไปและปล่อยหมัดใส่ร่างสูงก่อนจะหนีออกมาจากวงแขนใหญ่ มือกำคทาพิพากษาแน่น ก่อนจะร่ายมนต์ ชี้หัวคทาไปที่ร่างของสิงห์ไฟ

     "หนึ่งชีวิต หนึ่งวิญญาณ หนึ่งคู่อาฆาต ข้าอยากทำลายล้าง! โอ้ เทพธิดาผู้กุมชะตา ผู้ถือตราชั่งตัดสินบาปบุญ จงมอบอำนาจของท่าน เพื่อให้ข้าได้ตัดสิน!"ลูกแก้วที่หัวคทาเริ่มส่องแสงสีม่วงดำ "ให้ข้าพิพากษา พาศัตรูข้าไปสู่นรก!!"

     แล้วร่างของสตรีนางหนึ่งก็พุ่งออกมาจากตัวคทา ร่างนั้นแผ่ปีกสีดำม่วงออกกว้าง ก่อนจะพุ่งเข้าหาร่างของสิงห์ไฟและโอบล้อมร่างของสิงห์ไฟเอาไว้อย่างรวดเร็ว และเพลิงสีม่วงดำก็ลุกโชน เสียงคำรามลั่นของสิงห์ไฟดังขึ้นอย่างทรมาน และไม่นาน ร่างของสิงห์ไฟก็หายไปภายในวงล้อมแห่งไฟนรก ร่างของเทพธิดาแห่งความตายลอยกลับมายังคาโลก่อนจะกลับเข้าสู่ตัวคทาอีกครั้ง

     ร่างเพรียวบางหอบหายใจหนักก่อนจะทรุดลงกับพื้น แต่ก่อนจะได้พักหายใจหายคอ เชือกสีดำมากมายก็พุ่งเข้าหารัดร่างเพรียวบางอย่างรวดเร็ว ก่อนจะที่ร่างบางจะถูกยกขึ้นลอยอยู่กลางอากาศ คทาในมือเลื่อยหลุดลงพื้น คาโลมองร่างสูงที่ในมือถือไม้พลองสีดำที่เชื่อมโยงกับเชือกพวกนี้

     "ข้าจะฆ่าเจ้าเสียก่อน และค่อยฆ่าพ่อของเจ้า"ร่างสูงเอ่ยให้ได้ยินเพียงสองคน

     "ข้าบอกแล้วไง....ว่าข้าไม่ได้ปฏิเสธข้อสนอของเจ้า"คาโลเอ่ยเสียงอ่อนล้า

     "เจ้าหมายความว่า....."

     "หากหนึ่งชีวิตสามารถแลกได้กับอีกหลาย ๆ ชีวิต....ก็จงเอาไปเสียสิ....ข้าเลือกที่จะแบกรับ.....แทนพ่อของข้า"

     ร่างสูงกำมือแน่น มองร่างบางก่อนจะเหลือบมองกษัตริย์บารที่มองลูกชายอย่างห่วงใย เขากัดฟันกรอด ก่อนจะทำให้เชือกรัดกายร่างบางแน่นขึ้น

     "อ๊ะ!! อ๊ากกกกก!!"คาโลกรีดร้องลั่น อย่างเจ็บปวด

     "ก็ได้....ข้าเองก็มีสัจจะ...หากเจ้าเลือกที่จะชดใช้แทนแล้วละก็ ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าตายเร็วนักหรอก"

     กระแสไฟฟ้าพุ่งไปตามสายเชือกสีดำ ร่างบางกรีดร้องลั่น ก่อนจะสลบไป เชือกสีดำคลายออกจากร่างเพรียวบาง ร่างสูงเข้าไปรับร่างของคาโลที่ค่อย ๆ ลอยลงมาอย่างช้า ๆ แล้วเขาก็รับร่างบางไว้ในอ้อมแขน

     "กะ กะ .....กษัตริย์องค์ใหม่แห่งคาโนวาล!!"ผู้ประกาศเอ่ยเสียงดังลั่นไปทั้งอัฒจรรย์ ตอนแรกเป็นความเงียบ แต่แล้วเมื่อกษัตริย์บาโรยืนขึ้นปรบมือทุกคนก็ปรบมือบ้างและโห่ร้องอย่างยินดี

     ..........

     "อะไรนะ!!"บาโรเอ่ยเสียงดังอย่างตกใจ

     "เป็นไปมิได้พ่ะย่ะค่ะ!!"ขุนนางท่านหนึ่งร้อง

     "เป็นไปไม่ได้อะไร"มิคาแอลเอ่ยเรียบ ๆ

     "ตามกฎมนเฑียรบาลผู้พ่ายแพ้ย่อมต้องถูกปลดจากตำแหน่ง เป็นทาสรับใช้กษัตริย์ หรือไม่ก็ต้องออกไปจากคาโนวาล!"

     "แล้วไง?"มิคาแอลเอ่ยต่อไปอย่างไม่ใส่ใจ

     "แต่สิ่งที่พระองค์ทำนั่นคือผิด! เจ้าชายคาโลต้องถูกปลดจากตำแหน่ง ต้องสาบานเป็นทาสรับใช้ หรือไม่ก็ต้องออกไปจากแผ่นดินพร้อมกับกษัตริย์บาโร แต่พระองค์กลับต้องการให้เจ้าชายคาโลดำรงตำแหน่งเดิมและยังให้เป็นที่ปรึกษาคนสนิทอีก นั่นมันผิดน่ะพ่ะย่ะค่ะ!!"

     "ตรงไหนละ?"
   
     "พระองค์!!"

     "ข้าจะเปลี่ยนแปลง"มิคาแอลเอ่ย เรียกความเงียบได้จากห้องประชุมขนาดใหญ่ "ข้าจะเปลี่ยนแปลง เพราะไอ้กฎบ้า ๆ นี่แหละที่ทำให้ทางเราเสียคนมีฝีมือไปมากแล้ว คนเก่งๆต้องหายไป บ้างก็ต้องกลายเป็นทาสที่ถูกจำกัดความสามารถเพราะกษัตริย์ที่หวาดหวั่นกลัวว่าพวกนั้นจะเกิดกบฎขึ้นมา นั่นมันช่างน่ารำคาฐสำหรับข้า"มิคาแอลยืนขึ้นจากเก้าอี้กษัตริย์ มองเหล่าขุนนางทุกคนด้วยสายตาที่ลึกล้ำจนน่าหวาดกลัว "เจ้าชายคาโลเป็นบุคคลที่มีความสามารถ อีกทั้งเก่งกาจการเวทย์ยิ่งกว่าผู้ใด การเสียเขาไปเป็นการกระทำที่โง่เขลาอย่างมาก"

     "แต่พระองค์!"

     "ยังไงเสียเขาก็ต้องอยู่ภายใต้อำนาจของข้าอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก"มิคาแอลขัด "เขาจะต้องอยู่ใต้อาณัติของข้าอย่างจงรักภักดีเหมือนพวกเจ้าทุกคนแน่ แต่ข้าจะเป็นคนรับผิดชอบและจัดการกับเขาเอง พวกเจ้าคิดว่ายังไง"

     คำถามที่เรียบง่าย แต่ไม่มีใครกล้าคัดค้าน อาจเพราะแววตาสีน้ำเงินก็เป็นได้ มิคาแอลยักไหล่ก่อนจะเอ่ยเป็นครั้งสุดท้าย

     "งั้นข้าขอใช้สิทธิ์ให้การเป็นกษัตริย์นับตั้งแต่นี้ จงทำตามที่ข้าบอกไปแล้ว ให้คาโลเป็นเจ้าชายดั่งเดิม และดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาฝ่ายขวาให้กับคาโลซะ เขาจะอยู่ใต้อำนาจของข้าแต่เพียงผู้เดียว ไม่มีใครมีสิทธิ์เหนือเขานอกจากข้า"

     ..........

     ที่นี่ที่ไหน?

     คาโลมองไปรอบ ๆ กาย เขากำลังยืนอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์ บนระเบียงของวังแห่งคาโนวาล

     อะไรกัน?

     "อ๊ากกกกกก!"

     เสียงกรีดร้องดังขึ้น คาโลสะดุ้งก่อนจะวิ่งไปตามทาง มุ่งไปยังต้นเสียง ผ่านหน้าต่างบานใสที่เปิดม่านให้แสงจันทร์ลอดผ่านเข้ามา เงาของร่างบางวูบไหวไปตามร่างของคาโลที่วิ่งไปอย่างรวดเร็ว

     คาโลมุ่งตรงไปยังประตูระเบียงก่อนจะผลักประตูเปิดออก ดวงตาสีฟ้าเบิกกว้าอย่างตกตะลึงเมื่อพบร่างของทหารแห่งคาโนวาลนอนจมกองเลือด เหนือร่างนั้นคือร่างของเด็กชายคนหนึ่ง ดวงตาสีน้ำเงินในเงามืดจับจ้องมายังคาโล ร่างเพรียวมองคมดาบยาวในมือของเด็กชายที่แทงเข้าสู่ร่างของทหาร เมื่อเด็กชายชักดาบออก เลือดสีแดงสาดกระเซ็นไปทั่ว ร่างในเงามืดเปรอะเปื้อนโลหิตสีแดงฉาน คาโลเองก็โดนโลหิตนั่นเช่นกัน เขาก้มมองดูมือขาวที่เปรอะเปื้อนโลหิตสีแดงฉาน ร่างเพรียวสั่นไปทั้งร่าง ความรู้สึกกลัวพลุ่งพล่านไปทั่วร่างกาย  เมื่อยิ่งสบมองนัยน์ตาสีน้ำเงิน ก็ยิ่งหวาดหวั่นอย่างประหลาด คาโลทรุดกายลง ตัวสั่น มองเด็กชายตรงหน้าที่เยื้องย่างเข้ามาใกล้ พร้อมกับดาบในมือ

     "มะ ไม่..."

     "คาโล...."เสียงกระซิบดังมากจากเด็กชาย

     "ไม่...ไม่...ไม่ใช่...ไม่ใช่..."

     "คาโล..."

     "ไม่ ไม่ ไม่ใช่...มันเป็นแค่ฝัน มันเป็นแค่ฝัน....ไม่ใช่  ไม่ใช่ !"

     "คาโล..."

     "ไม่!! ไม่ใช่! ไม่ใช่!! ฉันไม่ได้เห็นอะไรทั้งนั้น! ฉันไม่เห็น! ไม่ ไม่ใช่!!"

     ..........

    
"คาโล! คาโล!"

     "ไม่!! ไม่!! ไม่ใช่!! ฉันไม่เห็น!! ไม่!!"

     "คาโล!!!"

     ร่างบางลืมตาตื่นอย่างรวดร็ว ก่อนจะพบกับนัยน์ตาสีน้ำเงินของใครบางคน ร่างบางหอบหายใจหนัก เหงื่อไหลไปทั่วใบหน้า น้ำใสไหลเอ่อล้นขอบตา ตัวยังสั่นด้วยความหวาดกลัวไม่หาย

     "เจ้าเป็นอะไร?"มิคาแอลถามร่างบางอย่างห่วงใย ซึ่งเขาเองยังแปลกใจที่เป็นแบบนั้น

     คาโลตัวสั่น ก่อนจะสะอื้นไห้อย่างรวดร้าว  ใบหน้าสวยซบลงกับฝ่ามือเรียว

     "ฮึก...ไม่...ไม่ใช่...ฮึก...ฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น...ฮึก..."

     ร่างสูงมองร่างบางที่ร้องไห้อย่างน่าสงสาร วงแขนใหญ่โอบกอดร่างบางไว้ในอ้อมแขนอย่างห่วงใยและปกป้อง เสียงทุ้มเอ่นกระซิบพร่ำบอกอย่างนุ่มนวล

     "ไม่เป็นไรอะไรแล้ว...ข้าอยู่นี่แล้ว...ข้าอยู่นี่..."

     "ฮึก...ฮึก...ฮือๆ..."ร่างบางที่อ่อนแอและอ่อนไหว เผลอซบอกแกร่งอย่างไร้ที่พึ่งพิง และรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและความปลอดภัย

'คาโล

     พ่อต้องไปแล้ว ขอโทษที่ไม่ได้บอกลาลูกด้วยตัวเอง พ่อจะออกเดินทางไปเรื่อย ๆ ท่องเที่ยวดูโลกใบใหญ่ ใช้ชีวิตช่วงสุดท้ายกับการเดินทาง ลูกอยู่ที่วังก็ดีแล้ว พ่อเชื่อว่ามิคาแอลจะสามารถดูแลเจ้าได้ เขาอุตส่าห์ยกตำแน่งเดิมให้เจ้าและมอบหน้าที่สำคัญให้เจ้า

     พ่อจะเขียนจดหมายมาหาบ้าง แต่เจ้าไม่ต้องเขียนตอบกลับมาก็ได้ เพราะเมื่อเจ้าเป็นที่ปรึกษากษัตริย์แล้วคงจะวุ่นน่าดู รักษาตัวด้วย พ่อเป็นห่วงเจ้าเสมอ

     จาก บาโร'

     คาโลพับจดหมายสีขาวเก็บและหลับตาลงอย่างอ่อนล้า

     "ท่านพ่อ..."ถึงถ้อยคำในจดหมายจะแสนสั้น แต่ก็รู้สึกได้ถึงความรักและห่วงใยอย่างแท้จริง แต่กระนั้น พ่อของเขาก็คิดไปหนึ่งเรื่อง.....

     "จะอืดอาดอีกนานมั๊ยคาโล"

     ไม่มีใครสามารถดูแลเขาได้อีกแล้ว.....

     คาโลเก็บซองจดหมายไว้ในลิ้นชักโต๊ะไม้เงางาม ก่อนจะหันไปหาร่างสูงที่ยืนพิงกรอบประตูรอเขาอยู่ในชุดเยี่ยงกษัตริย์ทั่วไป

     "ข้ามีงานต้องทำอีกมากนะ"

     "พ่ะย่ะค่ะ"ร่างบางตอบเรียบ ๆ

     มิคาแอลหรี่ตามองคาโลอย่างพินิจก่อนจะเอ่ย "ไม่ต้องเป็นพิธีรีตองนัก ข้าไม่ชอบการเสแสร้ง"

     ".....ครับ"คาโลเอ่ยอีกรอบ

     "ก็บอกแล้วไงว่าไม่ชอบพวกเสแสร้ง"ร่างสูงย้ำและยิ้มกริ่ม "ไม่ต้องปิดปังหรอก"

     มือเรียวกำแน่นก่อนจะเอ่ย "เช่นนั้นก็ดี...ข้าจะได้ไม่ต้องทนแสลงปาก" คาโลจ้องร่างสูงเขม็ง

     "หึ ดีมาก....ตามมาสิ ได้เวลาเริ่มงานของเจ้าแล้ว"

     "ข้าไม่อยากทำงานอะไรนั่น"คาโลว่า

     "หืม?"ร่างสูงหันมามองอีกครั้ง

     "ข้าไม่อยากทำงานบ้า ๆ พวกนั้น ข้าไม่อยากทำอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเจ้า! ข้าเลือกที่จะแบกรับแทนท่านพ่อ ดังนั้นฆ่าข้าให้ตายตอนนี้เสียดีกว่า"

     มิคาแอลมองร่างบางที่เอ่ยออกมาอย่างไม่ลังเล เขาส่ายหน้าอย่างระอาก่อนจะเอ่ยเสียงเยือกเย็น "แบบนั้นก็ง่ายไปละมั้งคาโล...เจ้าจะได้ตายแน่ แต่ต้องตายอย่างช้า ๆ และตายทั้งเป็นด้วย" คาโลรู้สึกเสียววาบเมื่อดวงตาสีน้ำเงินจ้องมาที่เขาอย่างมีนัย "เจ้าจะต้องทรมานยิ่งกว่านี้"

     "หึ!"คาโลกำมือแน่นกัดริมฝีปากของตนอย่างไม่พอใจ

     "อย่างที่ข้าบอกเจ้าไปแล้ว...นับแต่นี้เจ้าจะต้องเชื่อฟังข้าแต่เพียงผู้เดียว ไม่เช่นนั้น....พ่อของเจ้าก็ไม่รอด"

     คาโลจ้องร่างสูงอย่างโกรธแค้น เอ่ยเสียงลอดไรฟัน "ก็เจ้า....สัญญาแล้ว"

     "ไม่มีสัจจะในหมู่คนชั่วหรอกนะ"ร่างสูงเอ่ยก่อนจะหันหลังเดินนำไป "ตามมา"

     ร่างเพรียวบางอยากจะฆ่าคนตรงหน้าให้ตายเสียให้ได้ แต่ก็ไม่ได้ทำ เขาจำใจเดินตามร่างสูงออกไปจากห้องที่กลายเป็นคุกชั้นดีไปแล้ว ตามที่ร่างสูงบอก เขาจะต้องกลับมาที่ห้องทันทีหลังจากเสร็จงาน ห้องนี้เป็นห้องใหม่ อยู่บนยอดหอคอยสูงที่ร่างสูงจัดเอาไว้ให้เขาโดยเฉพาะ คาโลรู้สึกได้ถึงไอเวทย์แห่งพันธนาการ จะออกไม่ได้หากผู้เป็นนายไม่อนุญาติ มีทางเดียว....คือกระโดดออกจากระเบียงที่สูงชันของห้องออกไป แต่กระนั้นก็คงต้องเจอกันสัตว์เงาที่ดุร้ายรออยู่เบื้องล่าง ที่พร้อมจะฉีกกระชากร่างของเขาเป็นชิ้น ๆ

     ..........

     งานวันแรกเป็นสิ่งที่มิคาแอลคาดอยู่แล้วว่าจะต้องเจอ นั่นคือกองงานที่สุมหัว การประชุมที่เคร่งเครียด และอะไรอีกมากมายที่กษัตริย์ต้องทำ

     "เฮ้ มิคาแอลเว้ย! ชาวบ้านเขาร้องเรียนมาว่ะ"ร่างสูงผมสีเพลิงเดินเข้ามาในห้องพร้อมจดหมายร้องเรียน

     คาโลรู้ว่าร่างสูงผมสีเพลิงนี้เป็นเพื่อนของมิคาแอลชื่อ โยเซฟ และดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาฝ่ายซ้ายของร่างสูง

     "ว่ามา"มิคาแอลเอ่ยแต่ตายังคงจับจ้องที่งานเอกสารตรงหน้า

     "ชาวบ้านบอกว่าเขื่อนกำลังแตก มีรอยร้าวและมีน้ำรั่วออกมาแล้ว อยากให้ช่วยไปแก้ไขด่วนจี๋ ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงได้ตายแน่ๆ"โยเซฟว่า

     "ดี"มิคาแอลเอ่ย ก่อนจะวางปากกาลง "งั้นเราก็ไปกันเถอะ"

     "อ๊ะ! เดี๋ยว! งานเอกสาร"คาโลเอ่ย

     "เสร็จแล้ว!"มิคาแอลเอ่ย ยิ้มน้อย ๆ จนคาโลแปลกใจ เขาไม่เคยเห็นร่างสูงยิ้มแบบนี้มาก่อน "ไปเถอะ เฮ้ยโยเซฟ! ฝากดูงานทางนี้ก่อน"

     "อะไรว้า!?"

     "เอาน่า มานี่คาโล!"ร่างสูงเอ่ยตัดบทก่อนจะคว้าข้อมือร่างบางให้ตามออกไปด้วย

     "อ๊ะ! เดี๋ยวสิ!"คาโลยังคงสับสนงงงวย ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ ร่างสูงถึงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือขนาดนี้

     "พูดมากน่า ตามมาเถอะน่า!"

     ทั้งสองขึ้นราชรถเทียมม้า ก่อนจะมุ่งไปยังหมู่บ้านที่แจ้งปัญหามา คาโลมองมิคาแอลอย่างไม่เข้าใจ บ้างก็ดี บ้างก็ร้าย ตกลงแล้วตัวตนที่แท้จริงของร่างสูงเป็นยังไงกันแน่นะ?

     "ดีจริง ๆ เอกสารพวกนั้นน่ารำคาญชะมัด"ร่างสูงบ่น ก่อนจะหันมามองคาโล "อะไร?"

     "อ๊ะ!"คาโลสะดุ้ง ก่อนจะหันหน้าหนี

     "มองข้าทำไม?"

     "เปล่านิ"ร่างบางตอบเรียบ ๆ

     "ดื้อจริงเชียว"ร่างสูงยิ้มกริ่ม ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนตักของร่างบาง คาโลตกใจไม่น้อย

     "ทำอะไรของเจ้านะ!?"

     "พักน่ะสิ"

     "ลุกออกไป!"

     "ข้าเป็นกษัตริย์ มีสิทธิ์เด็ดขาด"

     คาโลไม่พอใจ สะบัดหน้าหนีมองไปทางอื่น ร่างสูงยิ้มก่อนจะหลับตาลงแต่ยังพูดต่อ

     "อย่าคิดว่าข้าจะดีกับเจ้าไปตลอดนะ ถ้าเจ้าเป็นเด็กดี ข้าก็จะดี ถ้าเจ้าดื้อหรือไม่เชื่อฟังข้า ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าแน่ และหากเจ้าคิดกบฎกับข้าละก็ พ่อของเจ้าเองก็ไม่รอดเช่นกัน"

     มือใหญ่ยกขึ้นลูบไล้ใบหน้างามสีขาว คาโลเบือนหนี ร่างสูงมองอย่างขัดใจ ก่อนจะจับใบหน้างามนั้นให้ก้มมองตน

     "บอกแล้วไงว่าอย่าดื้อ!"

     คาโลสะบัดหน้าหนี ก่อนจะหลบหน้า "ข้ารู้!"

     "งั้นก็ดี"ร่างสูงเอ่ยและหลับต่อ

     ..........

     ชาวบ้านทั้งหลายต่างตกใจกับการมาเยือนที่ไม่บอกล่าวขององค์กษัตริย์ ต่างรีบแห่กันมาต้อนรับจ้าละหวั่น มิคาแอลไม่ถือสาบอกว่าอยากมาสัมผัสชีวิตของชาวบ้านทุกคน ทำให้เป็นที่พอใจของประชาชนอย่างมาก

     มิคาแอลเดินไปดูเขื่อนใหญ่ที่มีปัญหาอย่างว่า ผู้ใหญ่บ้านเล่าปัญหาอื่น ๆ ให้ฟังอีก ซึ่งมิคาแอลก็รับฟังอย่างตั้งใจ คาโลเฝ้ามองอย่างสงสัย ยังไงเขาก็ไม่อาจเข้าใจร่างสูงได้จริง ๆ

     "เจ้าชายคาโล"

     คาโลหันไปตามเสียงเรียก ก่อนจะพบกลุ่มเด็ก ๆ เขายิ้มน้อย ๆ ด้วยรอยยิ้มที่แสนเศร้าเช่นเดิม ก่อนจะย่อตัวลง

     "มีอะไรเหรอ?"

     "เราได้ยินมาว่าพระองค์เก่งเวทย์การรักษา"

     "อืม...ไม่ใช่ฉันหรอก แต่เป็นคทาของฉันต่างหาก"

     "ถ้าเช่นนั้น ช่วยใช้คทาของพระองค์รักษาเพื่อนของเราได้มั๊ยครับ"

     "เพื่อนเหรอ?"

     "ค่ะ/ครับ"

     "เขากำลังป่วยและบาดเจ็บ"

     คาโลยิ้มอย่างใจดี "ได้สิ อยู่ไหนละ"

     เด็ก ๆ พาคาโลออกจากกลุ่มผู้ใหญ่ มิคาแอลที่เหลือบมาเห็นมองตามอย่างสงสัยใคร่รู้

     คาโลมองคอกม้าตรงหน้า ก่อนจะเดินตามเด็ก ๆ เข้าไป เด็ก ๆ พาเขาเข้าไปในมุมมืดของคอกม้า

     "นี่ไงค่ะ"เด็ก ๆ ชี้ คาโลพบว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้า คือ ชายคนหนึ่ง แต่ชายคนนั้นมีบางอย่างที่คุ้นตา

     "นั่นใคร...."เสียงทุ้มแหบแห้งดังขึ้น

     "คะ คิล!!"คาโลร้องอุทานอย่างตกใจ

     "คะ คาโล!?"

     ร่างของสูงของคิลยืนขึ้นพรวดก่อนจะเซล้มลง คาโลเข้ามารับเอาไว้ได้ทัน

     "คิล! คิล! เฮ้ย!? นายเป็นอะไร!?"คาโลเขย่าตัวเพื่อน ก่อนจะได้กลิ่นเหม็นมาจากตัวคิล "นี่มันเกิดอะไรขึ้น!?"

     "เลิกโวยวายสีกทีสิว่ะ....โอย..."

     "เดี๋ยวนะ"คาโลค่อย ๆ วางเพื่อนลงอย่างเบามือ ก่อนจะเสกลูกไฟกลม ๆ สามดวงให้ลอยขึ้นเหนือหัว เพื่อเพิ่มแสงสว่างให้มากขึ้น คาโลหันไปหาพวกเด็ก ๆ "พวกหนูไปเจอเขาที่ไหน"

     "พวกเราเจอเขาอยู่ที่นี่ มีแผลเต็มตัว และก็ไม่สบาย แต่เขาไม่ให้บอกใคร พวกเรามาหาทุกครั้งที่ว่างครับ"

     คาโลหันกลับมาหาเพื่อนอีกครั้ง "มันเกิดอะไรขึ้น?"

     "ก็แค่มีปัญหานิดหน่อย....ตอนแรกจะไปดูนายแข่งชิงราชบัลลังก์ แต่กลายเป็นว่าฉันดันมามีปัญหากับพวกพ่อมดมนต์ดำแห่งเดมอสเสียก่อน"

     "พ่อมดเหรอ?"

     "เออดิ....ก็พวกมันแพ้พนันแต่แมร่งไม่ยอมรับ มันก็เล่นฉันทีเผลอ ตอนแรกฉันชนะ แต่แกก็รู้ว่าฉันโคตรเกลียดเวทย์ โดนมันตลบหลังใช้เวทย์เล่นงานเฉยเลย ไอ้บัดซบเอ๊ย! เลยถูกเอามาทิ้งที่นี่แหละ ดูดิมันฝากรอยแผลบ้า ๆ อะไรไว้ก็ไม่รู้ ทำยังไงก็ไม่หาย"

     "เดี๋ยวนะ ฉันจะพานายกลับปราสาท และจะรักษาให้"

     "เออ ๆ แล้วตกลงแกแพ้จริง ๆ เหรอวะ"คิลถาม ขณะที่คาโลช่วยพยุงเขาขึ้นโดนพาดแขนร่างสูงของเพื่อนไว้บนบ่า

     "อืม....ให้กับญาติห่าง ๆ คนหนึ่งน่ะ"คาโลเล่าเรียบ ๆ

     "โห ขนาดห่าง ๆ ยังเอาชนะพ่อมดปีศาจยังเอ็งได้เนี่ยนะ แกฝีมือตกลงไปเยอะป่าวว่ะ หรือเก็กมากไปเลยโดนเล่นซะ"

     "หึหึหึ คงงั้นมั้ง"

     ทั้งสองหัวเราะ คาโลรู้สึกดีขึ้นเมื่อได้เจอเพื่อนเก่าเพื่อนแก่อย่างคิล หลังจากที่ไม่เจอกันมานาน เห็นว่าคิลก็ยุ่งกับงานนักฆ่าเลยไม่ค่อยได้ติดต่อกันเลย พอมาเจอกันแบบนี้ก็รู้สึกดีกันทั้งสองฝ่าย

     "แต่นายก็ฝีมือตกไปเหมือนกันนะ แพ้พวกนักเวทย์แบบนั้น"

     "ตอนนั้นรู้สึกว่าฉันจะเมาด้วยมั้ง"คิลเล่า

     "ฮ่าฮ่าฮ่า"คาโลหัวเราะ ให้กับนักฆ่าที่พลาดท่าเพราะฤทธิ์เหล้า

     คาโลพาเพื่อนออกมาจากคอกม้า ก่อนจะพบกับมิคาแอลที่ยืนอยู่

     "นั่นใคร?"

     "เพื่อนของข้า...คิล ฟิลมัส"

     มิคาแอลมองร่างสูงของคิล ก่อนจะมองแขนใหญ่โอบรอบคอคาโลและมองคาโล

     "แล้วจะไปไหน"

     "ข้าจะพาเขากลับปราสาท ไปรักษาอาการบาดเจ็บ"

     "ใครอนุญาติ"

     คาโลจ้องร่างสูงเขม็ง ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่พอใจ "ถ้าท่านไม่พาเขาไป ข้าก็จะพาเพื่อนของข้าไปเอง"

     "นี่เจ้า!"

     "เฮ้ย คาโล ไม่เป็นไรก็ได้มั้ง รักษาที่นี่แหละ เสร็จแล้วฉันก็จะไป"คิลเอ่ยเมื่อเห็นว่าบรรยากาศรอบ ๆ มันแปลก ๆ น่าอึดอัด

     "ไม่ได้หรอก แผลนี่เป็นแผลเวทย์มนต์ ต้องมีตัวยาหายาก ที่วังมี ฉันจะพานายไปรักษาที่นั่นเอง"

     "แต่...."

     "ช่างเถอะ ฉันจะพานายกลับปราสาทเอง ใครเขาจะห้ามก็ปล่อยเขาไป"

     คาโลพาคิลเดินออกห่างจากร่างสูง ก่อนจะขอยืมม้าจากชาวบ้านแถวนั้น มิคาแอลจ้องมองคาโลอย่างไม่วางตา คาโลทำเป็นไม่สนใจ พาเพื่อนขึ้นม้าและตนก็ขึ้นตาม กลายเป็นว่าร่างของคิลพิงอยู่กับหลังบางของคาโลที่นั่งหน้า มิคาแอลรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก มองคาโลที่ไม่สนใจเขาแม้แต่นิดเดียว

     คาโลควบม้าจากไปอย่างรวดเร็ว มิคาแอลกำมือแน่น ก่อนจะเดินกลับขึ้นราชรถ และสั่งให้กลับปราสาททันที ดวงตาสีน้ำเงินเข็มดูวูบไหวด้วยเพลิงอารมณ์ มือใหญ่ที่กำแน่น

     "คาโล....พยศจริงนะ"

หลังจากคิลอาบน้ำเสร็จ คาโลก็เข้ามาในห้องเพื่อทำแผลให้

     "เฮ้อ~ แมร่ง ไอ้ญาติห่าง ๆ ของแกนี่หน้าโหดใช่ย่อยนะนั่น"คิลบ่น หันหลังที่มีรอยบาดแผลเวทย์ให้คาโลรักษา ขณะนี้ทั้งสองนั่งอยู่บนเตียงใหญ่ในห้องรับรองแขก

     "เหรอ"คาโลไม่ใส่ใจนัก แต่มองแผลของเพื่อนอย่างกังวลเล็กน้อย ยังดีที่แผลไม่ร้ายแรงมาก ไอเวทย์แค่ระดับพื้นฐาน แต่เพราะมันเป็นมนต์ดำนั่นแหละถึงอันตราย "โชคดีนะ ที่แผลไม่ร้ายแรงมาก" คาโลมองแผ่นหลังกว้างที่เป็ยรอยจุดสีม่วงคล้ำมากมาย "คงเป็นเวทย์บาดแผลแห่งพิษร้ายน่ะ มันจะทำร้ายอวัยวะภายใน"

     "โห น่ากลัวว่ะ หึหึหึ"นักฆ่าหนุ่มเอ่ยอย่างไม่หยีระ

     "ยังจะหัวเราะได้อีก นี่ถ้าฉันไม่ไปเจอนายนะ ป่านนี้นายได้นอนเน่าตายอยู่ที่นั่นนั่นแหละ รู้มั๊ย ถ้าปล่อยไว้อีกสามวัน.....ร่างกายแกได้ระเบิดตายตรงนั้นแหละ"

     "อึ๋ย!!"

     นักฆ่าที่เคยขี้เล่น พอได้ยินเพื่อนบอกแบบนี้ก็ชักจะไม่เล่นแล้ว

     "ฮ่าฮ่าฮ่า ล้อเล่นน่า"คาโลว่าพลางหัวเราะอย่างร่าเริง

     "โหย! ไอ้คาโลเอ๊ย! พูดซะน่ากลัวชิบ!!"คิลว่า ก่อนจะหัวเราะตาม

     เสียงหัวเราะของเจ้าชายคาโลและสหายสนิทดังออกมาข้างนอก ทำให้ผู้ที่เดินผ่านไปผ่านมายิ้มออก เพราะนานแล้วที่ไม่ได้เสียงหัวเราะที่สดใสของเจ้าชายคาโลเลย นับตั้งแต่เจ้าหญิงเฟลิโอน่า เกรเดเวลจากไป แต่จะมีก็แค่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ยิ้มด้วย

     "สนุกกันจริงนะ"มิคาแอลยืนกอดอกมองประตูห้องที่เสียงหัวเราะลอดออกมา

     "โอ๊ะโอ๋! หน้าบูดเชียวนะแก"โยเซฟที่เดินผ่านมาทักทายเพื่อนสนิทอย่างขบขัน

     "หุบปากไปซะโยเซฟ"

     "ดุซะด้วย"ร่างสูงมองไปที่ประตูก่อนจะยิ้มขบขันหันมามองเพื่อนและหัวเราะในลำคอ "เอาละสิ"

     "อะไรของแก"มิคาแอลเลิกคิ้วมองเพื่อน

     "รู้สึกว่าแถวนี้จะมีคนหึงนะ"

     "ไม่ใช่!"มิคาแอลสวนทันที "แกอย่ามาพูดบ้า ๆ แถวนี้นะโยเซฟ" ดวงตาสีน้ำเงินไหววูบราวกับเพลิง

     "โอเค ๆ"โยเซฟยกมือยอมแพ้ "ไม่พูดแล้ว....ถ้านายไม่มีอะไรจริง ๆ ก็อย่าลืมซะละ....เป้าหมายที่แท้จริงของนายน่ะ"

     "รู้แล้ว"ร่างสูงตอบรับเสียงเรียบ ก่อนจะมองที่ประตูบานใหญ่อีกครั้งเมื่อเสียงหัวเราะลอดออกมา มือใหญ่กำแน่น

     "เฮ้อ~! เอาเว้ย! กลับไปทำงานซะไป ปล่อยให้คาโลเขาได้มีความสุขซะบ้าง หน้าสวย ๆ แบบนั้นจะได้ดูดีขึ้นมาหน่อย ทำหน้าเศร้าทั้งวันมันน่าสงสารจริง ๆ ว่ะ"

     "น่าสงสารเหรอ เฮอะ! ดีแล้วละ"ร่างสูงเอ่ย แต่ไม่รู้ทำไม มันรู้สึกเจ็บแปลบ ๆ "คาโล....ต้องเจ็บยิ่งกว่านี้"

     "หยึย~ เวลาแกพูดแบบนี้เหมือนฆาตกรโรคจิตเลยว่ะ"

     "ตกลงแล้วแกจะอยู่ข้างใครกันแน่ว่ะ"มิคาแอลถามเพื่อนอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อเสียงหัวเราะเริ่มดังขึ้นอีก

     "ข้างแกอ่ะดิ ไม่งั้นฉันไม่ลงทุนเปลืองแรงสร้างฉากละครให้แกเล่นจนทำให้บาโรไว้ใจแกหรอก"ร่างสูงผมสีเพลิงยิ้มเจ้าเล่ห์

     มิคาแอลมองประตูบานใหญ่อีกครั้งก่อนจะเดินนำเพื่อนจากไป โยเซฟมองตามก่อนจะมองที่ประตูบานใหญ่ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฎบนใบหน้าคมคาย

     "ถ้านายไม่คิดอะไรจริง ๆ....ฉันก็ไม่สนใจละนะ"

     ..........

     "ว่าไงท่านโอเดล"คาโลถาม พลางส่งยาให้หมอเทวดา

     "ท่านคิลมัสไม่เป็นอะไรมากแล้วพ่ะย่ะค่ะ ทานยานี่ทุกวันหลังอาหารและก็ทายานี่ทุกครั้งก่อนนอนเท่านี้ เป็นเวลาสองวันก็เพียงพอแล้วพ่ะย่ะค่ะ"

     "เฮ้อ~ โล่งอกไปที ขอบใจนะลุงหมอ"คิลเอ่ยยิ้มร่าเริงตามเดิม

     "ยินดีที่ได้รับใช้"หมอโอเดลเอ่ยก่อนจะกลับเข้าสู่ตัวคทาอีกครั้ง

     "ก็ดีแล้วนะ"คาโลเอ่ย ก่อนจะจัดยาให้เพียงพอสำหรับสองวันของคิล "หายห่วงสักที"

     คิลมองเพื่อนร่างเพรียวก่อนจะ เอ่ยพลางยิ้มน้อย ๆ "แกนี่....เปิดเผยตัวเองมากขึ้นนะ"

     คาโลชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มเศร้า ๆ และเอ่ยเบา ๆ "เหรอ"

     "อืม ยิ้มหน้าระรื่นเชียวนะแกพอเห็นฉันน่ะ"

     "อืม....อาจเพราะ ไม่ได้เจอกันนานมั้งและฉันก็โตขึ้น อะไร ๆ ก็เลยเปลี่ยนไปน่ะ"ร่างเพรียวบางที่ยังคงหันหลังให้เอ่ย

     คิลหุบยิ้มก่อนจะถอนหายใจหนัก มองเพื่อนพลางเอ่ยเรียบ ๆ "นายน่ะ....ระบายออกมาบ้างก็ดีนะ"

     ".........."

     "เหงาใช่มั๊ยละ....คาโล"

     ร่างเพรียวสั่น น้อย ๆ

     "ไม่เป็นไร"คิลเอ่ย

     ร่างเพรียวหันกลับมามองเพื่อน ใบหน้างดงามเปื้อนน้ำตายิ่งเพิ่มความงามมากขึ้นอีก ดวงตาสีฟ้าไหววูบราวสายน้ำแห่งความโศกศัลย์ มือเรียวกำแน่นอย่างเจ็บใจ...ทุกอย่างในชีวิตเขาช่างโหดร้าย...ทำไมสวรรค์ถึงชอบให้ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่คนเดียว...ทำไมต้องพรากคนที่เขารักไปหมด...ทำไม...ถึงทิ้งเขาไว้ให้เผชิญกับความทรมานอยู่คนเดียว.....

     "มานี่สิ"ร่างสูงเอ่ย

     คาโลวิ่งเข้าหาคิลก่อนจะโถมกอดร่างสูงอย่างต้องการที่พึ่งพิง ก่อนจะร้องไห้โฮ ปลดปล่อยอารมณ์แห่งความโศกศัลย์ออกมาอย่างไม่อาย คิลมองเพื่อนก่อนจะลูบหัวปลอบใจ กอดตอบเป็นการให้รับรู้ว่าคาโลยังมีเพื่อนอย่างเขาอยู่อีกคน

     "ฮึก...ฉันเหงา!...ท่านพ่อก็ไปแล้ว...เฟรินก็ตาย...ฮึก...ฉันต้องอย่คนเดียว..ฮึก...ในปราสาทนี่ ฉันเหงามาก....มากๆ...ฮึก...."

     "ไม่เป็นไร...ฉันอยู่นี่ไง"คิลเอ่ย ในบรรดาสหายสนิททั้สามคน คาโลนี่แหละคือคนที่อ่อนไหวและอ่อนแอที่สุด มักทำให้เพื่อนคนอื่น ๆ เป็นห่วงบ่อย ๆ เพราะความที่เจ้าตัวชอบเก็บความรู้สึกเอาไว้...

     "ฮึก...ฉันดีใจที่นายมา....คิล.....ฮึก....ฮือ...ฉํนเหงามาก ๆ ....เหงาเหลือเกิน....ฮือ..."

     "ไม่เป็นไรคาโล....ไม่เป็นไร..."

     ....................

     ในเวลาที่คิลอยู่ที่ปราสาทแห่งคาโนวาล คาโลยิ้มบ่อยขึ้นและหัวเราะบ่อยขึ้นจนน่าแปลกใจสำหรับใครหลาย ๆ คน แต่กระน้นก็เป็นเรื่งอน่ายินดียิ่ง ข้าราชบริพารทุกคนอยากจะเห็นเจ้าชายคาโลกลับมาร่าเริงอีกครั้งอยู่แล้ว

     ไม่ว่าคาโลอยู่ไหนจะมีคิลอู่ด้วย แต่จะพูดให้ถูกคือ คาโลองต่างหากที่ตามคิลราวกับเด็กน้อยเดินตามพี่ชาย

     "เฮ้ย คาโล! ฉันก็รู้นะเว้ยว่าแกเหงา แต่ตามติดเป็นลูกเป็ดแบบนี้มันสยอง ๆ ว่ะ"

     "รำคาญเหรอ...."คาโลหน้าเศร้าลงทันที คิลเห็นแบบนั้นก็รีบแก้ไขความเข้าใจทันที

     "เฮ้ย ๆ ไม่ใช่ๆเว้ย เออ ๆ ขอโทษที ตามใจแกเถอะ ไม่ได้รำคาญอะไรหรอก อย่าเข้าใจผิดดิ"

     "ฮ่าฮ่าฮ่า ล้อเล่นต่างหากเล่าไอ้นักฆ่าบ้า"

     "เอ๋!! หนอย!! ไอ้คาโล!! แกแสบนักนะ!!"

     "ฮ่าฮ่าฮ่า"

     เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในสายตาสีน้ำเงิน มอใหญ่กำแน่น ก่อนจะเดินจากไป ชายหนุ่มผมสีเพลิงมองดเพื่อนที่เดินหนีฉากเหตุการณ์ตรงหน้าไปพลางยิ้มขัน ก่อนจะจับจ้องไปยังร่างเพรียวที่กำลังเดินเคียงข้าเพื่อนร่างสูง

     "ให้มันจริงเถอะมิคาแอล....เกิดมีปัญหาที่หลัง ฉันเสียดายแย่"

     แต่เวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว ช่วงเวลาสองวันแห่งความสุขต้องจบลง คาโลมายืนส่งเพื่อนด้วยใบหน้าที่เศร้าหมองลงอย่างมาก แต่เจ้าตัวยังฝืนยิ้มเพื่อไม่ให้เพื่อนต้องเป็นห่วง

     "ฉันจะไปละนะ"คิลเอ่ย ก่อนจะถอนหายใจหนัก มองหน้าเพื่อนที่แกล้งฝืนยิ้ม

     "อืม...เดินทางระวังนะ โชคดี"

     "ถ้าวันไหนว่าง ๆ ฉันจะมาเยี่ยม หรือมีอะไรก็เขียนไปหานะ รู้ที่อยู่บ้านฉันใช่มั๊ย"

     "อืม ไปบ่อยจนจะเปนบ้านฉันอยู่แล้วแต่ก่อนน่ะ"

     "ฮ่าฮ่า นั่นสินะ"คิลยิ้ม ก่อนจะลูบหัวคาโลเป็นการให้กำลังใจ คาโลหุบยิ้มก่อนจะกอดคอเพื่อน น้ำตาใสไหลน้อย ๆ อย่างเศร้าสร้อย "ขี้แงอีกแล้วนะแก" คิลเอ่ยยิ้มอย่างใจดี "เอาน่า ทำอย่างกับฉันจะไปตาย เดี๋ยวมาเยี่ยม!"

     "อืม"คาโลถอนอ้อมแขนออก ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ คิลพ่นลมออกทางปาก ก่อนจะส่งผ้าเช็ดหน้าให้เพื่อน

     "เช็ดน้ำตาซะ ถ้าเฟรินเห็นนายร้องไห้แบบนี้วิญญาณมันคงไม่สงบสุข"

     "รู้แล้วน่า"คาโลรับผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา

     "ไปแล้วนะเว้ย! เจอกัน"

     "อืม โชคดีนะ!!"

     อชาสีน้ำตาลแข็งแรงพุ่งตัวจากไป คาโลเหนเพื่อนหันกลับมาโบกมือ เขาโบกมือตอบ ก่อนจะยืนมองดูเพื่อนที่หายลับไปจากสายตาแล้ว

     "อย่าร้องไห้เลย"คาโลสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเห็โยเซฟยืนอยู่ข้าง ๆ ส่งยิ้ใจดีมาให้เขา

     "โยเซฟ?"

     "เอาน่า ถึงเพื่อนนายไม่อยู่ก็ยังมีฉันทั้งคนละนะ ถึงจะดแทนกันไม่ได้ก็เถอะ แต่ฉันก็อยากเป็นเพื่อนกับนายนะ"

     ถ้อยคำที่เต็มเปี่ยมด้วยไมตรีจิตทำให้คาโลรู้สึกดีใจล็กน้อย และเริ่มวางใจในตัวยเซฟ

     "ถ้าเพื่อนนายดีอย่างนายก็ดีสินะ"คาโลเอ่ย

     "มิคาแอลน่ะเหรอ โอ๊ย! รายนั้นปล่อยมสันไปเถอะ มันก็อย่างนี้แหละ สงสัยเป็นประจำเดือน"

     "ฮ่าฮ่า"คาโลหัวเราะน้อย ๆ รู้สึกดีขึ้นบ้าง น่าแปลก ปกติชายคนนี้กับเขาแทบจะไม่เคยคุยกยจริง ๆ จัง ๆ สักที แต่พอได้มาคุยแล้ว ก็เป็นคนน่าคบไม่น้อยทีเดียว

     "กลับเข้าวังเถอะ ทานอาหารเย็นกัน"

     "ไม่ละ"คาโลส่ายหน้าปฏิเสธ "ฉันอยากกลับห้องน่ะ อยากไปเขียนจดหมายถึงท่านพ่อซะหน่อย เห็นท่านส่งมาว่ากำลังท่องเที่ยวเดมอส"

     "เหรอ แหม ดีจริงน้ากษัตริย์บาโรเนี่ย พ่อหมดภาระหน้าที่ก็ได้ท่องเทียวยังกับเยี่ยวพเนจรแน่ะ"

     "นั่นสินะ.....ฉันก็อยากเป็นแบบน้น"ถ้อยคำที่เผอพูดออกมาทำให้ร่างสูงผมสีเพิงหันมามอง คาโลรีบยิ้มก่อนจะรีบเดินจากไป ดวงตาสีดำสนิทมองตาม ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ และเดินจากไปเช่นกัน

     .................

     หลังจากปล่อยนกเวทย์ออกไปแล้ว คาโลเฝ้ามองนกเวทย์สีฟ้าที่บินผ่านผืนฟ้าสีส้มอมชมพูยามเย็นไป ร่างเพรียวบางใบหน้าเศร้าหมองลง ก่อนจะ ยืนพิงกริบประตูที่ออกสู่ริมระเบียงขนาดเล็ก

     "ท่านพ่อ.....คิล.....เฟริน......"

     เอ่ยอยางแผ่วเบาและโหยหา อยากจะร้องไห้แต่ก็อดกลั้นเอาไว้อย่างที่สุด ไม่อยากจะอ่อนแอ อยากจะเข้มแข็ง...แต่กระนั้นก็ยากเหลือเกิน

     "อยู่นี่เอง"

     คาโลหันไป พบมิคาแอลเดินเข้ามาในห้อง พลางปิดประตูไม้ลงสลักอย่างรวดเร็ว คาโลมองการกระทำนั้นอย่างระแวดระวัง ดวงตาสีฟ้าไม่ไว้ใจอย่างมากเมื่อดวงตาสีน้ำเงินไหววูบด้วยเพลิงแห่งอารมณ์บางอย่าง

     "เป็นอะไรไปอีกละ....ร้องไห้เหรอ"ร่างสูงเอ่ยเสียงเรียบเดินเข้ามาใกล้อย่างช้า ๆ

     คาโลมองร่างสูงอย่างไม่ไว้ใจ ยิ่งรอยยิ้มนั่นแล้ว ก็ยิ่งไม่น่าไว้ใจขึ้นอีก"

     "เสียใจเหรอ ที่ 'มัน' ไปน่ะ"

     "ใคร?"คาโลถามอย่างระวัง

     "เพื่อนเจ้าไง"ร่างสูงเข้ามาใกล้มากขึ้นอีก จนหยุดอยู่หน้าร่างเพรียว "หรือพูดให้ถูก...คู่ขาเหรอ"

     เพี๊ยะ!!

     ใบหน้าร่างสูงหันไปตามแรงกระแทกจากฝ่ามือเรียว

     "น่ารังเกียจที่สุด!!"คาโลเอ่ยเสียงเข้มขึ้น

     "หึ...ทำไมเล่า"ร่างสูงยิ้มเจ้าเล่ห์อีกครั้ง "ไม่ถูกหรือไง เห็นตามติดกันดีนักนี้...ไปถึงไหนกันแล้วละ...หรือลงกันไปไหนต่อไหนแล้ว"

     เพี๊ยะ!!

     "หุบปากโสโครกของเจ้าเดี๋ยวนี้นะ!!"ร่างเพรียวร้องลั่นอย่างเดือดดาล "เจ้าไม่มีสิทธิ์พูดแบบนี้กับข้าและเพื่อนของข้า!!"

     "งั้นเรอะ!!"ร่างสูงตวาดลั่นจนร่างบางยังตกใจ "สิทธิ์เหรอ! มีแน่ละคาโล เพราะข้าเป็นกษัตริย์ และเจ้าได้ปาฏิญาณแล้วว่าจะรับใช้ข้า! ให้ข้าเป็นนายและนั่นแหละสิทธิ์ของข้าที่จะพูดอะไรก็ได้กับเจ้า!!"

    "หึ! แล้วไง"ร่างบางเอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้ "เป็นกษัตริย์แล้วยังไงละ! ตำแหน่งที่ได้มาโดยไม่ชอบธรรมน่ะเหรอ น่าสมเพชยิ่งนัก!"

     "เจ้า!!"ร่างสูงกัดฟันกรอด ก่อนจะคว้าลำคอระหงและบีบจนคาโลหย้าเบ้ด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ใช่ว่าจะยอมแพ้

     "เอาซี่! จะฆ่าก็ฆ่าเลย! อย่าดีแต่ปากสิมิคาแอล!"

     ร่างสูงจ้องร่างบางเขม็งก่อจะปล่อยมือออก "เจ้า...."

     "ข้าไม่ทนอีกแล้ว"คาโลเอ่ยอย่างเด็ดเดี่ยว "ฆ่าข้าซะ ไม่เช่นนั้น....ต่อให้ต้องถูกฉีกเป็นชิ้น ๆข้าก็จะกระโดดลงจากระเบียงนี้ไปเสีย จะได้พ้น ๆ จากคนเลว ๆ อย่างเจ้าเสียที!!"

     "หุบปาก!!"มือใหญ่ดึงร่างบางเข้ามาใกล้ก่อนจนใบหน้าของทั้งคู่อยู่ห่างกันเพียงเล็กน้อย รับู้ถึงลมหายใจของกันและกันได้เปนอย่างดี "หากเจ้าไม่หุบปาก...อย่าหาว่าข้าไม่เตือน"

     "คิดว่าข้ากลัวหรือยังไง"ร่างเพรียวเอ่ย

     "ข้าเป็นนายเจ้า"

     "แค่ในนาม เจ้าเป็นนายข้าแค่ในนาม แต่กายข้าพร้อมจะกบฎกับเจ้าเสมอ หัวใจข้า...ไม่มีวันที่เจ้าจะมีอำนาจใด ๆ .....เจ้าไม่มีสิทธิ์ใด ๆ กับข้าทั้งนั้น!!"

    คาโลผลักร่างสูงออก ก่อนจะเดินหนี แต่มือใหญ่คว้าข้อมือบางไว้และจับโยนร่างบางลงบนเตียงสี่เสาทันที ก่อนจะขึ้นคร่อมร่างเพรียวอย่างรวดเร็ว คาโลเบิกตาโตอย่างตกใจ

     "งั้นก็ดี....ข้าจะทำให้ข้ามีสิทิ์ในตัวเจ้าเอง ข้าจะเป็นนายเจ้าได้แน่!!"

     แล้วมือใหญ่ก็ฉีกเสื้อตัวบางขาดออกอย่างง่ายดาย คาโลเบิกตาโต ก่อนจะเริ่มดิ้นรนหนี

     "ไม่!! ปล่อยข้านะ!! ไม่!!!"

     "หึ กลัวละสิคาโล....กลัวใช่มั๊ย อีกเดี๋ยวเถอะ เจ้าจะร้องครางเยี่ยงโสเภณีเลยทีเดียว"

     "ไม่!! ปล่อยข้า! ปล่อย!!"

     "รู้ไว้ซะ ว่าพี่สาวข้าต้องเจอกับอะไร!!"
  
     ร่างสูงประกบริมฝีปากบางอย่างรวดเร็ว ก่อนจะส่งลิ้นร้นเข้าไปหาความหวานล้ำทันที

     "อืม...อือ....ไม่...อืม!!"

     มือเรียวถูกรวบขึ้นเหนือหัว พยายามดิ้นรนแต่ไร้ผล ขอบตาเริ่มร้อนผ่าวด้วยความหวาดหวั่น ใครก็ได้...ใครก็ได้...ช่วยเขาที...

     "อย่า....ฮึก...ไม่เอา...อย่า...ฮึก...."

     มิคาแอลมองร่างใต้ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ "ช้าไปแล้วคาโล ข้าเองก็เริ่มมีอารมณ์ซะแล้ว"


     "ช้าไปแล้วคาโล....ข้าเองก็เริ่มจะมีอารมณ์ซะแล้ว"

     เสียงกระซิบทุ้มต่ำไม่น่าไว้ใจ ร่างบางพยายามดิ้นรนอย่างสุดแรงเท่าที่มี แต่เพราะแรงของร่างสูงที่มากกว่าทำให้ร่างบางยากที่จะหลุดพ้น เศษผ้าที่หลุดออกจากกายเพรียวสีขาวงดงามยามต้องแสงจันทร์ถูกนำมามัดข้อมือและกดไว้เหนือหัว

     "ไม่! ปล่อยนะ! ฮึก! ปล่อยสิ!!"

     ร่างสูงไม่สนใจเสียงคร่ำครวญ แต่ถอดเสื้อของตนออก เผยให้เห็นอกแกร่งผ่าเผยก่อนจะก้มลงมอบจุมพิตร้อนแรงเต็มไปด้วยความกระหายและอารมณ์ที่วาบหวาม ร่างบางพยายามหนีแต่มือใหญ่จับใบหน้างามนั้นไว้และส่งลิ้นร้อนเข้าไปหาความหวานอย่างรวดเร็ว คาโลรู้สึกได้ถึงลิ้นร้อนที่อยู่ในปาก มันพันเกี่ยวกับลิ้นของเขา ชอนไชหาความหวานล้ำ มือใหญ่เลิกสนใจที่จะพันธนาการร่างบางแล้ว แต่มือกลับซุกซน เลื่อนลงลูบไล้เรือนกายงามจนร่างบางสั่นและแอ่นกายรับอย่างเผลอไผลเพราะความวาบหวิว

     "อืม...อือ...อา...หยุด...อืม.. ฮึก...ขอร้อง...อืม...."

     มือใหญ่เคล้นคลึงสะโพกมนจนร่างบางเผลอครางออกมาอีกครั้ง มิคาแอลไม่อาจหยุดยั้งความวาบหวามนี้ได้อีกแล้ว เขาไม่รู้ว่าทำไม อาจเพราะแสงจันทร์ที่สว่างจ้าจนต้องร่างบางใต้ร่างให้ดูงดงามขึ้นก็ได้ หรืออาจเพราะ....เขาเอง....

     ริมฝีปากผละออกจากความหวานล้ำอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะเลื่อนลงมาที่ลำคอขาวผ่อง ตอนนี้ ในหัวของร่างบางขาวโพลนไปหมด อาการดิ้นรนเริ่มน้อยลงเพราะความเหนื่อยล้าของร่างกาย รู้สึกได้เลือนลางว่าแรงกายเหือดหายไปอย่างรวดเร็วยามมือใหญ่และลิ้นร้อนนั้นเลื่อนไปทั่วร่างกาย

     "อา...."

     ร่างสูงสร้างรอยรักรอบลำคอ ก่อนจะลงมายอดกุหลาบโลมเลียขบเม้มอย่างพอใจจนร่างบางครางเสียงหวานอย่างเผลอไผล แอ่นกายรับสัมผัสที่เสียวซ่าน อยากจะผลักไส แต่ไม่มีเรี่ยวแรงอีกแล้ว ได้แต่น้ำตาไหลเงียบ ๆ

     มือใหญ่เลื่อนลงมาปลดเปลื้องท่อนล่าง ตอนแรกร่างบางข้างใต้ขัดขืน แต่เมื่อเขาขบเม้มที่ยอดกุหลาบอีกข้าง ร่างบางถึงกับอ่อนระทวยเป็นการง่ายที่จะปลดเปลื้อง และเขาก็ได้เห็นเต็มตา....เรือนกายเพรียวบางที่ขาวผ่อง ยิ่งต้องแสงจันทร์ก็ยิ่งเพิ่มความงามให้อย่างไม่รู้จบ นัยน์ตาสีฟ้าไหววูบเพราะน้ำตาราวกับเชื้อเชิญ.....

     ร่างสูงก้มลงที่ท้องน้อยของร่างบางก่อนจะเลื่อนมือลงมาที่แก่นกายของคาโล ร่างบางสะดุ้ง

     "อ๊ะ! ยะ อย่า!....อือ...."

     มือใหญ่บีบเคล้นมันเบา ๆ

     "อา...อือ...อย่า....อา...."

     ร่างบางแอ่นกายก่อนจะบิดเร้าอย่างทรมานเมื่อมือใหญ่รูดขึ้นลงสร้างอารมณ์วาบหวิวให้ร่างบาง

     "อา....อืม...อย่า...อา...."

     "หึหึหึ แต่ร่างกายตอบสนองนิคาโล" ร่างสูงเอ่ย ก่อนจะเร่งจังหวะที่มือให้เร็วขึ้น คาโลครางลั่น มือที่ถูกพันธนาการกำแน่น  ก่อนจะครางเมื่อน้ำขุ่นขาวพุ่งออกมาเปื้อนเปรอะมือใหญ่และท้องน้อยของเขา

     มิคาแอลเลียน้ำขุ่นขาวนั้นก่อนจะจับที่ต้นแขนเรียว กระชากให้ร่างบางลุกขึ้นนั่งและส่งนิ้วเข้าไปที่ปาก คาโลเบือนหน้าหนี ร่างสูงจับใบหน้าเรียวนั่นและยื่นมือของตนเข้าใกล้ริมฝีปากที่ปิดสนิท

     "ลองดูหน่อยมั๊ยละ...ไม่อย่างนั้น ข้าจะฆ่าพ่อเจ้าซะ!"

     คาโลรู้สึกเกลียดร่างสูงมากขึ้นไปอีก เขาจำยอมเลียนิ้วนั่นอย่างว่าง่าย ร่างสูงยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะปล่อยให้ร่างบางจัดการเลียคราบตัวเองบนมือเขาให้เสร็จ ก่อนจะจับร่างบางกดลงบนที่นอนอีกครั้ง ยกขาเรียวขึ้นพาดบ่า คาโลยิ่งกลัวขึ้นไปอีก

     "ยะ อย่า...ฮึก...ขอร้องละ...ฮึก...ไม่เอา...."

     แต่ร่างสูงไม่สนใจ ก้มลงเลียที่ช่องทางแคบ ร่างบางสะดุ้ง พยายามหนีแต่ร่างสูงจับขาเขาแน่นและเลียที่ต้นขาด้านในจนร่างบางส่งเสียงสะท้านไปทั้งกาย ร่างสูงปลดกางเกงออก ก่อนจะเผยให้เห็นแก่นกายใหญ่ที่ชูเด่น แต่ไม่ทันตั้งตัวแก่นกายนั้นก็กระแทกเข้าไปในช่องทางสีชมพูจนสุด

     "อ๊ะ! อา!!!!!"ร่างบางกรีดร้องลั่น มือที่ถูกพันธนาการจิกเล็บลงไปในเนื้อสีขาวของตัวเอง

     ร่างสูงเห็นร่างบางจิกเล็บจนผิวขาวที่หลังมือเลือดซิบก็แก้เชือกนั้นให้ อย่างน้อยร่างบางก็น่าจะได้ระบายความเจ็บปวดได้ง่ายขึ้น

     "ทีนี้...เจ้าจะได้รู้เสียที ว่าพี่สาวข้าเป็นยังไง"

     "อย่า..."

     ร่างสูงกระแทกกายอีกครั้ง คาโลร้องลั่น ผวาจิกเล็บลงบนผ้าปูเตียงสีขาว น้ำตาไหลด้วยความเจ็บปวด เลือดไหลซึมออกจากช่องทางแคบ แต่ร่างสูงไม่สนใจอีกต่อไป อารมณ์ในกายของเขากำลังปะทุดุจเพลิงไหม้ เขากระแทกกายตัวเองเข้าออกช่องทางแคบนั้นอย่างรวดเร็ว ร่างบางกรีดร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นคราง ความรู้สึกเจ็บปวดเพิ่มขึ้นแทรกซึมมาด้วยความสุขที่น่าประหลาด

     "อา...อา..เจ็บ...อ๊า..."

     ร่างสูงเร่าการกระแทกนั้นอีกเมื่อได้ยินเสียงวหานพร่ำพร่าจนน่าหลงใหล  ก้มลงมอบจุมพิตร้อนเร่าให้ร่างบาง แขนเรียวเผลอโอบกอดรอบคอร่างสูงและจิกเล็บลงบนแผ่นหลังใหญ่เพื่อระบายความเจ็บปวด

     "อะ...อา...อา...อืม...อา..."

     สองร่างบรรเลงเพลงที่เร่าร้อนอยู่ใต้แสงจันทร์ กอดเกี่ยวกันด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านจนไม่อาจหยุดยั้ง ในหัวขาวโพลนไปหมด ไม่มีความรู้สึกใด ๆ นอกจากสิ่งเดียวที่ก่อเกิดในใจอย่างช้า ๆ จนแม้แต่ทั้งสองยังประหลาดใจไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร แต่ว่า ยามที่ทั้งสองบรรเลงความเร่าร้อน ไม่มีแล้วความแค้น ไม่มีแล้วความเกลียดชัง มันมีอะไรที่ลึกซึ้งกว่านั้น แต่กระนั้นมันก็เล็กเกินไปจนไม่อาจรับรู้และสังเกตได้เลย

     ..........................................

     ยามเช้าตรู่ในแดนนักรบ.....

     พระอาทิตย์ยังคงไม่พ้นขอบฟ้า แต่ท้องฟ้าที่เคยดำมืดเริ่มเป็นสีขุ่นคราม บ่งบอกว่าอีกไม่นาน จักได้เวลาตื่นจากนิทรารมย์แล้ว แต่ในเมื่อเวลายังคงไม่มาถึง ทุกชีวิตก็ยังคงหลับใหล เว้นเสียแต่ร่างสูงของกษัตริย์แห่งคาโนวาลที่ตื่นขึ้นก่อนพระอาทิตย์จะพ้นขอบฟ้า

     มิคาแอลลุกขึ้นนั่งขอบเตียง มองออกไปนอกหน้าต่าง เขาเห็นแสงาสีทองจาง ๆ อยู่ที่ขอบของภูเขาสูงไกล ๆ ก่อนจะหันไปมองร่างบางบนเตียงใต้ผ้าห่มความที่ยังคงหลับใหล มือใหญ่กำแน่นขึ้นมากะทันหัน ก่อนจะลุกขึ้นเพื่อแต่งตัวให้เรียบร้อยและเดินมายังฝั่งเตียงของร่างบาง

     ใบหน้างดงามดั่งรูปสลักขาวนวลเปื้อนคราบน้ำตาจนเห็นชัด ร่างกายสีน้ำนมเป็นรอยช้ำสีแดงหลายจุด มิคาแอลห่มผ้าให้คาโลอย่างมิดชิด ก่อนจะถอนหายใจหนัก

     ทำถูกแล้วหรือเปล่า?

     ถามตัวเองทุกครั้งเมื่อได้ลงมือทำร้ายจิตใจร่างบาง

     ถูกแล้วใช่มั๊ย?

     เขาไม่รู้...แต่เขาคิดว่าถูก...

     คิดว่าอย่างงั้นเหรอ?

     ใช่....คิดว่าถูก....เพราะคนตรงหนานี้ไม่ใช่เหรอไง เพราะสายเลือดสีน้ำเงินโสมมของร่างบางเองไม่ใช่เหรอที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเขาต้องพังพินาศสิ้น.....

     ทุกสิ่งพินาศ...เพราะคนตรงหน้าจริง ๆ หรือเปล่า?

     .....ใช่.....เพราะคาโล....

     แน่ใจเหรอ?

     ......ไม่รู้.....

     "มิคาแอล..."

     เสียงหวานแว่วมาให้ได้ยินกับสายลมยามเช้าทำให้ร่างสูงลืมตาขึ้นอย่างตกใจ ก่อนจะเสยผมสีดำขึ้นจากใบหน้า มือใหญ่กำแน่นอีกครั้งก่อนจะเอ่ยอย่างรวดร้าว

     "มิเคร่า...พี่ครับ..."

     มิคาแอลกัดฟันกรอด เขาจำได้ดี ครั้งที่พี่สาวต้องถูกจับไปขายตัว เสียงกรีดร้องที่ดังออกมาจากหลังม่านสีแดง ในโรงแรม เขาพยายามไปช่วยพี่สาว แต่ที่เห็น...โหดร้ายนัก...เงาของสองร่างหลังผ้าม่านนั่น...ร่างหนึ่งเป็นชายผู้โหดร้าย อีกร่างเป็นหญิงสาวที่กรีดร้องลั่น...เขาไม่นึกเลย...และไม่มีวันลืม...โดยเฉพาะ วันที่เห็นพี่สาวเลือกจะจบชีวิตลง...ร่างที่หายไปในผืนสมุทรดำมืด....

     "มิเคร่า...."

     ร่างสูงมองร่างบางบนเตียง แววตามุ่งร้ายโกรธแค้น...ใช่...เพราะคนตรงหน้า เพราะสายเลือดของคนตรงหน้า...ทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมาน ทำให้ครอบครัวของเขาต้องพินาศ ทำให้พี่สาวของเขาต้องตาย ทำให้แม่ของเขาต้องตรอมใจตาย! เพราะคาโล! เพราะวาเนบลี!!

     "อืม..."

     ร่างบางบนเตียงเริ่มปรือตาขึ้นอย่างช้า ๆ ก่อนจะสะดุ้งลุกขึ้นนั่งพรวดพราดเมื่อเห็นร่างสูงอยู่ใกล้ ๆ

     "โอ๊ย!"ร้องลั่นเมื่อความเจ็บปวดที่สะโพกแล่นปราด และต้องยกมือกุมหัวเพราะจู่ ๆ เขาก็รู้สึกปวดหัวมาก คาโลกรู้สึกว่าโลกหมุนอยู่ระยะหนึ่ง

     "ตื่นก็ดีแล้ว"ร่างสูงข้างเตียงไม่ได้สนใจอาการผิดปกติ แต่คว้าแขนเรียวแน่น

     "โอ๊ย...เจ็บ..."คาโลเอ่ย พยายามแกะมือร่างสูงออก

     "แค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ! ลุกขึ้นมา! อย่าคิดว่าเป็นเจ้าชายแล้วจะหยุดงานได้นะคาโล ลุกขึ้น!"มือใหญ่กำแขนเรียวแน่นจนเป็นรอยแดง คาโลพยายามกลั้นความเจ็บปวดก่อนจะเอ่ย

     "ไม่ไหว...ฉะ ฉันปวดหัว...ไม่ไหวจริงๆ...ขอร้องละ...."ร่างบางเอ่ยเสียงแผ่วอย่างอ่อนแรง

     "อย่ามาสำออยให้มากนัก!"ร่างสูงตวาดลั่น ก่อนจะกระชากร่างบางให้ลุกขึ้น ร่างเพรียวของคาโลลุกขึ้นตามแรงกระชากก่อนที่ร่างเปลือยเปล่าจะทรุดลงกับพื้นเย็นอย่างไร้เรี่ยวแรง มือเรียวข้างที่ว่างพยายามปกปิดร่างกายตัวเองอย่างที่สุด

     "อย่า! ปล่อยสิ! ฉันเจ็บ!...ไม่ไหวจริงๆ...ขอร้องละ...."ร่างเพรียวบางพยายามวิงวอน อาการปวดหัวยิ่งเพิ่มมากขึ้น ลมหายใจร้อนจนตัวเองยังรู้สึกได้

     "หุบปาก!"มิคาแอลดึงร่างบางขึ้นจากพื้นโดยไม่สนใจอาการเจ็บปวดของคาโลแม้แต่น้อย

     "ไม่! อย่า! ปล่อยเถอะ อย่ามอง!"

     "หึ"ร่างสูงทำเสียงในลำคออย่างเย้ยยัน มองร่างเพรียวบางเปลือยเปล่าที่กำลังตัวสั่นอยู่ตรงหน้า ร่างบางรู้สึกโกรธแค้นที่ร่างสูงทำลายเกียรติและศักดิ์ศรีของเขาถึงเพียงนี้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เรี่ยวแรงที่เคยมีหายไปหมดเสียแล้ว

     "ขอร้องละ....ไม่ไหวแล้ว...ปวดหัว..."คาโลเอ่ยวิงวอน

     "กะอีแค่ปวดหัวไม่ต้องมาสำออย! มานี่!"

     คาโลถูกกระชากไปตามแรงดึง เข้าไปในห้องน้ำ ก่อนจะถูกจับโยนลงไปในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ที่มีน้ำอยู่แล้ว ร่างบางไอค่อกไอแค่ก ความเย็นของน้ำให้ร่างบางต้องตัวสั่นอย่างห้ามไม่อยู่

     "ถ้าวันนี้ข้าไม่เห็นเจ้าไปทำงาน นี่จะเป็นอีกคืนที่เจ้าจะได้ลิ้มรสความทรมานแบบพี่สาวของข้า!"

     ร่างสูงเดินออกไปจากห้องน้ำ คาโลได้ยินเสียงประตูปิดดังปังใหญ่ แล้วความเงียบก็เข้าครอบงำ

     "ฮึก..."

     ร่างเพรียวบางสั่นเทา แขนเรียวยกกอดตัวเองแน่น น้ำใสเอ่อล้นอาบแก้มนวล ความหนาวเย็นจากน้ำคงจะซึมเข้าไปในหัวใจของคาโลเสียแล้ว....

     "ฮึก...ทำไม...ฮึก...ทำไมกัน...ทำไมต้องเป็นเรา...ฮึก...ทำไม...."

     ..........

     โยเซฟมองร่างเพรียวบางของคาโลอย่างสงสัย

     วันนี้คาโลดูอ่อนแรงอย่างมาก กุมหัวตลอดเวลาและดูจะไม่มีสติอยู่กับตัว หน้าที่เคยขาวนวลกลับขาวซีดเซียว น้ำเสียงเรียบนิ่งหม่นเศร้าอ่อนแรงจนแทบจะไม่ได้ยินเวลาพูดคุยด้วย

     "คาโล"โยเซฟเรียกร่างบาง

     "หืม...อะไรเหรอโยเซฟ"คาโลถามเสียงแผ่ว

     "นายเป็นอะไรหรือเปล่า"

     "ปะ เปล่าหรอก"ร่างบางส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนจะเดินถือกองหนังสือเตรียมจะเดินจากไป แต่...

     "เฮ้ย!"

     ร่างบางเซจนเกือบล้ม หากไม่ได้โยเซฟจับไว้ได้ทัน กองหนังสือหลายเล่มร่วงหล่นพื้นเสียงดัง เหล่าข้าราชบริพารต่างหันมามองเป็นต่างเดียว

     "คาโล! เฮ้ยคาโล! คาโล!"โยเซฟเขย่าตัวร่างบางที่หลับตาแน่น มือกุมหัว เหงื่อไหลอาบใบหน้า ดูทุรนทุรายด้วยความทรมาน "อ๊ะ! ตัวร้อนจี๋เลย!"

     "ปะ ปวดหัว...โอ๊ย...ปวดหัว..."

     ร่างบางร้องครวญคราง โยเซฟรีบช้อนร่างบางขึ้นสู่อ้อมแขนแกร่งก่อนจะหันไปตะโกนสั่งเหล่าข้ารับใช้บริเวณนั้นทันที

     "ไปตามหมอหลวงมาที่หอคอยของเจ้าชายคาโลเดี๋ยวนี้!"

     แล้วร่างสูงก็เร่งพาร่างบางกลับสู่ห้องบนยอดหอคอยทันที....

     ...........

     อืม...ปวดหัวจัง....

     "คาโล...คาโลจ้ะ..."

     ใคร?...เสียงใคร....

     "ไม่เป็นอะไรแล้วนะจ้ะ"

     นัยน์มองสบกับร่างของหญิงสาวผู้มีรอยยิ้มใจดีและอบอุ่น ดวงตาสีน้ำเงินมองเขาอย่างอ่อนโยน มือเรียวถือผ้าผืนเล็กกำลังเช็ดแขนของเขาอย่างอ่อนโยน

     "พี่เช็ดตัวให้แล้วนะคาโล"

     พี่มิเคร่า....    

     "บอกแล้วใช่มั๊ยว่าอย่าฝืนอย่าฝืน แถมยังไปเที่ยวเล่นริมแม่น้ำกับมิคาแอลอีก ทีนี้เป็นยังไงละ ไม่สบายเลยเห็นมั๊ย"

     ครับ...ผมขอโทษ....

     "ต้องพักผ่อนเยอะ ๆ นะเราน่ะ เวลาเราไม่สบายทีไรเป็นหนักกว่าคนอื่น ๆ ทุกทีเลย"

     พี่มิเคร่า...ขอบคุณครับ...

     มือเรียวลูบหัวสีเงินอย่างอ่อนโยน ความอบอุ่นจากฝ่ามือทำให้นัยน์เนตรสีฟ้าโหยหาอย่างประหลาด...ความอบอุ่นราวกับมารดา....

     "เป็นยังไงบ้างคาโล"

     ใคร....เสียงนี้....

     "อย่ารบกวนน้องสิ มิคาแอล"

     มิ...คาแอล...

     "ขอโทษนะ พี่ไม่น่าชวนเราไปเล่นน้ำเลย"

     น้ำเสียงแบบเด็กผู้ชายเอ่ยอย่างรู้สึกผิดและอ่อนโยน มือที่ใหญ่กว่าเล็กน้อยกุมมือเล็กของเจ้าชายองค์น้อยไว้แน่น

     พี่...พี่มิคาแอล....

     "ปวดหัวหรือเปล่า"

     ปวดมาก....

     ใบหน้าของเด็กชายผู้มีอายุมากกว่าในความทรงจำยื่นเข้ามาใกล้จนหน้าผากชิดกัน

     "ตัวร้อนนะเราน่ะ...ไม่เป็นไร ฉันอยู่นี่แล้ว"

     อา....พี่ครับ....

     นัยน์ตาสีฟ้าปรือลงอย่างนุ่มนวล

     "อย่าสำออยให้มากนัก"

     อ๊ะ!

     ดวงตาสีน้ำเงินแข็งกร้าวของมิคาแอลในร่างของชายหนุ่ม กษัตริย์แห่งคาโนวาลอยู่ห่างจากเขาเพียงหนึ่งฝ่ามือ

     "กะอีแค่ปวดหัวอย่ามากสำออยนัก! พี่สาวของข้าเจ็บปวดกว่าเจ้าร้อยเท่า!"

     ไม่! ไม่ใช่!

     มือใหญ่ตรึงแขนเรียวเล็กลงกับเตียงแน่น ร่างบางหวาดกลัวอย่างที่สุด

     "เจ้าจะได้รู้จักความเจ็บปวดที่พี่สาวข้าได้รับ!"

     ไม่! อย่า! ไม่ใช่! ไม่ใช่! ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น! ไม่!

     ........"ม่ายยยยยยยยย!!".......

     พรึ่บ!

     "คาโล! คาโล!"

     ร่างบางเบิกตาโพลง ก่อนจะหอบหายใจหนัก เหงื่อไหลอาบใบหน้า ก่อนจะรู้สึกได้ถึงอ้อมกอดของใครบางคน

     "แฮ่ก...แฮ่ก...ไม่ใช่...."

     "คาโล...นายไม่เป็นไรนะ..."

     ร่างบางถูกดันออกอย่างนุ่มนวล ก่อนจะสบตากับนัยน์เนตรสีดำสนิทของโยเซฟที่ถ่ายทอดความห่วงใยออกมาอย่างชัดเจน

     "นายร้องลั่นเลย ฝันร้ายเหรอ หรือเจ็บปวดตรงไหนหรือเปล่า"มือใหญ่กุมมือเรียวแน่น ถ่ายทอดความอาทรณ์อย่างนุ่มนวล

     "ฉะ..ฉัน...ฉัน...."คาโลไม่อาจจะเอื้อนเอ่ยอะไรได้ รู้สึกแค่ว่าขอบตามันร้อนผ่าว แล้วภาพตรงหน้าก็พร่ามัว "ฉัน...ฮึก...ไม่รู้...ไม่รู้...ฮึก...ฉันไม่รู้อะไรเลย...ฮึก...ฮือ!"

     ร่างสูงดึงร่างบางเข้ามากอดแน่น ลูบหัวอย่างอ่อนโยนและปลอบประโลม ร่างบางที่อ่อนแอต้องการที่พักพิง กอดร่างสูงแน่น สะอื้นไห้กับอกแกร่ง

     "ไม่เป็นไร...ฉันอยู่นี่...."

     เสียงร้องไห้ดังไปทั่วห้องพัก ร่างสูงของใครบางคนหลังประตูห้องที่ยังไม่ปิดสนิทกำมือใหญาแน่น ก่อนจะกุมหัวอย่างสับสน

     "ปัดโธ่เว้ย!"เสียงทุ้มเอ่ยแผ่วเบา แต่ก็แสดงออกถึงความหงุดหงิดอย่างชัดเจน "อะไรกันวะ!" ความรู้สึกสับสนอย่างประหลาด ยิ่งได้ยินเสียงร้องไห้ของร่างบางก็ยิ่งสับสน เขากำมือแน่นก่อนจะเบือนหน้ามาจากภาพตรงหน้า เดินลงบันไดจากไปพร้อมกับความไม่เข้าใจ

หลายวันที่คาโลนอนซมอยู่บยหอคอย โดยมีหมอหลวงมาคอยดูแลอย่างไม่ขาด และโยเซฟมักขึ้นมาเยี่ยมทุกครั้งสามเวลา

     แต่ไร้วี่แววของมิคาแอล....

     "เป็นยังไงบ้าง"โยเซฟถามร่างบางบนเตียง

     "อืม ดีขึ้นแล้วละ ขอบใจนะ"คาโลตอบ พลางยิ้มน้อย ๆ

     "งั้นก็ดีแล้วละ หน้านายก็ดูดีขึ้นแล้ว นายนี่เวลาไม่สบายเป็นหนักขนาดนี้เลยเหรอไง"

     "อืม แบบนี้ประจำแหละ"คาโลตอบ "ขอโทษนะ ที่ต้องให้นายทำงานแทน"

     "ช่างเหอะน่า สบายมาก นายเองห่วงตัวเองดีกว่ามั้ง หายดีแล้วค่อยไปทำงานต่อก็ได้"

     "อืม"คาโลยิ้มน้อย ๆ

     "งั้นฉันต้องไปทำงานต่อแล้ว ไปนะ แล้วจะมาเยี่ยมใหม่"

     "อืม ขอบใจนะ"

     "เต็มใจคร้าบ"

     แล้วร่างสูงก็จากไป คาโลมองออกไปนอกหน้าต่าง เหนทอ้งฟ้าสีน้ำเงินสดใสทำให้นึกถึงดวงตาคมเข้มของใครบางคน คาโลรีบปัดความคิดนี้ทิ้งไปทันที ก่อนจะซุกตัวลงในผ้าห่มแทน

     ทำไมต้องคิดถึงคน ๆ นั้นด้วยนะ?.....

     เขาเริ่มจะจำได้แล้ว...ความอบอุ่นในวัยเด็ก จากมือที่ใหญ่กว่าตนเสมอ...ครั้งหนึ่งมือนั้น กุมมือเขาเพื่อปกป้อง แต่ตอนนี้...มือนั้นพร้อมจะทำลายเขาทุกเมื่อ ไม่สิ...ทำลายเขาไปแล้วนิ...ใช่...ร่างกายของเขาถูกย่ำยี หัวใจบอบช้ำอย่างสาหัส...และมือใหญ่คู่นั้น ก็พร้อมจะตอกย้ำความอัปยศนี้ทุกเมื่อ...

     น้ำตาใสไหลออกมาอย่างอดไม่ได้ คาโลปาดมันออกอย่างรวดเร็ว

     ไม่ได้...เขาจะต้องเข้มแข็ง...เขาจะต้องไม่ยอมแพ้....

     "เจ้าชายคาโลเพค่ะ"

     ร่างบางหันไปมองที่ประตู พบนางรับใช้เดินเข้ามาพร้อมกับแจกันใบสวย แต่ดอกไม้ในแจกันกลับสวยยิ่งกว่า

     "นั่น..."

     "ดอกไม้เกล็ดหิมะเพค่ะ"

     คาโลมองแจกันใบสวยที่ถูกวางบนหัวเตียง

     "ใครให้มา?"คาโลถามอย่างสงสัย

     แต่นางข้ารับใช้กลับอมยิ้มอย่างมีนัยก่อนจะเอ่ย "คนที่ห่วงใยฝ่าบาทอย่างไรเล่าเพค่ะ ถึงขั้นหาดอกไม้ที่ฝ่าบาทชอบมากที่สุดมาให้เลยนะเพค่ะ"

     "เอ๋?"

     "ไปนะเพค่ะ"

     ร่างของนางสนมรับใช้จากไปอย่างรวดเร็ว คาโลมองดอกเกล็ดหิมะ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง มือเรียวยื่นออกไปก่อนจะหยิบดอกเกล็ดหิมะออกมาหนึ่งดอก กลีบสีขาวผ่องดุจหิมะสะท้อนแสงอาทิตย์จนดูนวลตา คาโลนาบมันลงกับหน้าอก รับรู้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากดอกไม้ มันแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจที่อ่อนล้าและบอบช้ำ

     ใครกันหนอที่ส่งดอกไม้นี่มา?

     "อุ่นจัง..."รอยยิ้มบาง ๆ คลี่ออกอย่างช้า ๆ "ใครนะ....."

     ..........

     มิคาแอลยืนพิงมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงตาสีน้ำเงินจับจ้องไปยังท้องฟ้าเบื้องบน ก่อนจะหลบแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมา กระทบกับดอกเกล็ดหิมะหนึ่งดอกที่นอนอยู่บนโต๊ะทำงานอย่างสงบ ส่งความงามนวลผ่องออกมา จนทำให้นึกถึงใครบางบนบนยอดหอคอย

     "เราทำบ้าอะไรเนี่ย"ร่างสูงพึมพำ

     ..........

     ไม่นาน คาโลก็กลับมาทำงานได้อีกครั้ง แต่กระนั้น คาโลก็เลือกที่เหินห่างกับมิคาแอลแทน ไม่รู้ว่าเพราะอะไร กลัวหรือ ไม่อาจรู้ได้

     "เฮ้ คาโล!"

     ร่างบางหันไปตามเสียงเรียกก่อนจะพบโยเซฟ

     "อ๊ะ! มีอะไรเหรอ?"

     "มาช่วยด้านนี้หน่อยสิ"

     คาโลเดินตามร่างสูงไปจนถึงห้องเอกสาร ก่อนจะพบว่าวันนี้มีการทำความสะอาดห้องเอกสารครั้งใหญ่

     "นี่มัน!"

     "วุ่นวายนะ เวลาทำความสะอาดเนี่ย โอ๊ย!"

     "อ๊ะ! อุ๊บ!...ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า"คาโลหัวเราะอย่างอดไม่ได้เมื่อเห็นโยเซฟจมลงไปใต้กองเอกสารเก่าที่หล่อนลงมาจากชั้นหลังจากที่นางรับใช้คนหนึ่งดึงกองเอกสารกองหนึ่งออกมา แต่กลายว่ามันดันร่วงลงมาทั้งหมดเสียแทน

     "โอ๊ย! อะไรกันเนี่ย!"โยเซฟโวยวาย

     คาโลรีบเข้าไปช่วยร่างสูงออกมาจากกองเอกสาร ยังอดหัวเราะไม่ได้

     "เออ ๆ หัวเราะเข้าไปเลย ไม่โดนไม่รู้หรอก"

     "ขะ ขอโทษที ฮ่าฮ่า"

     โยเซฟเพิ่งสังเกตว่าร่างบางหัวเราะ...หัวเราะจริง ๆ!

     "นั่นสินะ ฮ่าฮ่าฮ่า"โยเซฟร่วมหัวเราะอย่างพอใจ

     ร่างสูงที่เพิ่งเดินเข้ามาเห็นภาพตรงหน้าก็กำมือแน่น ก่อนจะเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว

     มือใหญ่เสยผม "อีกแล้ว...เราคิดบ้าอะไรอยู่!?"

     ไม่นาน คาโลก็ได้ช่วยโยเซฟในการคุมคนทำความสะอาดห้องเอกสารที่มีเอกสารเก่าแก่เป็นร้อยเป็นพัน และนอกจาคุมคนแล้วก็ต้องลงมือทำเองด้วย เพราะเนื่องจากคนจำนวนไม่พอนัก

     ร่างบางปีนบันไดขึ้นไปบนชั้นด้วยมือเดียว อีกมือกอดกองเอกสารเก่าไว้แน่น แต่แล้วก็พลาด ลื่นตกลงมา

     "เหวอ!"

     "เฮ้ย!"

     โครม!!

     ว้าย! เจ้าชายคาโล! ท่านโยเซฟ!

     เจ้าชายคาโลครับ!

     ท่านโยเซฟค่ะ!!

     คาโลที่หลับตาแน่นลืมตาขึ้นเมื่อรู้ว่าไม่เจ็บปวดมากนัก ก่อนจะพบว่าตนนั่งอยู่บนตักของโยเซฟใต้กองเอกสารมากมาย

     "อูย~ ระวังหน่อยสิ...ตัวหนักใช่เล่นนะนายน่ะ"

     "อ๊ะ!"

     ทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนจะหัวเราะลั่นห้อง

     ร่างสูงที่เดินผ่านมา มองอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะเดินจากไปอีกครั้ง

     ..........

     นับวัน โยเซฟและคาโลเริ่มสนิทขึ้น ขณะที่มิคาแอลและคาโลแทบจะไม่พูดคุยกันเลย ร่างเพรียวมักจะไปไหนมาไหนกับโยเซฟบ่อยขึ้น หัวเราะ ยิ้ม พูดคุยอย่างสนิทสนม มิคาแอลเฝ้ามองมาตลอด เขารู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจ ไม่สบอารมณ์ ไม่รู้เพราะอะไร อาจเพราะรอยยิ้มของร่างบางก็ได้ รอยยิ้มที่ร่างบางไม่ควรจะมี!

     คาโลรู้สึกดีที่มีคนเข้าใจ มีคนที่คอยให้คำปรึกษาและเป็นเพื่อน โยเซฟทำหน้าที่เพื่อนได้ดีมาก จนเขารู้สึกซาบซึ้งใจเสมอ แต่กระนั้น แม้จะยิ้ม จะหัวเราะกับคนตรงหน้า แต่กระนั้น หัวใจกลับตรงกันข้าม ไม่รู้ว่าทำไมกัน....

     "หนังสือเล่มไหนนะโยเซฟ?"ร่างบางถามร่างสูง

     "ชั้นบนไง บนสุดนั่นนะ เล่มที่สามจากซ้ายมือ"

     คาโลมองหนังสือที่ต้องการ ก่อนจะพยายามเขย่งปลายเท้าให้มากที่สุด แต่ชั้นหนังสือก็สูงเกินไป โยเซฟที่เห็นว่าร่างบางกำลังพยายามก็อดขำไม่ได้ เดินเข้าไปช่วย

     "เอ้านี่!"

     คาโลหันไปหาร่างสูงด้านหลังก่อนจะตกใจเมื่อพบว่าตนกับร่างสูงอยู่ห่างกันเพียงคืบเท่านั้น

     นัยน์ตาสีดำสบกับนัยน์เนตรสีฟ้าหม่นเศร้า ลมหายใจของทั้งคู่บ่งบอกว่าใกล้กันแค่ไหน ร่างสูงมองสำรวจใบหน้าหวานใกล้ตาอย่างพินิจ ไม่ว่าจะรูปหน้า ผิวขาวผ่อง นัยน์ตาระยับหม่นเศร้าที่งดงาม ริมฝีปากแดงอิ่มน่าสัมผัส

     ใบหน้าคมเข้มยื่นเข้าไปใกล้อย่างเผลอไผลในความงดงามของร่างบาง

     "ยะ โยเซฟ!"คาโลเอ่ยอย่างตกใจ ดันร่างสูงออกห่าง

     "ขะ ขอโทษที"ร่างสูงเอ่ยตะกุกตะกัก

     ร่างเพรียวบางหน้าแดงระเรื่อ ก่อนจะรีบเดินหนีออกมาจากห้อง ทิ้งให้โยเซฟทุบหัวตัวเองอย่างไม่พอใจ

     แต่เหตุการณ์นั้นถูกเฝ้ามองตลอดเวลา ด้วยดวงตาสีน้ำเงินที่โหมกระหน่ำไปด้วยเพลิงอห่งอารมณ์อันยังคงเป็นปริศนาแก่ตัวเจ้าของเอง

     ..........

     ตกเย็น.....

     โยเซฟเอาหนังสือที่คาโลลืมไว้มาให้ถึงห้อง แต่ก็เลือกที่จะไม่เข้าไป โยเซฟหน้าแดงเล็กน้อย แต่คาโลเลิกที่จะอายแล้ว กลับหัวเราะน้อย ๆ แทน โยเซฟจึงขอตัวจากไปอย่างรวดเร็ว คาโลส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนจะปิดประตูห้อง

     "ไม่ชวนเข้ามาในห้องซะเลยละ"

     ร่างบางสะดุ้ง ก่อนจะหันไปตามเสียงเรียก พบร่างสูงของมิคาเอลเดินเข้ามาในห้องจากริมระเบียง คาโลนิ่งเงียบ มองร่างสูงอย่างระแวดระวัง

     "อะไรกันสายตาแบบนั้นนะ"มิคาแอลยิ้มเจ้าเล่ห์

     "มีอะไร"คาโลถาม

     "ต้องมีเหตุผลหรือไงถึงจะขึ้นมาที่นี่ได้" ร่างสูงเดินเข้ามาในห้อง ก่อนจะนั่งลงบนเตียงใหญ่สีขาว

     "ถ้าไม่มี...ก็เชิญออกไป"ร่างบางเอ่ยเสียงเรียบ ยังคงยืนอยู่กับที่

     มิคาแอลมองคาโลอย่างไม่พอใจ "ทำไม ทีข้าน่ะไล่นัก ทีโยเซฟทำเป็นระรื่นเชียว"

     คาโลกำมือแน่น มองร่างสูงอย่างไม่พอใจ

     "มานี่!"มิคาแอลสั่ง

     "ไม่!"คาโลเอ่ยอย่างไม่ต้องคิด "ออกไปซะ! ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้าอีก!"

     "ข้าบอกให้มานี่!"

     "ไม่!"

     "อยากโดนดีใช่มั๊ย!"ร่างสูงตวาดลั่น ดวงตาสีน้ำเงินวาววับด้วยอำนาจแห่งมนตรา ดึงให้คาโลลอยหวือเข้ามาหาตน ร่างเพรียวถูกจับนั่งลงบนตักใหญ่

     "อ๊ะ! อย่านะ! ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!"ร่างเพรียวบางดิ้นรนขัดขืนอย่างที่สุด แต่ร่างสูงก็ยังคงชนะเขาอยู่วันยังค่ำ

     "อยู่นิ่ง ๆ! เจ้าทำข้าอารมณ์เสีย!"

     "เรื่องของเจ้าสิ! ปล่อยข้านะ!!"

     "อ๋อเหรอ! เดี๋ยวนี้ดื้อนักนะ! พอมีเจ้าโยเซฟก็ทำเป็นระริกระรี้เชียวนะ!!"

     "หุบปาก!"ร่างบางตะโกนลั่น "เจ้ามีมีสิทธิ์อะไรมาว่าข้าแบบนี้!!"

     "สิทธิ์! อ๋อ เจ้าคงจะลืมไปแล้วสินะ ว่าข้าน่ะมีสิทธิ์เต็มที่เชียวละ คงต้องรื้อฟื้นหน่อยละมั้งว่าเจ้าน่ะ เป็นของข้า เป็น 'ของ' ของข้า!!"

     ร่างบางถูกจับกดลงบนเตียงนุ่ม ดวงตาสีฟ้าเบิกกว้างอย่างตกใจ ภาพเมื่อครั้งก่อนย้อนกลับเข้ามาในหัว

     "มะ ไม่นะ! ไม่! ปล่อยสิ! ปล่อยฉัน!"

     "หุบปากซะคาโล! เจ้าทำข้าหงุดหงิดมาเสียหลายวัน และยังดื้อด้านไม่สำนึกถึงสภาพตัวเองอีกด้วย ข้าคงต้องใช้สิทธิ์สั่งสอนเจ้าให้หราบจำอีกครั้ง!"

     "ไม่! หยุด!!"

     ร่างสูงฉีกกระชากเสื้อผ้าของร่างบางออกด้วยอารมณ์รุนแรง ร่างบางร้องลั่น

     "หยุด! ไม่นะ! หยุด!"

     ร่างสูงกดแขนเรียวลงกับเตียงก่อนจะปิดปากนุ่มด้วยรสจูบรุนแรงและเต็มไปด้วยความกระหายที่เร่าร้อน ไม่รู้ว่าทำไมต้องทำแบบนี้ แต่ยามเห็นร่างบางสนิมสนมกับคนอื่น ยิ้มให้คนอื่น หัวเราะกับคนอื่น มันทำให้เขาปั่นป่วนไปหมด จนอยากจะบ้าตาย!

ร่างสูงจัดการให้ร่างบางเปลือยเปล่าได้อย่างใจจนสำเร็จ ก่อนจะมองร่างบางที่กอดตัวเองแน่น ตัวสั่นด้วยความกลัว น้ำตาไหล

     "สำนึกไว้ซะบ้างนะคาโล...ว่าเจ้านะเป็นของข้า...อย่าไปอ่อยใครต่อใครให้มากนัก!"

     ร่างบางจ้องร่างสูงเขม็ง ก่อนจะยกมือขึ้น แต่ร่างสูงจับเอาไว้เสียก่อน

     "เอะอะตบ เอะอะตบ ดื้อจริงๆละน้า...."

     "ปล่อย!"คาโลสะบัดมือออก
 
     "หลังจากฉันพอใจแล้วจะปล่อย"ร่างสูงเอ่ยเหมือนคำสั่ง ก่อนจะดึงร่างบางเข้ามาใกล้และก้มลงประกบริมฝีปากอย่างเร่าร้อน คาโลพยายามผลักไส แต่ก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อลิ้นร้อนถูกส่งเข้ามาในโพรงปาก มันควานเข้าไปหาความหวานอย่างลึกล้ำ คาโลหลับตาแน่น

     "โอ๊ย!"ร่างสูงผลักร่างบางออก รสชาติเค็มของเลือดกระจายไปทั่วปาก เขามองร่างบางที่จ้องเขาเขม็ง "หึ...กัดปากเหรอ...ฉลาดดีเหมือนกันนิ"

     "ข้าจะไม่ยอม....ให้เจ้าทำข้าอีก!"คาโลเอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้

     "งั้นก็หนีให้พ้นสิ"

     ร่างสูงคว้าแขนร่างบาง แต่คาโลสะบัดออก ก่อนจะผลักร่างสูงและลุกขึ้นจากเตียง หมายจะวิ่งไปที่ประตู แต่ร่างสูงเร็วกว่า มิคาแอลกระโดดข้ามเตียง พุ่งเข้าไปหาร่างบาง คว้าแขนเรียวเล็กกว่าไว้ได้ ก่อนจะผลักให้คาโลล้มลงบนเตียงอีกรอบ และตนก็ขึ้นคร่อมทันที

     "ปล่อยข้านะ! ปล่อย!"

     "ก็บอกแล้วไงว่าหนีให้พ้น...."ร่างสูงเอ่ยเรียบ ๆ ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้างาม เอ่ยเสียงเข้ม "ถ้าครั้งนี้เจ้ากัดอีกละก็....ข้ารับรองเลยว่าข้าจะไม่ปราณีเจ้าแน่"

     แล้วริมฝีปากก็ประกบอย่างเร่าร้อนอีกครั้ง ลิ้นร้อนพันกันมั่วไปหมด มือใหญ่เลิกสนใจที่จะพันธนาการร่างบาง แต่เลื่อนลงมาสัมผัสที่ปุ่มกุหลาบ ร่างสูงถอนจูบก่อนจะเลื่อนลงมาตามลำคอระหงส์ สร้างรอยรักเอาไว้เป็นการแสดงความเป็นเจ้าของ ก่อนจะจับร่างบางแยกขาออก ทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็ว อาจเพราะร่างสูงไม่คิดจะหยอกล้อร่างบางอยู่แล้ว เพราะตอนนี้ เขาต้องการจะเข้าไปสัมผัสร่างบางมากเหลือเกิน

     นิ้วใหญ่ถูกส่งเข้าไปในช่องทางสีชมพู คาโลสะดุ้งเฮือกร้องลั่น ผวากอดร่างสูงและจิกเล็บลงบนแผ่นหลังแน่น

     "อา!! เจ็บ! ออกไป...ฮึก...เจ็บ...."

     ร่างสูงไม่ได้สนใจฟังคำของร่างบาง เขาเพิ่มนิ้วเข้าไปอีกเป็นสามนิ้ว คาโลลแอ่นกายรับอย่างเจ็บปวด ร้องครางลั่น ร่างสูงถอนนิ้วออก และจับขาเรียวพาดบ่า ก่อนจะกระแทกกายเข้าไปจนมิด

     "อา!!!!!"คาโลร้องลั่น

     ร่างสูงไม่สนใจอีกแล้ว เขากระแทกกายเข้าออกอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ทุกอย่าง เป็นไปตามความต้องการของเขาเอง

     "อ๊ะ! เจ็บ! อา...อึก...ออกไปที!...อา!"

     คาโลร้องอย่างเจ็บปวด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ฝันร้ายทีแทรกด้วยความสุขดำเนินต่อไปอย่างไม่ปราณี....

     ....................


     พระอาทิตยลาลับขอบฟ้า ท้องนภาสีแดงชานกำลังถูกกลืนกินด้วยสีดำแห่งราตรี หมู่ดารากำลังจะพราวแสง พระจันทร์เสี้ยวกำลังจะลอยเด่น สายลมเย็นทำให้บรรยากาศทั้งดินแดนนักรบที่ร้อนรุ่มยามกลางวัน กลายเป็นดินแดนแห่งความสงบเงียบและหนาวเย็นด้วยสายลมแห่งราตรี แต่กระนั้น ความเย็นไหน ๆ ก็มิอาจดับสิ้นความเร่าร้อนบนยอดหอคอยสูงแห่งราชวังคาโนวาลได้

     "แฮ่ก...แฮ่ก...."

     ร่างสูงเปลือยเปล่าหอบหายใจหนัก มองร่างบางเปลือยเปล่าข้างใต้ที่ดูอ่อนล้ากว่า ดวงตาสีฟ้าหม่นเศร้าหลั่งรินน้ำตาใสออกมาไม่ขาดสาย ร่องรอยแห่งการกระทำจากร่างสูงอยู่ทั่วเรือนร่างบาง ขัดขืนก็แล้ว วิงวอนก็แล้ว ขอร้องก็แล้วไม่ว่าจะทางไหน ร่างสูงก็ไม่สนใจแม้แต่น้อย ได้แต่คอยรับความกระหายที่ดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ของร่างสูงเสียแทน

     "ไม่พอหรอก..."ร่างสูงพึมพำ

     แล้วร่างบางก็ถูกริมฝีปากนั้นมอบรสจูบเร่าร้อนให้อีกครั้ง ล้นร้อนของทั้งคู่พันเกี่ยวไปตามอารมณ์ที่ปะทุขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง  มือใหญ่จับขาเรียวขึ้นพาดบ่า ก่อนจะเลื่อนลิ้นร้อนลงมาตามหน้าอกเนียน สร้างรอยรักไว้มากมาย ก่อนจะกระแทกกายเข้าไปในกายของร่างบางอีกครั้ง

     "อึก! โอ๊ย!"

     เป็นอีกครั้งที่คาโลต้องผวากอดคอร่างสูงแน่นด้วยความเจ็บปวด จิกเล็บลงบนแผ่นหลังเพื่อระบายความรวดร้าวอีกครั้ง ก่อนจะถูกร่างสูงกระแทกกายเข้าออกไม่ยั้ง

     "อา...อึก...อา...."

     เลือดไหลเปื้อนผ้าปูที่นอนอีกแล้ว....เป็นอีกครั้งที่ร่างสูงได้แต่ระบายอารมณ์ใส่ร่างบาง แต่ร่างสูงก็ไม่ยอมหยุด...

     ...................

     เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ราวกับเทพแห่งกาลเวลากลั่นแกล้ง แต่กระนั้น ฝันร้ายกลับยาวนาน.....

     มิคาแอลแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อย เขามองออกไปนอนหน้าต่างเห็นพระอาทิตย์กำลังจะโผล่พ้นขอบฟ้า เขาหันกลับมามองร่างบางที่นอนสลบไสลอยู่บนเตียง ก่อนจะมองดูเลือดสีแดงที่เปรอะเปื้อนผ้าปูที่นอนสีขาว มองคราบน้ำตาที่ไม่ได้จางหายไปเลยบนใบหน้างามที่อ่อนล้าและเศร้าโศก

     มือใหญ่กำแน่น เขาทำอะไรลงไป....

     "บัดซบ..."ร่างสูงพึมพำ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

     ....................

     "เฮ้ มิคาแอลเอ๋ย!"เสียงร่าเริงของเพื่อนทักมาแต่ไกล แต่มิคาแอลไม่อยากจะเจอใครตอนนี้

     "เฮ้ย เดี๋ยวดิ จะไปไหนว้า!"

     "มีอะไร"มิคาแอลถาม

     "น้ำเสียงโคตรเย็นชาฉิบ พูดกับเพื่อนแบบบนี้ได้ไวว้า~!"โยเซฟว่า

     มิคาแอลหันไปมองอย่างไม่พอใจ โยเซฟจึงเลิกเล่น ก่อนจะกระแอมเล็กน้อยและเอ่ย "แบบว่าจะมาถามว่า เห็นคาโลมั๊ยเอ่ย"

     ร่างสูงเงียบไปสักพัก ก่อนจะเอ่ย

     "ไม่เห็น..."

     "จริงอ่ะ!"

     "เออ!"

     "งั้นฉันจะลองขึ้นไปดูที่ห้อง"

     "แกห้ามไปที่นั่น!"

     ตึง!

     มิคาแอลคว้าคอเสื้อเพื่อนก่อนจะจับโยเซฟกระแทกเข้ากับกำแพง และเอ่ยด้วยเสียงดุดัน

     "แกห้ามขึ้นไปบนนั้นอีก!"

     โยเซฟมองเพื่อน ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ ผลักมิคาแอลออก และเอ่ย "ว่าแล้วเชียว..."

     มิคาเอลกำมือแน่นก่อนจะหันหลังเตรียมจะเดินไปที่ห้องทำงาน

     "ฉันน่ะ โคตรเกลียดแกเลยรู้มั๊ย มิคาเอล...."

     ร่างสูงชะงัก ก่อนจะหันกลับมามองเพื่อน

     "โคตรเกลียด...เกลียดที่แกทำเป็นไม่สนใจอะไร แต่พอฉันจะสนใจสิ่งนั้นบ้าง แกก็กลับสนใจมันจริง ๆ .....มันทำให้ฉันมีความหวังตั้งหลายรอบรู้มั๊ย...หวังว่าแกจะไม่ชอบ แต่พอฉันจะชอบแกก็กลับชอบมันจริงๆ...แบบนี้ฉันน่ะแย่นา...."

     "แกพูดอะไรของแก"

     "พูดความจริงไงละ"

     มิคาเอลมองเพื่อนนิ่ง

     "ฉันละเกลียดแกตรงนี้ที่สุด...และทุกครั้ง ฉันจะปล่อยคืนไปให้แกเสมอ แต่ครั้งนี้....ฉันจะไม่คืนแกอีกแล้ว"โยเซฟยิ้มเจ้าเล่ห์ "ฉันไม่ยอมอีกแล้วนะจะบอกให้....เพราะฉันน่ะ...ชอบคาโลมากซะด้วย"

     "แก!!"

     "หวงหรือไง"

     มิคาเอลสะอึก ก่อนจะเอ่ย "เปล่า! แต่แกเป็นเพื่อนฉัน และคาโลเป็นศัตรูของฉัน! แกจะหักหลังฉันหรือไง!!"

     "เปล่า...เปล่าเลย...ฉันก็แค่ชอบคาโล..."

     "นั่นแหละหักหลังฉัน!"

     "ทีแกยังหักหลังตัวเองเลย"

     "อ๊ะ!"ร่างสูงนิ่งงัน ก่อนจะกำมือแน่น กัดฟันกรอด "ไม่ใช่!"

     "ใช่สิ...สายตาแกมันฟ้องนิ"

     "แกหุบปากซะ โยเซฟ!"

     "ฉันจะให้คาโลเลือก...ว่าเขาจะเลือกใคร...เมื่อถึงตอนนั้น...แกอย่ามาทวงคืนทีหลังแล้วกัน"โยเซฟยิ้มเป็นนัยก่อนจะเดินจากไป มิคาแอลกำมือแน่น กัดฟันกรอด ก่อนจะเดินจากไปอีกทาง

     ทำไมเรื่องมันเป็นแบบนี้ไปได้!!

     แล้วทำไม! ไอ้ความโกรธนี่มันอะไรกันวะ!!!

     ...................

     คาโลตื่นขึ้นมาก็ปาเข้าไปบ่ายแก่ ๆ แล้ว แต่ทว่า....นัยน์ตาสีฟ้านั้นไร้แววใด ๆ จนน่ากลัว...

     ร่างบางลุกขึ้นนั่งอย่างช้า ๆ ก่อนจะมือของตัวเองที่เป็นรอยแดงจากการพันธนาการของร่างสูง ร่างบางกอดตัวเองแน่น ก่อนจะนั่งกอดเข่า น้ำตาใสไหลรินอาบแก้มแต่ไร้เสียงสะอื้นไห้ วงเนตรสวยไร้แววทอดมองออกไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย ก่อนจะหันหน้ามาทางแสงที่สะท้อนข้างกาย

     แจกันใบสวยที่ใส่ดอกเกล็ดหิมะไว้กระทบแสงแดดยามบ่ายจนเป็นประกาย ร่างบางเอื้อมมือออกไปผลักให้มัน....

     เพล้ง!!

     มิคาเอลสะดุ้งก่อนจะเงยหน้ามองขึ้นไปยังเหนือสุดบันได

     "เสียงนั่น...."เขาเอ่ยเบา ๆ นิ่งฟังอยู่สักครู่ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก จึงส่ายหน้าเลิกสนใจไป

     ในห้อง คาโลก้าวลงจากเตียงโดยมีผ้าห่มคลุมกาย เขาทรุดตัวนั่งลงบนพื้น มองเศษแจกันที่สะท้อนแสงแดดยามบ่ายเป็นประกายราวกับยั่วยวน ดอกเกล็ดหิมสีขาวนอนนิ่งอยู่บนพื้นห้องและน้ำที่เจิ่งนอง มือเรียวยกขึ้นหยิบเศษแจกันที่สะท้อนแสงแดดขึ้นมา....

     .........ติ๋ง.........

     น้ำใสบนพื้น กลายเป็นสีแดงอย่างช้า ๆ เมื่อหยดเลือดไหลออกมาจากรอยกรีดบนข้อมือของร่างบาง.....

     "ไม่ไหวแล้ว....."ร่างบางพึมพำก่อนจะกำมือที่ถือเศษกระจกแน่นจนมันบาดลึกลงไป เลือดสีแดงฉานไหลอาบเต็มมืออย่างรวดเร็ว "ฮึก...ไม่เอาแล้ว...ฮึก..."

     ดอกเกล็ดหิมะ ค่อยกลายเป็นสีแดงอย่างช้า ๆ เมื่อหยดเลือดหยดลงมากระทบกลีบของมัน.....

     ..........

     มิคาเอลนิ่งอยู่หน้าประตู เขาไม่อยากเข้าไป เพราะรู้สึกกลัวอย่างประหลาด...กลัวว่าจะพบกับสายตาที่เกลียดชังจากร่างบางและกลัวว่าตัวเองจะลงมือทำอะไรลงไปอีก....แต่เขาก็เลือกที่จะเข้าไป...

     แอ๊ด....

     "คาโล....?"

     ร่างสูงไม่เห็นร่างบางบนเตียง แต่สายตาเหลือบไปเห็นมือขาวที่คุ้นตาโผล่ออกมาจากมุมของเตียงบนพื้นห้อง มิคาเองรีบเข้าไปดูทันที

     "คาโล!!!"

     ร่างเพรียวบางนอนสลบไสล แขนเรียวงามทั้งสองข้างเต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน ใบหน้างามยังคงมีน้ำตาไหลออกมา บนพื้น น้ำใสกลายเป็นเลือด และดอกเกล็ดหิมะ กลายเป็นสีแดง.....
คาโล....

     เสียง....

     คาโล.....

     เสียงนี้....

     ตื่นได้แล้วคาโล....

     เฟริน....

     ตื่นซะทีสิไอ้น้ำแข็งขี้เซา...

     เปลือกตาปรือขึ้นอย่างช้า ๆ นัยน์ตาสีฟ้างามมองไปรอบ ๆ ก่อนจะพบแต่ความมืดที่ไม่อาจจะมองเห็นอะไรได้ แต่เขากลับเห็นมือของตัวเองจนชัดเจน....

     อะไรกัน...ที่นี่ที่ไหน....

     คาโล....

     ร่างเพรียวหันไปตามเสียง ก่อนจะพบกับแสงสว่างสีนวลอยู่อีกทาง ในแสงสว่างนั้น หญิงสาวชุดกระโปรงสีขาวกำลังส่งยิ้มมาให้เขา

     ฟะ....เฟริน....

     รอยยิ้มขี้เล่น นัยต์เนตรกลมโตสีน้ำตาม ผมยาวสีน้ำตาล มือเรียวที่โบกมือมาให้แต่ไกล

     เฟริน....

     ไง คาโล....

     เธอยังไม่ตาย....ยังไม่ตายจริง ๆ ด้วย....

     รอยยิ้มขี้เล่นของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเห็นใจ

     อ่านะ...ยึดติดกับอดีตอีกแล้วนะนายน่ะ...ฉันน่ะ...ตายไปตั้งนานแล้วนะ.....

     แต่เธอ....

     อย่าทำแบบนี้เลยนะคาโล...

     เอ๋....

     อย่าทำร้ายตัวเองอีกนะ...

     หญิงสาวยิ้มเศร้า

     ทำแบบนี้ ฉันก็ห่วงแย่น่ะสิ....

     คาโลยิ้มน้อย ๆ

     เธอน่ะเหรอ...ห่วงคนอื่น....

     ก็เออสิ....โดยเฉพาะนายน่ะ น่าห่วงที่สุดเลย....แบบนี้ฉันก็ไม่สบายใจหรอกนะเจ้าบ้า....

     ขอโทษที....

     อย่าทำร้ายตัวเองแบบนี้อีกคาโล....เลิกยึดติดกับอดีตซะนะ.....

     คาโลหุบยิ้ม นัยน์เนตรเศร้าศร้อย

     ยังมีคนที่รักนายอยู่นะ...ฉันน่ะมันคนใจกว้าง...จะรักใครชอบใครฉันไม่ว่าหรอก....

     ไม่มีทาง....ฉันรักเธอคนเดียวเท่านั้น.....

     อย่ามาปากหวานหน่อยเลย....

     แต่....
 
     รักใครก็ได้ที่เขารักนาย...และอย่าทำร้ายตัวเองอีก....

     เฟริน....

     มีคนที่รักนายมาก ๆ รออยู่....

     คาโลตกใจเมื่อเห็นว่าแสงนวลนั้นกำลังจะค่อย ๆ หายไป

     เฟริน!

     อย่าทำร้ายตัวเองนะ....รักใครก็ได้....ขอแค่....อย่าลืมฉันก็พอ.....

     ไม่นะ! เฟริน!

     กลับไปซะ....

     เฟริน!!

     อย่าลืมฉัน....

     เฟริน.....

     ....................

     เฟริน.....

     "อ๊ะ...."

     คาโลมองเห็นเพดานสีขาวของห้อง ผ่านผ้าคลุมเตียงสี่เสาสีฟ้าที่บางเบา เขาหลับตาลงอีกครั้งอย่างอ่อนล้า ก่อนจะเหตุการณ์ทุกอย่างจะหวนคืนมาให้นึกถึง....

     ร่างบางยกแขนของตนขึ้นมาดู พบว่าข้อมือทั้งสองข้างถูกพันด้วยผ้าพันแผลสะอาด ส่งกลิ่นยาเล็กน้อย ร่างบางนึกถึงเสียงของใครบางคนที่เข้ามาช่วยเขาไว้

     'คาโล! คาโล!! ทำใจดี ๆ ไว้ คาโล!!'

     ตอนนั้น....ดวงตาสีน้ำเงินลอยเด่นเป็นภาพสุดท้าย.....

     คาโลกอดตัวเองแน่น ก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่างห้อง...มืดแล้ว...พระจันทร์เสี้ยวลอยเด่นอยู่กลางนภา พร้อมกับดวงดาราที่มากมาย

     แอ๊ด....

     ร่างบางหันไปทางประตู ก่อนจะพบร่างสูงของมิคาเอล เดินเข้ามาในห้อง แต่แล้วร่างสูงก็ชะงัก เมื่อพบว่าร่างบางลุกขึ้นนั่งอยู่บนเตียง

     "เจ้า...."

     ร่างสูงก้าวเท้าเข้ามาใกล้อย่างช้า ๆ คาโลรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที เมื่อนึกถึงความโหดร้ายที่ร่างสูงได้กระทำ

     "ยะ...อย่า....."ร่างบางเขยิบหนี เมื่อร่างสูงของมิคาเอลเดินเข้ามาใกล้เตียง คาโลหลบตาแน่น เมื่อมือใหญ่ยกขึ้น แต่ทว่า....

     "ฟื้นแล้วสินะ...."

     มือใหญ่สัมผัสแก้มนวลอย่างอ่อนโยน จนคาโลต้องลืมตาอย่างแปลกใจ แต่ก่อนจะได้สงสัย ร่างบางถูกดึงเข้าสู่อ้อมกอดแกร่งอย่างรวดเร็ว

     "อ๊ะ..."

     คาโลงงงวย และไม่เข้าใจ แต่รับรู้ได้ว่าอ้อมกอดนี้อบอุ่นอย่างประหลาด และร่างสูงก็สั่นเทา....

     "ขอโทษ....ข้าขอโทษ....."

     เสียงทุ้มนั้นสั่นเพราะแรงที่กลั้นสะอื้น คาโลกำมือแน่น กัดฟันกรอดและผลักร่างสูงออกทันที ก่อนจะ...

     เพี้ยะ!

     "สารเลวที่สุด!"

     ร่างบางกรีดร้องลั่น มองร่างสูงอย่างโกรธแค้นปนโศก น้ำตาใสไหลรินอาบแก้มนวลสีขาวของคาโล ร่างบางกำมือแน่นขึ้น

     "สารเลว! เจ้าคนชั่ว! ข้าเกลียดเจ้า! เกลียดเจ้าที่สุด!"

     ร่างสูงไม่ได้ตอบโต้อะไรเลย เอาแต่นิ่งงันอยู่เฉย ๆ นั่นยิ่งทำให้คาโลโมโหมากขึ้นไปอีก

     "เงียบทำไมละ! เจ้าบ้าเอ๊ย! เพราะเจ้า! เพราะเจ้า! ทุกอย่างในชีวิตของข้าพังพินาศเพราะเจ้า! ข้าเกลียดเจ้าที่สุด! เกลียด เกลียด! เกลียดเจ้าที่สุด! ฮึก!....แล้วเจ้า....ยังหน้าด้านมาขอโทษข้าอีก....ฮึก....เจ้าคิดว่าแค่นี้มันจะหายกันไปหรือไง....ฮึก....ข้าเกลียดเจ้าที่สุด!"

    แล้วร่างบางก็สะอื้นไห้อย่างรวดร้าว หันหลังหนีร่างสูงที่แสนเกลียด ผู้ที่ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่เหลืออยู่ในชีวิตของเขา

     "ข้าขอโทษ...."

     อ้อมแขนแกร่งดึงร่างบางเข้าสู่ความอบอุ่นแสนประหลาดอีกครั้ง แผ่นหลังบางสัมผัสกับความอบอุ่นของอกแกร่ง คาโลพยายามสะบัดตัวหนี แต่ร่างสูงกลับกอดแน่น

     "ปล่อยข้า...ฮึก...อย่ามาแกล้งทำดีกับข้าแบบนี้...ฮึก...ทำแบบนี้...มันตบหัวแล้วลูบหลังชัด ๆ....ฮึก...."

     "ข้าขอโทษ....ข้อขอโทษ...."

     ร่างสูงได้แต่พร่ำพูดเช่นนี้ข้างหูซ้ำแล้วซ้ำเล่า ร่างบางก็ได้แต่สะอื้นไห้

     .....นี่มันอะไรกัน.....

     ...................

     ร่างบางเผลอหลับไปในที่สุด ร่างสูงวางร่างบางลงนอนอย่างเบามือ ก่อนจะปาดน้ำตาใสที่เปื้อนแก้มนวลขาวผ่อง เขาถอนหายใจหนัก ก่อนจะเอามือทั้งสองข้างกุมหัวอย่างเคร่งเครียด

     เขาควรจะยุติมันจะดีมั๊ย....

     คาโลไม่ผิดอะไรด้วย.....

     แต่ว่า....แล้วครอบครัวของเขาละ.....

     "อือ...."

     ร่างสูงหันไปตามเสียง พบว่าร่างบางพลิกกายไปอีกด้านหนึ่ง เขาถอนหายใจหนักอีกครั้ง ก่อนจะนอนลงข้าง ๆ ร่างบาง ดึงร่างบางเข้ามาสู่อ้อมแขน ก่อนจะประทับจูบอ่อนโยนให้ที่ขมับ

     "ขอโทษ....ข้าขอโทษ....."

     ....................

     คาโลตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ในเช้าวันถัดมา ร่างบางรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากอ้อมแขนใหญ่ คาโลพลิกกายกลับมามองร่างสูงที่กอดตนไว้แน่น จ้องมองใบหน้าอ่อนล้าของมิคาเอล....ชายที่ทำลายชีวิตของเขา....แต่กระนั้น....อ้อมกอดนี้ ทำให้หัวใจอบอุ่นและไหวหวั่นอย่างประหลาด....

     เกลียดหรือ....ใช่....

     รู้สึกดีมั๊ย....ในอ้อมกอดนี้....ใช่....

     แต่ไม่อาจเข้าใจ ความรู้สึกของตัวเองได้เลย ว่าจริง ๆ แล้ว....มันเป็นยังไงกันแน่.....

     แต่ยังไงก็ตาม...สิ่งที่ร่างสูงทำ...มันเจ็บปวดและทรมานเหลือเกิน.....

     คาโล พยายามลุกออกจากอ้อมกอดนี้ แต่แล้วร่างสูงก็ตื่นเสียก่อน

     "คาโล..."

     "....ปล่อยข้า...."มิคาเอลรู้สึกหวั่นใจกับน้ำเสียงเรียบนิ่งปนโศกนั้น เขากอดร่างบางแน่นขึ้นอีก

     "ข้าผิดไปแล้ว....ข้าขอโทษ...."

     มือขาวกำแน่น ก่อนจะเอ่ย "ขอโทษ...เจ้าก็พูดได้แค่นี้นั่นแหละ..."ร่างบางเอ่ยอย่างตัดพ้อ ดันตัวออกห่างจากร่างสูง ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง แต่มิคาเอลไม่ยอมแพ้ เขารั้งข้อมือของร่างบางเอาไว้

     "แล้วจะให้ข้าทำยังไงละ....ทำยังไงถึงจะชดใช้ความผิดของข้าได้...."

     คาโลจ้องร่างสูงอย่างไม่พอใจ สะบัดมือออก ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่พอใจ "ข้าไม่รู้! อย่ามายุ่งกับข้าอีก แค่คำขอโทษ มันไม่ได้ทำให้เกียรติและศักดิ์ศรีที่เจ้าทำลายไปคืนมาหรอกนะ!!"

     "แต่ข้าเสียใจ!"

     "เสียใจงั้นเหรอ!"คาโลเอ่ยเสียงดัง รู้สึกขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมากระทันหัน "เจ้าทำร้ายข้า ทำลายชีวิตของข้า ทำลายเกียรติและศักดิ์ศรีของข้า ฆ่าข้าทั้งเป็นด้วย...ด้วย...ด้วยการกระทำอันน่าอัปยศนั่น!" น้ำตาใสไหลรินอย่างช้า ๆ "ข้าไม่เหลืออะไรอีกแล้ว! แต่เจ้าก็ขอร้องให้ข้ายกโทษ ด้วยเพียงแค่ใช้คำว่า 'เสียใจกับขอโทษ'!! แค่นั้นมันทำให้ชีวิตของข้ากลับคืนมาเหมือนเดิมหรือยังไง!!"

     ร่างสูงนิ่งเงียบ มองร่างบางที่สะอื้นไห้อย่างเงียบ ๆ เขากำมือแน่น ถูกอย่างที่คาโลว่า....เขาทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง....ตั้งแต่แรกแล้ว....เขาได้ทำร้ายร่างบางตรงหน้าตั้งแต่แรก....ได้ฆ่าคนที่คาโลรักที่สุด....และตอนนี้ ยังได้ทำลายทุกอย่างที่คาโลเหลืออยู่....

     "ข้ารู้...ว่าข้าผิด..."

     "ฮึก..."คาโลยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสาย

     "แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง...."ร่างสูงยื่นมือออกไปปาดน้ำตาให้ร่างบางอย่างอ่อนโยน เสียจนคาโลยังแปลกใจ "ทำยังไง เจ้าจึงจะยกโทษให้...ทำยังไง...บอกข้ามาสิคาโล...."

     "หึ! นี่มันอะไร....แกล้งทำดีกับข้าเหรอไง...ฮึก...แผนแก้แค้นของเจ้าเหรอ...."

     "ไม่ใช่...ไม่ใช่เลย....ข้าเสียใจจริง ๆ....ข้าอยากจะยุติความแค้นบ้า ๆ ของข้าแล้ว....ข้าจะปล่อยไป....ให้มันเป็นอดีต...."

     คาโลไม่รู้ว่าจะเชื่อดีมั๊ย เขากำลังสับสนและงุนงง หลายวันก่อน คนตรงหน้าเป็นชายที่แสนโหดร้าย ทำร้ายทุกสิ่งทุออย่าง ทำร้ายเขา แต่ตอนนี้ กลายเป็นอีกคน....เขาไม่รู้ว่าจะทำยังไง.....

     "ข้าไม่รู้...ฮึก....ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น...."ร่างสูงมองร่างบางตรงหน้าอย่างห่วงใย หมายจะเข้าไปโอบกอดปลอบโยน แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อร่างบางเอื้อนเอ่ยคำนั้นออกมา "อย่ายุ่งกับข้า...ปล่อยข้าไปเสียเถอะ...ข้าไม่รู้ว่าจะเชื่อเจ้าได้หรือไม่...ข้าไม่รู้....ฮึก...."

     ร่างสูงชักมือกลับ นิ่งเงียบไปสักครู่ ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปที่ประตูห้องและจากไปอย่างเงียบเชียบ....

     คาโลล้มตัวลงนอนกอดตัวเอง และร้องไห้เงียบ ๆ เขาไม่เข้าใจอะไรเลย...สับสน...งงงวย...เศร้าโศก...โหยหา...เขาจะทำยังไงดี......

เหมือนเหตุการณ์ผลิกผันไปโดยพลัน หลายวันมานี้ มิคาเอล ไม่ได้ทำอะไรคาโลอีกเลย ไม่มีคำสมประมาทต่อว่า ไม่มีความรุนแรง ไม่มีการแตะเนื้อต้องตัว กลับออกห่างเสียด้วยซ้ำ พูดคุยเพียงเล็กน้อย ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องงานราชการและอาการบาดเจ็บที่ข้อมือ

     คาโลเอยังคงแปลกใจกับท่าทีเช่นนี้ แต่ก็ไม่ได้คิดจะทำอะไร คิดว่าแบบนี้ก็ดีแล้ว....

     "ไง คาโล!"ร่างบางหันไปตามเสียง พบโยเซฟส่งยิ้มร่าเริงอารมณ์ดีมาให้ เขายิ้มตอบกลับไปน้อย ๆ

     "ไง..."

     "อะไรกัน เสียงแบบนั้นน่ะ"โยเซฟเอ่ย ยกมือใหญ่ขึ้นลูบหัวร่างบางอย่างอ่อนโยน

     "ไม่มีอะไรหรอก"คาโลยิ้ม "ขอบใจนะ"

     "จริงอ่ะ หมู่นี้ฉันเห็นนายท่าทางไม่ค่อยร่าเริงเลยนะ"

     "เหรอ...ก็...ฉันก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วนี่หน่า"

     "ไม่เอาน่า ร่าเริงหน่อย"โยเซฟยิ้มหใกลังใจ "เดินเล่นกันมั๊ย" ทั้งสองลงไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้

     ผ้าม่านสีน้ำเงินแหวกออก ดวงตาคมสีน้ำเงินจ้องมองทั้งสองผ่านกระจกบานใส เฝ้ามองจับจ้องไปที่ร่างเพรียวบางของเจ้าชายแห่งคาโนวาล ซึ่งกำลังยิ้มและหัวเราะน้อย ๆ มิคาเอลยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะผละจากหน้าต่างบานใส กลับไปที่งานตรงหน้า

     "มีกำหนดการอะไรอีก"

     "วันพรุ่งนี้ ต้องเดินทางไปยังท่าเรือใหญ่ มีชาวบ้านแจ้งฎีกามาว่ามักประสบปัญหากับความโจรสลัดกลุ่มใหม่ที่มักจะมาโจมตีท่าเรือบ่อย ๆ"

     "ทหารไม่ทำอะไรเลยหรือไง"

     "เอ่อ...คือ...พวกมันหลอกล่อทหารมาแล้วหลายครั้ง อีกทั้งยังใช้เวทย์มนต์ดำชั้นสูงอีกพ่ะย่ะค่ะ"

     "อืม....แพ้เพราะเวทย์มนต์สินะ....เตรียมมังกรให้ข้าและที่ปรึกษาทั้งสองของข้าด้วย"

     "เอ่อ...แต่พระองค์"

     "อะไรหรือ"

     "เจ้าชายคาโลทรงมังกรไม่ชำนาญนักพ่ะย่ะค่ะ"

     ....................

     คาโลนั่งตัวเกร็งอยู่บนหลังมังกร เขาไม่ค่อยชำนาญพวกการขี่สัตว์บินได้นัก แต่ก็พยายามคิดในทางที่ดีไว้ ว่ามันคงเหมือนขี่ม้าละมั้ง

     "นั่งดีๆละ"เสียงเอ่ย คาโลหันไปมอง พบมิคาเอลนั่งอยู่บนหลังมังกรตัวข้างเคียงกับเขา "จับบังเหียนให้มั่น เอนตัวหมอบต่ำติดกับมังกรไว้ อย่าลุกขึ้นพรวดพราดเวลาบิน ปล่อยให้มังกรนำทางไป"

     "อะ อืม"คาโลตอบรับเรียบ ๆ

     ร่างสูงเหลือบมองคาโลสักครู่ก่อนจะเอ่ยเสียงดัง "ไปได้!!"

     แล้วคณะแห่งกษัตริย์คาโนวาลทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าสีครามสดใส และมุ่งตรงไปยังท่าเรือที่หมาย คาโลตัวเกร็ง หมอบตัวตัวติดกับมังกรอย่างที่ร่างสูงบอกไว้ ก่อนจะค่อย ๆ ยกตัวขึ้นเล็กน้อยและลองมองดูทิวทัศน์รอบ ๆ

     "วู้~!!"

     เสียงข้างตัวดังขึ้น คาโลเห็นโยเซฟยืนจับบังเหียนอยู่บนมังกร ก่อนจะที่ร่างสูงขี้เล่นจะทำให้มังกรบินขึ้นสูงกว่าระดับคณะและทำให้มังกรบินตีลังกากลางอากาศ ก่อนจะกลับลงมาร่วมวงคณะอีกครั้ง โยเซฟขยิบตาให้คาโล ร่างบางยิ้มน้อย ๆ

     "ระวังไว้ซะบ้าง โยเซฟ!"มิคาเอลตะโกนลงมาจากหัวขบวน

     "คร้าบ~~!!"คนขี้เล่นตอบกลับ ก่อนจะดิ่งตัวลงสู่เบื้องล่างและพุ่งขึ้นสู่ด้านบนอีกครั้ง คราวนี้ตีลังกาสองรอบ มิคาเอลส่ายหัวอย่างระอา แต่ก็ไม่ว่าอะไรอีก เพราะรู้ดีว่ามันไม่ค่อยจะสนใจฟังอยู่แล้ว เล่นลูกเดียว

     คาโลหัวเราะน้อย ๆ เริ่มหายเกร็งและชินขึ้นมาบ้างเล็กน้อย มองทิวทัศน์รอบกายอย่างสนใจ แต่แล้ว....

     "อ๊ะ!! เหวอ!!"

     "เจ้าชายคาโล!!"

     เหยี่ยวตัวหนึ่งพุ่งขึ้นมาจากป่าด้านล่างอย่างรวดเร็ว ผ่านน้าคาโลไป ทำให้ร่างบางร้องอย่างตกใจ เผลอปล่อยมือจากบังเหียน และเด้งตัวขึ้นจนเจอกับแรงลมแรงทำให้ร่างบางร่วงลงจากหลังมังกร

     "เหวอ!!!"

     พรึ่บ!!

     หมับ!!

     คาโลที่หลับตาแน่น ลืมตาขึ้นเมื่อรับรู้ถึงอ้อมกอดของใครบางคน

     "อ๊ะ! มิคาเอล!!"

     "จับแน่น ๆ"ร่างสูงเอ่ย คาโลพบว่าพวกเขากำลังดิ่งลงสู่เบื้องล่างอย่างรวดเร็ว ร่างบางหลับตา กอดร่างสูงแน่น รอรับความเจ็บปวด แต่มิคาเอลไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้น เขาผิวปากและมังกรของของก็พุ่งมาหาทั้งสอง ร่างสูงจับสายบังเหียนไว้แน่นและกลับมานั่งลงหลังมังกรได้อีกครั้ง

     "ปลอดภัยแล้ว"

     คาโลค่อย ๆ ลืมตา ก่อจะพบว่าตนนั่งอยู่ในอ้อมแขนของมิคาเอล ร่างบางใจเต้นระรัว หน้าแดงเล็กน้อย

     "ขะ...ขอบคุณ"

     "อืม"ร่างสูงตอบรับสั้น ๆ

     "คาโล!!"

     คาโลมอง โยเซฟที่บินมาใกล้ "นายโอเคนะ!!" คาโลยิ้มน้อยๆและพยักหน้าเป็นคำตอบ โยเซฟยิ้มอย่างโล้งใจ ก่อนจะมองมือใหญ่ของมิคาเอลที่โอบรอบเอวของคาโลเอาไว้ คาโลมองตาม ก่อนจะร้องอย่างตกใจ

     "อะ เอ่อ...ปล่อยข้าเถอะ..."

     "อยากจะตกลงไปหรือไง"ร่างสูงเอยโดยไม่ได้มองหน้าร่างบางเลย เอาแต่จับจ้องไปที่ข้างหน้าเท่านั้น

     "ตะ แต่"

     "อย่าห่วงเลย...เมื่อถึงพื้น ข้าจะไม่แตะต้องเจ้าแน่นอน"

     คาโลเงียบ ก่อนจะก้มหน้าลง....ทำไมน้ำเสียงรวดร้าวแบบนี้นะ....แล้วทำไมเรา....ต้องใจเต้นระรัวแบบนี้ด้วยนะ.....

     ไม่นาน คณะแห่งคาโนวาลก็มาถึงที่หมาย ท่าเรืองหลักของประเทศนักรบ เต็มไปด้วยผู้คนที่พลุกพล่านไปมา ต่างมีเป้าหมายทางธุรกิจการค้า แต่แล้วเมื่อเห็นร่างของกษัติย์หนุ่มองค์ใหม่ ต่างก็รีบเข้ามาล้อมวง ถวายความเคารพอย่างนอบน้อม เพราะต่างก็ได้ยินกิติศัพท์ของกษัตริย์องค์ใหม่นี้มามาก

     "เชิญตามสบายเถิดทุกท่าน"มิคาเอลตอบ ผละจากคาโลไปอย่างรวดเร็ว

     ร่างบางมองตามแผ่นหลังกว้างนั้น ก่อนจะรีบละสายตากลับมา และหันไปสนใจการขนสัมภาระเข้าที่พัก แต่กระนั้น ความรู้สึกบางอย่างมันทำให้วุ่นวายใจ....

     โยเซฟเฝ้ามองดูคาโลตลอดเวลา ก่อนจะหันไปมองเพื่อนอย่างมิคาเอล มือใหญ่กำแน่น ก่อนจะตามคาโลไปแทน

     "ฉันช่วยนะ!"โยเซฟฉวยกระเป๋าหนังมาจากมือร่างบาง

     "อ๊ะ! ไม่ต้องก็ได้"

     "ไม่เป็นไร ฉันอยากช่วยนะ"โยเซฟยิ้มอย่างใจดี "ไปกันเถอะ"

     คาโลยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะเดินตามร่างสูงขึ้นไป พร้อมกับหัวเราะในมุกตลกของโยเซฟที่กำลังเล่าให้ฟัง

     ดวงตาสีน้ำเงินมองตามทั้งสองไปอย่างมีความนัย ก่อนจะละจากไปอย่างรวดเร็ว

     "ข้าจะสำรวจบริวเณนีเสียก่อน พวกเจ้าไปอารักขาที่พักและที่ปรึกษาทั้งสองซะ"

     "แล้วฝ่าบาทเล่า?"

     "ข้าไม่อยากให้มันเอิกเกริกนัก ข้าจะไปคนเดียว"

     "พ่ะย่ะค่ะ!"

     ร่างสูงสวมเสื้อโค้ทมีผ้าโพกหัวไว้ เขากระชับผ้าโพกหัวก่อนจะเดินสำรวจท่าเรือ....ดีกว่าต้องเจ็บปวดเพราะการเฝ้ามอง.....

     คาโลที่นั่งอ่านหนังสือในห้องนั่งเล่นของโรงแรม ไม่เห็นร่างสูงเข้ามาเลย จึงอดถามกับทหารไม่ได้ และก็ได้คำตอบว่ามิคาเอลนั้นออกไปสำรวจบริเวณท่าเรือคนเดียวเสียแล้ว ใจหนึ่งอยากจะตามไป แต่เจ้าตัวรั้งตัวเองไว้ เพราะไม่อาจนึกเหตุผลได้ที่จะตามร่างสูงนั้นไป

     จะตามไปทำไมละ?

     ห่วงเหรอ!? ไม่มีทาง!

     ไม่มีทางแน่ๆ....ใครจะไปห่วงคนนิสัยแบบนั้นกัน....

     "นี่คาโล"ร่างบางหันไปตามเสียงเรียก "ไปเดินเที่ยวตลาดกันม่ะ!" โยเซฟชวนอย่างร่าเริง

     "ตอนนี้เนี่ยนะ?"

     "เออดิ! ไปกันเถอะ!!"

     ร่างสูงไม่รอช้า คว้าข้อมือร่างบางและลากออกไปด้วยทันที คาโลที่ร้องห้มไม่ทันก็ได้แต่เลบตามเลย....ก็ดีกว่ามานั่งคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องละนะ.....

ตลาดแถวท่าเรือครึกครื้นอย่างมาก เต็มไปด้วยสินค้าใหม่ ๆ มากมายจนลานตา ไม่ว่าจะผ้าไหม ผ้าแพร เครื่องเพชรนิลจินดา เสื้อผ้าหลากสี อาวุธหลากชนิด และอื่น ๆ อีกมากมาย คาโลมองไปรอบ ๆ อย่างตื่นตา นานแล้วที่เขาไม่ได้มาเดินเที่ยวสถานที่แบบนี้

     "คาโล ดูนี่สิ!"โยเซฟพาร่างเพรียวมาที่ซุ้มร้านค้าแห่งหนึ่งซึ่งขายเครื่องประดับ "สวยมั๊ยละ" โยเซฟหยิบสร้อยข้อมือรูปดาวขึ้นมา คาโลพยักหน้า ยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะลองมองอันอื่นบ้าง ก่อนจะไปสะดุดตากับเข็มกลัดรูปดอกเกล็ดหิมะสีขาวสะอาด โยเซฟสังเกตุเห็น จึงวางสร้อยข้อมือลงและขอซื้อเข็มกลัดนั้นทันที

     คาโลมองเข็มกลัดที่ร่างสูงซื้อไปอย่างเสียดาย แต่ก็ไม่เอ่ยอะไร เมื่อร่างสูงลากเขาออกมาจากแผงขายได้ก็ยื่นเข็มกลัดนั้นให้ทันที

     "เอ๋!?"

     "ชอบไม่ใช่เหรอ ฉันซื้อให้"โยเซฟยิ้มกว้าง

     "มะ ไม่ได้หรอก!"

     "เอาไปเถอะน่า"ร่างสูงเอ่ยตัดบท ก่อนจะติดเข็มกลัดดอกเกล็ดหิมะให้ร่างเพรียวทันที คาโลหน้าแดงเล็กน้อยเมื่อใบหน้าของทั้งคู่เข้ามาใกล้กัน โยเซฟสังเกตเห็น เขายิ้มและหัวเราะน้อย ๆ อย่างชอบใจ

     "หะ หัวเราะอะไร?"

     "ก็เวลานายหน้าแดง....มันน่ารักดี"

     คาโลยิ่งหน้าแดงเข้าไปใหญ่เมื่อเจอกับคำชมแบบนี้ ขาเลิกลั่กทำอะไรไม่ถูก "จะ จะบ้าเหรอไง!"

     "ฮ่าฮ่าฮ่า"โยเซฟหัวเราะ ก่อนจะคว้ามือร่างเพรียวมากุมไว้ "เข็มกลัดเหมาะกับนายดีนะ....นายชอบนิดอกเกล็ดหิมะน่ะ"

     "อืม ใช่....อ๊ะ!"คาโลเพิ่งนึกอะไรออก ก่อนจะหันมามองร่างสูงข้างกาย "โยเซฟ! นาย....."

     "อะไรเหรอ?"

     "ดอกเกล็ดหิมะในห้องฉัน....นาย...."

     โยเซฟงงงวยอยู่เพียงครู่ ก่อนจะเข้าใจ เขายิ้มอย่างมีนัยก่อนจะเอ่ย "ใช่...ฉันส่งไปเองแหละ...ชอบมั๊ยละ"

     คาโลดูจะตกใจในตอนแรก เขาสงสัยมานานแล้วว่าใครส่งช่อดอกเกล็ดหิมะมาให้ ที่แท้เป็นโยเซฟนี่เองหรอกเหรอ

     "อืม ชอบสิ"คาโลยิ้ม

     "งั้นเพื่อตอบแทนฉัน เราไปเดินเที่ยวกันต่อดีกว่านะ!!"ร่างสูงดึงมือร่างบางให้เดินตามไปทันที

     คาโลหัวเราะน้อย ๆ ก่อนจะมองมือใหญ่ที่กุมมือตนไว้...ทำไมนะ...มันไม่ค่อยอบอุ่นเลย.....

     ....................

     มิคาเอลเดินหาข่าวของโจรสลัดตัวปัญหาไปเรื่อย ๆ เขารู้สึกผ่อนคลายและสบายใจมากขึ้น ไม่มีงานเอกสารท่วมหัว ไม่มีเรื่องเครียด ๆ มากนัก มันทำให้ร่างกายและจิตใจที่อ่อนล้านั้นรู้สึกมีกำลังวังชาขึ้นมาบ้าง

     ร่างสูงเดินเข้าไปในร้านเหล้า ถามถึงข่าวและเบาะแสของพวกโจรสลัด โดยโกหกว่าตัวเองเป็นนักเดินทางมาจากซาเรส มาค้าขายและได้ข่าวเกี่ยวกับพวกโจรสลัด

     เขาได้เบาะแสมากมาพอสมควรเลยทีเดียว และนั่นทำให้เขาพอใจ และพอจะรับมือกับพวกมันได้

     "พวกมันใช้เวทย์น้ำ" นั่นเป็นเบาะแสหลัก

     มิคาเอลเดินออกมาจากร้านเหล้าในที่สุด ก่อนจะเตรียมเดินกลับที่พัก แต่แล้ว

     ฟิ้ว!!

     ตูม!!

     กรี๊ด!!!

     เสียงดังอึกทึก มาพร้อมกับเสียงระเบิดและกลุ่มของฝุ่นควันที่ฟุ้งไปทั่วบริเวณ มิคาเอลที่หมอบลงกับพื้นเหมือนคนอื่น เงยหน้าขึ้นมองไปยังต้นทางของลูกปืนใหญ่....เรือลำใหญ่ ซึ่งมีธงสีดำรูปหัวกระโหลกไขว้เด่น กำลังลอยลำเข้ามาเทียบท่าอย่างรวดเร็ว มิคาเอลกัดฟันกรอด เตรียมจะลุก แต่เขาก็รีบหมอบลงอีกครั้ง รู้สึกได้ว่าลูกปืนใหญ่เฉียดหัวไปเพียงนิดเดียว และตามมาด้วยเสียงระเบิดดังลั่น

     ตูม!!

     "เก็บกวาดมาให้หมดเดี๋ยวนี้ ทั้งอาหารและของมีค่า!!"เสียงห้าวดุดันของหัวหน้าโจรสลัดดังลั่น ตามมาด้วยเสียงร้องเฮของลูกเรือโจร

     มิคาเอลรีบลุกขึ้นตะโกนบอกให้ทุกคนวิ่งหนีทันที ก่อนจะหันไปมองกลุ่มโจรสัลดที่อยู่ไม่ไกล

     "เฮ้ย! นั่นเจ้าชายคาโลนี่หว่า!!"

     ร่างสูงเบิกตาโตอย่างตกใจ

     "เจอของดีแล้วเว้ย! เอาตัวมาเดี๋ยวนี้!!"

     "บัดซบ!!"มิคาเอลสบถ

     ....................

     คาโลกำลังเดินดูของกับโยเซฟอย่างเพลิน ๆ แต่แล้ว เสียงระเบิดก็ดังขึ้น เขาถูกโยเซฟดึงตัวลงให้หมอบลงกับพื้น โดยมีร่างสูงคร่อมตัวปกป้องสะเก็ดระเบิด

     "ลุกเร็ว!"โยเซฟฉุดให้คาโลลุกขึ้น แล้วเสียงระเบิดก็ดังขึ้นอีก ผู้คนมากมายต่างวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น กรีดร้องลั่นอย่างตื่นกลัว

     "คาโล! นายกลับไปที่พักซะ"โยเซฟเอ่ย ก่อนจะหันไปทางกลุ่มพวกโจรสลัดที่วิ่งหรี่เข้ามา

     "ไม่! ฉันจะช่วยด้วย"

     "กลับไปซะ!! เรียกทหารมาที่นี่!!"ร่างสูงเอ่ยซ้ำอีกครั้งเสียงดังลั่น เขาไม่ต้องการให้ร่างบางอยู่ที่นี่ในสถานการณ์แบบนี้

     "ก็บอกแล้วไงว่าไม่!"คาโลย้ำหนักเช่นกัน ทั้งสองจ้องตากัน โยเซฟชั่งใจ ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์

     "ก็ได้! แต่อยู่ข้าง ๆ ฉันไว้!"

     คาโลเตรียมตัวจะเรียกคทาพิพากษาออกมา แต่แล้วสายตาเหลือบไปเห็นเด็กน้อยสองพี่น้องกำลังกอดคอกันร้องไห้อยู่ท่ามกลางฝูงคนที่วิ่งไปมาโดยไม่สนใจ กลุ่มโจรสลัดที่กำลังฆ่าฟันเอาชีวิตคนเพื่อสิ่งมีค่าก็กำลังเข้ามาใกล้สองพี่น้องนั่นเรื่อย ๆ

     โยเซฟพุ่งเข้าโจมตีโจรสลัดอย่างรวดเร็ว คาโลใช้จังหวะนั้นวิ่งเข้าไปหาสองพี่น้องนั่นทันที

     "ไม่เป็นไรนะ!"คาโลเอ่ยถามอย่างห่วงใย สองพี่น้องชายหญิงมองเขาก่อนจะร้องไห้โฮโผกอดเขาแน่น คาโลยิ้มน้อย ๆ อย่างอ่อนโยนก่อนจะกอดตอบ

     ร่างบางยืนขึ้นจับมือของเด็กทั้งสองแน่นเพื่อพาหนีไปยังที่ปล่อดภัย แต่กลับถูกมือใหญ่ของโจรคนหนึ่งคว้าหัวไหล่ไว้ ทำให้ผ้าโพกหัวที่คลุมปกปิดใบหน้าไว้เลื่อนหลุด โจรคนนั้นชะงัก ก่อนจะยิ้มอย่างพอใจ หันไปตะโกนลั่น

     "กัปตัน! กัปตัน!! เราเจอของดีเข้าแล้ว!!"

     "เฮ้ย! นั่นเจ้าชายคาโลนี่หว่า!!"

     คาโลกัดฟันกรอด สะบัดตัวหนี ก่อนจะยกขาขึ้นฟาดแข้งลงไปบนคอของโจรคนนั้น ก่อนจะฉวยมือของสองพี่น้องออกวิ่งทันที โยเซฟเห็นเหตุการณ์ เขาจัดการแทงดาบทะลุไปข้างหลังของโจรผู้โชคร้าย ก่อนจะตามคาโลไปเพื่อระวังหลังให้

     "เจอของดีแล้วเว้ย!! เอาตัวมา!! เอาเป็น ๆ แบบไม่มีริ้วรอย!!"

     คาโลวิ่งไปเรื่อย ๆ เมื่อเหลียวหลังไป ก็เห็นโยเซฟคอยกันพวกโจรให้ แต่แล้วเขาก็ต้องดีดีตัวหนีเถาวัลย์น้ำที่พุ่งเข้ามา คาโลและสองพี่น้องกลิ้งไปตามพื้นหิน แต่ก่อนที่คาโลจะได้ทำอะไรต่อ ก็ถูกมือใหญ่ของกัปตันเรือโจรสลัดกระชากตัวขึ้นยืน ร่างบางร้องอย่างเจ็บปวดเมื่อมือใหญ่นั้นบีบแน่น

     "อืม....ตัวจริงเสียงจริง"เสียงทุ้มห้าวนั้นเอ่ยอย่างห้วน ๆ

     "ปล่อยข้า!"คาโลสะบัดแขนออก แต่ไร้ผล กลับถูกบีบแน่นขึ้นอีกจนต้องทรุดกายลง สองพี่น้องรีบเข้ามาประคองอย่างตกใจ

     "ปล่อยเดี๋ยวนี้!!"โยเซฟตะโกนอย่างเดือดดาล หมายจะเดินเข้ามาจัดการกับกัปตันโจรสลัด แต่แล้วก็ถูกลอบกัด ถูกโจรคนหนึ่งเอาปืนฟาดเข้าที่ท้ายทอยทำให้ร่างสูงสลบไปอย่างรวดเร็ว

     "โยเซฟ!"คาโลร้องอย่างตกใจ

     "เอาตัวไปขึ้นเรือ แค่นี้เราก็ได้เงินเป็นกอบเป็นกำแล้วละเว้ย เรียกค่าไถ่สักห้าหกล้านคราวน์ ไม่สิ สิบล้านน่าจะเข้าท่า หึหึหึ กษัตริย์แห่งคาโนวาลน่าจะจ่ายให้งามเชียวละ"

     "หึ! ข้ามันก็แค่เจ้าชายธรรมดา ไม่มีค่าตัวแพงอะไรทั้งนั้นแหละ!"คาโลเอ่ย พยายามสะบัดตัวหนี

     "อย่างน้อย หน้าตาแบบเจ้าก็ย่าจะขายได้ดีละนะ"กัปตันโจรสัลดเอ่ยอย่างไม่หยีระ มองคาโลอย่างพินิจแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์

     คาโลรู้สึกรังเกียจขึ้นมาทันที แต่แล้วก็ถูกลากให้เดินตามไป เขาทั้งพยายามสะบัดหนี ทั้งด่าทอในคำที่เขาคิดว่าไม่เคยพูดมาก่อน แต่ก็ไร้ผล สองพี่น้องนั้นก็ตามเขามาด้วยอย่างหวาดหวั่น

     "ปล่อยมือของแกออกจากคนของข้าเดี๋ยวนี้"

     "โอ้! พูดไก่ไก่ก็มาเลยแหะ"

     คาโลมองร่างสูงของมิคาเอล มือใหญ่ถือไม้พลองสีดำประจำตัวข้างกายคือ เลโอดาร์กเบิร์น สิงห์ไฟ สัตว์เวทย์ประจำตัวของมิคาเอล ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจับจ้องไปยังกัปตันเรือโจรสลัดอยางนักล่า สิงห์ไฟ้งกายแยกเขี้ยวขู่พร้อมกับเพิ่มการปะทุไฟของตัวเองให้โหมมากขึ้น

     "ข้าจะให้โอกาสเจาเลือก"มิคาเอลเอ่ยเรียบ ๆ "ปล่อยคนของข้าซะ หรือจะถูกเผาจนตาย"

     "อืม....มันเสียกำไรทั้งสองข้อเลย งั้นข้าขอเลือก....ทางที่สาม....เอาตัวเจ้าชายไปขายตลาดมืดยังจได้กำไรกว่ากันเยอะ"

     "แก!!"

     คาโลถูกผลักให้ล้มลงกับพื้น แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไร ก็ถูกพวกลูกน้องโจรสลัดจับมัดแขนมัดขาอย่างรวดเร็ว สองพี่องนั้นก็ถูกมัดไว้กับคาโลด้วย ร่างเพรียวบางกัดฟันอย่างเจ็บใจ ก่อนจะหันไปมองมิคาเอล สบตากับร่างสูงเพียงครู่ มิคาเอลควงไม้พลองสีดำในมืออย่างชำนาญก่อนจะกระแทกมันลงพื้น

     ปึก!!

     "งั้นสวดมนต์ได้เลย"ร่างสูงเอ่ยเสียงเหี้ยม

     "ท่านเล่า....ทำบุญแล้วหรือยังเอ่ย"

     แล้วคทาสีเงินก็โผล่ขึ้นมา กัปตันแห่งโจรสลัดจับตัวคทาไว้มั่นก่อนะกระแทกตัวคทาลงพื้นแล้วเริ่มท่องมน์ด้วยภาษาที่ยากจะเข้าใจ สายลมกรรโชกพัดผ่านไปทั่วบริเวณ คาโลรู้สึกได้งความเย็ยชื้นของไอน้ำรอบกยที่เพิ่มมากขึ้น และเมื่อกระแสลมแรงนันหยุดไปแล้ว ก็ปรากฎร่างของหญิงสาวที่ร่างกายของเธอเป็นน้ำทั้งหมด เธอชูกรงเล็บแหลมยาวพลางแยกเขี้ยวสีขาวเป็นการข่มขู่

     "ขอแนะนำสุภาพสตรีท่านนี้นะขอรับ....นางชื่อ เรียไรลา เป็นเมอร์เมดครับ!"

     "นี่สินะธาตุน้ำของแก"มิคาเอลเอ่ย ก่อนจะตั้งท่าเตรียมพร้อม ฝ่ายตรงข้ามเองก็เช่นกัน

     แล้วทันทีทันใด ร่างของสิงห์ไฟก็พุ่งเข้าปะทะกับร่างของนางเงือกวารี ทั้งสองร่างต่างส่งเสียงข่มขู่กันราวสัตว์ป่าที่หิวกระหาย สิงห์ไฟคำรามกรรโชก เงือกสาวส่งเสียงแหลมสูงปวดแก้วหู

     แต่แล้ว ขณะที่ร่างสูงกำลังพัวพันกับการต่อสู้ คาโลก็ถูกลากให้ขึ้นเรือไปอย่างง่ายดาย ร่างเพรียวบางถูกปิดปากแน่น ถูกฉุกกระชากลากถูกขึ้นไปยังดาดฟ้าของเรือ ก่อนจะถูกผลักให้ลงไปยังใต้ท้องเรือที่มืดสนิท และในที่สุด ก็ถูกผลักให้เข้าไปอยู่ในกรงขังที่ชื้นแฉะ เหม็นอับที่มีเพียงเขาและสองพี่น้องเท่านั้น

     "รออยู่ที่นี่นะเจ้าชาย ฮ่าฮ่าฮ่า!"

     คาโลจ้องเจ้าสวะทะเลอย่างไม่พอใจจนมันับหายไปจากสายตา ขึ้นไปสู่ดาดฟ้าเรือเพื่อชมการต่อสู้ของเจ้านายของมัน คาโลขยับมือไปมาเล็กน้อย ก่อนที่จะหลุดจากพันธนาการของเชือกเส้นหนา สองพี่น้องมองเขาอย่างแปลกใจ คาโลแกะผ้าออกจากปากก่อนจะยิ้มละไม

     "ก็นะ....การมีคนรักเป็นขโมยก็มีประโยชน์อย่างนี้แหละ"

     แล้วร่างเพรียวบงก็รีบช่วยสองพี่น้องอย่างรวดเร็ว ทั้งสองโผกอดเขาแน่นเมื่อถูกปลดปล่อยแล้ว

     "ขอบคุณคะ ฮึก! ฮือๆ"

     "โอ๋ๆ ไม่ร้องๆ"คาโลกอดปลอบ มองดูสองพี่น้องชายหญิงที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น เรอจนทั้งสองเงีบจึงเอ่ยถาม "พวกเธอสองคนชื่ออะไร""

     "หนูชื่อ 'ไลร่า' อายุ 8 ขวบและนี่น้องชายของหนูค่ะ ชื่อ 'ลีโอ' อายุ 6 ขวบ"

     "ไลร่า ลีโอ พ่อแม่ของพวกเธออยู่ที่ไหนละ?"

     ทั้งสองทำหน้าเศร้า "เราไม่มีพ่อแม่" ลีโอตอบเศร้า ๆ "พวกเราเป็นกำพร้า"

     คาโลหน้าเศร้าลง ก่อนจะลูบหัวเด็กทั้งสองอย่างปลอบโยน "ไม่เป็นไรนะ ตอนนี้พวกเธอมีฉันแล้วนะ"

     สองพี่น้องมองหน้าคาโลก่อนจะยิ้มกว้างอย่างดีใจ คาโลยิ้มตอบก่อนจะมองไปรอบ ๆ เพื่อหาทางออก เขาลุกขึ้น เดินสำรวจไปรอบ ๆ กรงขัง สองพี่น้องมองตามอย่างสนใจ คาโลนิ่งคิดสักครู่ ก่อนจะยื่นมือไปแตะกรงขัง แต่แล้วก็ต้องรีบชักกลับมาเมื่อกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านเข้ามาอย่างรวดเร็ว สองพี่น้องร้องเสียงหลง รีบเข้ามาดูอาการของคาโลทันที

     "พี่ชาย...."

     "ไม่เป็นไรหรอก"คาโลยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะสะบัดมือไล่ความเจ็บปวด

     กรงขังล้อมด้วยเวทย์มนต์ที่เป็นกระแสไฟฟ้า....ชวนนึกถึงคิลจริง ๆ เจ้านั่นมันก็มีพลังสายฟ้าเป็นหลักเหมือนกัน แต่พอจับมันแช่แข็งทีไร เป็นแพ้เราทุกที อ๊ะ!

     "ขอบใจจริง ๆ นะคิล"

     ร่างบางยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะถอยห่างออกมาจากกรงขังและเรียกคทาพิพากษาออกมาทันที สองพี่น้องมองอย่างตื่นเต้นสนใจ คาโลหลับตาก่อนจะท่องมนต์เบา ๆ และทันใดนั้นลำแสงสีขาวก็พุ่งออกไปยังกรงขัง ก่อเกิน้ำแข็งับตัวบนลูกกรงอย่างรวดเร็ว คาลยิ้มอย่างพอใจ คทาพิพากษาหายวับไปและเขาก็ใช้ลูกถีบ ถีบเข้าไปยังจุดที่น้ำแข็งเกาะจนมันแกกระจายเป็นช่องโหว่ช่องใหญ่

     "ว้าว!!"สองพี่น้องร้องอย่างตื่นตาตื่นใจ

     "สุดยอด!!"ลีโอร้อง

     คาโลยิ้มอย่างขบขันก่อนจะเดินนำออกไป สองพี่น้องก้าวตามมาอย่างรวดเร็ว "ตามพี่มานะ" คาโลเอ่ยก่อนจะวิ่งนำ สองพี่น้องรีบตามมาด ๆ ทั้งหมดวิ่งขึ้นไปตามบันไดไม้ ไม่นานก็มาถึงทางออกไปสู่ดาดฟ้เรืออย่างง่ายดาย....ง่ายเสียจนคาโลยังแปลกใจ....ลูกเรือหายไปไหนหมด?

     แต่ร่างบางก็ไม่คิดนาน เปิดประตูออกไปสู่ดาดฟ้าเรือ แต่แล้วก็ต้องเบิกตาอย่างตกใจ....

     อั่ก.....ตุบ.....

     ร่างไร้ชีวิตล้มลงจมกองเลือดสีแดงฉาน ท่ามกลางศพของลูกเรือกอีกมากมายที่นอนอยู่เต็มดาดฟ้าเรือ คาโลยกมือขึ้นปิดจมูกอย่างรวดเร็วเมื่อความฉุนคาวของเลือดลอยมาแตะจมูก เขารีบบังไว้ไม่ให้สองพีน้องเห็น คาโลมองไปยังร่างเดียวที่นเด่นอยู่ท่ามกลางซากศพมากมาย.....มิคาเอล

     "มิคาเอล...."

     ร่างสูงหันไปตามเสียงเรียกอันแผ่วเบานั้น คาโลพบว่านัยน์ตาสีน้ำเงินนั้นไร้แววใด ๆ ราวกับคนไม่มีสติ มือที่เปื้อนเลือดสีแดงฉาน ร่างกายที่เต็มไปด้วยเลือดสดมากมายจากซากศพเหล่านั้น คาโลเหลือบตาขึ้นก่อนจะรีบปิดปากแทบอยากจะอาเจียนออกมา เขารีบหันหลังให้ภาพตรงหน้า กอดสองพี่น้องไว้แน่น จับหัวเล็กๆทั้งสองนั้นซบลงกับหน้าอกของตน เพื่อไม่ให้มองภาพอันน่ากลัว....

     ภาพของกัปตันโจรสลัดที่กลายเป็นเพียงร่างไร้วิญญาณ ที่ถูกมัดห้อยหัวลงมาจากเสากระโดงเรือ ใบหน้าไร้สีสันนั้นแสดงออกถึงความตื่นกลัวอย่างชัดเจน ดวงตาเหลือกขาว อ้าปากค้างเลือดไหลทะลักออกมาเป็นสาย แขนขาราวกับถูกฉีกกระชากออกไป....น่ากลัว.....น่ากลัวเหลือเกิน....

     "อย่ามอง...อย่ามองนะ....."คาโลกระซิบข้างหูเด็กทั้งสอง ก่อนจะรียฉีกเสื้อของตนออกเล็กน้อยและปิดตาเด็กทั้งสองไว้อย่างรวดเร็ว  "นั่งรอพี่อยู่ตรงนี้ก่อนนะ และก็อย่าเอาผ้าออกจากตาเด็ดขาดนะ ไม่งั้น....พี่จะทิ้งพวกเธอไว้ที่นี่" เด็กทั้งสองพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน นั่งนิ่ง

     คาโลหันไปทางร่างสูงที่ยังไงยืนเด่นอยูเช่นเดิม ร่างเพรียวบางพยายามที่จะไม่เหลือบมองขึ้นไปข้างบน เขาเดินเปใกล้ร่างสูงอย่างช้า ๆ

     "มิคาแอล...."

     ร่างสูงเหมือนจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบ ใบหน้าคมคายนั้นหันมาหาคาโอกครั้ง

    "มิ...มิคาแอล...นาย...นายโอเคนะ...."คาโลถามเสียงสั่นอย่างหวาด ๆ

     ร่างสูงไม่ได้ตอบ คาโลเริ่มเข้าใกล้มิคาแอลมากขึ้น แต่แล้ว....

     "แก!!!"

     ร่างของลูกเรือโจรสลัดคนหนึ่งที่ยังไม่ตายลุกขึ้นมา หมายจะพุ่งเอาดาบเข้าใส่มิคาแอล แต่ร่างสูงไวกว่าอย่างเหลือเชื่อ ไม้พองสีดำพุ่งเข้ากลางแสกหน้าของลูกเรือคนนั้น ร่างสูงกระโดดเข้าไปใกล้ลูกเรือที่รอดชีวิต ก่อนจะยื่นมือใหญ่ไปบีบเข้าที่คอ และบีบแน่นราวกับคีมเหล็ก

    "มะ มิคาแอล!! เดี๋ยวสิ!! มิคาแอล!!"คาโลรีบเข้าไปห้าม พยายามแกะมือของร่างสูงออกจากลำคอนั้น ลูกเรือที่โชคร้ายเริ่มตาเหลือก หายใจไม่ออกอย่างทรมาน ร่างกายดิ้นทุรนทุราย...

     "พอแล้ว!! มิคาแอล!! อย่าทำแบบนี้ มิคาแอล!!"คาโลร้อง พยายามเรียกสติของร่างสูงคืนมา เขาเริ่มหวาดกลัว ตัวสั่นอย่างห้ามไม่ได้ ร่างกายทรุดลงกับพื้น มือยกขึ้นกุมหัวอย่างหวาดหวั่น ภาพแบบนี้....เหตุการณ์แบบนี้....เขาเคยเห็นมาก่อน....ตอนนั้น....ตอนนั้น....น่ากลัวเหลือเกิน....

     "ฮึก...ไม่เอาแล้ว....ฮึก....พอซักที...พอที....ฮึก....พอที!!!!"

     ร่างสูงสะดุ้งกาย อนจะปล่อยมือจากร่างไร้สตินั่น ดวงตาสน้ำเงินเริ่มกลับมามีแววอีกครั้ง ร่างสูงเซเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหัว เพื่อเรียกสติ....นี่เขา.....

     "ฮึก...พอที...ฮึก...ไม่เอาแล้ว...."

     มิคาแอลหันมามองร่างเพรียวบางที่นั่งร้องไห้อยู่กับพื้น เขามองไปรอบ ๆ .....นี่เขา....เผลอให้อารมณ์โกรธอีกแล้ว....

     "คาโล...."ร่างสูงย่อตัวลงนั่งให้เท่าระดับของร่างบาง ก่อนจะนยมือเข้าไปจับบ่าเล็กทั้งสองข้าง "คาโล....."

     ร่างเพรียวบางเงยห้างามเปื้อนน้ำตาขึ้นมองร่างสูง ก่อนจะสบเข้ากับดวงตาสีน้ำเงิน....

     "คาโล...."ร่างสูงเรียกย้ำ ร่างบางสั่นสะท้าน ก่อนจะโผเข้าหาร่างสูงอย่งรวดเร็ว

     "ฮึก!...ฮือ....ฮือ...."

     ร่างสูงกอดตอบ ก่อนจะลูบหัวร่างบางอย่างรักใคร่ เขาช้อนตัวคาโลขึ้นก่อนจะก้าวเดินเตรียมลงจากเรือ แต่สายตาเหลือบไปเห็นร่างของเด็กทั้งสองที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม โดยมีผ้าปิดตาเอาไว้เช่นเดิม มิคาแอลเดินเข้าไป

     "พวกเจ้า..."

     สองพี่น้องสะดุ้ง จับมือกันแน่น

     "มากับข้าสิ"

     สองพี่น้องงงงวยอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะยื่นมือออกไปร่างสูงหันหลังให้สองพี่น้องจับผ้าคลุมของเขาไว้ก่อนจะเดินนำไป ตามด้วยสองพี่น้อง และร่างบางที่หลับไหลไปเสียแล้ว....

เปลือกตาปรือขึ้นอย่างช้า ๆ สัมผัสอบอุ่นที่มือกำลังจะจางหาย ก่อนจะพบกับใบหน้าของไลราและลีโอลอยเด่ขึ้นมา....

     "ฟื้นแล้ว! พี่คาโลฟื้นแล้ว!!"ไลร่าร้องอย่างดีใจ

     "เย้ๆ! คาโลฟื้นแล้ว ป้าครับ!! พี่คาโลฟื้นแล้วครับ!!"

     เสียงตะโกนโหวกเหวกของทั้งสองทำให้คาโลตื่นเต็มตา เขาค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งมองไปรอบ ๆ ห้อง พบว่าตัวเองอยู่ในห้องพักของโรงแรม คาโลยกมือของตนขึ้นมอง สัมผัสอบอุ่นกำลังเจือจาง แต่กระนั้น...มันก็ยังคงซ่านไปทั้งหัวใจ...

     "ตื่นแล้วหรือเพค่ะ"

     คาโลหันไป พบหญิงวัยกลางเดินเข้ามาพร้อมกับถาดอาหารที่มีถ้วยสีขาวส่งกลิ่นหอมมาแต่ไกล

     "ทานอะไรสักหน่อยสิเพค่ะ"หญิงวัยกลางวางถาดลงบนหัวเตียง ก่อนจะส่งยิ้มใจดีให้คาโล

     "ขอบคุณครับ"คาโลบอก ก่อนจะรับถ้วยซุปมาจากหญิงวัยกลาง "คุณป้าดูแลผมหรือครับ"

     "จะว่าอย่างนั้นก็ไมถูกเสียทีเดียวหรอกนะคะ"หญิงวัยกลางเอ่ย "องค์ราชาเขาคอยเฝ้าดูแลเจ้าชายตลอดเลยละเพค่ะ"

     "เอ๋?"

     "พี่มิคาแอลเฝ้าพี่คาโลตลอดเลยนะคะ"ไลร่าบอกเสียงใส ตอนนี้เธอนอยู่ในชุดกระโปรงเรียบ ๆ ที่ดูเรียบร้อย ผิดกับตอนแรกที่อยู่ในชุดสกปรกมอซอ ดวงตาสีดำขลับเหมือนกันเรือนผมส่องประกายร่าเริง ใบหน้าที่คาดได้เลยว่าโตขึ้นเธอต้องสวยแน่ ๆ สวยเข้มเสียด้วยซ้ำ!

     "ใช่ครับ มืองี้จับแน่นเลย"ลีโอเอ่ยยิ้ม ๆ เด็กชายอยู่ในชุดลำลองที่ดูสะอาดตา เรือนผมสีดำขลับเหมือนดวงตาเช่นเดียวกับพี่สาว เด็กชายแย้มยิ้มอย่างอารมณ์ดี

     งั้น....ความอบอุ่นนั่น....

     "เอาละจ้ะเด็ก ๆ ออกไปจากห้องก่อนนะ ให้เจ้าชายคาโลไดพักผ่อนนะจ้ะ"

     หญิงวัยกลางพาเด็กน้อยทั้งสองออกมาจากห้อง ปล่อยให้คาโลพักผ่อน ร่างเพรียวบางวางถ้วยซุปที่ยังไม่หมดไว้บนหัวเตียงดังเดิม ก่อนจะพิงตัวกับหัวเตียงไม้แข็ง มองออกไปนอกหน้าต่าง

     ความอบอุ่นนั่น....ทำไมถึงเป็นของมิคาแอลนะ....

     "อ๊ะ!"ร่างบางเหลือบไปเห็นดอกเกล็ดหิมะวางอยู่ข้างหมอน เขาหยิบมันขึ้นมา มองอย่างสงสัย "โยเซฟเหรอ?"

     ...................

     "นี่ ๆ พี่มิคาแอล"ร่างสูงก้มหน้าลงมองสองพี่น้องอย่างสงสัย

     "อะไรหรือ?"

     "ดอกไม้สีขาวนั่นเรียกว่าดอกอะไรเหรอค่ะ"ไลร่าถาม

     ร่างสูงยิ้มก่อนจะเอ่ย "ดอกเกล็ดหิมะไง...ไม่รู้จักเหรอ"

     สองพี่น้องส่ายหน้า

     "แล้วพี่มิคาเอลเอาไปวางไว้ให้พี่คาโลทำไมละ"ลีโอถาม ก่อนจะหลบมือใหญ่ที่ยื่นมาจะลูบหัวของเขา "อย่าดิพี่! ผมโตแล้วนะ!!"

     "ฮ่าฮ่า! โตตายละแก"เขาผลักหัวลีโอเบาๆ ก่อนจะตอบคำถาม "ก็...คาโลเขาชอบน่ะ"

     "อ๋อ!"สองพี่น้องร้องอ๋ออย่างเข้าใจ

     ..................

     ตกกลางคืน ร่างบางหลับใหลอย่างง่ายดาย แล้วการมาเยือนของใครบางคนที่เพิ่งธุระจัดการกับซากศพของกองโจรสลัด

    มิคาแอลเดินเข้ามานั่งบนเก้าอี้ข้างเตียง เฝ้ามองร่างบางอย่างหวงใยก่อนจะยื่นมือออกไปลูบไล้ที่พวงแก้มขาวนุ่ม ดวงตาสีน้ำเงินฉายความออนโยนและห่วงใย

     "อืม....อ๊ะ!!"

     ร่างบางที่ปรือตาตื่นขึ้นมาเด้งตัวลุกขึ้นนั่งอย่างตกใจ เมื่อเห็นร่างสูงตรงหน้า ร่างเพรียวถอยห่างร่างสูงเล็กน้อยอย่างระแวดระวัง

     "จะ เจ้าเข้าในนี้ทำไม!?"คาโลถาม

     "ก็....มาดูอาการของเจ้าเท่านั้น"ร่างสูงตอบ "ถ้าหายดีแล้ว ข้าก็หายห่วง" ร่างสูงตอบ รู้สึกเจ็บปวดที่ใจที่เห็นร่างบางกลัวเขาถึงขนาดนี้ เขาลุกขึ้นยืนขึ้นก่อนจะเดินไปที่ประตูห้อง

     "เดี๋ยว!"

     ร่างสูงหยุด หันมามองร่างบางบนเตียง

     "ขะ ขอบคุณ"ร่างบางเอ่ย รู้สึกตัวว่าตัวเองหน้าร้อนฉ่า โชคดีที่เป็นตอนกลางคืนไม่งั้นร่างสูงคงเห็นเขาหน้าแดงแน่ ๆ "ขอบคุณที่ช่วยข้ากับไลร่าแล้วก็ลีโอ"

     มิคาแอลยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะเอ่ย "ไม่เป็นไร ข้ายินดี"

     "แต่ว่า....ไม่ได้หมายความว่ามันจะชดใช้ในสิ่งที่เจ้าทำกับข้าได้หรอกนะ"คาโลเอ่ย

     ร่างสูงถอนหายใจก่อนจะเอ่ยเรียบ ๆ "อืม...ข้ารู้ดี"

     แล้วร่างสูงก็เดินออกไปจากห้อง ปิดประตูตามหลังอย่างแผ่วเบา

     ร่างบางบนเตียงนั่งนิ่งก่อนที่หยาดน้ำใสจะไหลออกจากนัยน์ตางามสีฟ้า ร่างบางรีบปาดออกอย่างรวดเร็ว

     "บ้าจริง...ร้องทำไมนะเรา"

     .....อาจเพราะ....ความเจ็บปวดที่หัวใจก็ได้....มันเจ็บเสียจนต้องร้องออกมา.....

     .........................

     เช้าวันต่อมา คณะของราชาแห่งคาโนวาลก็เตรียมตัวเดินทางกลับเมืองหลวง โยเซฟมาขอโทษขอโพยคาโลยกใหญ่ สาเหตุเพราะเจ้าตัวรู้สึกผิดที่ไม่อาจปกป้องคาโลได้ ร่างบางไม่ถือสาเพราะเข้าใจ และบอกให้โยเซฟเลิกขอโทษ

     เป็นอีกครั้งที่คาโลรู้สึก ๆ หวาด ๆ ขณะเตรียมขึ้นขี่มังกร แต่แล้วเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อโยเซฟขึ้นมาด้วย

     "อ้าว! แล้วมังกรนายละ"คาโลถามอย่างแปลกใจ

     "ก็เจ้าสองตัวนั่นยึดไปน่ะสิ"โยเซฟยิ้มกว้างพลางชี้ไปที่สองพี่น้องที่ยึดแม่นกุมบังเหียนไม่ยอมปล่อย บอกจะขี่เองลูกเดียว

     "พวกหนูขี่เป็นน่า!!"ไลร่ายืนยัน

     "พวกผมน่ะเป็นลูกคนขายมังกรเก่านะ!!"ลีโอย้ำ

     มิคาแอลกุมขมับ ก่อนจะเอ่ย
   
     "เออ ๆ ตามใจพวกแกแล้วกัน!"ร่างสูงเอ่ยอย่างยอมแพ้ "แต่ถ้าตกไปตายฉันไม่เก็บศพนะเฟ้ย!!"

     "คร้าบ!!"

     "ไลร่า เธอเป็นผู้หญิงนะ!"มิคาแอลดุเข้าให้

     "แหม ล้อเล่นหน่อยเดียวเองค่ะ!"

     คาโลอดหัวเราะน้อย ๆ กับภาพตรงหน้าไม่ได้

     แล้วคณะเดินทางก็กลับสู่งเมืองหลวงแห่งคาโนวาล.....

     ไม่นาน คณะก็มาถึงวังหลวง สองพี่น้องทำได้ดีอย่างที่พูด สามารถขี่มังกรได้ดีซะจนน่าตกใจ ส่วนคาโลแถบจะบ้าตายกับการเล่นผาดโผนกลางอากาศของโยเซฟ

    คาโลกระโดดลงจากหลังมังกร ก่อนจะหันไปเอ่ยกับโยเซฟเมื่อนึกได้

     "โยเซฟ!!"

     "ไอหยา!! ก็บอกขอโทษแล้วไง! อย่าโกรธฉันเลยน้า~!"

     "ไม่ใช่เรื่องนั้น ฉันแค่จะขอบคุณเฉย ๆ"

     "เอ๋!"

     "ขอบคุณนะ สำหรับดอกเกล็ดหิมะที่เอามาให้ตอนฉันสลบไปน่ะ"

     "อะ อ๋อ! อืม!!"

     คาโลยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะเดินไปกับสองพี่น้องเพื่อจัดหาห้องให้ทั้งสองอยู่

     โยเซฟลงมาจากหลังมังกร มองตามคาโลไปพร้อมรอยยิ้ม แต่แล้วมือใหญ่ของโยเซฟก็กระชากคอเสื้อเขาอย่างแรง ร่างสูงทั้งสองจ้องกันเขม็ง

     "แก!"

     "อะไร?"โยเซฟเลิกคิ้วยิ้มยียวน

     "แกบอกคาโล....แบบนั้น...."

     "หึ!"โยเซฟผลักมิคาแอลออก ก่อนจะเอ่ย "ของแบบนี้ ใครดีใครได้ละว้า!"

     "นี่แก!!"

     "จะตรงนี้เลยมั๊ยละ!"โยเซฟเอ่ยท้า ดวงตาสีดำส่องประกายสีแดงชั่ววูบ

     มิคาแอลกำมือแน่น กัดฟันกรอด แต่ก่อนที่ทั้งสองจะได้ปะทะฝีมือกันตรงนั้น มิคาแอลก็ถูกเรียกเสียก่อน เนื่องจากต้องเข้าประชุมด่วน เขาสบถอย่างหัวเสียก่อนจะสะบัดผ้าคลุมจากไปอย่างรวดเร็ว


     โยเซฟมองตาม ก่อนจะเดินจากไปเช่นกัน ดวงตาสีดำส่องแสงสีแดงฉานอีกรอบก่อนจะหายวับไปเพียงชั่วครู่.....

"ก็บอกว่าไม่ใส่!!"

     "อย่าหนีนะเจ้าค่ะ!!"

     คาโลสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงตะโกนมาแต่ไกลของลีโลและเหล่านางข้าราชบริพาร เมื่อร่างเพรียวหันไปมองตามเสียงก็ต้องร้องเสียงหลง เพราะลีโอวิ่งตรงมาหาเขาและวิ่งวนไปรอบ ๆ เหล่านางรับใช้ก็วิ่งวนตามติด ๆ โดยไม่ได้สังเกตว่าเป็นคาโล

     "ดะ เดี๋ยวสิ!"คาโลร้องลั่น

     "ก็บอกว่าไม่ใส่ไงเล่า!!"ลีโอย้ำคำเดิม

     "ต้องใส่นะค่ะ!! ท่านจะใส่แต่เสื้อผ้าธรรมดาไม่ได้เด็ดขาดนะค่ะ!!"

     "แล้วจะทำไมเล่า! ใส่เสื้อผ้าแบบนี้ ยังดีกว่าใส่ไอ้พวกผ้าไหมคัน ๆ นี่เป็นไหนๆ!!"

     "อย่ามาเถียงนะค่ะ!!"

     "หยุดกันก่อนสิ!!"คาโลเอ่ยเสียงดังขึ้น

     แล้วทั้งหมดก็หยุดชะงักทันที ก่อนที่นางข้ารับใช้จะทำหน้าเหรอหรา รีบก้มหัวขอโทษอย่างรวดเร็ว

     "ขะ ขอ ขออภัยเพค่ะเจ้าชายคาโล!!"

     "พี่คาโล!!"

     ลีโอรีบวิ่งเข้าไปหลบข้างหลังคาโลทันที ก่อนจะแลบลิ้นให้เหล่านางข้ารับใช้อย่างยียวน คาโลทำตาดุใส่ลีโอ เด็กชายรีบหลบหน้าทำเป็นไม่รูไม่ชี้

     "นี่ลีโอ! พี่บอกกี่ครั้งแล้วว่า..."

     "อ้ายลีโอ!!!!!!"

     โดยไม่ทั้นตั้งตัวไลร่าที่พุ่งมาจากทางไหนไม่ทราบ กระโดดเข้ามาหาลีโออย่างรวดเร็วทั้ง ๆ ที่ตัวเองใส่กระโปรง!!

     "แกตาย!!!"

     "เฮ้ยเดี๋ยว!!"

     ทั้งคาโล ลีโอและไลร่าล้มลงกบพื้นอย่างรวดเร็ว แล้วสองพี่น้องก็เริ่มทะเลาะกันเอง คาโลมองทั้งคู่ที่พยายามทำให้อีกฝ่ายแพ้

     "เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อนสิพวกเธอ!!"

     "แกบังอาจกินช็อคโกแล็ตของฉัน!!"ไลร่าโวยวาย

     "อะไรเล่า! ก็เจ๊ไม่ยอมกินเองนี่หน่า!!"

     "ไม่กินบ้าอะไรเล่า! ฉันกะจะเหลือไว้กินที่หลังต่างหากย่ะ!!"

     "แล้วทำไมไม่บอกเล่า!!"

     "แล้วก่อนที่แกจะกินทำไมแกไม่ถามละย่ะ!!"

     "นี่พวกเธอ!! อย่าทะเลาะกันสิ!!"คาโลตะโกนลั่น

     สองพี่น้องหยุดทะเลาะ ก่อนจะหันมามองคาโล แล้วด้วยเหตุอันใดไม่ทราบ สองพี่น้องเริ่มเบะปากแล้วก็ร้องไห้จ้าทันที!

     "แง!!!!"

     "อ๊ะ!!"

     คาโลหน้าตาเหรอหรา ทำอะไรไม่ถูกเอเด็กทั้งสองนั่งร้องไห้จ้า ร่างเพรียวบางไม่จะทำอะไรดีก็เลยอุ้มลีโอขึ้นแล้วก็กอดปลอบ เด็กชายโอบแขนรอบคอคาโลแน่นแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น ไลร่าลุกขึ้นกอดขาคาโลแน่น

     "โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะ ไม่ร้อง"คาโลปลอบก่อนจะมองเห็นใบหน้าอมยิ้มของเหล่านางข้ารับใช้ ก็หน้าแดงน้อย ๆ "มองอะไรละ! มาช่วยกันหน่อยสิ"

     "เพค่ะ!"เหล่านางสนมตอบรับเสียงใส กอนจะเข้ามาปลอบสองพี่น้อง แต่สองพี่น้องไม่ยอมจะอยู่กับคาโลอย่างเดียว คาโลเลยต้องกลายเป็นพี่เลี้ยงจำเป็น

     "พวกเจ้าไปเอา....เอ่อ....ช็อคโกแล๊ตแล้วก็พวกขนมกับผลไม้มาด้วยนะ ข้าจะไปรอที่ห้องสมุด"

     "เพค่ะ"

     "มีอะไรกัน?"

     ร่างสูงของมิคาแอลและโยเซฟโผล่ออกมา พวกเขากำลังเคร่งเคียดกับหัวข้อการประชุม แม้ทั้งสองจะเริ่มรู้สึกไม่เหมือนเดิม แต่กระนั้นหน้าที่ก็ต้องมาก่อน พอหมดหน้าที่ ร่างสูงทั้งสองก็จะตีจากกันไปเอง ซึ่งคาโลเองก็สังเกตเห็นได้ แต่ไม่กล้าเอ่ยถาม

     "นาย / เจ้า!!"

     ร่างสูงทั้งสองมองคาโลอย่างตกใจ ภาพที่เห็นคือร่างบางกำลังกอดปลอบลีโอ มืออีกข้างก็จับมือไลร่าที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นไวแน่น ภาพแบบนี้....เหมือนพวกคุณแม่ชัดๆ!!

     "อะไร?"ร่างเพรียวมองร่างสูงทั้งสองอย่างไม่ใจ

     "อะ เอ่อ...เปล่า!!"ทั้งสองรีบตอบ ก่อนจะหน้าแดงน้อย ๆ

     แล้วลีโอก็ร้องขึ้นอีก คาโลรีบปลอบทันที

     "อะ โอ๋ๆ อย่าร้องนะอย่าร้อง โอ๋ๆ"

     ร่างสูงที่มองอยู่รีบสะบัดหน้าหนีภาพตรงหน้าพลางหน้าแดงขึ้นอีก....โว้ย!! น่ารักเฟ้ย!!

     คาโลเลิกสนใจร่างสูงทั้งสองก่อนจะพาสองพี่น้องไปที่ห้องสมุดและสั่งย้ำนางสนมอีกรอบ ก่อนจะจากไป ร่างสูงทั้งสองมองตามไปจนคาโลหายไปในห้องสมุด

     "ให้ตาย..."มิคาแอลพึมพำ

     "น่ารักชะมัด"โยเซฟพึมพำเช่นกัน

     ร่างสูงทั้งสองหันมามองหน้ากัน ก่อนจะจ้องกันเขม็ง แต่ต้องสงบใจ มาสนใจงานตรงหน้าแทน

     "ฉันว่า....ที่ท่านแม่ทัพพูดก็น่าสนใจ"โยเซฟเอ่ยเรียบ ๆ

     "อืม....ยังหรอก....การแก้ไขนั้นด้วยวิธีนั้นมันยังมีช่องโหว่มากเกินไป"มิคาแอลบอก

     ...................

     การเป็นพี่เลี้ยงจำเป็นไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดจริง ๆ ละน้า.....

     คาโลปาดเหงื่อออกจากใบหน้าอย่างโล่งใจ มองสองพี่น้องที่หลับไปอย่างอ่อนล้าเพราะเหนื่อยจากการเล่นมาทั้งวัน แต่ร่างบางก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เขาห่มผ้าให้เด็กทั้งสอง ก่อนจะออกจากห้องไปอย่างเงียบเชียบ

     "อ๊ะ!"

     คาโลร้องอย่างตกใจเมื่อออกมาแล้วพบมิคาแอลยืนอยู่ข้างหลัง

     "ขอโทษที"ร่างสูงเอ่ย

     "มะ มาทำอะไร"คาโลถาม

     "ก็แค่มาดูเจ้าพวกนั้นน่ะ เห็นว่ายังปรับตัวกับในวังไม่ค่อยได้"

     คาโลหลุบตาต่ำ หลบสายตาสี้เงิน "อืม...พวกนั้นยังเด็กอยู่ ก็ยากหน่อยถ้าจะปรับตัว....ข้า....จะไปแล้ว....เอ๊ะ...."

     มือใหญ่ยื่นมาจับพวกแก้มนุ่ม เชยคางมนขึ้นอย่างนุ่มนวล ทั้งสองสบตากันเนิ่นนาน เหมือนรับู้ถึงความนัยของกันและกัน ร่างสูงก้มหน้าลงเข้าใกล้ใบหน้างาม ร่างบางปรอตาลงให้กับความนุ่มนวลนั้น ริมฝีปากของทั้งคู่สัมผัสกันอย่างอ่อนโยน นุ่มนวล หวานละมุน

     "อือ...." ร่างบางยกแขนขึ้นโอบกอดรอบคอของร่างสูง ลำแขนใหญ่โอบเอวบางให้เข้ามาใกล้ตัว

     พวกเขากำลังเผลอไผล รสจูบที่โหยหาอย่างประหลาด หัวใจที่เต้นระรัวอยางไม่อาจหยุดยั้ง ไม่รู้ว่าเพราะเหตุอันใด หรืออาจเป็นมนต์แห่งแสงจันทร์ก็เป็นได้.....

     "อืม...."

     ร่างบางครางตอบรับเมื่อลิ้นร้อนของร่างสูงสอดใส่เข้าไปในโพรงปากหวาน ลิ้นของร่างบางตวัดตอบรับอย่างว่าง่าย ยิ่งเพิ่อมความดูดดื่มให้กับรสจุมพิตนี้มากขึ้น

     'ว้ากกกกกกกก!!'

     ทั้งสองสะดุ้งอย่างตกใจ คาโลที่ได้สติหน้าแดงซ่าน ก่อนจะรีบผละออกจากร่างสูงอย่างรวดเร็ว ทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนจะรีบสะบัดหน้าหนีไปคนละทางอย่างเก้อเขิน คาโลรีบเข้าไปในห้องของสองพี่น้องซึ่งเป็นต้นเสียงของเสียงร้องนั้น ส่วนร่างสูงรออยู่สักครู่ก่อนจะตามเข้าไป แต่ก็อดคิดอย่างเสียดายไม่ได้

     'ใครมันร้องว่ะ!!'

     คาโลเห็นลีโอกลิ้งตกลงมาจากเตียง แล้วก็ร้องไห้ เขากุมขมับอย่างหนักใจ เมื่อเห็นไลร่ายังคงนอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียงอย่างไม่รู้สึกรู้สาเลยว่าตนนั้นได้ถีบน้องชายตกเตียงนั่นเอง

     "แง!! พี่คาโล!!"

     คาโลต้องรีบเข้าไปอุ้มลีโอขึ้นมากอดปลอบให้หายร้อง ก่อนจะมองไลร่าที่เพิ่งลืมตาตื่นขึ้นมา

     "อะไรเนี่ย....แหกปากร้งทำไมเนี่ยลีโอ"เด็กหญิงเอ่ยอย่างไม่พอใจนัก

     โป๊ก!

     "โอ๊ย!" เด็กหญิงยกมือกุมหัวก่อนจะหันมามองมิคาเอลที่เขกหัวเธอ "หนูเจ็บนะ!!"

     "จะบ้าเหรอไง!!"คาโลโวยใส่ร่างสูงเข้าให้อย่างตกใจ "นี่เด็กนะ!"

     ร่างสูงพ่นลมออกทางปากอย่างหน่าย ๆ ก่อนจะมองดูคาโลที่ปลอบลีโอจนสงบ และกำลังเล่าว่าทำไมลีโอต้องร้องไห้ให้ไลร่าฟัง

     "อ๋อ...แบบนี้น่ะเอง"ไลร่าพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะยิ้มร่า คาโลชักไม่แน่ใจว่าเพราะเด็กสาวละเมอถีบน้องชายตกเตียงจริงหรือเปล่า หรืออาจจะแกล้ง....สงสัยแก้แค้นที่ไม่ได้กินช็อคโกแล็ต

     "ไม่ต้องมาองมาอ๋อเลยนะ"มิคาแอลเอ่ย "เธอนี่มันจริง ๆ เล้ย เล่นเอาตกอกตกใจหมด"

     "แหม หนูละเมอนิ ตอนละเมอใครมันจะไปรู้ว่าตัวเองทำอะไรบ้างละ"

     "เอาละ ๆ ถ้าอย่างนั้นก็แล้วไป นอนกันต่อได้แล้ว"คาโลตับบท อุ้มลีโอวางลงบนเตียง ก่อนจะจัดที่นอนให้ใหม่ โดยเอาหมอนใบใหญ่มากั้นสองพี่น้องไว้ เพื่อระวังไม่ให้ไลร่าละเมอถีบน้องชายตัวเองตกเตียงได้อีก

     ไม่นานหลังจากรอให้เด็ก ๆ ทั้งสองหลับ คาโลและมิคาเอลก็ออกไปจากห้องอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกทั้งคู่ ทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนจะหน้าแดงอีกรอบ รีบหันหน้าหนีไปคนละทาง

     "เอ่อ...."ร่างสูงเกริ่น

     "ขะ ข้าจะไปนอนแล้ว"คาโลเอ่ยออกมาก่อน และรีบเดินจากไปทันที มิคาเอลมองตาม เมื่อร่างเพรียวบงลับตาไป ก็ตบหน้าผากตัวเองดังป้าบใหญ่

     "เวรเอ๊ย!!" ร่างสูงสบถ

เช้าวันต่อมา เหมือนการเล่นตลก ปราสาทออกจะกว้างใหญ่ แต่ทำไม๊ทำไมสำหรับคาโล ปราสาทมันดูแคบเสียนี่กระไร ไม่ว่าจะไปที่ไหนเป็นต้องเจอมิคาเอลแทบทุกครั้ง ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มากก่อน ราวกับมีใครสิงร่างเขาแล้วพาเขาเดินมาหาร่างสูงทุกครั้งที่เผลออย่างนั้นแหละ

     คาโลถอนหายใจหนัก ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องสมุด มองซ้ายมองขวาไม่พบใครก็โล่งใจ หวังว่าคงจะไม่เจอมิคาแอลอีก คาโลเดินไปยังชั้นหนังสือหมวดประวัติศาสตร์ ก่อนจะหยิบหนังสือที่ต้องการออกมาและเดินไปที่มุมข้างหน้าต่าง ซึ่งเป็นมุมสงบและเย็นสบายเพราะสายลมที่พัดผ่านเข้ามาในห้อง ร่างบางทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา

     ตุบ!

     "เฮ้ย!"

     "หวา!!"

     คาโลเด้งตัวลุกขึ้นอย่างตกใจ ก่อนจะหันกลับมามองบนโซฟา พบว่าเขาเพิ่งนั่งทับโยเซฟ!

     "โยเซฟ!!"

     ชายหนุ่มในผ้าคลุมสีดำเหมือนโซฟา โผล่หัวออกมาจากผ้าคลุม ก่อนจะร้องโอดโอย มองคาโล

     "นายเองเหรอ"

     "ขะ ขอโทษที!"

     "อา...ช่างเหอะ ๆ"โยเซฟเอ่ย โบกไม้โบกมืออย่างไม่ถือสา ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง ตบเบาะข้างกายเพื่อบ่งบอกว่าให้คาโลนั่งลงได้ ร่างบางนั่งลง ก่อนจะขอโทษอีกรอบ "ไม่เอาน่า ช่างเหอะ นายมองไม่เห็นนิ"

     แล้วทั้งสองก็ตกอยู่ในความเงียบ คาโลนั่งอ่าอนหนังสือต่อไป ส่วนโยเซฟก็นั่งมองคาโลไปอย่างเพลิดเพลิน บ่อยครั้งที่คาโลเหลือบมองเขาอย่างแปลกใจ ร่างสูงก็จะรีบหลบสายตาทำเป็นมองนู่นมองนี่อย่างสนใจ และเมื่อคาโลกลับไปอ่านหนังสือต่อ เขาจะลอบเฝ้ามองร่างเพรียวบางต่อไป

     "นายมองฉันนานแล้วนะ"คาโลเอ่ยขึ้น ปิดหนังสือดังฉับ!

     "อ๊ะ! หา!?"โยเซฟไม่รู้ไม่ชี้

     "มองอะไร?"คาโลถาม ยิ้มน้อย ๆ

     โยเซฟเกาข้างแก้มก่อนจะเอ่ย "ก็...แค่แปลกใจว่าทำไมนายถึงอ่านหนังสือน่าเบื่อ ๆ แบบนั้นได้" เขาโกหก

     "ประวัติศาสตร์นี่น่ะเหรอ?"

     "อ่าฮ๊ะ!"

     "ก็สนุกดีนะ"คาโลยิ้ม

     โยเซฟเบ้ปาก ก่อนจะเอ่ย "น่าเบื่อ คร่ำครึก และง่วงนอน"

     คาโลหัวเราะกับคำสรุปของโยเซฟ

     "ไหน นายช่วยบอกฉันซิ ว่าไอ้เจ้าหนังสือ...คร่ำครึกนี่สนุกยังไง"

     "ไม่สนใจอดีตเหรอ? เรื่องราวความเป็นมา แต่ก่อนเป็นยังไง ทำไมเราจึงกลายเป็นแบบนี้ ประเทศของเรากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง"คาโลเอ่ยอธิบายพร้อมกับคลี่หนังสือให้ร่างสูงดู โยเซฟเขยิบเข้าใกล้ร่างบางมากขึ้น

     "ดูอย่างเรื่องนี้สิ การต่อตั้งประเทศและการได้ฉายาว่าประเทศแห่งนักรบ....ดูความเป็นมาของมันสิ"คาโลชี้ไปที่บรรทัดตัวอักษร "ถ้าอ่านแล้วนายจะพบแต่ความน่าทึ่งนะ" คาโลหันไปทางร่างสูงแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าใบหน้าของเขากับโยเซฟ ห่างกันเพียงนิด จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน

     "โย..."มือใหญ่ยกขึ้นปิดปากร่างบาง ก่อนจะจ้องเข้าไปในดวงตาสีฟ้าหม่นเศร้าที่น่าดึงดูด มือใหญ่เลื่อนไปประคองพวงแก้มนุ่ม ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปมองจุมพิตให้คาโลอย่างรวดเร็ว

     ร่างบางเบิกตาโพลงอย่างตกใจ กับสัมผัสที่นุ่มละมุนนี้....ใช่....มันนุ่มนวล อ่อนหวาน แต่ว่า....มันไม่อาจซาบซึมเข้าไปถึงจิตใจ....

     คาโลดันร่างสูงออก ก่อนจะเอ่ย "เอ่อ...ฉัน..."

     แต่โยเซฟจบัข้อมือร่างบางก่อนจะผลักร่างบางลงกับโซฟา คาโลเบิกตาโต ร่างสูงขึ้นคร่อมร่างบางก่อนจะก้มลงมองจุมพิตให้อีกครั้ง คราวนี้ รุนแรงขึ้น

     "อื้อ! เดี๋ยว! อ๊ะ!"

     ลิ้นร้อนถูกส่งเข้าไปในโพรงปาก ควานหาความหอมหวานอันน่าลิ้มลอง คาโลหลับตาแน่น พยยายามดันร่างสูงออก โยเซฟรุกล้ำเข้าไปอีก ร่างบางเริ่มหายใจไม่ออก ทุบอกแกร่งประท้วง โยเซฟยอมละจากแต่โดยดีอย่างเสียดาย คาโลหอบหายใจหนัก ก่อนจะผลักร่างสูงและวิ่งออกไปที่ประตูห้องสมุด แต่เขากลับพบมิคาเองยืนขวางประตูอยู่

     ทั้งสองมองหน้ากัน มิคาแอลดูตกตะลึงและงงงวย คาโลรู้สึกผิดขึ้นมาอย่างประหลาด ตอนนี้เขาไม่อยากเจอร่างสูงอีก เขาอยากอยู่คนเดียว คาโลผลักร่างสูงออกไปให้พ้นทาง ก่อนจะวิ่งออกไปจากห้องสมุดอย่างรวดเร็ว

     "หึหึหึหึ....เห็นแล้วสินะ"โยเซฟยืนขึ้น ยิ้มกริ่มมองมิคาแอล "หวานดีนะ"

     "แก!!!"

     มิคาเอลจ้องโยเซฟเขม็ง แต่โยเซฟยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ

     "ไปละนะ"

     โยเซฟเดินผ่านร่างสูงออกไปจากห้อง มิคาแอลกำมือแน่น กัดฟันกรอด ก่อนจะเดินออกไปจากห้องสมุด โดยปิดประตูตามหลังดังปังใหญ่

     ....................

     ปัง!!

     ประตูไม้ของห้องปิดดังปังใหญ่ ร่างเพรียวบางของเจ้าชายแห่งคาโนวาลยืนพิงประตูนิ่ง ก้มหน้าลงมองพื้น ก่อนจะค่อย ๆ ทรุดกายลงนั่งบนพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง น้ำตาใสหยดลงบนพื้นห้อง

     มือเรียวกำแน่น นึกถึงใบหน้าร่างสูงอย่างปวดร้าว ความรู้สึกผิดประดังเข้ามาและความหวาดกลัว...ไม่รู้ว่ากลัวอะไรกันแน่น....กลัวร่างสูงหรือ...ใช่....เขากลัวอย่างประหลาด....กลัวว่า....ร่างสูงจะเกลียดตน....เป็นความกลัวที่คาโลเองก็ไม่คาดคิดว่าจะมี....

     "ฮึก..."

     ปังๆๆๆๆ!!

     "คาโล!"

     ร่างบางสะดุ้ง มองประตูไม้ด้านหลัง

     ปังๆๆๆๆ!!

     "คาโล!!"

     เสียงของมิคาเอลดังผ่านเข้ามาในห้อง มือใหญ่ทุบประตูไม้บ่งบอกถึงอารมณ์ที่รุนแรง คาโลปาดน้ำตาออก ก่อนจะลุกขึ้นยืน เข้าไปใกล้ประตู

     "มะ มีอะไร!?"

     มิคาเอลหยุดทุบประตูเมื่อได้ยินเสียงร่างบาง รู้สึกใจสงบขึ้นอย่างประหลาด เขาถอนหายใจหนักก่อนจะเอ่ยตอบไป

     "เปิดประตู"

     มือเรียวกำลูกบิดประตูแน่น

     "ไม่! ข้าอยากอยู่คนเดียว!!"

     "ให้ข้าเข้าไป!"ร่างสูงไม่ยอมแพ้

     "ไม่! ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า!"

     มิคาเอลกำมือแน่น "ทำไม!!"

     คาโลอยากจะตอบออกไปเหลือเกิน แต่เขาบังคับตัวเองเอาไว้โดยการกัดริมฝีปาก ก่อนจะเอ่ยคำพูดที่ตรงกันข้ามกับหัวใจ "ข้าเกลียดท่านที่สุด!! ข้าอยากอยู่คนเดียว!! เลิกวุ่นวายกับข้าสักที ไหนบอกว่าจะไม่ยุ่งกับข้าแล้วยังไงละ!!"

     มิคาเอลกดัฟันกรอด พยายามควบคุมอารมณ์ แต่ว่ามันอัดอั้นอึกอัดอยู่ข้างในจนต้องระบายออกมา

     ปึง!!

     คาโลสะดุ้งเมื่อร่างสูงทุบประตูด้วยแรงหมัด มิคาแอล ผิงหน้าผากกับท่อนแขน ก่อนจะสงบนิ่งและเอื้อนเอ่ยออกไปอย่างอ่อนล้า

     "ให้ข้าเข้าไปเถอะ..."

     คาโลก้มหน้ามองพื้น น้ำตาใสไหลอาบแก้ใ พิงหน้าผากกับประตูอย่างอ่อนแรง....เหนื่อยเหลือเกิน....เปลือกตาบางปรือลง ได้ยินเสียงของร่างสูงดังมาจากอีกฟากของประตู

     "ให้ข้าเข้าไปเถอะ...คาโล.....ข้าทนไม่ไหวแล้ว....."

     ร่างบางลืมตาขึ้น รับฟังร่างสูงอย่างประหลาดใจ

     "ข้าทนไม่ไหวอีกแล้ว....ข้าไม่อยากจะใส่หน้ากากหลอกลวงตัวเองอีกแล้ว....ข้าจะบ้าตายออยู่แล้ว...ข้าจะบ้าตายเพราะไม่ได้ใกล้ชิดกับเจ้า ข้าจะเป็นบ้าตายเพราะใจข้าที่โหยหาเจ้า...ข้าจะบ้าตายเพราะทุกคืนข้าฝันถึงเพียงเจ้า...ข้าแทบบ้าตาย...เพราะในความเป็นจริงข้าไม่อาจใกล้เจ้าได้เลย....ทั้ง ๆ ที่ข้า...อยากจะกอดเจ้าเหลือเกิน...."

     "ฮึก..."ร่างบางยกมือขึ้นปิดปาก น้ำตาใสยิ่งไหลเพิ่มมากขึ้น หัวใจเต้นระรัวเมื่อได้ฟังถ้อยคำของร่างสูง

     "ข้าเจ็บเหลือเกินคาโล....เจ็บจนทนไม่ไหวอีกแล้ว....อย่าให้ข้าต้องทรมานอย่างนี้อีกเลย...หยิบมีดมาปักลงบนหัวใจข้าเสียดีกว่า...คาโล...ข้ารักเจ้าเหลือเกิน...."

     "ฮึก!" ร่างบางกำมือแน่น หัวใจนั้นเต้นราวกับลิงโลด มือเรียวทาบมือลงบนประตู กลืนก้อนสะอื้นลงคอ ก่อนจะเอ่ยอย่างคาดหวัง "จริงหรือเปล่า..."

     ร่างสูงได้ยินเสียงของร่างบาง มือใหญ่ทาบกับบานประตู เหมือนรู้สึกถึงไออุ่นจากฝ่ามือของร่างบางจากอีกฟากของประตู "ข้ารักเจ้า"

     เสียงนั้นเน้นย้ำอย่างหนักแน่น มือเรียวจับลูกบิดประตูก่อนจะรีบเปิดอย่างรวดเร็ว พบร่างสูงที่ยืนรออยู่อย่างอดทน ดวงตาทั้งสองสบมองกันเนิ่นนานราวกับกาลเวลาได้หยุดนิ่ง

     เหนื่อยเหลือเกิน....คาโลคิด....เหนื่อยมาก....

     "ข้าเหนื่อย...." คาโลเอ่ย พยายามกลั้นสะอื้น แต่น้ำตาใสเอ่อล้นขอบตาอีกครั้ง "เหนื่อยมาก....เหนื่อยจนหมดแรง....เหนื่อย...ที่ต้องแสร้งทำเป็นว่าข้าเกลียดท่าน...." มือใหญ่ยื่นมาประคองใบหน้างามอย่างอ่อนโยน "ทั้ง ๆ ที่ข้า....ฮึก...รักท่านเหลือเกิน...รักท่าน ทั้ง ๆ ที่ท่านทำร้ายข้า...รักท่าน ทั้ง ๆ ที่ท่านเกลียดข้า...ฮึก!" ร่างสูงโอบกอดร่างบางแนบอกอย่างรักใคร่เปี่ยมล้น ร่างบางกอดตอบแน่น สะอื้นไห้กับอกแกร่ง

     "ข้ารักเจ้าคาโล"

     "ฮึก...กอดข้า...ฮึก...อยู่กับข้า...นะ...ฮึก..."

     "ข้าจะไม่มีวันไปไหน" ร่างสูงก้มลงจุมพิตหน้าผากมนอย่างรักใคร่ ก่อนที่ทั้งสองจะสบตากันอีกครั้ง และครั้ง มันเต็มไปด้วยความนัยที่แสดงออกจากชัดเจนและเปี่ยมล้น ใบหน้าร่างสูงก้มลงมาจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจของกันและกัน ร่างเพรียวในอ้อมแขนค่อย ๆ ปรือตาลง ก่อนที่ริมฝีปากของทั้งคู่จะมอบความหอมหวานให้แก่กันและกันอย่างดูดดื่ม ลึกล้ำและโหยหา

     "อยู่กับข้าทั้งคืนได้มั๊ยคาโล"

     ร่างบางหน้าแดงน้อย ๆ ก่อนจะตอบร่างสูงโดยการมอบจุมพิตหวานให้อีกครั้ง แล้วค่ำคืนเปี่ยมรัก ก็เริ่มขึ้น แต่ครั้งนี้ มันจะเต็มไปด้วยความสุขสม

เป็นยามเช้าอันสดใส (อีกครั้ง =_= นี่ข้าน้อยบรรยายฉากยามเช้ามากี่รอบแล้วเนี่ย =[]=!!)

     เอาเป็นว่ามันเช้าอันแสนสดใสละนะ!

     แสงสีทองที่แทรกผ่านผ้าม่านผืนบางสีอ่อนมายังเตียงนุ่มสีขาวสะอาดซึ่วมีร่างสองร่างกำลังหลับอย่างสบาย ร่างบางนอนซบกับท่อนแขนใหญ่ อิงแอบอกแกร่งอย่างรู้สึกปลอดภัย ขณะที่ร่างสูงของกษัตริย์แห่งคาโนวาลกอดร่างบางข้างกายไว้อย่างรักใคร่ ร่างสูงตื่นนานแล้ว แต่ไม่อยากลุกไปไหน เอาแต่จ้องร่างบางที่หลับตาพริ้มอยู่ข้างกาย

     แต่เมื่อแสงทองสาดส่องเข้ามาทำให้ร่างบางต้องปรือตาขึ้น ก่อนจะพบกับใบหน้าของร่างสูงที่ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ คาโลยิ้มละไม

     "อรุณสวัสดิ์"ร่างสูงเอ่ย

     "อรุณสวัสดิ์"ร่างบางตอบกลับเสียงแผ่วที่เปี่ยมสุข

     มือใหญ่ยื่นไปสัมผัสแก้มนุ่ม คาโลหัวเราะน้อย ๆ ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มที่ยังคงไม่จางหาย

     "ขี้เกียจไปทำงาน" ร่างสูงพูดลูบไล้แก้มนุ่มอย่างพอใจ

     "ไม่ได้นะ..." คาโลว่าแต่น้ำเสียงไม่ได้เป็นเช่นนั้น "เป็นกษัตริย์ก็ต้องรับผิดชอบสิ"

     "หมดแรงแล้วละ" ร่างสูงยิ้มกว้าง ดึงร่างบางเข้ามากอดแน่น "เพราะเจ้านั่นแหละ ยั่วข้าทั้งคืน"

     "บ้า!" คาโหน้าแดงน้อย ๆ ทุบอกร่างสูงเบา ๆ ก่อนจะยิ้ม "ข้าก็ไม่อยากไปทำงาน"

     "งั้นอนอยู่อย่างนี้ทั้งวันเลยเถอะนะ" มิคาแอลหลับตา คาโลยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะปรือตาลง แต่ว่า.....

     ผ่าง!!

     "พี่คาโล!! เห็นพี่มิคาแอลอ๊ะ.....ป่าว"

     !!?

     ทั้งสองลุกขึ้นนั่งพรวดพราด มองไลร่าและลีโอที่ยืนนิ่งอ้าปากค้างมองพวกเขาอย่างตกตะลึง

     "เอ่อ...." สองพี่น้องหน้าแดง แต่คงไม่แดงเท่าคาโลอีกแล้ว ร่างบางรีบหยิบผ้าห่มขึ้นมาปดปิดร่างบางตัวเองทันที

     "เอ่อ..เดี๋ยว..."คาโลตั้งท่าจะพูด

     "ขอโทษค่า / คร้าบ!!"

     "เฮ้ย!!"

     ปัง!!

     คาโลแทบอยากจะร้องไห้ เมื่อประตูไม้ปิดลง ตั้งท่าจะหันไปว่าร่างสูง แต่ประตูห้องก็เปิดอีกครั้ง ไลร่าโผล่หัวเข้ามาก่อนจะทำเป็นมองไปทางอื่นและเอ่ยอย่างรวดเร็ว "หนูจะไม่บอกใครแน่ค่ะ!" แล้วก็ปิดประตูอีกครั้ง คาโลได้ยินเสียงฝีเท้าเล็ก ๆ วิ่งลงไป

     "แหม...โดนเห็นซะแล้วสิ" มิคาแอลเอ่ย เกาหัวแกรก ๆ ท่าทางไม่เดือดร้อนอะไร

     คาโลหันขวับมามอง ร่างสูงสะดุ้งเฮือก มองซ้ายมองขวา ก่อนจะยิ้มแห้ง ๆ "แหะ ๆ คาโล...."

     "เพราะนายคนเดียว!!!"

     "เฮ้ย!!"

     แล้วข้าวของก็ลอยข้ามห้องมาหมายจะสร้างรอยแผลสักแผลให้มิคาแอล

     ....................

     "อ้าว! เกิดอะไรขึ้นหรือพ่ะย่ะค่!?" เหล่าขุนนางที่เข้าประชุมต่างมองมิคาแอลเป็นตาเดียวอย่างตกใจ

     "อะไร!" ร่างสูงถามอย่างไม่สบอารมณ์

     "ก็ที่..." ขุนนางคนหนึ่งชี้ไปที่ผ้าแปะบนหน้าผากของมิคาแอล

     "อย่ายุ่งน่า! ประชุมต่อ!"

     จะอะไรสักอีกเล่า....ก็คาโลนั่นแหละ.....นั่นโคมเทียนเชียวนะ...โคมเทียนทองคำอันเบ้อเร้อ!!

     ..................

     "ไงคาโล!"

     "อรุณสวัสดิ์โยเซฟ" คาโลทักร่างสูงพร้อมรอยยิ้มเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่โยเซฟสังเกตได้ว่ารอยยิ้มนั้นเปลี่ยนไป

     "หน้าตามีความสุขจังนะ"

     "อ๊ะ! เปล่าซะหน่อย!"ร่างบางว่า หน้าขึ้นสีเรื่อน้อย ๆ

     เหมือนร่างสูงจะพอเข้าใจอะไรบางอย่าง "ดีกับมิคาแอลแล้วเหรอ"

     หน้างามแดงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว "อะ อะไรกัน! ใครบอก!"

     "หน้านายมันฟ้อง"

     คาโลก้มหน้างุด ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ "อืม...รู้สึกดีขึ้นเยอะเลยแหล่ะ...เรื่องวุ่น ๆ จะได้จบซักที"

     โยเซฟรู้สึกเจ็บปวดอย่างประหลาด เมื่อเห็นร่างบางยิ้มแบบนั้น....ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคนทำให้ร่างบางตรงหน้ายิ้มได้ก่อนมิคาแอล ทำให้คาโลหัวเราะได้ก่อนมิคาแอล แล้วทำไม...ทำไมรอยยิ้มนี้จึงเป็นของมิคาแอล....

     ..................

     ในสวนของราชวัง

     คาโลมานั่งจิบหน้าชาอ่านหนังสือไปพลาง ขณะที่ไลร่าและลีโอกำลังเล่นอยู่ไม่ไกลข้างน้ำพุพร้อมกับลูกสุนัขตัวใหม่ที่ขุนนางท่านหนึ่งเอามาถวายให้คาโล คาโลจึงยกให้สองพี่น้องไป โดยตั้งชื่อให้มันว่า 'เลโอ'

     "มาอยู่นี่เองเรอะ"

     คาโลหันไปตามเสียง พบมิคาแอลเดินมาหาและนั่งตัวลงบนเก้าอี้ข้างคาโล

     "การประชุมเป็นไงบ้าง"คาโลถาม

     "ก็ดี แต่เกือบเป็นลมเพราะเจ้าทำหัวข้าเป็นแผล ทำให้เสียเลือดมาก"

     "สมน้ำหน้า"

     "รับผิดชอบหน่อยสิ" ร่างสูงแอบขโมยความหอมจากพวงแก้มไปฟอดใหญ่ คาโลหน้าแดงก่อนจะตีร่างสูงด้วยหนังสือเล่มหนาในมือ มิคาแอลแค่หัวเราะ

     "อย่าทำแบบนี้อีก! ไม่เห็นหรือไงว่าไลร่ากับลีโอก็อยู่!!"

     "คิดมากน่ะ เฮ้! ไลร่า ลีโอ เมื่อกี้เห็นอะไรหรือเปล่า" ร่างสูงตะโกนถามสองพี่น้อง

     "ไม่เห็น ๆ >///< ไม่บอกใครด้วย!!"

     "เห็นชัด ๆ!" คาโลว่า ก็สองพี่น้องหน้าแดงซะขนาดนั้น "แล้วไม่มีงานแล้วหรือไง"

     "อืม...ก็มีแค่งานเล็กน้อยน่ะ แต่เจ้าโยเซฟนั้นจัดการได้"

     "จริงสิ" คาโลวางหนังสือลง "หมู่นี้เห็นนายกับโยเซฟไม่ค่อยจะพูดคุยกันเหมือนเมื่อก่อนเลยนะ เป็นอะไรกันหรือเปล่า"

     โยเซฟไม่ได้ตอบคำถามนี้ในทันที เขานิ่งเงียบ มองดูสองพี่น้องกับลูกสุนัข คาโลมองร่างสูงอย่างแปลกใจ จนได้รับคำตอบว่า "ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่...งานยุ่ง ๆ เลยไม่ค่อยได้คุยอะไรกันน่ะ"

     "นึกว่าทะเลาะกันซะอีก"

     "คิดมากน่ะ" ร่างสูงลูบหัวร่างบางอย่างอ่อนโยน คาโลยิ้ม

     แต่นัยน์ตาสีดำจับจ้องทั้งคู่อย่างไม่วางตา มันส่องประกายเป็นสีแดงวาบขึ้นมาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหายไป พร้อมกับร่างของผู้แอบซุ่มที่หายไปด้วย ทิ้งไว้เพียงถ้อยคำแผ่วเบา

     "ทำให้ฉันแน่ใจหน่อยสิคาโล...มิคาแอล"

     ....................

     ตกกลางคืน.....

     ก็อก ๆๆ

     คาโลลุกขึ้นไปเปิดประตูห้องอย่างสงสัย ก่อนจะยิ้มเมื่อพบว่าเป็นโยเซฟ

     "มีอะไรเหรอ?"

     "ฉันมีเรื่องจะบอก" ร่างสูงเอ่ยเสียงเคร่งเครียด

     "อะไรเหรอ เข้ามาก่อนสิ"

     "ไม่ล่ะ ตรงนี้แหล่ะ" ร่างสูงปฏิเสธ ก่อนจะจ้องร่างบาง คาโลรู้สึกไม่ค่อยดีนัก กับสายตาแบบนั้น

      "งั้น...อะไรละ"

      "ฉันรู้ว่านายกับมิคาแอลรักกัน"

      คาโลหน้าแดงอย่างเขินอาย

      "ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอก ก็ดีใจ...ที่เห็นนายมีความสุข แต่ว่า...นายคิดดีแล้วหรือ"

      "หา?? พูดอะไรน่ะ" ร่างบางไม่เข้าใจ

      "นายคิดดูดี ๆ นะ เมื่อหกปีก่อนที่เจ้าหญิงแห่งความมืด คนรักของนายถูกฆ่า" เรื่องนี้ทำให้คาโลจิกมือลงบนมืออีกข้างของตัวเองแน่น "นายคิดว่ามันเป็นแค่การลอบสังหารอย่างงั้นเหรอ นี่ก็ผ่านมาตั้งหกปีแต่ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้เลย นายว่ามันไม่แปลกเหรอไง"

     "นายต้องการจะพูดอะไรกันแน่" คาโลเอ่ย

     "ที่ฉันจะบอก อยากให้นายเตรียมใจไว้ให้ดี มันอาจรับได้ยาก ฉันเองก็ไม่อยากบอก แต่ว่าฉันก็ทนไม่ได้ที่เห็นนายต้องมาอยู่กับฆาตกร!"

     "หา!!??"

     "คนที่ฆ่าเจ้าหญิงแห่งความมืดเมื่อหกปีก่อน ก็คือ มิคาแอลยังไงละ"

     ถ้อยคำที่เรียบเฉย เย็นชา ดั่งมีดคมที่แทงทิ่มเข้าไปในหัวใจของร่างบางที่ตะลึงงัน

     "นั่นเป็นแผนการแรกของเขา...ในการแก้แค้นนาย...หกปีต่อมาเขาก็วางแผนอีก โดยการแกล้งทำเป็นช่วยนายจากผู้ลอบสังหาร และเข้ามาอยู่ในวังนี่ ทำตัวดี ให้คนอื่นไว้ใจ ให้พ่อนายวางใจและก็ขึ้นเป็นกษัตริย์ และตอนนี้....นายแน่ใจเหรอว่าทุกสิ่งที่ดี ๆ ที่เขาทำกับนายเป็น...อ๊ะ!"

     ปึก!!

     "อั่ก!!"

     "แก!!"

     "อย่า!"

     คาโลร้องลั่นเมื่อพบว่ามิคาแอลที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ ตรงหรี่เข้ามากระชากคอเสื้อโยเซฟและกระแทกโยเซฟเข้ากับกำแพงอย่างแรงด้วยอารมณ์โกรธ

     "หยุด!"คาโลพยายามเข้าไปห้าม แต่ร่างสูงของมิคาแอลกลับไม่ได้สนใจ จ้องหน้าโยเซฟอย่างพร้อมจะลงมือทำให้โยเซฟเลือดตกยางออกได้ทุกเมื่อ

     "แกพูดบ้าอะไร!!"

     "หึ! ความจริงยังไงละมิคาแอล...ความจริงที่นายปิดบังคาโลไว้ยังไงละ"

     "ความจริงอะไรของแก!"

     "อย่าทำเขา!"คาโลจับแขนใหญ่ของมิคาแอลไว้

     "แกอย่ามาพูดพล่อย ๆ นะโยเซฟ!!"มิคาแอลกัดฟันกรอด

     "หึ! ทำไม...กลัวแผนแกแตกหรือไง"

     "แผนอะไรของแก!!"

     "คาโล!" โยเซฟเอ่ยเสียงดังกลับอย่างหมดความอดทนที่จะรองรับอารมณ์ของมิคาแอล "แกหลอกให้คาโลรัก แกแกล้งรักคาโลเพื่อให้คาโลตายใจแล้วแกก็จะฆ่าเขาเพื่อแกแค้นยังไงละ!!"

     คาโลเบิกตาโตอย่างตกตะลึง

     "แก...โยเซฟ...แกนี่มัน!!" มิคาแอลกัดฟันแน่น

     "คาโล..." แต่โยเซฟหันไปหาร่างบางแทน "นี่ไงละความจริง...คนที่ฆ่าคนรักของนายและก็พร้อมที่จะฆ่านาย หลอกให้นายตายใจเพื่อแก้แค้น"

     "หุบปากเน่า ๆ ของแกซะโยเซฟ!!"

     พลั่ก!!

     "ไม่!" ร่างบางร้องลั่น

     โยเซฟจ้องมิคาแอลเขม็ง ปาดเลือดที่ปากออก

     "แกเป็นบ้าอะไรของแก!!" มิคาแอลตวาดลั่น

     "พอที!!"คาโลตะโกน

     "เชื่อฉันคาโล...หรือนายจะเชื่อฆาตกร"โยเซฟเอ่ย

     "แกน่ะหุบปากไปซะ!!"

     "เงียบ!! เงียบ!! เงียบทั้งสองคนนั่นแหละ!!" คาโลขัด น้ำตาใสไหลอาบแก้ม วงแขนเล็กกอดตัวเองแน่น ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งพื้นอย่างอ่อนล้า "นี่มันอะไรกัน...."

     "คาโล!" มิคาแอลเข้าไปประคองร่างบาง

     "นี่มันอะไรกัน....ฮึก...."

     "เชื่อฉันสิคาโล" โยเซฟย้ำ มิคาแอลยืนขึ้น ชี้คมดาบเล่มยาวไปที่โยเซฟ แต่โยเซฟไม่สนใจสักนิด "เชื่อฉัน....เพราะฉันรักนาย...รักนายจริง ๆ"

     ร่างบางเงยหน้ามองโยเซฟอย่างแปลกใจ มิคาแอลกำดาบแน่น

     "แก!!"

     "หยุด! อย่าทำเขานะ!!" คาโลเข้าไปขวางระหว่างคมดาบของมิคาแอลกับโยเซฟ

     "คาโล!"

     "บอกฉันสิ!" ร่างบางตะโกน สบตาสีน้ำเงินของร่างสูง น้ำใสเอ่อล้นจากนัยน์ตาเศร้าสีฟ้างาม "บอกความจริงกับฉัน...นายฆ่า...เฟลิโอน่าจริง ๆ หรือเปล่า"

     มิคาแอลกัดฟันแน่น "คาโล..."

     "ตอบฉันมา!!"

     ร่างสูงมองคาโลก่อนจะมองโยเซฟ ที่กำลังส่งยิ้มอย่างมีชัยมาจากเบื้องหลังของร่างบาง เขากัดฟันกรอด ก่อนจะเก็บดาบและเอ่ยเรียบ ๆ "ใช่....ฉันเอง ที่เป็นคนฆ่าเจ้าหญิงแห่งความมืด"

     คาโลก้มหน้าลง ก่อนจะสะอื้นเงียบ ๆ "และเรื่องฉันละ...รักฉันจริงๆ หรือเปล่า...."

     มิคาแอลกำมือแน่น "เรื่องนี้...ฉันไม่มีทางโกหกนายแน่"

     "ฮึก...." ร่างบางทรุดตัวลงกับพื้นอีกครั้ง และเริ่มร้องไห้เงียบ ๆ

     "มันไม่ใช่แผนการอะไรทั้งนั้น" มิคาแอลย้ำ จ้องโยเซฟอย่างไม่ยอมแพ้

     "นายเชื่อเหรอคาโล....เชื่อคนที่ฆ่าคนรักของนายงั้นเหรอ"

     คาโลไม่ได้ตอบอะไรทั้งนั้น นอกจากยังคงสะอื้นต่อไป

     "จะฆ่าฉันก็ได้" มิคาแอลเอ่ยเรียบ ๆ "จะหยิบมีดขึ้นมาฆ่าฉันก็ได้ ถ้านายต้องการ คาโล...ฉันของมอบชีวิตนี้ให้นาย...ฉันยอมตาย หากเป็นนายคาโล...หากมันทำให้ความแค้นของนายจบลง...ก็ฆ่าฉันซะเถอะ...ฉันไม่อยากเห็นนายต้องร้องไห้แบบนี้"

     มิคาแอลโยนมีดสั้นลงไปบนพื้นข้างกายคาโล ก่อนจะเฝ้ารอ

     คาโลมองมีดสั้นบนพื้นก่อนจะหยิบมันขึ้นมา ค่อย ๆ ยืนขึ้น จ้องมองร่างสูงด้วยนัยน์ตาโศก มิคาแอลหลับตาลง เตรียมใจที่จะตาย...

     ร่างบางกำมีดสั้นในมือแน่น ก่อนจะง้างมีดสั้นขึ้นสุดแขน....

     แกร็ง!

     มิคาแอลลืมตาอย่างแปลกใจ ก่อนจะถูกน้ำหนักตัวของร่างบางโถมเข้าเต็มอกแกร่ง วงแขนเล็กกอดรอบคอร่างสูงแน่น

     "ไม่ได้...ฉันทำไม่ได้...ฮึก...ฉัน...ฮึก...ฉันรักนาย..."ร่างบางเอ่ยข้างหูร่างสูงพร้อมสะอื้นไห้

     มิคาแอลยิ้มอย่างอ่อนโยน กอดร่างบางแน่น ก่อนจะมองโยเซฟ

     "ก็แค่นี้แหละ" โยเซฟเอ่ยออกมา นั่นทำให้ทั้งมิคาแอลและคาโลแปลกใจ "ก็แค่อยากรู้ว่าพวกนายจะรักกันจริงหรือเปล่า...ฉันเห็นแล้ว...พวกนายถึงขนาดทิ้งความแค้นที่มีเพื่อความรัก...รู้แค่นี้ฉันก็ยอมที่จะตัดใจแล้ว" ร่างสูง ยิ้มเศร้า ๆ มองคาโลอย่างเศร้าศร้อย "ความจริงคือ...ฉันต่างหากที่ฆ่าเจ้าหญิงแห่งความมืด...ขอโทษนะคาโล....ตอนนั้นฉันคิดจะช่วยมิคาแอลล้างแค้นก็เลยทำเรื่องบ้า ๆ แบบนั้นไปโดยที่มิคาแอลไม่รู้เรื่องเลย จนมารู้ที่หลังหลังจากฉันบอก...ขอโทษนะคาโล"

     โยเซฟ หันหลังให้ทั้งคู่ "ตอนแรกฉันกะจะแย่งคาโลมาให้ได้นะมิคาแอล แต่ว่า...รู้สึกความสัมพันธ์แบบเพื่อนของฉันกับนายมันตัดกันยากว่ะ...ทำไม่ลง"

     "เออ" มิคาแอลเอ่ย "ฉันก็ตัดไม่ลง"

     แล้วโยเซฟก็จากไป ทิ้งให้ทั้งคู่อยู่กันตามลำพัง มิคาแอลพาคาโลเข้าห้อง ทั้งสองยังคงนิ่งเงียบ นั่งกันอยู่คนละฝั่งของเตียง

     มิคาแอลเหลือบมองร่างบาง ก่อนจะถอนหายใจหนัก ไม่รู้จะพูดอะไรดี แต่มือเรียวของคาโลแตะที่บ่าของเขาทำให้ร่างสูงต้องหันไปมอง แต่ต้องตกตะลึงเมื่อริมฝีปากนุ่มประกบกับริมฝีปากของเขา ไม่นานคาโลก็ถอนจูบออกก่อนจะเอ่ย

     "ทำให้ฉันแทบบ้าแน่ะรู้มั๊ย ฉันนึกว่านาย....ทำจริง ๆ" ร่างบ้าเอ่ยเศร้า ๆ ร่างสูงยิ้ม เขยิบเข้าใกล้ร่างบาง มือใหญ่ปาดน้ำตาใสออกให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะมอบจุมพิตแสนหวานให้อย่างรักใคร่ พลางเอ่ยกระซิบ

     "น่ารักจริง ๆ น้า.....เพราะแบบนี้ละนะ ฉันถึงรักนาย คาโล....แล้วนายล่ะ รักฉันหรือเปล่า"

     "กะ ก็บอกไปแล้วนิ"ร่างบางหน้าแดง

     "บอกอีกสิ" ร่างสูงมอบจูบแสนหวานและดูดดื่มให้ร่างบางอย่างรักใคร่ ร่างบางปรือตารับรสจูบอย่างยินยอม กอดรอบคอร่างสูงแน่น แต่ร่างสูงถอนจูบออกเสียก่อน ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ "ว่าไงคาโล...บอกฉันมาซิ"

     ร่างบางหน้าแดง ก้มหน้าหนีก่อนจะเอ่ย "อืม...ฉันก็รักนาย"

     "หึหึหึ" ร่างสูงหัวเราะน้อย ๆ ก่อนจะมอบจุมพิตเร่าร้อนให้อีกครั้ง

     ร่างบางค่อย ๆ ล้มตัวลงบนเตียงนุ่มโดยมีร่างสูงขึ้นคร่อมไว้ ลิ้นร้อนในโพรงปากตวัดรัดพันเกี่ยวอย่างเร่าร้อน

     "อืม...อือ..."

     มือใหญ่เมื่อซุกซน ล้วงเข้าไปใต้สาบเสื้อสีขาว ก่อนจะถอนจูบลงมาที่ลำคอขาว มอบรอยรักแสดงความเป็นเจ้าของไว้รอบคอ

     "อือ...อา...อ๊า...." ร่างบางครางเสียงสั่น แอ่นกายอย่างเสียวซ่านเมื่อมือใหญ่ปลุกอารมณ์ของเขาโดยใช้มือเคล้นที่ยอกกุหลาบสีชมพู

     แล้วเพลงรักก็บรรเลงอย่างเร่าร้อนในค่ำคืนอันแสนสุขนี้.....

     ...................

     "ไง คาโล!!"

     ร่างบางหันไปยิ้มทักทายโยเซฟเหมือนปกติ "อรุณสวัสดิ์โยเซฟ"

     "ไง ไอ้เพื่อนยาก!" โยเซฟกอดคอมิคาแอล

     "เออ ตื่นสายนะแก มาเคลียร์งานดิ๊" มิคาแอลว่า ก่อนจะส่งเอกสารให้เพื่อน

     "ไรว้า~ มาถึงก็งานเลย นี่กะจะชวนออกไปเที่ยวตลาดนะเนี่ย"

     "เที่ยวตลาดเหรอ!! หนูไปด้วย!!"สองพี่น้องรีบอาสาทันที

     "ไม่ได้ ๆ ต้องทำงานนะ!"คาโลขัดเสียก่อน ทำให้ทุกคนร้องโอดโอยอย่างเสียดาย "ไม่ต้องมาร้องเลย รีบไปทำงานสิ!"

     "ดุชะมัด เอ๊ะ! คาโล เห็นรอยแล้วนะ"โยเซฟแซวล้ออย่างขบขัน ร่างบางรีบยกมือขึ้นปิดคอทันที

     "เงียบนะ!"ร่างบางว่า

     "รอยอะไรเหรอค่ะ / ครับ"สองพี่น้องสงสัย

     "เฮ้ย มิคาแอล ทำอะไรทีหลังระวังหน่อยสิวะ แบบนี้เขาก็รู้กันหมดสิ"โยเซฟยิ้มกริ่มกับเพื่อน

     "หึหึหึ" มิคาแอลยิ้มเจ้าเล่ห์ "ก็ให้เขารู้ไปสิ จะได้รู้ไงว่ามีเจ้าของแล้ว"

     "นี่พวกนาย!!"คาโลว่าหน้าแดง

     "พี่คาโล ๆ รอยอะไรเหรอ!?"สองพี่น้องไม่ยอมแพ้

     "ก็รอย...."โยเซฟทำท่าจะบอก

     "นายหุบปากไปเลยนะ!" คาโลรีบขัด

     "รอยรักไงละ" แต่มิคาแอลดันตอบแทนเสียก่อน

     "รอยรัก??" สองพี่น้องสงสัยและไม่เข้าใจ โยเซฟหัวเราะอย่างขบขัน

     "มิคาแอล!!" คาโลว่า

     "อะไร? เฮ้ย!!"

     แล้วพายุข้าวของก็เกิดขึ้น ทุกคนรีบหลบกันจ้าละหวั่นพร้อมกับหัวเราะอย่างขบขัน....วันอันแสนสุขยังคงดำเนินต่อไป.....









THE  END




No comments:

Post a Comment