Cocoa butter
Paring :JonginXKyungsoo ft.Chanbeak, littleHunhan
Rate : PG-13
Warning :ฟิคเรื่องนี้มีคำหยาบคายบ้าง ตามประสาเพื่อนคุยกันนะคะ ><
หวังว่าทุกคนจะชอบเรื่องนี้กันนะคะ ส่วนชื่อเรื่อง...อธิบายยังไงดีล่ะ เนยโกโก้ คิดซะว่าเป็นความลงตัวของจงอินคยองซูแล้วกันนะคะนะ (เกี่ยว?) ฮ่าๆ รักคยองซูกันเยอะๆน้าาา จงอินจะได้มีคู่แข่ง(?)
โต๊ะม้าหินอ่อน หน้าอาคารเรียนรวมของมหาวิทยาลัยชื่อดังถูกจับจองด้วยคนหนุ่มหน้าตาดีสี่คน คนแรก เสี่ยวลู่หาน คนหน้าสวยที่นิสัยโคตรแมนขัดกับหน้าตา เตะบอลเป็นชีวิตติดเกมส์ยิ่งกว่าแฟน แต่ถึงจะดูแมนแต่แฟนเด็กก็กินมันอยู่ดี เอาจริงๆแม้กระทั่งตอนนี้พี่แกก็ยังนั่งกดเกมส์ในไอโฟนไม่วาง
ถัดมาในเก้าอี้ตัวข้างๆ คือคนรูปหล่อ เรียกได้ว่าหล่อมากๆดึงดูดสายตาทุกคนให้หันมามองหน้ามากกว่าจะเดินขึ้นไปพบอาจารย์บนห้องเรียน แถมตอนนี้ยังเพิ่มดีกรีความเท่ห์ด้วยการไถหัวทั้งสองข้างแต่อยากจะบอกว่านั่นทำให้หน้าดูเป็นคนเลวลง50% คริส
และคนสุดท้ายถ้าไม่รวมคนที่หล่อที่สุดอย่างผม นั่งหน้าหงิกเลยครับ จริงๆหน้าตามันเข้าขั้นน่ารักมากเลยนะครับ แต่ขี้เหวี่ยงขี้วีนไปหน่อย แบบนี้ต้องถาม นี่ไม่ได้อยากรู้เท่าไหร่เลยนะครับ
“เป็นอะไรของมึงครับบยอนแบคฮยอน สะดีดสะดิ้งอยู่นั่นแหละ” ครับ มันคือบยอนแบคฮยอนผู้ที่แสนจะเอาแต่ใจ ตัวก็เล็กตาก็เล็กแต่ปากนี่อย่างไว สงสัยตอนนี้กำลังงอนแฟน
“ไม่เสือกได้ไหมจงอิน” ตอบกลับมาโดยไว ใช่ครับมันด่าผมเอง ผม คิมจงอินครับ หน้าตาจัดว่ารูปหล่อพ่อรวยแบบพอมีหน้ามีตาได้ อะไรนะ ถ้าจะเทียบกับคริสน่ะเหรอ...ผมว่าพวกคุณพิจารณากันได้นะครับ...นะ
“นี่กูถามดีๆนะ คนอุตส่าห์เป็นห่วง” ถ้าไม่ติดว่าตัวเล็กแล้วชอบทำตัวแอ๊บแบ๊วจะขอเอาขายาวๆยันมันสักครั้ง
“นั่นดิบยอน เป็นอะไร” คริสที่เห็นท่าทางเหวี่ยงวีนนั่นก็อดไม่ได้ที่จะถามเช่นกัน
“พวกมึงก็ถามกันมาได้นะ หน้ากูหงิกขนาดนี้ อารมณ์ดีมีแฟนมารับส่งมั้ง”
“มึงจะตอบพวกกูดีๆหรือจะให้กูเอาบีบียัดปากมึงฮะบยอนแบคฮยอน” ชักเริ่มทนไม่ไหวแล้วครับ พอดีเป็นคนหนุ่มเลือดร้อน เพื่อนเค้าอุตส่าห์เป็นห่วง มันยังไม่ตอบดีๆ แม้จะมีคำถามที่ดูไม่คุกคามและสุภาพชนสุดๆมาจากไอ้คริส นั่นก็ไม่ช่วยอะไร อยากให้มันตอบต้องโฉดใส่เข้าไว้ครับ
“เอออออออออออ! กูกำลังจะบอกให้มึงฟังอยู่นี่ไง” ไม่ต้องเลย แหม่ ถ้าไม่ขู่ไม่ด่าจะเล่าไหมถามหน่อย
“มึงนี่ลีลาท่ามากเหลือเกินเดี๋ยวจะโดน” พอจะเริ่มเล่าเท่านั้นแหละครับ แม้แต่ลู่หานที่นั่งก้มหน้าก้มตาเล่น temple run สลับกับ dragonvale อะไรของมันไม่รู้หลายเกมส์ ยังเงยหน้าขึ้นมารอฟัง เหอะ ไอ้นี่นะทำเป็นเล่นนู่นนี่นั่น พอพวกผมเสียงดังมันน่ะตัวฟังแล้วเก็บข้อมูล
“ก็เนี่ยกูอ่ะรอปาร์คชานยอลมารับไง แล้วนี่เลิกเรียนนานแล้วไง มานั่งรอจุ้มปุ๊กอยู่กับพวกมึงเนี่ยมันก็ยังไม่มาซะที มันก็รู้เวลาเรียนกูนะว่าวันนี้เลิกแค่บ่ายโมง นี่บ่ายสองจะครึ่งละ วันนี้มันเลิกเรียนตั้งแต่เที่ยงเลยนะ”
“พวกกูก็รู้แหละว่ามันต้องเรื่องแฟนมึง ไม่มีพ้น ผิดที่ไหน”
“อืมมม อาจจะ...ไปกับคยองซู รึเปล่า เอ...” ทุกสายตาหันไปที่ลู่หาน “ก..กูก็แค่สันนิษฐานไง”
“มึงอย่ามาไร้สาระ เดี๋ยวกูเหวี่ยง” แบคฮยอนไม่ยอม ครับ จริงๆจงอินก็ไม่ยอม แต่เก็บความสงสัยไว้ก่อนครับ เดี๋ยวได้รู้กัน
“แต่เอาจริงๆแล้วเนี่ย ถ้าไม่ได้สนิทกันจนรู้ว่าแบคฮยอนคบกันชานยอลกูเองก็ว่าคนอื่นๆคงคิดว่าชานยอลคบกับคยองซู” เสียงนุ่มๆพูดไปเรื่อยของคริสไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นเลยครับพับผ่าสิ
จากที่ตอนแรกว่าจะเดือดร้อนเงียบๆคนเดียว แต่ไม่ได้การละ เดี๋ยวต้องเคลียร์ครับ
“มึงก็ทำเป็นพูดไปคริส รู้ได้ไงว่าคนเค้าคิดกันแบบนั้น”
“เอ้า ไม่เชื่อลองถามคนอื่นๆดูดิวะ เด็กคณะสองคนนั่นก็แอบคิดแบบนั้นกันหมดแหละจริงๆ” ชิชะ พวกเด็กวิดยามันไม่รู้อะไรกันซะแล้ว มีตาหามีแววไม่ หึ รู้อะไรน่ะเหรอครับ เดี๋ยวนะ ขอเวลาอีกนิดเดี๋ยวเราให้ฟัง
“จริงๆนะ กูว่าคนส่วนมากเค้าคิดแบบนั้นจริงๆ มึงอ่ะ คบกับชานยอลประสาอะไรวะแบคกี้” นั่นไง มึงจะจุดประเด็นทำไม พี่คริสเคลียร์ที
“มึงอย่าเติมเชื้อไฟ พูดไปเรื่อยไอ้ลู่ครับ กลับไปหาแฟนเด็กมึงไป” ดีมากครับพี่คริส ไม่พูดเปล่าด้วยครับ แขนยาวๆพามือนั่นไปโบกหัวกลมๆของลู่หานจนแทบจะโขกโต๊ะทันที เปลี่ยนท่าทีได้ไวมาก ได้ข่าวว่าเมื่อกี้มึงนี่ตัวกุข่าวเรื่องนี้เลยแหม่แต่ให้อภัย เพราะโบกหัวไอ้ลู่แทนผมแล้ว
ตัวผมเองก็เริ่มนั่งไม่สุขแล้วล่ะครับ ให้ตายสิ ตอนใช้ไอ้ชานให้ดูแลคยองซูให้ทีนี่ลืมคิดถึงข่าวลือพวกนี้ไปได้ยังไงกัน จริงๆพวกเด็กวิดยาก็น่าจะแอบรู้เรื่องผมมั่งสิ ไปออกจะบ่อย คริสมันมั่วหรือยังไงของมัน
“มึงโทรตามมันยัง? ไอ้ชานยอลอะ มันอาจจะติดธุระอย่างอื่นแล้วไม่ทันได้โทรบอกมึงไง” ผมให้คำแนะนำมัน อยากรู้ไม่แพ้กันแหละครับ แล้วไอ้แบคที่มัวแต่โมโหก็คงลืมคิดที่จะโทรตามไปเหมือนกัน
“ไม่ กูงอน” จ้ะ งอนจ้ะ จงอินจะยกเท้าก่ายหน้าผาก อยากจะบ้าตาย
“มึงจะโทรไม่โทร”ต้องให้ถามย้ำๆ
“ไม่”
“จะไม่โทรใช่ไหม?”
“ไม่”มันหนักแน่นมากครับ ผมพูดเลย หนักแน่นจนอยากเอารองเท้าฟาด
“กูถามอีกทีนะ”
“กูก็ตอบอีกทีนะ”
“อย่ามากวนตีนกูนะ”
“เปล่ากวน กูพูดจริงจริ๊ง”แหมมมมม ทำขึ้นเสียงสูง มันน่าดีดปาก
“มึงแน่ใจนะ”
“เออ”
“ดี กูโทรเอง”
*แล้วมึงจะเถียงกันทำไม* ลู่หานบ่นเบาๆ
มึงไม่โทรกูโทรเองไอ้แบคฮยอน แต่ไม่ได้โทรหาไอ้ชานนะครับ ในเมื่อผมสงสัยใคร่รู้ในตัวอีกคนมากกว่า นั่นหละครับ โดคยองซู
“ฮัลโหล ว่ายังไงจงอิน” รับแล้วครับ ได้ยินเสียงก็ชื่นใจ
“คยองซู นายอยู่ไหนน่ะ” ตอนนี้ผมออกมาอยู่ตึกเรียนอีกด้านครับ ไม่ให้พวกนั้นรู้หรอกว่าจริงๆผมโทรหาคยองซูไม่ได้โทรหาชานยอลของไอ้แบค
“เรามาซื้อของเข้าร้านน่ะโอ๊ะ ชานยอลสินะ นี่แบคฮยอนต้องโกรธมากเลยใช่ไหม เราขอโทษษษษ”
“แล้วทำไมคยองซูไม่บอกเราล่ะ จะได้ไปส่ง แบคฮยอนมันสะดีดสะดิ้งใหญ่ที่ชานยอลไม่ยอมมาหา ให้โทรตามมันก็ไม่ยอมโทร”
“งื้ออออ เราขอโทษนะจงอิน แต่เราเกรงใจน่ะ อีกอย่างเราไม่มั่นใจตารางเรียนของจงอินวันนี้ว่าตอนบ่ายจะว่างรึเปล่า แล้วเราก็รีบมากๆ เพราะของที่ร้านหมดเกลี้ยงแถมไม่มีคนเฝ้า ตอนนี้พี่มินซอกอยู่คนเดียว เรากำลังจะรีบกลับแล้วล่ะ นี่รอชานยอล หายไปไหนไม่รู้ สงสัยไปหาของง้อแบคฮยอนแหงๆเลย ฮือออ เราขอโทษจริงๆนะจงอิน”
เสียงขอโทษขอโพยดังมาตามสายอย่างยืดยาว ไม่รู้จะรู้สึกผิดอะไรขนาดนั้นนะครับเนี่ย
“ครับๆเอาเถอะไม่เป็นไร แล้วตอนนี้คยองซูอยู่ไหน เดี๋ยวเราไปรับแล้วส่งที่ร้านนะ โทรบอกชานยอลเลยว่าไม่ต้องวนกลับมาหาคยองซู ให้มาง้อไอ้แบคด่วนๆมันงอนมาก”
“โอเคงื้ออออองั้นมาเร็วๆนะพี่มินซอกอยู่ร้านคนเดียวววววว ฝากบอกแบคฮยอนด้วยว่าเราขอโทษษษษ”
หลังบอกสถานที่เสร็จสรรพก็มีคำพูดน่ารักๆตามมาอีกครับ คยองซูของผมนี่น่ารักจริงๆครับ แต่ผมคงไม่มีเวลาบอกไอ้แบคกี้ให้หรอกครับ เพราะคุยโทรศัพท์วางปุ๊บ ผมก็รีบวิ่งกลับมาที่โต๊ะ หยิบกระเป๋า กุญแจรถ บอกลาเพื่อนแล้ววิ่งอีกรอบไปลานที่ผมจอดรถไว้ทันที
“อะไรของมัน คุยโทรศัพท์เสร็จรีบออกไปเชียว มันคุยกับชานยอลหรือกับใคร? กูงง คริส บอกกูหน่อย”
“ก็ได้ข่าวว่านั่งอยู่ด้วยกันเนอะ”
“เออ แล้วตกลงไอ้ชานยอลมันไปไหนกับใคร ไม่ให้คำตอบแล้วยังทำกูสงสัยกว่าเดิมอีกไอ้บ้าจงอิน!!!”ทิ้งให้แบคฮยอนและผองเพื่อนนั่งงงต่อไป โดยคนแรกดูจะหนักหน่อย เพราะหน้าคว่ำหน้าหงิกกว่าเดิมแล้ว รอหน่อยนะคุณหนูแบคคนดี ยอลศรีกำลังเดินทางแล้วล่ะ
ระหว่างนี้ผมก็จะเล่าให้พวกคุณฟังแล้วกันนะครับ ที่ติดค้างเอาไว้น่ะสงสัยกันใช่ไหมล่ะครับว่าทำไมผมถึงเดือดร้อนนักหนาเรื่องสองคนนี้ ที่จริงผมรู้กับใจว่ามันไม่ได้มีอะไรในกอไผ่หรอกครับ อ้าว ทำไมน่ะเหรอครับ
ก็ผมน่ะนะครับ โคตรชอบคยองซู ไม่พอครับ โคตรหวงคยองซู แถมอีกครับ ตามจีบคยองซู มาพักใหญ่แล้วด้วยล่ะครับ เพราะงั้นไม่แปลกที่ผมจะรู้แทบทุกเรื่องของคยองซูที่คนอื่นได้แต่สงสัย ไม่รู้จริงกันทั้งนั้นแหละ
แล้วชานยอลมันเป็นเพื่อนสนิทคยองซูที่ผมไว้ใจ แล้วก็รู้อยู่ว่ามันรักแล้วก็กลัวไอ้แบคมาก เลยให้มันอ่ะเป็นไม้กันหมาให้ทีครับ เรียกได้ว่าให้เฝ้าเป็นเงาตามตัว ถ้าผมไม่อยู่ไอ้ชานต้องอยู่ แต่เพื่อนผมมันไม่ค่อยรู้เรื่องนี้กัน ไม่อยากออกตัวแรงครับ จริงๆไม่ได้ปิดเลยนะ ผมก็ไปหาคยองซูบ่อยแต่พวกนั้นไม่เคยจะถามหรือว่ามายุ่งอะไร ผมก็ไม่ได้เล่าให้ฟัง
ผมชอบเค้ามากๆจริงๆนะครับ ไม่คิดเลยว่าคนเจ้าชู้ประตูดินอย่างคิมจงอินจะมาหยุดทุกสิ่งทุกอย่างเอาซะดื้อๆเวลาเจอคนตัวเล็กๆอย่างเค้า ว่าแล้วก็อยากจะเจอหน้าเร็วๆ ชอบเหมือนกันใช่ไหมล่ะ คยองซูของผมน่ะ
ใช้เวลาไม่นานอย่างที่คยองซูบอกไว้ ตอนนี้ผมมองเห็นคนตัวเล็กกำลังใช้สายตาสอดส่องมองหารถของผมด้วยท่าทางดูรีบร้อนกระวนกระวาย พอเห็นรถ camryสีขาวของผมเจ้าตัวก็รีบก้าวขามาที่รถก่อนผมจะจอดซะอีก ท่าทางจะรีบจริงๆ
“จงอินนนนนนนนนน”
ตะโกนเรียกผมที่ก้าวลงจากรถเพื่อจะมาช่วยเก็บของพะรุงพะรัง ผมขำเบาๆกับท่าทางคนตรงหน้าเมื่อครู่ ลองคิดภาพตามดูนะครับ ตัวเล็กๆขาสั้นๆวิ่งดุ๊กๆเหมือนนกเพนกวินวิ่งน่ะครับ น่ารักชะมัดเลยคยองซู ผมใช้คำว่าน่ารักเปลืองเกินไปหรือเปล่าครับ แต่เรื่องจริงนะ ผมพูดจริงๆ
“ส่งของมาให้เราเก็บแล้วไปนั่งรอบนรถได้เลยครับตัวเล็ก รีบไม่ใช่เหรอ” ผมรับของทั้งหมดมาก่อนจะเปิดเก็บหลังรถแล้วรีบขึ้นรถเพื่อขับไปส่งคนน่ารักของผม
“ซื้อครบทุกอย่างไม่ขาดของอะไรแล้วแน่นะครับ คยองซู”
“อื้ออออ ครบแล้วล่ะ รีบกลับร้านเถอะ พี่มินซอกต้องบ่นเราแย่แล้วแน่ๆเลยยยย เราพยายามรีบสุดๆแล้วนะเนี่ยยย”
“รีบจนลืมเราไปสนิทเลยสินะ” น้อยใจแบบนี้ต้องบอกครับ ไม่เป็นปัญหาระยะยาว
“โอ๋ๆ จงอินนนนอา เราขอโทษจริงๆน้าขอโทษมากๆเลยยยยยย เดี๋ยวพอกลับไปถึงร้านเรายกบานอฟฟี่ของโปรดให้จงอินเลยนะแถมกาแฟอร่อยๆหรืออยากทานอะไรอีกบอกเรานะเราให้หมดเลยยยยย ไม่คิดเงินเลยด้วยยยย นะนะ แต่จงอินหายโกรธคยองซูน้า~~”
พูดเฉยๆจงอินก็คนนี้ก็จะหลุดยิ้มแล้วครับ นี่มีเอามือเล็กๆมาเขย่าเบาๆตรงข้อศอก ทำเข้มมือหมุนพวงมาลัยไปตามทางอย่างนั้น จริงๆมุมปากนี่ยกแล้ว โถ่คิดว่าคนอย่างจงอินจะทนได้ยังไง น่ารักไม่ทน คยองซูน่ารักเกินไปแล้วครับบบบ!!
“งั้นคราวหน้าคยองซูควรจะทำยังไงกับสถานการณ์แบบนี้บอกเราก่อน”
“คยองซูจะรีบบอกจงอินคนแรกเลยยยยย ไม่สนหรอกว่าจงอินจะทำอะไร ดีไหม คิคิ”
“ดีมากครับ” ผมพูดก่อนจะเอื้อมมือไปขยี้หัวกลมๆจนผมยุ่ง เจ้าตัวเล็กยู่หน้าทำปากจู๋อย่างแสนงอนออกมาก่อนจะหันมายิ้มให้ผมจนตาปิด
“ดีใจจังที่จงอินไม่โกรธเราแล้ว”
“ก็เรากลัวทำเป็นโกรธนานๆจะมีคนร้องไห้ไปฟ้องคนนู้นทีคนนี้ที ขี้แงจังเลย”
“อะไร เราไม่เคยทำแบบนั้นซะหน่อย อย่ามามั่วนะจงอิน”
ไม่เลยครับ ไม่เคยเล้ยยยจริงๆ ผมเคยไปรับเค้าไม่ตรงเวลาเพราะติดงานของคณะ ลืมโทรบอกครับ โดนงอนไปสามวัน แถมไปใส่ไฟฟ้องพี่มินซอกต่างๆนาๆว่าผมอ่ะไม่ได้เรื่อง จีบแล้วยังมาทำแบบนี้กับคยองซูอีก แล้วก็อะไรไม่รู้เต็มไปหมด ผมนี่ทั้งขำทั้งไม่รู้จะง้อยังไง สุดท้ายก็หายโกรธดื้อๆซะอย่างนั้น โดยให้เหตุผลกับผมที่ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี โดยบอกว่า ‘เดี๋ยวจงอินไม่จีบเรา เราไม่มีคนไปรับไปส่ง’ มันน่าตีไหมครับ
“ฮ่าๆ ครับ ไม่เค้ยไม่เคยทำเลยครับคยองซู”
“ช๊ายยยยเราน่ะเข้มแข็งมากๆ”
“จ้าคนเข้มแข็ง ถึงร้านแล้วรีบลงไปรายงานตัว เดี๋ยวเรายกของลงไปให้นะ ดูสิ พี่มินซอกรอจนตัวกลมแล้ว”
“จงอินอ่ะ! ว่าพี่เราทำไม ฮ่าๆๆ” ทำเป็นดุผมแต่ตัวเองก็ขำนะครับเจ้าตัวแสบ
บรรยากาศร้านกาแฟยามบ่ายยังมีคนไม่มากนัก เพราะยังไม่ใช่เวลาเลิกเรียนหรือเลิกงาน ที่คยองซูรีบก็คงเพราะอยากให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อนจะถึงช่วงเวลาเร่งด่วนแบบนั้นน่ะครับ พอผมเข้ามาในร้าน ทักทายพี่มินซอกเรียบร้อยก็มานั่งรอคยองซูไปเตรียมขนมให้ผม จริงๆไม่ต้องทำให้ผมก็ไม่โกรธ แต่ของอร่อยๆใครจะอยากพลาดกัน ผมน่ะชอบกินเค้กฝีมือคยองซูที่สุดเลยครับ
“จงอิน วันนี้นายไม่มีเรียนหรือไง มาเฝ้าน้องพี่อีกแล้วเนี่ย”
“แหน่ะ ว่างปุ๊บก็รีบมาคุยกับน้องเขยเลยนะครับพี่มินซอก”
“กล้าพูดดดดดดดด กล้ามากๆ ขอน้องฉันเป็นเรื่องเป็นราวหรือยังเหอะ อย่ามาข้ามขั้น คิดว่าผ่านฉันง่ายๆเรอะ” ง่ายไม่ง่ายไม่รู้ครับ แต่จริงๆผมว่าผมผ่านพี่เปาไปเป็นที่เรียบร้อย
“ถ้าผมไม่ผ่านพี่ไม่มาคุยกับผมงี้หรอก รู้นะว่าคนก่อนๆพี่จิกตาตี่ๆใส่แทบถลน บางคนแถบจะไล่ออกจากร้านน่ะคยองซูเล่าให้ผมฟังหมดพี่ ฮ่าๆ”
“ด่าพี่ตาตี่เหรอไอ้จงอิน งั้นให้เวลาอีกนิดเดียวถ้าแกไม่ขอให้เป็นเรื่องเป็นราวแกจะเอาแบบนั้นป้ะล่ะ?” มีถลึงตาเล็กๆใส่ด้วยนะ เป็นพี่น้องกันยังไงคนนึงตาโต๊โต(เกิน) คนนึงตาเล็กเชียว
“วันนี้เลยครับ อยู่ๆผมก็พร้อมแล้ว พี่อย่ามาขัดกันก็พอครับ ฮ่าๆ”
“ให้มันจริง ไม่งั้นเจอพี่แน่ไอ้น้อง”
“คร้าบบบบบบ”
“เออพี่ ระหว่างที่ผมหายไปบางทีนี่มีคนแอบมาจีบบ้างป้ะ?” ขอถามเพื่อความมั่นใจอีกนิดครับ เผื่อมีม้ามืดเดี๋ยวซวย
“เอาหัวมาให้โบกที พี่ดุขนาดนี้ ช่วยแกขนาดนี้ อยู่มหาลัยไอ้ชานยอลก็ช่วย มันเล่นข้างแกขนาดนั้น ยังจะไม่มั่นใจอีก น้องฉันก็ให้แกไปเกินครึ่งละ ไอ้นี่ วอนแล้ว” ทำไมนิสัยไม่เข้ากับหน้าตาเลยครับพี่มินซอก ซาลาเปาพันธุ์อะไรจะหาไปเฝ้าบ้าน
“วันนี้จริงๆ โอ๊ะคยองซูบานอฟฟี่ของผมมมมน่าทานมากเลยยยย เค้กกกก” ทำส่งเสียงดังเป็นสัญญาณให้พี่มินซอกล่าถอยไปก่อน ผมจะเริ่มทำตามคำสั่งพี่แล้วครับ
“อ้าว เฮ้ย ไอ้จงอิน!”
อ้าว ใครอีกละครับ กำลังจะเกริ่นเข้าเรื่องซะหน่อย
“ไอ้ลู่ มาทำอะไรของมึง?” มาผิดจังหวะมากๆรู้ตัวไหมไอ้หน้าสวยนิสัยเสียTT
“มารอแฟน มึงนั่นแหละ มาทำไม อ๊ะ สวัสดีนะคยองซู” พอถามผมเสร็จมันก็หันไปทักทายคยองซูคนน่ารักได้แต่ยิ้มแล้วโบกมือกลับไหวๆ
“มาส่งคยองซู มึงไปนั่งที่อื่นเลยปะ ไปรอแฟนเด็กมึงที่นั่งอีกฝั่งโน่นนนน”
“แหม ทำเป็นไล่ กูว่าแล้วเชียะกูกับคริสต้องเดาไม่ผิด หลังๆมานี่ทำตัวพิลึกพิลั่น นั่งตูดไม่ติดเก้าอี้ไปคณะวิดยาบ่อยๆอีก คิดว่าพวกกูไม่รู้เหรอ ชิชะ ไม่ยอมบอกกูตรงๆ เดี๋ยวกูก็ยุให้ชานยอลเลิกกับแบคกี้แล้วสอยคยองซูเลยนี่ ”
เดินไปก็บ่นไป กูได้ยินนะครับไอ้ลู่ที่กระแนะกระแหนกู ยุชานยอลอะไร กูจะฟ้องแบคฮยอน มึงจะทรยศเพื่อน แต่เดี๋ยวค่อยเคลียร์ครับทางนี้สำคัญกว่า
“ลู่หานนี่น่ารักจังเลย สวยด้วยอ่ะ เราชอบจังเลยจงอินนนนน”
“มันสวยแต่หน้า นิสัยรับไม่ได้ครับคยองซู อย่าไปสนใจมันเลย” ก็ว่าไปตามเนื้อผ้านะครับคนเรา เพื่อนเป็นยังไงผมก็ว่าไปอย่างนั้น ไม่อยากให้คยองซูเข้าใจลู่หานผิดๆ คนน่ารักมักนิสัยคบไม่ได้ *แล้วที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานคืออะไร จงอินช่วยตอบกูที* เสียงล่องลอยมาไกลๆ สงสัยเพราะนิสัยคล้ายกันน่ะครับ ไอ้ลู่พานอกเรื่องอีกแล้ว เดี๋ยวมันต้องโดน
“จงอินว่าเพื่อนอีกแล้ว นิสัยไม่น่ารักเลยนะ” ว่าผมแล้วทำหน้าตาน่ารักใส่ทำไมผมคยองซู ต้องการอะไรครับ แต่จังหวะนี้แหละ จงอินต้องลุย
“งั้นถ้าเราไม่ว่าเพื่อนเราอีก คยองซูจะรักเราได้แล้วใช่ไหมครับ?” ซื่อๆแบบนี้เลยครับ เสี่ยวไม่นับเพราะไม่ขยับผมจะแพ้(?) โอกาสมาแล้วต้องไม่ปล่อย ไม่ทันคิดมุกโรแมนติกอะไรทั้งนั้น
“ห๊ะ อ...อะไรของจงอิน งื้ออออ พูดอะไรเรางงแล้วววววววงื้อออออ” โอ้ คยองซูเวอร์ชั่นปกติว่าน่ารักแล้ว นี่แอดวานซ์เลยครับ หน้าแดง ลามไปถึงหูแดง น่ารักสุดคือจมูกกลมๆกำลังแดงมากๆเลยล่ะครับ แม่ จงอินอยากด้ายยยยคนอะไรเขินจมูกแดง
“นะครับ จงอินคนนี้อยากจะดูแลคยองซูแบบนี้ตลอดไป เป็นแฟนกับเรานะ คยองซู” มือทั้งสองข้างของคยองซูที่ถูกกำแน่นจนกลมเป็นก้อนถูกมือของผมจับให้คลายออก แล้วกุมมือทั้งสองข้างของคยองซูเอาไว้
“เอ่อ...งื้ออออ ค...คืออ...”
“เชื่อใจเราได้หรือเปล่า ไว้ใจเราได้หรือเปล่าคยองซู เราไม่สามารถให้คำสัญญาอะไรได้ แต่หลังจากนี้ไปเราจะดูแลคยองซูให้ดีที่สุดเท่าที่คนๆนึงจะทำได้ เหมือนตั้งแต่ตอนแรกที่เรารู้จักกัน มันจะมากขึ้นๆทุกวัน ไปจนวันสุดท้ายของพวกเรา เดินไปพร้อมๆกับเรานะ”
ผมพูดออกไปแบบนั้นเพราะหัวใจของผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆนะครับ ผมอยากดูแลเค้าตลอดไปจริงๆ ผมกำมือเค้าให้แน่นยิ่งขึ้นเพื่อให้เค้ามั่นใจว่าผมจะทำอย่างที่พูดไว้ให้ดีที่สุด จนในที่สุดเค้าก็ยิ้มออกมา
รอยยิ้มที่ผมรักแล้วก็ปรารถนาจะได้เห็นมันตลอดทั้งชีวิต
“ถ้าไม่ใช่จงอิน เราก็ไม่รู้จะวางหัวใจไว้ที่ใครได้แล้วล่ะ จากนี้ไป...รักเราให้เยอะๆเลยนะ”
จบประโยคน่ารักๆของคยองซู ผมฉีกยิ้มกว้างอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน มีความสุขมากจริงๆครับ ความรู้สึกเหมือนฝันมันเป็นยังไงผมเข้าใจวันนี้แหละ คยองซูเองก็เช่นกัน ริมฝีปาก ดวงหน้า ใบหน้าของเค้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ความสุขในวันนี้ผมจะจดจำมันเอาไว้ มันเป็นเหมือนการเตือนใจให้ผมรักเค้าให้มากที่สุด มือของเราที่ไม่มีวันจะปล่อยจากกัน ผมจะดูแลเค้าให้ดีที่สุด ให้สมกับที่คนรอบตัวคยองซูไว้ใจผม และที่สำคัญที่สุด ให้สมกับที่เค้าเลือกผม
ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้คิมจงอินเกิดมาเพื่อเป็นคนของโดคยองซู
แถมอีกนิดวิทชานแบค
“นี่ ชานยอล ทำไมนายถึงได้ดูแลคยองซูดีนักล่ะ คนอื่นเค้าคิดกันไปถึงไหนต่อไหนแล้วว่าถ้านายไม่มีฉัน นายคงเป็นแฟนคยองซูน่ะ” อ้าว เวรกรรมของผม ไอ้จงอินมันไม่บอกเพื่อนเหรอครับว่าใช้ผมทำอะไร คนหล่อเครียด
“อ้าว ทำไมจงอินไม่บอกนายล่ะว่ามันให้ฉันดูแลคยองซูแทนมัน”
“ไม่เห็นจะบอก แล้วทำไมไม่บอกเองอ่ะไอ้บ้า จะได้ไม่ต้องคิดมาก”
“ขอโทษครับๆ ผิดไปแล้ว คราวหลังมีอะไรจะรีบรายงานเลยจ้า”
ไอ้จงอินนะไอ้จงอิน ใช้กูแล้วยังไม่ยอมแก้ข่าวให้ เกือบซวยยยปาร์คเครียดดด
ขออีกนิดให้พี่ลู่
Paring :JonginXKyungsoo ft.Chanbeak, littleHunhan
Rate : PG-13
Warning :ฟิคเรื่องนี้มีคำหยาบคายบ้าง ตามประสาเพื่อนคุยกันนะคะ ><
หวังว่าทุกคนจะชอบเรื่องนี้กันนะคะ ส่วนชื่อเรื่อง...อธิบายยังไงดีล่ะ เนยโกโก้ คิดซะว่าเป็นความลงตัวของจงอินคยองซูแล้วกันนะคะนะ (เกี่ยว?) ฮ่าๆ รักคยองซูกันเยอะๆน้าาา จงอินจะได้มีคู่แข่ง(?)
โต๊ะม้าหินอ่อน หน้าอาคารเรียนรวมของมหาวิทยาลัยชื่อดังถูกจับจองด้วยคนหนุ่มหน้าตาดีสี่คน คนแรก เสี่ยวลู่หาน คนหน้าสวยที่นิสัยโคตรแมนขัดกับหน้าตา เตะบอลเป็นชีวิตติดเกมส์ยิ่งกว่าแฟน แต่ถึงจะดูแมนแต่แฟนเด็กก็กินมันอยู่ดี เอาจริงๆแม้กระทั่งตอนนี้พี่แกก็ยังนั่งกดเกมส์ในไอโฟนไม่วาง
ถัดมาในเก้าอี้ตัวข้างๆ คือคนรูปหล่อ เรียกได้ว่าหล่อมากๆดึงดูดสายตาทุกคนให้หันมามองหน้ามากกว่าจะเดินขึ้นไปพบอาจารย์บนห้องเรียน แถมตอนนี้ยังเพิ่มดีกรีความเท่ห์ด้วยการไถหัวทั้งสองข้างแต่อยากจะบอกว่านั่นทำให้หน้าดูเป็นคนเลวลง50% คริส
และคนสุดท้ายถ้าไม่รวมคนที่หล่อที่สุดอย่างผม นั่งหน้าหงิกเลยครับ จริงๆหน้าตามันเข้าขั้นน่ารักมากเลยนะครับ แต่ขี้เหวี่ยงขี้วีนไปหน่อย แบบนี้ต้องถาม นี่ไม่ได้อยากรู้เท่าไหร่เลยนะครับ
“เป็นอะไรของมึงครับบยอนแบคฮยอน สะดีดสะดิ้งอยู่นั่นแหละ” ครับ มันคือบยอนแบคฮยอนผู้ที่แสนจะเอาแต่ใจ ตัวก็เล็กตาก็เล็กแต่ปากนี่อย่างไว สงสัยตอนนี้กำลังงอนแฟน
“ไม่เสือกได้ไหมจงอิน” ตอบกลับมาโดยไว ใช่ครับมันด่าผมเอง ผม คิมจงอินครับ หน้าตาจัดว่ารูปหล่อพ่อรวยแบบพอมีหน้ามีตาได้ อะไรนะ ถ้าจะเทียบกับคริสน่ะเหรอ...ผมว่าพวกคุณพิจารณากันได้นะครับ...นะ
“นี่กูถามดีๆนะ คนอุตส่าห์เป็นห่วง” ถ้าไม่ติดว่าตัวเล็กแล้วชอบทำตัวแอ๊บแบ๊วจะขอเอาขายาวๆยันมันสักครั้ง
“นั่นดิบยอน เป็นอะไร” คริสที่เห็นท่าทางเหวี่ยงวีนนั่นก็อดไม่ได้ที่จะถามเช่นกัน
“พวกมึงก็ถามกันมาได้นะ หน้ากูหงิกขนาดนี้ อารมณ์ดีมีแฟนมารับส่งมั้ง”
“มึงจะตอบพวกกูดีๆหรือจะให้กูเอาบีบียัดปากมึงฮะบยอนแบคฮยอน” ชักเริ่มทนไม่ไหวแล้วครับ พอดีเป็นคนหนุ่มเลือดร้อน เพื่อนเค้าอุตส่าห์เป็นห่วง มันยังไม่ตอบดีๆ แม้จะมีคำถามที่ดูไม่คุกคามและสุภาพชนสุดๆมาจากไอ้คริส นั่นก็ไม่ช่วยอะไร อยากให้มันตอบต้องโฉดใส่เข้าไว้ครับ
“เอออออออออออ! กูกำลังจะบอกให้มึงฟังอยู่นี่ไง” ไม่ต้องเลย แหม่ ถ้าไม่ขู่ไม่ด่าจะเล่าไหมถามหน่อย
“มึงนี่ลีลาท่ามากเหลือเกินเดี๋ยวจะโดน” พอจะเริ่มเล่าเท่านั้นแหละครับ แม้แต่ลู่หานที่นั่งก้มหน้าก้มตาเล่น temple run สลับกับ dragonvale อะไรของมันไม่รู้หลายเกมส์ ยังเงยหน้าขึ้นมารอฟัง เหอะ ไอ้นี่นะทำเป็นเล่นนู่นนี่นั่น พอพวกผมเสียงดังมันน่ะตัวฟังแล้วเก็บข้อมูล
“ก็เนี่ยกูอ่ะรอปาร์คชานยอลมารับไง แล้วนี่เลิกเรียนนานแล้วไง มานั่งรอจุ้มปุ๊กอยู่กับพวกมึงเนี่ยมันก็ยังไม่มาซะที มันก็รู้เวลาเรียนกูนะว่าวันนี้เลิกแค่บ่ายโมง นี่บ่ายสองจะครึ่งละ วันนี้มันเลิกเรียนตั้งแต่เที่ยงเลยนะ”
“พวกกูก็รู้แหละว่ามันต้องเรื่องแฟนมึง ไม่มีพ้น ผิดที่ไหน”
“อืมมม อาจจะ...ไปกับคยองซู รึเปล่า เอ...” ทุกสายตาหันไปที่ลู่หาน “ก..กูก็แค่สันนิษฐานไง”
“มึงอย่ามาไร้สาระ เดี๋ยวกูเหวี่ยง” แบคฮยอนไม่ยอม ครับ จริงๆจงอินก็ไม่ยอม แต่เก็บความสงสัยไว้ก่อนครับ เดี๋ยวได้รู้กัน
“แต่เอาจริงๆแล้วเนี่ย ถ้าไม่ได้สนิทกันจนรู้ว่าแบคฮยอนคบกันชานยอลกูเองก็ว่าคนอื่นๆคงคิดว่าชานยอลคบกับคยองซู” เสียงนุ่มๆพูดไปเรื่อยของคริสไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นเลยครับพับผ่าสิ
จากที่ตอนแรกว่าจะเดือดร้อนเงียบๆคนเดียว แต่ไม่ได้การละ เดี๋ยวต้องเคลียร์ครับ
“มึงก็ทำเป็นพูดไปคริส รู้ได้ไงว่าคนเค้าคิดกันแบบนั้น”
“เอ้า ไม่เชื่อลองถามคนอื่นๆดูดิวะ เด็กคณะสองคนนั่นก็แอบคิดแบบนั้นกันหมดแหละจริงๆ” ชิชะ พวกเด็กวิดยามันไม่รู้อะไรกันซะแล้ว มีตาหามีแววไม่ หึ รู้อะไรน่ะเหรอครับ เดี๋ยวนะ ขอเวลาอีกนิดเดี๋ยวเราให้ฟัง
“จริงๆนะ กูว่าคนส่วนมากเค้าคิดแบบนั้นจริงๆ มึงอ่ะ คบกับชานยอลประสาอะไรวะแบคกี้” นั่นไง มึงจะจุดประเด็นทำไม พี่คริสเคลียร์ที
“มึงอย่าเติมเชื้อไฟ พูดไปเรื่อยไอ้ลู่ครับ กลับไปหาแฟนเด็กมึงไป” ดีมากครับพี่คริส ไม่พูดเปล่าด้วยครับ แขนยาวๆพามือนั่นไปโบกหัวกลมๆของลู่หานจนแทบจะโขกโต๊ะทันที เปลี่ยนท่าทีได้ไวมาก ได้ข่าวว่าเมื่อกี้มึงนี่ตัวกุข่าวเรื่องนี้เลยแหม่แต่ให้อภัย เพราะโบกหัวไอ้ลู่แทนผมแล้ว
ตัวผมเองก็เริ่มนั่งไม่สุขแล้วล่ะครับ ให้ตายสิ ตอนใช้ไอ้ชานให้ดูแลคยองซูให้ทีนี่ลืมคิดถึงข่าวลือพวกนี้ไปได้ยังไงกัน จริงๆพวกเด็กวิดยาก็น่าจะแอบรู้เรื่องผมมั่งสิ ไปออกจะบ่อย คริสมันมั่วหรือยังไงของมัน
“มึงโทรตามมันยัง? ไอ้ชานยอลอะ มันอาจจะติดธุระอย่างอื่นแล้วไม่ทันได้โทรบอกมึงไง” ผมให้คำแนะนำมัน อยากรู้ไม่แพ้กันแหละครับ แล้วไอ้แบคที่มัวแต่โมโหก็คงลืมคิดที่จะโทรตามไปเหมือนกัน
“ไม่ กูงอน” จ้ะ งอนจ้ะ จงอินจะยกเท้าก่ายหน้าผาก อยากจะบ้าตาย
“มึงจะโทรไม่โทร”ต้องให้ถามย้ำๆ
“ไม่”
“จะไม่โทรใช่ไหม?”
“ไม่”มันหนักแน่นมากครับ ผมพูดเลย หนักแน่นจนอยากเอารองเท้าฟาด
“กูถามอีกทีนะ”
“กูก็ตอบอีกทีนะ”
“อย่ามากวนตีนกูนะ”
“เปล่ากวน กูพูดจริงจริ๊ง”แหมมมมม ทำขึ้นเสียงสูง มันน่าดีดปาก
“มึงแน่ใจนะ”
“เออ”
“ดี กูโทรเอง”
*แล้วมึงจะเถียงกันทำไม* ลู่หานบ่นเบาๆ
มึงไม่โทรกูโทรเองไอ้แบคฮยอน แต่ไม่ได้โทรหาไอ้ชานนะครับ ในเมื่อผมสงสัยใคร่รู้ในตัวอีกคนมากกว่า นั่นหละครับ โดคยองซู
“ฮัลโหล ว่ายังไงจงอิน” รับแล้วครับ ได้ยินเสียงก็ชื่นใจ
“คยองซู นายอยู่ไหนน่ะ” ตอนนี้ผมออกมาอยู่ตึกเรียนอีกด้านครับ ไม่ให้พวกนั้นรู้หรอกว่าจริงๆผมโทรหาคยองซูไม่ได้โทรหาชานยอลของไอ้แบค
“เรามาซื้อของเข้าร้านน่ะโอ๊ะ ชานยอลสินะ นี่แบคฮยอนต้องโกรธมากเลยใช่ไหม เราขอโทษษษษ”
“แล้วทำไมคยองซูไม่บอกเราล่ะ จะได้ไปส่ง แบคฮยอนมันสะดีดสะดิ้งใหญ่ที่ชานยอลไม่ยอมมาหา ให้โทรตามมันก็ไม่ยอมโทร”
“งื้ออออ เราขอโทษนะจงอิน แต่เราเกรงใจน่ะ อีกอย่างเราไม่มั่นใจตารางเรียนของจงอินวันนี้ว่าตอนบ่ายจะว่างรึเปล่า แล้วเราก็รีบมากๆ เพราะของที่ร้านหมดเกลี้ยงแถมไม่มีคนเฝ้า ตอนนี้พี่มินซอกอยู่คนเดียว เรากำลังจะรีบกลับแล้วล่ะ นี่รอชานยอล หายไปไหนไม่รู้ สงสัยไปหาของง้อแบคฮยอนแหงๆเลย ฮือออ เราขอโทษจริงๆนะจงอิน”
เสียงขอโทษขอโพยดังมาตามสายอย่างยืดยาว ไม่รู้จะรู้สึกผิดอะไรขนาดนั้นนะครับเนี่ย
“ครับๆเอาเถอะไม่เป็นไร แล้วตอนนี้คยองซูอยู่ไหน เดี๋ยวเราไปรับแล้วส่งที่ร้านนะ โทรบอกชานยอลเลยว่าไม่ต้องวนกลับมาหาคยองซู ให้มาง้อไอ้แบคด่วนๆมันงอนมาก”
“โอเคงื้ออออองั้นมาเร็วๆนะพี่มินซอกอยู่ร้านคนเดียวววววว ฝากบอกแบคฮยอนด้วยว่าเราขอโทษษษษ”
หลังบอกสถานที่เสร็จสรรพก็มีคำพูดน่ารักๆตามมาอีกครับ คยองซูของผมนี่น่ารักจริงๆครับ แต่ผมคงไม่มีเวลาบอกไอ้แบคกี้ให้หรอกครับ เพราะคุยโทรศัพท์วางปุ๊บ ผมก็รีบวิ่งกลับมาที่โต๊ะ หยิบกระเป๋า กุญแจรถ บอกลาเพื่อนแล้ววิ่งอีกรอบไปลานที่ผมจอดรถไว้ทันที
“อะไรของมัน คุยโทรศัพท์เสร็จรีบออกไปเชียว มันคุยกับชานยอลหรือกับใคร? กูงง คริส บอกกูหน่อย”
“ก็ได้ข่าวว่านั่งอยู่ด้วยกันเนอะ”
“เออ แล้วตกลงไอ้ชานยอลมันไปไหนกับใคร ไม่ให้คำตอบแล้วยังทำกูสงสัยกว่าเดิมอีกไอ้บ้าจงอิน!!!”ทิ้งให้แบคฮยอนและผองเพื่อนนั่งงงต่อไป โดยคนแรกดูจะหนักหน่อย เพราะหน้าคว่ำหน้าหงิกกว่าเดิมแล้ว รอหน่อยนะคุณหนูแบคคนดี ยอลศรีกำลังเดินทางแล้วล่ะ
ระหว่างนี้ผมก็จะเล่าให้พวกคุณฟังแล้วกันนะครับ ที่ติดค้างเอาไว้น่ะสงสัยกันใช่ไหมล่ะครับว่าทำไมผมถึงเดือดร้อนนักหนาเรื่องสองคนนี้ ที่จริงผมรู้กับใจว่ามันไม่ได้มีอะไรในกอไผ่หรอกครับ อ้าว ทำไมน่ะเหรอครับ
ก็ผมน่ะนะครับ โคตรชอบคยองซู ไม่พอครับ โคตรหวงคยองซู แถมอีกครับ ตามจีบคยองซู มาพักใหญ่แล้วด้วยล่ะครับ เพราะงั้นไม่แปลกที่ผมจะรู้แทบทุกเรื่องของคยองซูที่คนอื่นได้แต่สงสัย ไม่รู้จริงกันทั้งนั้นแหละ
แล้วชานยอลมันเป็นเพื่อนสนิทคยองซูที่ผมไว้ใจ แล้วก็รู้อยู่ว่ามันรักแล้วก็กลัวไอ้แบคมาก เลยให้มันอ่ะเป็นไม้กันหมาให้ทีครับ เรียกได้ว่าให้เฝ้าเป็นเงาตามตัว ถ้าผมไม่อยู่ไอ้ชานต้องอยู่ แต่เพื่อนผมมันไม่ค่อยรู้เรื่องนี้กัน ไม่อยากออกตัวแรงครับ จริงๆไม่ได้ปิดเลยนะ ผมก็ไปหาคยองซูบ่อยแต่พวกนั้นไม่เคยจะถามหรือว่ามายุ่งอะไร ผมก็ไม่ได้เล่าให้ฟัง
ผมชอบเค้ามากๆจริงๆนะครับ ไม่คิดเลยว่าคนเจ้าชู้ประตูดินอย่างคิมจงอินจะมาหยุดทุกสิ่งทุกอย่างเอาซะดื้อๆเวลาเจอคนตัวเล็กๆอย่างเค้า ว่าแล้วก็อยากจะเจอหน้าเร็วๆ ชอบเหมือนกันใช่ไหมล่ะ คยองซูของผมน่ะ
ใช้เวลาไม่นานอย่างที่คยองซูบอกไว้ ตอนนี้ผมมองเห็นคนตัวเล็กกำลังใช้สายตาสอดส่องมองหารถของผมด้วยท่าทางดูรีบร้อนกระวนกระวาย พอเห็นรถ camryสีขาวของผมเจ้าตัวก็รีบก้าวขามาที่รถก่อนผมจะจอดซะอีก ท่าทางจะรีบจริงๆ
“จงอินนนนนนนนนน”
ตะโกนเรียกผมที่ก้าวลงจากรถเพื่อจะมาช่วยเก็บของพะรุงพะรัง ผมขำเบาๆกับท่าทางคนตรงหน้าเมื่อครู่ ลองคิดภาพตามดูนะครับ ตัวเล็กๆขาสั้นๆวิ่งดุ๊กๆเหมือนนกเพนกวินวิ่งน่ะครับ น่ารักชะมัดเลยคยองซู ผมใช้คำว่าน่ารักเปลืองเกินไปหรือเปล่าครับ แต่เรื่องจริงนะ ผมพูดจริงๆ
“ส่งของมาให้เราเก็บแล้วไปนั่งรอบนรถได้เลยครับตัวเล็ก รีบไม่ใช่เหรอ” ผมรับของทั้งหมดมาก่อนจะเปิดเก็บหลังรถแล้วรีบขึ้นรถเพื่อขับไปส่งคนน่ารักของผม
“ซื้อครบทุกอย่างไม่ขาดของอะไรแล้วแน่นะครับ คยองซู”
“อื้ออออ ครบแล้วล่ะ รีบกลับร้านเถอะ พี่มินซอกต้องบ่นเราแย่แล้วแน่ๆเลยยยย เราพยายามรีบสุดๆแล้วนะเนี่ยยย”
“รีบจนลืมเราไปสนิทเลยสินะ” น้อยใจแบบนี้ต้องบอกครับ ไม่เป็นปัญหาระยะยาว
“โอ๋ๆ จงอินนนนอา เราขอโทษจริงๆน้าขอโทษมากๆเลยยยยยย เดี๋ยวพอกลับไปถึงร้านเรายกบานอฟฟี่ของโปรดให้จงอินเลยนะแถมกาแฟอร่อยๆหรืออยากทานอะไรอีกบอกเรานะเราให้หมดเลยยยยย ไม่คิดเงินเลยด้วยยยย นะนะ แต่จงอินหายโกรธคยองซูน้า~~”
พูดเฉยๆจงอินก็คนนี้ก็จะหลุดยิ้มแล้วครับ นี่มีเอามือเล็กๆมาเขย่าเบาๆตรงข้อศอก ทำเข้มมือหมุนพวงมาลัยไปตามทางอย่างนั้น จริงๆมุมปากนี่ยกแล้ว โถ่คิดว่าคนอย่างจงอินจะทนได้ยังไง น่ารักไม่ทน คยองซูน่ารักเกินไปแล้วครับบบบ!!
“งั้นคราวหน้าคยองซูควรจะทำยังไงกับสถานการณ์แบบนี้บอกเราก่อน”
“คยองซูจะรีบบอกจงอินคนแรกเลยยยยย ไม่สนหรอกว่าจงอินจะทำอะไร ดีไหม คิคิ”
“ดีมากครับ” ผมพูดก่อนจะเอื้อมมือไปขยี้หัวกลมๆจนผมยุ่ง เจ้าตัวเล็กยู่หน้าทำปากจู๋อย่างแสนงอนออกมาก่อนจะหันมายิ้มให้ผมจนตาปิด
“ดีใจจังที่จงอินไม่โกรธเราแล้ว”
“ก็เรากลัวทำเป็นโกรธนานๆจะมีคนร้องไห้ไปฟ้องคนนู้นทีคนนี้ที ขี้แงจังเลย”
“อะไร เราไม่เคยทำแบบนั้นซะหน่อย อย่ามามั่วนะจงอิน”
ไม่เลยครับ ไม่เคยเล้ยยยจริงๆ ผมเคยไปรับเค้าไม่ตรงเวลาเพราะติดงานของคณะ ลืมโทรบอกครับ โดนงอนไปสามวัน แถมไปใส่ไฟฟ้องพี่มินซอกต่างๆนาๆว่าผมอ่ะไม่ได้เรื่อง จีบแล้วยังมาทำแบบนี้กับคยองซูอีก แล้วก็อะไรไม่รู้เต็มไปหมด ผมนี่ทั้งขำทั้งไม่รู้จะง้อยังไง สุดท้ายก็หายโกรธดื้อๆซะอย่างนั้น โดยให้เหตุผลกับผมที่ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี โดยบอกว่า ‘เดี๋ยวจงอินไม่จีบเรา เราไม่มีคนไปรับไปส่ง’ มันน่าตีไหมครับ
“ฮ่าๆ ครับ ไม่เค้ยไม่เคยทำเลยครับคยองซู”
“ช๊ายยยยเราน่ะเข้มแข็งมากๆ”
“จ้าคนเข้มแข็ง ถึงร้านแล้วรีบลงไปรายงานตัว เดี๋ยวเรายกของลงไปให้นะ ดูสิ พี่มินซอกรอจนตัวกลมแล้ว”
“จงอินอ่ะ! ว่าพี่เราทำไม ฮ่าๆๆ” ทำเป็นดุผมแต่ตัวเองก็ขำนะครับเจ้าตัวแสบ
บรรยากาศร้านกาแฟยามบ่ายยังมีคนไม่มากนัก เพราะยังไม่ใช่เวลาเลิกเรียนหรือเลิกงาน ที่คยองซูรีบก็คงเพราะอยากให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อนจะถึงช่วงเวลาเร่งด่วนแบบนั้นน่ะครับ พอผมเข้ามาในร้าน ทักทายพี่มินซอกเรียบร้อยก็มานั่งรอคยองซูไปเตรียมขนมให้ผม จริงๆไม่ต้องทำให้ผมก็ไม่โกรธ แต่ของอร่อยๆใครจะอยากพลาดกัน ผมน่ะชอบกินเค้กฝีมือคยองซูที่สุดเลยครับ
“จงอิน วันนี้นายไม่มีเรียนหรือไง มาเฝ้าน้องพี่อีกแล้วเนี่ย”
“แหน่ะ ว่างปุ๊บก็รีบมาคุยกับน้องเขยเลยนะครับพี่มินซอก”
“กล้าพูดดดดดดดด กล้ามากๆ ขอน้องฉันเป็นเรื่องเป็นราวหรือยังเหอะ อย่ามาข้ามขั้น คิดว่าผ่านฉันง่ายๆเรอะ” ง่ายไม่ง่ายไม่รู้ครับ แต่จริงๆผมว่าผมผ่านพี่เปาไปเป็นที่เรียบร้อย
“ถ้าผมไม่ผ่านพี่ไม่มาคุยกับผมงี้หรอก รู้นะว่าคนก่อนๆพี่จิกตาตี่ๆใส่แทบถลน บางคนแถบจะไล่ออกจากร้านน่ะคยองซูเล่าให้ผมฟังหมดพี่ ฮ่าๆ”
“ด่าพี่ตาตี่เหรอไอ้จงอิน งั้นให้เวลาอีกนิดเดียวถ้าแกไม่ขอให้เป็นเรื่องเป็นราวแกจะเอาแบบนั้นป้ะล่ะ?” มีถลึงตาเล็กๆใส่ด้วยนะ เป็นพี่น้องกันยังไงคนนึงตาโต๊โต(เกิน) คนนึงตาเล็กเชียว
“วันนี้เลยครับ อยู่ๆผมก็พร้อมแล้ว พี่อย่ามาขัดกันก็พอครับ ฮ่าๆ”
“ให้มันจริง ไม่งั้นเจอพี่แน่ไอ้น้อง”
“คร้าบบบบบบ”
“เออพี่ ระหว่างที่ผมหายไปบางทีนี่มีคนแอบมาจีบบ้างป้ะ?” ขอถามเพื่อความมั่นใจอีกนิดครับ เผื่อมีม้ามืดเดี๋ยวซวย
“เอาหัวมาให้โบกที พี่ดุขนาดนี้ ช่วยแกขนาดนี้ อยู่มหาลัยไอ้ชานยอลก็ช่วย มันเล่นข้างแกขนาดนั้น ยังจะไม่มั่นใจอีก น้องฉันก็ให้แกไปเกินครึ่งละ ไอ้นี่ วอนแล้ว” ทำไมนิสัยไม่เข้ากับหน้าตาเลยครับพี่มินซอก ซาลาเปาพันธุ์อะไรจะหาไปเฝ้าบ้าน
“วันนี้จริงๆ โอ๊ะคยองซูบานอฟฟี่ของผมมมมน่าทานมากเลยยยย เค้กกกก” ทำส่งเสียงดังเป็นสัญญาณให้พี่มินซอกล่าถอยไปก่อน ผมจะเริ่มทำตามคำสั่งพี่แล้วครับ
“อ้าว เฮ้ย ไอ้จงอิน!”
อ้าว ใครอีกละครับ กำลังจะเกริ่นเข้าเรื่องซะหน่อย
“ไอ้ลู่ มาทำอะไรของมึง?” มาผิดจังหวะมากๆรู้ตัวไหมไอ้หน้าสวยนิสัยเสียTT
“มารอแฟน มึงนั่นแหละ มาทำไม อ๊ะ สวัสดีนะคยองซู” พอถามผมเสร็จมันก็หันไปทักทายคยองซูคนน่ารักได้แต่ยิ้มแล้วโบกมือกลับไหวๆ
“มาส่งคยองซู มึงไปนั่งที่อื่นเลยปะ ไปรอแฟนเด็กมึงที่นั่งอีกฝั่งโน่นนนน”
“แหม ทำเป็นไล่ กูว่าแล้วเชียะกูกับคริสต้องเดาไม่ผิด หลังๆมานี่ทำตัวพิลึกพิลั่น นั่งตูดไม่ติดเก้าอี้ไปคณะวิดยาบ่อยๆอีก คิดว่าพวกกูไม่รู้เหรอ ชิชะ ไม่ยอมบอกกูตรงๆ เดี๋ยวกูก็ยุให้ชานยอลเลิกกับแบคกี้แล้วสอยคยองซูเลยนี่ ”
เดินไปก็บ่นไป กูได้ยินนะครับไอ้ลู่ที่กระแนะกระแหนกู ยุชานยอลอะไร กูจะฟ้องแบคฮยอน มึงจะทรยศเพื่อน แต่เดี๋ยวค่อยเคลียร์ครับทางนี้สำคัญกว่า
“ลู่หานนี่น่ารักจังเลย สวยด้วยอ่ะ เราชอบจังเลยจงอินนนนน”
“มันสวยแต่หน้า นิสัยรับไม่ได้ครับคยองซู อย่าไปสนใจมันเลย” ก็ว่าไปตามเนื้อผ้านะครับคนเรา เพื่อนเป็นยังไงผมก็ว่าไปอย่างนั้น ไม่อยากให้คยองซูเข้าใจลู่หานผิดๆ คนน่ารักมักนิสัยคบไม่ได้ *แล้วที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานคืออะไร จงอินช่วยตอบกูที* เสียงล่องลอยมาไกลๆ สงสัยเพราะนิสัยคล้ายกันน่ะครับ ไอ้ลู่พานอกเรื่องอีกแล้ว เดี๋ยวมันต้องโดน
“จงอินว่าเพื่อนอีกแล้ว นิสัยไม่น่ารักเลยนะ” ว่าผมแล้วทำหน้าตาน่ารักใส่ทำไมผมคยองซู ต้องการอะไรครับ แต่จังหวะนี้แหละ จงอินต้องลุย
“งั้นถ้าเราไม่ว่าเพื่อนเราอีก คยองซูจะรักเราได้แล้วใช่ไหมครับ?” ซื่อๆแบบนี้เลยครับ เสี่ยวไม่นับเพราะไม่ขยับผมจะแพ้(?) โอกาสมาแล้วต้องไม่ปล่อย ไม่ทันคิดมุกโรแมนติกอะไรทั้งนั้น
“ห๊ะ อ...อะไรของจงอิน งื้ออออ พูดอะไรเรางงแล้วววววววงื้อออออ” โอ้ คยองซูเวอร์ชั่นปกติว่าน่ารักแล้ว นี่แอดวานซ์เลยครับ หน้าแดง ลามไปถึงหูแดง น่ารักสุดคือจมูกกลมๆกำลังแดงมากๆเลยล่ะครับ แม่ จงอินอยากด้ายยยยคนอะไรเขินจมูกแดง
“นะครับ จงอินคนนี้อยากจะดูแลคยองซูแบบนี้ตลอดไป เป็นแฟนกับเรานะ คยองซู” มือทั้งสองข้างของคยองซูที่ถูกกำแน่นจนกลมเป็นก้อนถูกมือของผมจับให้คลายออก แล้วกุมมือทั้งสองข้างของคยองซูเอาไว้
“เอ่อ...งื้ออออ ค...คืออ...”
“เชื่อใจเราได้หรือเปล่า ไว้ใจเราได้หรือเปล่าคยองซู เราไม่สามารถให้คำสัญญาอะไรได้ แต่หลังจากนี้ไปเราจะดูแลคยองซูให้ดีที่สุดเท่าที่คนๆนึงจะทำได้ เหมือนตั้งแต่ตอนแรกที่เรารู้จักกัน มันจะมากขึ้นๆทุกวัน ไปจนวันสุดท้ายของพวกเรา เดินไปพร้อมๆกับเรานะ”
ผมพูดออกไปแบบนั้นเพราะหัวใจของผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆนะครับ ผมอยากดูแลเค้าตลอดไปจริงๆ ผมกำมือเค้าให้แน่นยิ่งขึ้นเพื่อให้เค้ามั่นใจว่าผมจะทำอย่างที่พูดไว้ให้ดีที่สุด จนในที่สุดเค้าก็ยิ้มออกมา
รอยยิ้มที่ผมรักแล้วก็ปรารถนาจะได้เห็นมันตลอดทั้งชีวิต
“ถ้าไม่ใช่จงอิน เราก็ไม่รู้จะวางหัวใจไว้ที่ใครได้แล้วล่ะ จากนี้ไป...รักเราให้เยอะๆเลยนะ”
จบประโยคน่ารักๆของคยองซู ผมฉีกยิ้มกว้างอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน มีความสุขมากจริงๆครับ ความรู้สึกเหมือนฝันมันเป็นยังไงผมเข้าใจวันนี้แหละ คยองซูเองก็เช่นกัน ริมฝีปาก ดวงหน้า ใบหน้าของเค้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ความสุขในวันนี้ผมจะจดจำมันเอาไว้ มันเป็นเหมือนการเตือนใจให้ผมรักเค้าให้มากที่สุด มือของเราที่ไม่มีวันจะปล่อยจากกัน ผมจะดูแลเค้าให้ดีที่สุด ให้สมกับที่คนรอบตัวคยองซูไว้ใจผม และที่สำคัญที่สุด ให้สมกับที่เค้าเลือกผม
ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้คิมจงอินเกิดมาเพื่อเป็นคนของโดคยองซู
แถมอีกนิดวิทชานแบค
“นี่ ชานยอล ทำไมนายถึงได้ดูแลคยองซูดีนักล่ะ คนอื่นเค้าคิดกันไปถึงไหนต่อไหนแล้วว่าถ้านายไม่มีฉัน นายคงเป็นแฟนคยองซูน่ะ” อ้าว เวรกรรมของผม ไอ้จงอินมันไม่บอกเพื่อนเหรอครับว่าใช้ผมทำอะไร คนหล่อเครียด
“อ้าว ทำไมจงอินไม่บอกนายล่ะว่ามันให้ฉันดูแลคยองซูแทนมัน”
“ไม่เห็นจะบอก แล้วทำไมไม่บอกเองอ่ะไอ้บ้า จะได้ไม่ต้องคิดมาก”
“ขอโทษครับๆ ผิดไปแล้ว คราวหลังมีอะไรจะรีบรายงานเลยจ้า”
ไอ้จงอินนะไอ้จงอิน ใช้กูแล้วยังไม่ยอมแก้ข่าวให้ เกือบซวยยยปาร์คเครียดดด
ขออีกนิดให้พี่ลู่
“ไอ้จงอิน หลายดอกแล้วนะ นี่กูนั่งอยู่อีกฝั่ง คิดว่ากูแอบฟังมึงไม่ได้เหรออออออ แอบเอากูไปเป็นสะพาน(?)เพื่อขอคยองซูเป็นแฟน กูจะล้อมึง กูจะแซวมึงงงงง ไม่พออออคยองซูบอกว่ากูน่ารัก กูจะทำตัวน่ารักกับคยองซูเยอะๆเลย กูหมั่นไส้มึ๊งงง”
นั่งบ่นไปเรื่อยโดยไม่ได้สังเกตว่าแฟนเด็กหน้าหล่อของตัวเองมานั่งอยู่ใกล้ๆนานแล้ว
“พี่ลู่หาน ไหว...ป่ะครับ 555555” โอเซฮุน ไอ้เด็กบ้า มาแล้วทำไมไม่เรียกกก นี่ปล่อยให้นั่งเป็นคนแก่ขี้บ่นไปได้
“มาแล้วไม่บอกนะ เดี๋ยวจะโดนดี”
“อยากได้อยากโดนครับ ไปกันเถอะฮะพี่” ว่าแล้วก็เกี่ยวคอแฟนรุ่นพี่ออกไปพร้อมรอยยิ้มทั้งคู่
เอาเป็นว่าทำเป็นลืมๆเรื่องไอ้จงอินไปแล้วกัน แฟนเด็กมันสำคัญกว่าครับ ฮิฮิ
No comments:
Post a Comment