Saturday, September 20, 2014

Prince Cassanova รักนายเจ้าชายขี้เก๊ก

  “ไม่น๊า...............
                “อะไรของแกฮยอกแจ
                “ฉันไม่ยอมไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่โซลเด็ดขาด ม่ายยยยยยยยยยยย

                ทุกคนคงจะสงสัยใช่ไหมครับว่าไอ้บ้าที่นั่งโวยวายอยู่ในโรงอาหารนี่เป็นใครกัน  ผมเองครับ  ผมชื่อฮยอกแจ  เรียนอยู่ไฮสคูลปีสาม แล้วดวงซวยๆ ของผมก็พาให้ผมได้ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่เกาหลี มันสมควรจะเป็นเรื่องดีใช่ไหมครับแต่พระเจ้าดันกลั่นแกล้งให้หนุ่มน้อยอย่างผมต้องไปพร้อมกับดงเฮและคยูฮยอน ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าชายของโรงเรียน ซึ่งผมไม่ชอบหน้าหมอนั่นเอาซะเลยให้ตายสิ  ~_~!
               
                “ดีออกแก ได้ไปกับปริ๊นซ์ด้วยนะ” ซองมินเพื่อนสนิทของผมพูดขึ้นพลางทำท่าเพ้อฝัน
                “ปริ้นท์สีหรือขาวดำล่ะ ไอ้บ้า
                “โหยแกนี่น๊า...” -*-
                “ฉันทำไม ถ้าแกอยากไปฉันสละสิทธิ์ให้เอาไหม
                “จะบ้าเหรอ ฉันนี่ไม่เอาอ่าวเลย แกไปเหอะดีแล้ว
                “ยังกับช้านเก่งนักนี่ ทำไมต้องเป็นช้านไม่เข้าใจเลยจริงๆ” T_T ปุบๆ เพื่อนรักเดินเข้ามาตบหลังผมเป็นการให้กำลังใจแต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ผมเลยฟุบหน้าลงกับโต๊ะแทนด้วยอารมณ์เซงจัด
                “ใครคือฮยอกแจครับ” เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นทำให้ผมยกศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยกลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มขึ้นมามอง
                “ปริ๊นซ์ ปริ๊นซ์จริงๆ ด้วย” ไอ้ซองมินกรี๊ดขึ้นมาทำให้นักเรียนแทบจะทั้งโรงอาหารเดินมามุงตรงบริเวณที่ผมนั่งอยู่ทันทีพร้อมด้วยประกายตารูปหัวใจ มันหล่อตรงไหนฟร่ะ - -!
                “ฉันเอง มีอะไร” ผมถามกลับแล้วเสไปมองทางอื่นโดยที่ไม่ได้ใส่ใจคนพูดซักนิด
                “ฉันจะมาทำความรู้จักไว้น่ะ เพราะว่าเราต้องไปใช้ชีวิตด้วยกันเทอมนึง” รอยยิ้มที่ส่งมาให้นั้นแทบจะกรีดใจของไอ้ซองมินให้ขาดกระจุยแต่ไม่ใช่ผม
                “อย่ามาพูดว่าใช้ชีวิตด้วยกันนะ ฉันไปเรียนของฉันส่วนนายก็ไปเรียนของนายไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันซักนิด
                “นี่แก อย่าพูดจาแบบนั้นกับปริ๊นซ์สิ” ไอ้ซองมินที่ยืนอยู่ด้านข้างกระตุกมือผมเป็นการเตือนก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆแล้วเจอกับสายตาอาฆาตนับร้อยคู่
                “อย่าไปว่าฮยอกแจเลยครับ เค้าคงยังไม่ชินน่ะ” หนอยบังอาจยิ้มแบบนั้นนึกว่าผมจะใจอ่อนยวบเป็นพวกชะนีพวกนี้เหรอไงฮะ -*- ไอ้หน้าจิ้งเหลนเอ๊ย
                “เออ แล้วฉันก็ไม่คิดจะชินด้วย
                “อ๊ะ....” ผมร้องเสียงหลงเมื่อถูกคนที่อยู่ฟังตรงข้ามกระชากตัวผมเข้าไปหา จนตอนนี้หน้าของผมกับหมอนั่นอยู่ห่างกันแค่คืบ
                “ปริ๊นซ์จะทำอะไรน่ะ
                “ไม่รู้สิ
                “อย่าบอกนะว่าจะจูบไอ้นี่น่ะ” โอ้ว....ม่ายนะ พวกนายอย่าคิดอย่างงั้น T_T
                “บ้าเหรอ ปริ๊นซ์ไม่คิดสั้นหรอก
                “อย่าดื้อกับฉัน ฉันไม่ชอบ” เสียงทุ้มที่ถูกเจ้าตัวกดต่ำแค่ให้ได้ยินสองคนดังขึ้น ผมจ้องหน้าคยูฮยอนอย่างงงจัดกับบุคลิกที่ขัดกับเมื่อครู่จนสิ้นเชิง
                “ฉันกลัวนายมากเลย ให้ตายเหอะ” ผมส่งเสียงกลับไปในระดับเดียวกันก่อนที่จะพยายามแกะมือแข็งแรงนั้นออก
                “อย่าอวดดีกับฉัน
                “แล้วนายจะทำอะไรฉันได้
                “ทำให้นายเงียบยังไงเล่า
                “โอ๊ย.....ฉันกลั….” ทุกถ้อยคำถูกกลืนหายไปเมื่อริมฝีปากได้รูปของคยูฮยอนกดทับลงมาบนปากของผมโดยที่ผมยังไม่ทันตั้งตัว มือแข็งแรงตวัดให้ร่างของเขาบังผมจนมิด จนผมไม่คิดว่านักเรียนคนอื่นๆ จะเห็นการกระทำจาบจ้วงนั้น โลกทั้งโลกแทบจะหยุดหมุนก่อนที่ริมฝีปากนั้นจะถูกถอนออกไป ผมเสียหลักเซลงไปนั่งหมดสภาพอยู่บนเก้าอี้ตัวที่ใกล้ที่สุดทันที ก่อนที่จะมองเห็นรอยยิ้มเย้ยหยันจากริมฝีปากนั้น แล้วเจ้าตัวก็เดินอ้อมมายังฝั่งที่ผมนั่งอยู่
                “ฮยอกแจแกเป็นอะไรอ่ะ อยู่ดีๆ ก็เซ
                “ฉัน  ฉัน....” โอ๊ย ทำไมถึงพูดไม่ออกวะว่าโดนจูบน่ะโดนจูบ
                “คงจะเป็นลมน่ะครับ วันนี้อากาศร้อนมากซะด้วยสิ” ไอ้หน้าหนอนเอ๊ย แกมันแหลเห็นๆ แต่ดูโดยรวมแล้วผมเงียบจะดีกว่าเพราะท่าทางไม่มีใครอยู่ฝ่ายเดียวกับผมซักคน
                วืด....
                “เฮ้ย ทำอะไรของนายน่ะ” ผมโวยลั่นเมื่อร่างของผมถูกอุ้มขึ้นมาลอยอยู่กลางอากาศ
                “จะพาฮยอกแจไปห้องพยาบาลไงครับ” เสียงอ่อนโยนกับรอยยิ้มที่ส่งไปให้คนอื่นๆทำให้ผมได้แต่แค้นอยู่ในใจ
                “ปริ๊นซ์นี่น่ารักจังเลยนะ
                “ใช่ๆ ไอ้นี่ก็ไม่เห็นจะดีกับปริ๊นซ์เลย” เออ...สรรเสริญกันเข้าไป คยูฮยอนยิ้มรับก่อนจะเดินอุ้มผมออกไปทันที
                “เงียบนะ ฉันขี้เกียจฟัง” นายนั่นพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าผมทำท่าจะอ้าปาก
                “ทำไมฉันต้องเชื่อนายด้วยฮะ
                “ฉันคิดว่านายคงรู้เหตุผล” นายนั่นพูดแต่ตากลับมองจ้องมาที่ริมฝีปากของผม ใครก็ได้เอามันไปไกลๆที T_T
                “เฮอะ
                “เข้าใจง่ายดีนี่” เข้าใจง่ายงั้นเหรอ แกรู้จักฉันน้อยไปแล้วไอ้เจ้าชายเฮงซวย
                หมับ...........ผมกัดเข้าเต็มๆให้ที่แขนของนายนั่น
                “โอ๊ย...” หมอนั่นร้องเสียงดังลั่นแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยผมลง จนเดินมาถึงห้องพยาบาลร่างสูงจึงโยนผมลงบนเตียง
                “ไอ้บ้า แกนี่มัน...
                “ฉันทำไม
                “ไอ้ผู้ชายสองหน้าเอ๊ย
                แอ๊ด.........เสียงเปิดประตูดังขึ้นขัดการด่าของผม ก่อนที่ร่างท้วมของอาจารย์ประจำห้องพยาบาลจะเดินเข้ามา คยูฮยอนโค้งลงอย่างนอบน้อม
                “มาทำอะไรที่นี่น่ะปริ๊นซ์” เสียงของอาจารย์ถามขึ้นอย่างอ่อนโยน
                “เพื่อนเป็นลมน่ะครับ” พูดเพราะแล้วยังยิ้มหวานด้วย ไอ้ผู้ชายคนนี้นี่มัน....ฮึ่ม!!!!
                “หายแล้วครับอาจารย์ ขอตัวเลยนะครับ” ผมพูดก่อนแล้วรีบเผ่นออกจากห้องแต่ช้ากว่ามือของนายนั่นที่จับมือผมเอาไว้
                “อย่าฝืนเลยฮยอกแจ หน้านายยังซีดอยู่เลยนะ” กระแสเสียงอ่อนโยนก็จริงแต่มือหมอนั่นกลับบีบแน่นจนผมเจ็บ
                “งั้นผมก็นอนพักซักครู่นะจ้ะ เดี๋ยวครูกลับมา ฝากด้วยนะปริ๊นซ์” ^-^
                “ครับ” ไม่น๊า...คุณครูกลับมาก่อน อย่าปล่อยผมไว้แบบนี้ ผมก็ทำได้แค่เพียงร่ำร้องอยู่ในใจเท่านั้นแหละ
                “ปล่อยฉันนะไอ้บ้า
                “...
                “เฮ้ ฉันจะไปเรียนแล้วไงปล่อยเซ่” ผมพูดแล้วพยายามสะบัดมือออก
                “...
                “เงียบซะทีสิรำคาญ
                “นายก็ปล่อยฉันไปสิ จะได้ไม่ต้องมาทนฟังฉันแหกปากน่ะ
                “ปล่อยให้โง่น่ะสิ ฉันขี้เกียจเรียนภาษาอังกฤษจะตายกว่าจะหาทางโดดได้” 0.0
                “เนี่ยะนะเหตุผลของนาย แย่ชะมัด
                “แล้วไงล่ะ
                “นายก็ถอนตัวซะ เกลียดภาษาอังกฤษขนาดนั้นก็ถอนตัวออกจากนักเรียนแลกเปลี่ยนซะ
                “ฉันไม่ได้บอกว่าเกลียดภาษาอังกฤษ
                “ก็นาย...
                “ฉันบอกว่าฉันขี้เกียจเรียน” มันต่างกันตรงไหนฟระ 0.o
                “อย่าพยายามเลยยังไงนายก็ต้องไปพร้อมกับฉันอยู่ดี
                “ฉันจะไปสละสิทธิ์
                “อย่าให้ฉันรู้ว่าเป็นแบบนั้น” นายนั่นพูดก่อนจะเหวี่ยงผมขึ้นไปนั่งจุ้มปุ๊กอยู่บนเตียง ผมเลยนอนลงไหนๆก็ไม่ได้เรียนนอนดีกว่า เชอะ นั่งบ้าไปคนเดียวเลยนะไอ้เจ้าชายนรก ไม่นานนักผมก็หลับสนิท

                “เอ๋.....นี่มันกี่โมงแล้วเนี่ย” ผมลุกขึ้นนั่งขยี้ตาบนเตียงก่อนจะยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลาที่บ่งบอกว่าตอนนี้เข้าสู่ช่วงฟรีไทม์แล้ว ก็เวลาเข้าชมรมที่ตนรักนั่นแหละ ผมกระเด้งลงจากเตียงยืนบิดขี้เกียจอีกนิดหน่อยก่อนจะหันไปเห็นร่างสูงฟุบหลับอยู่บนโต๊ะ ขาของผมพาตัวเองมายืนอยู่ใกล้กับผู้ชายปากร้ายอย่างไม่ตั้งใจ ผมพิจารณาใบหน้าได้รูป พร้อมกับผิวละเอียด จมูกโด่ง ปากแดงตามธรรมชาตินั่นอีกที่คนอื่น หลงใหล ถ้าไม่เอานิสัยแย่ๆมารวมก็จัดว่าคยูฮยอนนี่เป็นผู้ชายในฝันของผู้หญิงเลยจริงๆ
                “ยืนจ้องหน้าคนอื่นแบบนี้มันเสียมารยาทนะ” อยู่ๆ คนที่ดูเหมือนจะหลับเมื่อครู่กลับลืมตาขึ้นมา
                “ฉันไม่ได้อยากจะจ้องหน้าจิ้งเหลนหรอกน่า” -///- แล้วทำไมผมต้องหน้าแดงด้วยเนี่ย ผมพูดจบก็เตรียมเผ่นออกจากห้องทันทีแต่ช้ากว่ามือของนายนั่นที่จับมือผมเอาไว้ก่อนที่จะออกแรงเพียงนิดเดียวก็ทำให้ผมเสียหลักลงมานั่งอยู่บนตักของเขาได้
                “ปล่อยเลยนะ ไอ้บ้า” *///*
                “นายไม่ชอบเหรอไง
                “ไม่ชอบ แล้วก็ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ
                “แล้วหน้าแดงทำไม
                “อากาศมันร้อน
                “อยู่ในห้องแอร์ชัดๆ” แป่ว -__-!
                “ฉันหมายถึงอากาศข้างนอกน่ะมันร้อน
                “ฮ่าๆๆๆๆๆ  นายนี่แถเก่งจริง” หมอนั่นพูดแล้วหัวเราะก่อนจะปล่อยให้ผมเป็นอิสระ
                แบร่...ผมหันไปแลบลิ้นให้หมอนั่นหนึ่งทีก่อนจะรีบเผ่นออกจากห้องพยาบาล โดยที่ได้ยินเสียงแว่วๆตามหลังมาว่า พรุ่งนี้ตีห้า ฉันจะไปรับนายที่บ้านนะ ...  ยังมีอะไรเลวร้ายกว่านี้อีกไหมเนี่ย เฮ้อ!

2


                กริ๊งๆ......กริ๊งๆ....
                “ฮ้าววว   เสียงอะไรหว่า” ผมลุกขึ้นมาด้วยสภาพผมที่ยุ่งเหยิงก่อนจะป่ายมือสะเปะสะปะไปจนเจอเจ้ากำเนิดเสียง นาฬิกาปลุกรูปหมูตัวสีชมพู ก่อนจะจัดการทุบหัวหมูอย่างแรงจนเสียงดังน่ารำคาญเงียบไป แล้วผมก็ทิ้งตัวลงนอนต่ออีกครั้ง
                ตึ๋งดึง.....ตึ๋งดึง....
                “โอ๊ย  เสียงอะไรอีกวะ” ไม่ทันได้หลับตาเสียงบั่นทอนโสตประสาทก็ดังขึ้นอีกครั้ง
                ตึ๋งดึง....ตึ๋งดึง...
                “ไปแล้วๆๆ  กดอยู่ได้” เมื่อสมองประมวลผลได้ว่าเป็นเสียงออดหน้าบ้าน ผมก็เด้งลงจากเตียงแล้วเดินทำหน้าบอกบุญไม่รับไปหน้าบ้าน ร่างสูงยืนพิงรถสปอร์ตสีดำขลับหันมามอง
                “นี่มันกี่โมงแล้ว
                “จะไปรู้นายเหรอ ไม่มีนาฬิกาเหรอไง” เออ ถามแปลกขับรถก็ดีไม่มีปัญญาซื้อนาฬิกาเหรอไงวะ -_- !
                “นี่มันจะตีห้าครึ่งแล้วนะ ไอ้ขี้เซา
                “โอ๊ย นายจะรีบไปไหนของนายฮะ โรงเรียนเคารพธงชาติตอนแปดโมงนะ
                “แต่นายต้องขึ้นเครื่องตอนหกโมงครึ่ง
                “ห๊า...” 0.0
                “หาไม่ทันแล้วแหละ ไปอาบน้ำแต่งตัวเก็บของเดี๋ยวนี้เลย ฉันให้เวลานายสิบนาที
                “ไม่ทันๆ ( - -)(- - )( - -)(- - )”
                “ถ้านายเอาแต่ยืนส่ายหัว มันจะทันไหมล่ะ” คยูฮยอนพูดขึ้นก่อนจะกระโดดข้ามประตูเข้ามายืนอยู่หน้าผม
                “นายจะทำอะไรอ่ะ” แทนคำตอบนายนั่นกลับลากผมตัวปลิวเข้าไปในตัวบ้านทันที
                “ห้องฉันอยู่ปีกซ้ายอ่ะผมบอกเมื่อเห็นคยูฮยอนกำลังมุ่งหน้าไปทางขวา ทำยังกับเป็นบ้านตัวเอง U_U ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปทางห้องนอนขนาดใหญ่ที่มีอยู่ห้องเดียวทางปีกซ้ายแล้วผลักประตูเข้าไปทันที
                “นายก็ไปรอข้างนอกเซ่ จะตามเข้ามาทำไม
                “ไหนกระเป๋านาย
                “อะไรนะ
                “กระเป๋านายน่ะ เอามาสิจะเก็บของให้เดี๋ยวไม่ทันนะคยูฮยอนพูดแล้วหันซ้ายหันขวา
                “อยู่ในตู้ขวา ลิ้นชักด้านล่างอันกลางอ่ะผมตอบออกไปงงๆ แต่ร่างสูงกลับเดินตรงไปแล้วหยิบกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกมาเปิดวางไว้กลางเตียง แล้วจัดแจงรื้อตู้เสื้อผ้าผมทั้งสามใบก่อนจะหยิบของที่คิดว่าจำเป็นออกมาโยนๆไว้
                “นายก็ไปอาบน้ำเซ่ ยืนเอ๋ออยู่ได้
                “เออๆ ก็ได้ผมตอบรับแล้วรีบหยิบเสื้อผ้าหายเข้าไปในห้องน้ำ ไม่ถึงสิบนาทีผมก็ออกมายืนมองคนที่กำลังพับเสื้อผ้าเข้ากระเป๋าอย่างรีบร้อน
                “เล็กกระปิ๋ว กางเกงในนายเนี่ยหมอนั่นพูดแล้วชูกางเกงในสีชมพูตัวจิ๋วของผมขึ้นมาก่อนจะจับมันยัดลงไปในกระเป๋าเป็นชิ้นสุดท้าย
                “เออ มันก็เรื่องของฉันน่ะ” -///- ผมพูดจบก็เดินไปยกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ลงจากเตียง แต่คยูฮยอนแย่งมันไปถือไว้ก่อน
                “เดินเร็วๆเข้าเซ่หมอนั่นเร่งก่อนจะโยนกระเป๋าของผมไปบนรถได้อย่างแม่นยำแล้วปีนข้ามไปยืนรออยุ่อีกด้าน
                “ฉันลืมหยิบกุญแจบ้านจะออกได้ไงเล่า
                “นายนี่เรื่องมากจริงๆ ปีนข้ามมาเซ่
                “ฉันไม่ได้สูงเหมือนนายนะพอผมพูดจบคยูฮยอนก็กระโดดกลับเข้ามาแล้วดึงผมไปที่ริมรั้วก่อนจะอุ้มผมขึ้นไปวางบนกำแพงอย่างง่ายดายโดยที่ผมยังไม่ทันได้ตั้งตัว ไม่นานนักคยูฮยอนก็ขึ้นมายืนข้างๆก่อนจะอุ้มผมแล้วกระโดดลงไปอีกฝั่ง นี่มันคนหรือศิษย์เส้าหลินวะเนี่ยพอขึ้นมาบนรถคยูฮยอนก็ขับรถแข่งกับเวลาจนมาถึงสนามบินภายในเวลาหกโมงยี่สิบนาที รถสปอร์ตถูกจอดเข้าที่อย่างรวดเร็วก่อนที่ร่างสูงจะวิ่งไปหยิบกระเป๋าสะพายเพียงใบเดียวที่อยู่ท้ายรถ
                “ทำไมนายเอาไปแค่นั้นล่ะ แล้วยัดของฉันมาซะยังกะจะย้ายบ้านผมถามขึ้นเมื่อมองขนาดกระเป๋าที่เทียบกันไม่ได้แม้แต่น้อยนิด
                “ถามมากจริง ก็เพราะว่านายไม่ได้เก็บของไงเล่าแล้วเค้าให้กระเป๋าของแต่ละคนหนักได้มากสุดแค่สามสิบกิโล ฉันเลยเอาของนายมารวมกับของฉันจะได้ไม่เกินหกสิบโลไงเล่าคยูฮยอนพูดพลางเดินแกมวิ่ง แต่ผมกลับต้องวิ่งด้วยความเร็วยังแทบจะไม่ทันคนขายาวที่เดินนำอยู่ข้างหน้าเลยด้วยซ้ำ
                “แฮ่กๆๆ  ไม่ไหวแล้วเหนื่อยมากผมพูดพร้อมกับยืนหอบจนตัวโยน พร้อมกับยกนิ้วเรียวขึ้นมาปาดเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นบนใบหน้า
                หมับ!!
                นิ้วเรียวของคนที่เดินนำเมื่อครู่จับมาที่มือเล็กของผม ก่อนจะออกแรงช่วยลากผมไป มือขวาของคยูฮยอนก็ดึงกระเป๋าใบใหญ่ของผมไปถือเอาไว้ส่วนกระเป๋าของเจ้าตัวก็เอาไปสะพายไว้บนไหล่ ผมมองการกระทำของคนตรงหน้าอึ้งๆ และแล้วตอนนี้ผมก็ขึ้นมานั่งหอบอยู่บนเครื่องบิน ในที่สุดก็ทันจนได้ ที่นั่งผมอยู่เบาะด้านหลังติดกับบุคคลภายนอก แต่ที่นั่งของคยูฮยอนนั่งติดกับดงเฮ ดงเฮเป็นคนผมสีดำสวยรับกับใบหน้า ตากลมโตใสแป๋ว น่ารัก ผมยิ้มให้ดงเฮก่อนจะเดินเลยไปนั่งเบาะด้านหลัง
                “หิวไหม
                “...
                “ฉันถามนายว่าหิวไหม
                “จะเสียงดังทำไมเล่า” ร่างสูงที่นั่งคู่กับดงเฮหันมาถามผมเสียงดัง
                “ก็ตอบเซ่
                “นิดนึงอ่ะ” จริงๆ คือหิวมาก...T-T
                “แล้วเมาเครื่องไหม
                “ไม่อ่ะ” จริงๆ คือตอนนี้ผมจะอาเจียนแล้วแหละ T_T ชีวิตหนุ่มน้อยผู้น่าสงสารขึ้นรถเมารถขึ้นเครื่องบินเมาเครื่องบิน
                “เออ งั้นก็ดีแล้ว” คยูฮยอนพูดก่อนจะหันกลับไปคุยหน้าบานอยู่กับดงเฮ เชอะผมไม่ได้น่ารัก น่าทะนุถนอมเหมือนดงเฮนี่ -3- แต่ตอนนี้ผมไม่ไหวแล้วนะต้องการจะอาเจียนอย่างแรง

                “ไหวไหมครับ” เสียงทุ้มของคนที่นั่งอยู่ด้านข้างถามขึ้นด้วยภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษากลางที่ใช้ในการสื่อสารกัน
  อ่า เขาเป็นคนประเทศอะไรกันนะ
                “จะอาเจียนแล้วครับ เมาเครื่อง” ผมตอบในขณะที่ยกยาดมขึ้นมาสูด ไม่ไหวแล้ว เวียนหัว-!-
                “เดี๋ยวผมขอยาจากพนักงานให้นะครับ” พูดจบผมก็หันไปมองร่างสูงที่มีผิวขาวละเอียดด้านข้าง ก่อนที่จะเห็นเขายกมือเรียกพนักงานแล้วผมก็ต้องหันออกไปมองทางด้านนอกทันที เมื่อผมมองการเคลื่อนไหวของคนในเครื่องบินแล้วยิ่งทำให้เวียนหัวมากขึ้น
                “ยาครับ...นี่น้ำครับ” ผมหันกลับไปตามเสียงเรียกก่อนจะรีบรับน้ำและยากรอกเข้าปาก
                “ไปทำอะไรที่โซลครับ” อยู่ๆ ร่างสูงด้านข้างก็ถามผมขึ้น
                “เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนภาษาและวัฒนธรรมอ่ะ” เอ๋...เมื่อกี้เค้าพูดภาษาเกาหลีนี่
                “อ่อ ครับ
                “เป็นคนเกาหลีเหรอครับ
                “ใช่ครับ” ใบหน้าหล่อหันมามองแล้วยิ้มให้ก่อนที่เราจะคุยกันอย่างสนุกสนาน ทำให้ผมได้รับรู้ว่าเค้าก็เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่กำลังจะกลับจากเชจูไปเกาหลี ทำให้เค้ามีความรู้ทางด้านภาษาอังกฤษไม่น้อยเลยทีเดียว
                “คุยให้มันเบาๆ หน่อยสิ รำคาญ” เสียงคุ้นหูดังขึ้นมาจากเบาะที่อยู่เยื้องทางด้านหน้า ก่อนที่ใบหน้ากวนประสาทจะเหล่มามองนิดนึง
                “นั่นมันก็เรื่องของฉัน
                “แฟนคุณคงจะหึง
                “ไม่ใช่แฟนผมครับ หน้ายังกับจิ้งเหลน แก้มก็สากๆผมไม่เอาหรอกครับ” ผมหันไปตอบคนข้างตัวก่อนจะหันไปแลบลิ้นให้คยูฮยอนที่หันมามองอยู่ก่อนแล้ว
                “ขอโทษครับ” เสียงทุ้มของคนด้านหน้าดังขึ้นก่อนที่พนักงานหนุ่มจะวิ่งเข้ามา
                “ขอผมย้ายที่นั่งครับ ผมจะนั่งกับแฟนผมครับ” คยูฮยอนพูดขึ้นก่อนจะยักคิ้ว แผล็บ ให้ทีหนึ่ง โดยที่พนักงานรีบจัดแจงย้ายที่นั่งให้ทันทีโดยไม่สอบถามเหตุผลและความสมัครใจของคนด้านข้างผมเลยแม้แต่น้อย
ผมเลยหันไปยิ้มแหยๆ ให้คนด้านข้างแทนคำขอโทษแทนไอ้ผู้ชายเอาแต่ใจ
                “ผมชื่อชเวซีวอน เรียกผมว่าซีวอนนะครับ” ร่างสูงพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนแล้วส่งมือมาให้ก่อนที่เสียงดังคล้ายเครื่องบินตกจะเกิดขึ้น ผมได้ยินเสียงพนักงานประกาศว่าให้ทุกคนนั่งประจำที่แล้วคาดเข็มขัดพร้อมกับกดหัวให้ต่ำลงไว้ แต่ว่าผู้ชายตรงหน้าผมสองคนลงนั่งไม่ทันซะแล้วทำให้ ซีวอนเซถลาตามแรงกระแทกของเครื่องบินที่ตกหลุมอากาศมาชนผม โดยที่ริมฝีปากบางจรดลงบนแก้มซ้ายผมอย่างจัง ทำให้ทั้งคนหอมและคนถูกหอมนิ่งอึ้งไปตามๆกัน -///- ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับไปสู่สภาวะปกติ
                “ไปนั่งหน้าเลยนะ” เสียงของคยูฮยอนที่ตอนนี้ทรงตัวได้แล้วดังขึ้นพร้อมกับดันซีวอนให้ไปนั่งข้างดงเฮ
                “ขอโทษนะครับ” ซีวอนหันมาบอกผมแล้วหน้าแดง น่ารักชะมัดเลย แต่คยูฮยอนดันหลังซีวอนไปก่อน ผมเลยได้แต่ยิ้มแหยๆ ไปให้
                “นอนดีกว่า” พอคยูฮยอนลงนั่งผมก็หันหน้าออกไปนอกหน้าต่างแล้วหลับตาลง แต่เนื่องจากเครื่องบินตกหลุมอากาศทำให้ผมอยากอาเจียนชะมัด ไม่ใช่ผมคนเดียวนะทั้งลำเลยต่างหาก
                “อ่ะ” ผมหันกลับไปมองคนที่นั่งอยู่ด้านข้างก็เห็นว่ายื่นถุงเปล่ามาให้ ผมยิ้มให้จนตาหยีแล้วรับถุงมาอาเจียนอย่างเอาเป็นเอาตาย ถ้าเอาตับ ไต ไส้ พุงออกมาได้ผมคงเอามันออกมาด้วยแล้ว คนที่นั่งอยู่ด้านข้างก็คอยลูบหลังให้ ผมเงยหน้าออกมาสูดอากาศหลังจากที่อาเจียนจนหมดไส้หมดพุง คนด้านข้างก็หยิบทิชชู่มาส่งให้ทันทีแต่พอผมหันไปมองกลับมีทิชชู่ส่งมาให้สองทางนี่สิ ผมเลยตัดสินใจรับไว้จากทั้งซีวอนและคยูฮยอนเพื่อเป็นการตัดปัญหา ซีวอนยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยนก่อนจะหันกลับไป
                “ชอบรึไง” เสียงกวนประสาทดังขึ้นด้านข้าง ผมเหล่ตาไปมองนิดนึงก่อนจะทำเป็นไม่สนใจ
                “ถามน่ะตอบเซ่
                “แล้วนายจะมาคาดคั้นฉันทำไมเล่า” -*-
                “ฉันถามนายก็ตอบมาเซ่
                “ใช่ชอบ” ผมตอบแล้วหันหลังให้หมอนั่นทันที
                จุ๊บ...ริมฝีปากอุ่นกดลงมาบนแก้มผมอย่างจงใจทำให้ผมกระเด้งพรวดขึ้นมานั่งมองหน้าผู้กระทำอย่างอาฆาตแค้น
                “ก็ไหนบอกว่าชอบไง” คยูฮยอนลอยหน้าตอบหน้าตาเฉย
                “ไม่ใช่ชอบแบบนี้โว้ย” *///* เอาอะไรคิดเนี่ย
                “อ้าวแล้วนายชอบอะไร
                “ไม่ชอบอะไรแล้ว จะนอน” ผมตัดบทแล้วล้มตัวลงนอนอีกครั้ง แต่ว่าคราวนี้นิ้วเรียวของคนด้านข้างกลับจับศีรษะของผมไปวางแหมะไว้บนตักของตัวเอง แล้วกดด้วยแรงเพียงนิดทำให้ผมขยับไม่ได้
                “นอนไปเซ่
                “แล้วจะดุทำไมเล่า
                “อย่าได้ใจไป ฉันเห็นว่ามันนอนลำบากหรอกนะ
                “ชิส์ฉันไม่ได้ขอนะ” ผมเถียงแล้วหลับตาลงอย่างอ่อนล้า ไม่นานนักผมก็หลับสนิทโดยที่ผมรู้สึกว่ามีมืออบอุ่นของใครบางคนคอยจับศีรษะผมไว้ไม่ให้เคลื่อนไปไหน
                “ถึงแล้วไอ้ขี้เซา” เสียงทุ้มปลุกผมให้ออกมาดูโลกภายนอกอีกครั้ง ตอนนี้ทุกคนกำลังคาดเข็มขัดเพื่อเตรียมจะให้เครื่องบินลงจอด แต่ด้วยสมองที่ประมวลผลช้าเพราะเพิ่งตื่นนอนทำให้คนด้านข้างอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือมาดึงเข็มขัดไปคาดให้ผม
                “ขอบใจนะ” ผมพูดแล้วยิ้มให้แต่หมอนั่นกลับหน้าแดง จะว่าไปก็น่ารักดีนะเวลาเขินเนี่ย อิอิ ^-^
                “ไม่เป็นไร เห็นลูกหมาน่าสงสารน่ะ” ชิส์ผมขี้เกียจต่อปากต่อคำเลยเดินเลี่ยงไปยืนรอกระเป๋าอยู่ข้างๆซีวอนแทน แต่ทว่าร่างบางของดงเฮที่กำลังเดินมากลับเซทำให้ผมรีบเข้าไประคองอย่างอัตโนมัติ ทำให้รู้สึกถึงแรงผลักมหาศาลของดงเฮทำให้ผมถลาไปชนกับกับอกของซีวอนซึ่งรับผมไว้ทัน ก่อนที่ผมจะเห็นดงเฮเซไปซบลงบนอกกว้างของคยูฮยอน ที่ปล่อยกระเป๋าผมทิ้งลงพื้นทันทีก่อนที่จะช้อนร่างของดงเฮขึ้นไว้ในวงแขน ผมมองร่างบางที่นอนไม่ได้สติงงๆ คนจะเป็นลมอะไรมีแรงผลักผมออกมาขนาดนั้น - -*
                “เป็นอะไรไหมครับ” คนที่ประคองผมอยู่ถามขึ้นทำให้ผมละสายตาจากภาพตรงหน้าไปมองซีวอน
                “ไม่เป็นไรอ่ะ แต่ว่า..
                “ผมเห็นๆ ท่าทางจะอยากให้แฟนคุณเป็นคนมารับน่ะ” ซีวอนพูดแล้วหัวเราะน้อยๆ ผมเลยเดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางของผมลากออกไปโดยทิ้งให้คยูฮยอนอยู่กับดงเฮสองคน
                “นี่นาย ไม่คิดจะช่วยกันเลยเหรอไง” คยูฮยอนร้องท้วงขึ้น
                “ไม่มีทาง ฝันไปเถอะ” -3-
                “ไม่มีน้ำใจเลย
                “เออ ฉันไม่มีน้ำใจ
                “อยากไปสวีทกับไอ้หมอนั่นก็บอกมาดีๆ สิ” คยูฮยอนพูดขึ้นแล้วกระชับอ้อมแขนเข้าไปอีก เชอะ...นายก็อยากจู๋จี๋กับดงเฮใช่ไหมล่า  ผมทำหน้ามุ่ยก่อนจะเดินลากกระเป๋าใบใหญ่ผ่านหน้าหมอนั่นไป โดยที่ไม่ลืมจะจับมือซีวอนเดินออกมาพร้อมกัน
                “แล้วจะไปไหนล่ะ ฮยอกแจ” ร่างสูงที่เดินตามออกมาเงียบๆถามขึ้นเมื่อออกมานอกสนามบิน เออ..นั่นสิผมจะไปไหนล่ะเนี่ย - -^
                “ไม่รู้อ่ะ” ผมตอบแล้วหันไปยิ้มให้ซีวอน
                “แล้วมาเรียนโรงเรียนอะไรอ่ะ
                “แหะๆ ไม่รู้อะ” ^-^!
                “เวรกรรม” ซีวอนพูดแล้วยิ้มที่มุมปากขันๆ หนสุดท้ายผมก็ต้องเกาะซีวอนไปพักชั่วคราวที่บ้าน เอ่อ...ไม่มั้งคฤหาสน์มากกว่า ผมมองบริเวณบ้านที่มีเนื้อที่มากกว่าสิบไร่ตาค้าง ไหนจะรถลีมูซีนที่ซีวอนให้คนขับไปรับที่สนามบิน พอก้าวเท้าลงจากรถก็มีคนรับใช้หญิงชายกว่าห้าสิบคนยืนต้อนรับ ทำให้ผมทำอะไรไม่ถูกซีวอนจึงแตะข้อศอกผมเพื่อให้ออกเดินอย่างสุภาพ
                “ผมรู้นะว่าฮยอกแจต้องเรียนที่ไหนแล้วก็พักที่ไหน” พอเข้ามาในตัวบ้านซีวอนก็พูดขึ้น
                “แล้วที่ไหนอ่ะ
                “โรงเรียนเดียวกับผม โรงเรียนฮันซาง แล้วฮยอกแจก็ต้องพักที่บ้านผมพร้อมกับสองคนนั้นด้วย
                “ไหงเป็นงั้นอ่ะ” -*- ผมถามแล้วเอาคิ้วมาผูกกันตรงกลาง ร่างสูงยิ้มน้อยๆก่อนจะยื่นนิ้วชี้มาจิ้มที่กลางหน้าผากของผม
                “นั่นไงมากันโน่นแล้ว” ซีวอนพูดพร้อมกับมองเลยไปทางด้านหลัง ทำให้ผมหันหลับไปมองปลิง เอ่อ..ไม่ใช่ดงเฮที่เดินเกาะแขนคยูฮยอนเข้ามา
                “ยินดีที่ได้รู้จักนะ ชเวซีวอน ประธานนักเรียน ที่มีฉายาว่าเจ้าชายแห่งฮันซาง” คยูฮยอนเดินเข้ามายื่นมือออกไปข้างหน้าซีวอน ซีวอนก็ยื่นมือออกมาจับตามมารยาททันที ทำให้ผมได้มองผู้ชายตรงหน้าสองคนได้อย่างพิจารณา ผิวที่สวยพอๆ กันกับผมดำสนิท ทุกส่วนถูกวางลงบนใบหน้าอย่างเหมาะเจาะ ถ้าถามผมตอนนี้ว่าให้เลือกใครผมคงจะตอบไม่ได้แน่ๆ เลย แต่สองคนนี้มีส่วนต่างกันที่แววตา แววตาของคยูฮยอนฉายวายเอาแต่ใจสุดๆ แต่ของซีวอนกลับดูอ่อนโยนน่าค้นหา
                “ฉันหิวแล้วแหละ” อยู่ๆ ร่างบางที่เกาะแขนคยูฮยอนก็พูดขึ้นทำให้ทั้งสองปล่อยมือออกจากกัน
                “งั้นเชิญทางนี้ครับ” ซีวอนพูดพร้อมกับผายมือเชิญทั้งสองคนไปสู่ห้องอาหารใหญ่ โดยที่ซีวอนก็ไม่ลืมจะจับมือผมเดินตามไปด้วย
                “ดงเฮอยากทานจานนั้นน่ะ คยูฮยอน ตักให้หน่อยสิ” เสียงใสของดงเฮดังขึ้นทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง คยูฮยอนหันมามองผมแวบนึงก่อนจะหันไปเอาใจดงเฮต่อ -3-
                “อิ่มและ” ผมพูดก่อนจะรวบช้อน
                “ฉันนอนห้องไหนอ่ะซีวอน” ผมหันไปถามซีวอนที่กำลังดื่มน้ำอยู่
                “ห้องข้างๆ ห้องผม ส่วนห้องของคยูฮยอนกับดงเฮก็อยู่ถัดออกไป” ซีวอนตอบแล้วชี้มือขึ้นไปยังห้องนอนด้านบน ผมเลยขอตัวไปจัดแจงเก็บของบนห้องโดยมีคนรับใช้เดินถือของนำขึ้นไปบนห้อง ผมทิ้งตัวลงนอนกลิ้งบนเตียงนุ่มทันทีที่คนรับใช้เดินออกไป

                “ฮ๊า...สบายจังเลย” ผมพูดกับตัวเองก่อนจะเอาหน้าซุกลงไปบนกับหมอนใบใหญ่
                ล๊า...ลา...ลา เสียงโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงผมดังขึ้นทำให้ผมล้วงมือเข้าไปควานหาก่อนจะกดรับอย่างงงๆ
                “ว่าไงแก” ผมกรอกเสียงลงไปตามสายเมื่อพบว่าชื่อที่โชว์อยู่บนหน้าจอคือชื่อของเพื่อนรักผมเอง
                “แกถึงโซลแล้วใช่ไหมยะ
                “อื้ม แกรู้ได้ไงว่าฉันต้องไปวันนี้อ่ะ
                “อ้าว แกอย่าบอกนะว่าแกไปทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ตั้งตัวน่ะ0.0
                “ก็เอออ่ะดิ พอเช้า คยูฮยอนก็มาปลุกฉันที่บ้านแล้วจัดการให้ฉันพร้อมทุกอย่างแม้กระทั่งพาสปอร์ต
                “เออ ก็เมื่อวานตอนที่แกไปห้องพยาบาลแล้วปริ๊นซ์ก็เดินเรื่องทุกอย่างให้แกเลยอ่ะ เออนี่ปริ๊นซ์เค้าเป็นคนไปเปิดบริการโทรศัพท์ทางไกลให้แกด้วยนะ” ซองมินร่ายยาวแต่ผมลุกขึ้นมานั่งอึ้งๆ หมอนั่นทำอะไรให้ผมขนาดนั้นเลยเหรอ 0.0
                “โหย ปริ๊นซ์นี่น่ารักสุดๆ ไปเลยอ่ะแก” ซองมินปิดท้ายด้วยเสียงที่ชื่นชมคยูฮยอนอย่างปิดไม่อยู่
                “เออๆ น่ารัก” ผมตอบเสียงประชดออกไป
                “แกเรื่องทางนี้ฉันจัดการให้แล้วนะ ทั้งเรื่องป๋ากะม๊าแกด้วย
                “เออใช่ ป๋ากะม๊าช้านว่าไงบ้าง
                “ไม่ว่าอะไรอ่ะ ก็บอกว่าโอนเงินมาให้แกแล้วนะไม่พอก็ให้โทรไปบอก” แหมป๋ากะม๊าช่างเป็นห่วงผมซะจริงๆเลย
                “แกแค่นี้ก่อนนะแพงอ่ะ” ซองมินพูดก่อนจะตัดสายทิ้งไปไม่ทันให้ผมบอกลาซักคำ
                ก๊อกๆๆๆ...ก๊อกๆๆๆ...พอผมวางโทรศัพท์ไว้ที่หัวเตียงเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
                “แปปนึง” ผมส่งเสียงออกไปแล้วรีบเดินไปเปิดประตู แล้วรีบดันปิดทันทีเมื่อพบว่าใครเป็นคนมาก่อกวน แต่มือใหญ่ดันประตูไว้ก่อนจะผลักเข้ามา
                “นายหลบหน้าฉันทำไม” ร่างสูงที่ก้าวเข้ามาในห้องถามขึ้นในขณะที่ดันประตูปิด ทำให้ผมถอยออกมาก้าวนึงเพื่อตั้งหลัก
                “ฉันเปล่า ไปเอามาจากไหน
                “ก็ที่นายทำอยู่นี่ไง ทิ้งฉันไว้ที่สนามบินแล้วลอยหน้าลอยตามากับหมอนั่น” --*
                “ก็แล้วมันหลบหน้ายังไงเล่า
                “ก็นายหลบสายตาฉัน
                “อ้าวก็นายอยู่กับดงเฮนี่ แล้วฉันคุยกับซีวอนฉันก็ต้องมองหน้าซีวอนสิจะไปมองหน้านายทำไม
                “นายกำลังกวนประสาทฉันนะฮยอกแจ” คยูฮยอนพูดพร้อมกับก้าวเข้ามาหาทำให้ผมถอยไปชนเข้ากับเตียงก่อนจะเสียหลักล้มลงไปนั่งที่ปลายเตียง
                “นายนั่นแหละกวนประสาทฉัน” ผมเถียงก่อนที่คยูฮยอนจะกดผมลงบนเตียง
                “ไอ้บ้า นายจะทำอะไรน่ะ
                “ทำให้นายเงียบ
                “...” 0.0 ผมเงียบแทนคำตอบเมื่อรู้ว่าคนตรงหน้ากำลังจะทำอะไร
                “อย่าไปใกล้ชิดหมอนั่นให้มันมากนัก
                “...
                “นายรู้จักมันดีพอแล้วเหรอ
                “...
                “ฉันถามน่ะตอบเซ่
                “( - -)(- - )( - -)(- - )”
                “ทำไมไม่พูดเล่า” คยูฮยอนตะคอกถามทำให้ผมสะดุ้งนิดนึง
                “ก็ฉันกลัวนายจะทำให้ฉันเงียบนี่นา” ผมตอบออกไปเสียงอ่อย คยูฮยอนหัวเราะนิดนึงก่อนจะลุกขึ้นแล้วดึงผมขึ้นมานั่งข้างๆ
                “ฉันจะทำให้นายเงียบก็ต่อเมื่อนายเถียงฉันต่างหากเล่า ไอ้ทึ่ม” คยูฮยอนพูดแล้วหัวเราะน้อยๆ
                “แล้วเวลาคนอื่นเถียงนาย นายก็จะทำแบบนั้นกับทุกคนเหรอไง
                “ไม่นะ กับนายคนเดียวเพราะว่ามีนายคนเดียวที่เถียงฉัน
                “เออ” -3-
                “ระวังตัวไว้หน่อยก็ได้นะ สนิทกับคนง่ายจริงๆเลยนายเนี่ย” คยูฮยอนวกเข้าเรื่องเดิมแล้วหันมามองหน้าผมที่กำลังนั่งตาแป๋วอยู่ ผมเลยแอบเห็นหน้าของหมอนั่นแดงนิดนึงก่อนที่จะหันกลับไป
                “ก็ซีวอนดูอ่อนโยนออก
                “แล้วนายจะรู้สึก
                “แล้วนายจะมาห่วงฉันทำไมเล่า ก็ไปห่วงดงเฮสิ
                “นายหึงฉันรึไง” -///-
                “มะ..ไม่ใช่นะ” แล้วทำไมผมต้องติดอ่างด้วยเนี่ย
                “ดงเฮเค้าไม่ค่อยแข็งแรงน่ะ ฉันยังแปลกใจเลยที่เค้าได้เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนด้วยน่ะ” เชอะ ไม่แข็งแรงบ้าอะไร ผลักผมซะกระเด็นเลย
เมะนะ...เมะ เฮ้อ!
                “เออ ถ้านายคิดดีๆ นายจะรู้เหตุผลนะ ไอ้เซ่อ
                “นายรู้อะไรมา
                “ฉันไม่รู้หรอก
                “เออ ช่างมันเถอะ พรุ่งนี้เป็นค่ายของโรงเรียนฮันซางเห็นเค้าว่าจะไปที่รีสอร์ตของนายซีวอนนั่นที่จำลองทั้งทะเล น้ำตกเอาไว้ ให้เอาเสื้อผ้าไปได้แค่สามชุดเท่านั้นนะห้ามเกิน
                “ไปกี่วันอ่ะ
                “1 คืน 2 วัน
                “โหยแล้วมันจะพอเหรอ” - -*
                “ก็คงจะมีอะไรแผลงๆ ให้เล่นนั่นแหละ” คยูฮยอนพูดแล้วลุกขึ้นยืน
                “พรุ่งนี้ตีห้าเราจะออกจากนี่ไปที่โรงเรียนนะ ฉันหวังว่านายคงจะตื่นนะ
                “เออๆ ตื่นๆ เดี๋ยวจะนอนเดี๋ยวนี้เลย” ผมพูดแล้วคลานขึ้นไปทิ้งหัวลงบนหมอนใบใหญ่ โดยที่ร่างสูงยืนมองอึ้งๆ ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ผุดขึ้นมุมปาก

                “ไอ้ทึ่ม ตื่นได้แล้ว” เสียงทุ้มดังขึ้นที่ข้างหูของผมก่อนที่ผมจะลุกขึ้นมานั่งงงๆ แล้วพบกับตาคมที่จ้องเขม็ง
                “กี่โมงแล้วอ่ะ
                “ยังมีหน้ามาถามอีก ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้” คยูฮยอนพูดก่อนจะดึงข้อมือผมให้ลุกขึ้น ผมเลยเดินเข้าห้องน้ำไปงงๆ ก่อนที่จะพบกับนาฬิกาที่ถูกแขวนอยู่ในห้องน้ำเพื่อบอกเวลาเป็นดิจิตอลตัวโตว่า 05.15 โอว้...แม่เจ้านี่ผมสายอีกแล้วเหรอเนี่ย ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนจะออกมายืนมองร่างสูงที่กำลังจัดกระเป๋าให้ผมอีกครั้ง
                “ขอโทษทีนาฬิกามันไม่ปลุกอ่ะ” ผมพูดพร้อมกับยิ้มแหยๆให้คนที่กำลังรูดซิปปิดปากกระเป๋าเป้
                “ไปกันเถอะ” ร่างสูงพูดก่อนจะหยิบกระเป๋าผมขึ้นมาแล้วเดินนำออกไป ที่บริเวณลานหน้าบ้านพบนักเรียนรุ่นราวคราวเดียวกับผมยืนอยู่เป็นจำนวนมาก ทุกคนมีแค่เป้มาคนละใบเดียวเท่านั้น บ่งบอกว่ามีเสื้อผ้ามาตามที่จำกัดเอาไว้ ผมรู้สึกถึงทุกสายตาของนักเรียนหญิงกำลังจับจ้องมายังร่างสูงข้างกาย ผมเลยอดมองไม่ได้ ใบหน้าใสที่เพิ่งผ่านการอาบน้ำกับผมเปียกหมาดๆที่ดูไม่เป็นทรงยิ่งทำให้คนด้านข้างผมน่ามองมากขึ้น จนผมยังอดไม่ได้ที่จะมองใบหน้าหล่อนั้น
                “ก่อนไปเราต้องมีการจับกลุ่มกันก่อนนะครับ” เสียงของซีวอนดังขึ้นมาจากเวทีเล็กที่อยู่หน้าตัวบ้าน ทำให้หนุ่มๆและสาวๆหลายคนหันเหความสนใจจากคยูฮยอนไปมองซีวอนซึ่งหล่อไม่แพ้กันแทน
                “โดยที่เราจะแบ่งกลุ่มกันตามความสมัครใจของแต่ละคนนะครับ กลุ่มหนึ่งมีสามคนนะครับ” ซีวอนพูดต่อไปเรื่อยถึงว่าไปถึงนั่นเราจะทำอะไรกันบ้างแต่สาวๆและอุเคะหลายคนไม่ได้สนใจจะฟังต่อกลับมองหาเพื่อนหรือหนุ่มหล่อๆเพื่อลากไปเข้ากลุ่มของตนเองทำให้ผมยืนมองความวุ่นวายอยู่ห่างๆ ผมเห็นคยูฮยอนถูกลากไปกลุ่มนั้นที กลุ่มนี้ทีไม่ได้หยุดย่างขำๆ ก่อนที่คนถูกลากจะทนไม่ได้ตวาดออกไป ทำให้หลายคนนิ่งเหมือนถูกกดปุ่ม stop ไปพักนึงซึ่งคยูฮยอนอาศัยจังหวะนั้นปลีกตัวเดินออกมายืนข้างผมแทน แล้วจัดการใช้ผ้าที่แจกไว้สำหรับผูกข้อมือของคนในกลุ่มให้ติดกันมาผูกไว้กับข้อมือซ้ายของผม
                “เฮ้อ ยังกะโดนแรงทึ้ง” เสียงทุ้มบ่นขึ้นก่อนจะใช้มือซ้ายที่ว่างอยู่ของตัวเองเสยผมที่แห้งแล้วขึ้นไปอย่างลวกๆ ผมเห็นดงเฮกำลังเดินยิ้มร่าเข้ามาหาคยูฮยอนโดยที่ในมือกำผ้ามาด้วย  แล้วก็มีหนุ่มน้อยคนนึงมาดึงดงเฮไปเข้ากลุ่มโดยที่เพียงไม่กี่ก้าวดงเฮก็จะเดินมาถึงตัวคยูฮยอนแล้ว
                “คยูฮยอน ดงเฮอยากอยู่กลุ่มเดียวกับคยูฮยอนอ่ะ” ดงเฮท้วงขึ้นพร้อมกับพยายามปลดปล่อยมือออกจากการเกาะกุมของหนุ่มน้อยคนนั้น ส่วนร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างผมก็ยิ้มให้แล้วโบกมืออำลา ผมรู้สึกเหมือนมือขวาถูกสัมผัสทำให้ผมหันไปมองพบว่าซีวอนกำลังผูกผ้าอีกผืนกับข้อมือขวาของผม 

                “เห้ย นายก็ไปกลุ่มอื่นสิ” เสียงของคนที่ยืนอยู่ด้านซ้ายดังขึ้น แต่ซีวอนกลับยักคิ้วขึ้นข้างขวาขึ้นเป็นการท้าทายทำให้คยูฮยอนกระชากคอเสื้อซีวอนเข้าหาตัวด้วยมือซ้ายที่ว่างอยู่
                “หยุดนะ!!” ผมตวาดขึ้นทำให้ผู้ชายสองคนที่กำลังจะแลกหมัดผละออกจากกัน
                “ฉันจะไปอยู่กับคนอื่น ฉันไม่ชอบดูคนกัดกัน” ผมพูดต่อแล้วปรายตามองทีละคนก่อนที่จะพยายามแกะผ้าผูกข้อมือนั้นออกแต่ผ้ากลับยิ่งแข็งขึ้นทำให้ผมหันไปมองหน้าซีวอนอย่างไม่เข้าใจ
                “แกะออกไม่ได้หรอกครับ เพราะเป็นนวัตกรรมใหม่ของทางโรงเรียนเพื่อป้องกันการทะเลาะวิวาทยิ่งแก้มันจะยิ่งเปลี่ยนสภาพเป็นของแข็ง” ซีวอนร่ายยาวและนำมือขวาที่ว่างอยู่มาจับมือผมออกจากผ้าแสนอันตรายนั้น
                “แล้วจะเอาออกได้ไงอ่ะ” ผมถามต่อทันที
                “ไปค่าย แล้วเล่นเกมส์ทุกคนจะได้รับรหัสมาเพื่อปลดมันออก” ซีวอนบอกแล้วยิ้มให้ ผมเลยได้แต่ก้มหน้ารับชะตากรรมก่อนจะถูกหนุ่มหล่อสองคนลากไปคนละด้าน
                “ไปทางเดียวกันเซ่ ฉันเจ็บนะ” ผมบอกแล้วดึงมือทั้งสองข้างเข้าหาตัว ผมจึงจัดการเลือกทิศทางเดินเองเพราะความซวยที่ได้อยู่ตรงกลางไม่มีมือข้างใดได้รับอิสระเลยซักนิด แต่บรรดาสาวๆและเคะที่เหลือกลับมองผมด้วยความอิจฉา
                อยากให้เธอลองมาเป็นผม...เธอจะทรมานแค่ไหน...  นั่นคือเพลงที่ผมอยากร้องให้พวกเขาฟังจัง ผมเดินไปยังรถบัสที่จอดอยู่ ก่อนที่จะให้ซีวอนเดินนำขึ้นไปก่อนตามด้วยผมและคยูฮยอน ดูไปดูมามันก็ลำบากพิลึกเลยนะเนี่ย พอขึ้นไปถึงผมก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นเพราะที่นั่งบนรถบัสกลับมีเพียงแถวละสองคน แล้วทุกกลุ่มมีสามคนจะนั่งยังไงกัน ผมมองไปยังนักเรียนคนอื่นๆที่ขึ้นมาก่อนแล้วก็พบว่าส่วนใหญ่จะนั่งเบียดกัน บางส่วนก็มีคนเสียสละซึ่งเป็นผู้ชายยืนบริเวณทางเดิน ผมเดินเลยไปด้านหลังตามการลากของซีวอนมาเบาะที่ว่างอยู่ทางด้านหลัง ก่อนที่ซีวอนจะพาตัวเองเข้าไปนั่งด้านในผมเลยนั่งตามแต่ก็มีปัญหาอยู่ที่ว่าชายหนุ่มอีกคนไม่สามารถนั่งได้นี่สิ
                “ฉันยืนก็ได้ ไม่เป็นไรหรอก” คยูฮยอนพูดขึ้นแล้วยืนนิ่งอยู่กับที่ ร่างสูงพยายามย่อตัวลงเพื่อไม่ให้ผ้านั้นบาดข้อมือผม
                “นี่นายนั่งก็ได้นะเบียดๆกันไป” ผมพูดแล้วขยับตัวไปชิดซีวอนมากขึ้น
                “ไม่ล่ะที่เท่ามดนอน
                “แต่มันก็นั่งพอนะ” ผมเถียงแล้วเบียดซีวอนเพิ่มมากขึ้น
                “นายจะให้ฉันนั่งตักเหรอไงเล่า” คยูฮยอนพูดขึ้น แต่ว่า....ปิ๊งป่อง ผมมีไอเดียอันบรรเจิดแล้ว
                “ไม่ ฉันจะนั่งตักนายเอง” ผมพูดแล้วลุกขึ้นยืนเพื่อรอให้คยูฮยอนนั่งลงแต่โดนซีวอนดึงให้นั่งลงไปบนตักก่อน ทำให้คยูฮยอนถูกดึงให้นั่งลงข้างๆ ซีวอนใช้มือขวาที่ว่างอยู่โอบเอวผมไปด้วยเพื่อเป็นประคอง
                “นี่นาย
                “อะไรเหรอ
                “มานั่งตักฉัน” เสียงทุ้มเข้มขึ้นตามอารมณ์ที่กำลังพุ่ง
                “ก็นั่งตักใครมันก็เหมือนกันนี่ ยังไงก็ได้นั่งสามคน” ผมบอกออกไป
                “แต่นายบอกว่านายจะนั่งตักฉันนะ” เสียงคยูฮยอนดังขึ้นในขณะที่รถกำลังเคลื่อนตัวออก ทำให้นักเรียนที่อยู่แถวนั้นหันมามองอย่างอยากรู้อยากเห็น
                “ก็ได้ๆ” ผมจำยอมด้วยเพราะกลัวจะเป็นเรื่องใหญ่กับนิสัยเอาแต่ใจของคนด้านซ้าย แต่พอผมจะลุกขึ้นซีวอนกลับรัดเอวผมแน่นขึ้นไปอีก
                “ซีวอน...” ผมเรียกชื่อเขาอย่างไม่เข้าใจ
                “นั่งนี่แหละ” ร่างสูงพูดแล้วหันออกไปนอกหน้าต่างอย่างไม่ใส่ใจทันที
                “เห้ย...” ผมร้องเสียงหลงเมื่อถุกคยูฮยอนดึงไปจากอ้อมแขนของซีวอนอย่างแรงทำให้ผมเสียหลักพุ่งไปด้านหน้าชนกับอกกว้างอย่างจัง ก่อนที่ผมจะค่อยๆตั้งตัวและพบว่าได้ย้ายที่นั่งกิตติมศักดิ์มาเสียแล้ว ท่ามกลางความไม่พอใจของซีวอนที่หันมามองคยูฮยอน
                “เอ่อ...เอางี้ดีกว่านะ ฉันนั่งตรงกลางและกันนะ” ผมพูดแล้วลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะนั่งตักของชายหนุ่มสองคนคนละข้าง เฮ้อ...แล้วผมจะรอดจากค่ายนี้ไหมเนี่ย
                “เมารถไหมนายน่ะ” คยูฮยอนที่นั่งเงียบได้ชั่วอึดใจถามขึ้นผมเอียงหน้าไปมองก่อนที่จะส่ายหัว
                “เวียนหัวก็บอกนะ” ซีวอนที่นั่งอยู่อีกด้านพูดขึ้น ผมเลยพยักหน้ารับ
                “หิวรึเปล่าน่ะ เมื่อเช้าไม่ได้กินอะไรเลย” คยูฮยอนถามขึ้นทำให้ผมต้องเอียงไปหาคู่สนทนาอีกด้าน
                “ยังอ่ะ อยู่บ้านข้าวมื้อแรกก็เที่ยงอ่ะ
                “ง่วงรึเปล่าครับ” เสียงของซีวอนดังขึ้นทำให้ผมหันกลับไป
                “ก็นิดนึงอ่ะ” ผมตอบแล้วเริ่มรู้สึกพะอืดพะอม ซึ่งเป็นอาการประจำตัวของคนเมารถกำเริบขึ้น ผมเลยเอียงตัวไปทางซีวอนเพื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง
                “นายเมารถแล้วเหรอเนี่ย ยังออกมาไม่ถึงสิบนาทีเลยนะ” คยูฮยอนพูดขึ้น
                “ก็พวกนายเล่นคุยกับฉันอยู่ได้ ฉันเลยต้องหันซ้ายหันขวามันเลยเมารถเร็วขึ้นไงล่ะ” ผมเถียงแล้วอยากจะหยิบยาดมจากกระเป๋ากางเกงที่พกติดตัวตลอดเวลาแต่ว่าไม่สามารถทำได้เพราะมือที่ผูกติดกัน
                “อยากได้ยาดมไหมฮยอกแจ” เสียงนุ่มของซีวอนดังขึ้นในขณะที่มือขวาของซีวอนถูกเจ้าของยกขึ้นมา รองศีรษะผมไว้ทำให้ผมเอียงไปได้เต็มที่ไม่เมื่อยเพราะต้องทรงตัว ผมพยักหน้าน้อยๆเป็นการตอบ ซีวอนจึงเอามือขวาของตัวเองยกเรียกพนักงานบนรถ ไม่นานนักยาดมก็ถูกส่งมาที่มือของซีวอน แล้วซีวอนก็ส่งยาดมมาให้ผม ผมเลยรู้สึกเหมือนเพิ่งขึ้นสวรรค์อีกครั้ง
                “ไหวไหมนั่นน่ะ” เสียงกวนประสาทของใครบางคนดังขึ้นทำให้ผมหันไปมอง
                “ยังไม่ตายง่ายๆหรอก
                “งั้นก็ดี ฉันนอนล่ะ” ร่างสูงพูดจบก็พิงหัวตัวเองไปกับพนักแล้วหลับตาลง ผมหันไปมองบรรยากาศรอบตัวต่ออย่างตื่นเต้น โดยที่ซีวอนนั่งบรรยายไปด้วย ไม่นานนักคนที่พูดจ้อยๆก็เงียบเสียงลงทำให้ผมหันไปมองก็พบว่าตาคมได้ปิดลงแล้ว ผมอมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะมองบรรยากาศรอบๆตัวต่อไปไม่นานนักผมก็เริ่มง่วงเนื่องจากภายในรถตอนนี้นักเรียนแทบทุกคนได้หลับกันหมดแล้ว ผมง่วงมากเลยเอาหัวไปพิงกับพนักด้านหน้าแล้วผมก็ต้องลืมตาขึ้นมามองเมื่อมีมือข้างหนึ่งดึงผมให้เอนลงไปพิงกับอกกว้าง
                “นายหลับไปแล้วนี่คยูฮยอน” ผมถามเสียงเบาด้วยความเกรงใจคนอื่นๆบนรถ แต่ร่างสูงกลับส่งเสียงในลำคอแล้วเลื่อนมือลงมาโอบเอวผมไว้แทน ผมขี้เกียจเถียงเลยนั่งเฉยๆไม่นานนักผมก็หลับไป
รีสอร์ทตระกูลชเว
ป้ายใหญ่ยักษ์ที่ตั้งตระหง่านเรียกเสียงฮือฮาจากนักเรียนทั้งรถได้เป็นอย่างดี ยกเว้นคนที่เป็นเจ้าของอย่างชเวซีวอน
อู้หู สวยชะมัดเลย” เสียงตื่นเต้นดังขึ้น จนผมต้องงัวเงียขึ้นมาจากอกของคยูฮยอนแต่กลับถูกมือกว้างกดเอาไว้จนแน่น
นอนๆไปเถอะ ไม่มีอะไรน่าดูหรอก” เสียงทุ้มพูดขึ้น ในขณะที่ผมทำหน้างงน้อยๆแต่ก็ยอมนอนนิ่งอยู่แบบนั้น
จะว่าไปอกของไอ้เจ้าชายเน่าของโรงเรียนผม ก็อุ่นดีเหมือนกันนะ

เราจะนอนยังไงล่ะเนี่ย” ผมบ่นออกมา เมื่อมายืนเข้าแถวรอที่จะเอาเต๊นท์เพื่อไปกางนอนกันสามคน แค่กางเต๊นท์นอนผมยังคิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าจะกางมันยังไงดี
ก็นอนเหมือนเดิม” ร่างสูงข้างกายตอบ
นอนยังไงของนาย” ผมหันไปถาม
นายก็นอนบนอกฉันไง
พระเจ้า!
เขาพูดมันออกมาได้หน้าตาเฉย แต่ผมนี่สิ ยืนอึ้งไปแล้วพร้อมกับความร้อนวูบวาบบนใบหน้าของตัวเอง
ไปเถอะครับ” ซีวอนก้มลงมาพูดกับผมอย่างสุภาพ ผมเลยเดินตามซีวอนไปโดยที่มีคยูฮยอนเดินตามมาติดๆ ก็เพราะว่าข้อมือติดกันแบบนี้ ฮือๆๆ ทำไมเทคโนโลยีต้องล้ำหน้าถึงขนาดทำให้ผ้ากลายเป็นของแข็งได้ด้วยเนี่ย
ลีฮยอกแจ อยากจะบ้า
เอาล่ะเด็กๆ เกมส์แรกของเรา หึหึ” เสียงของอาจารย์ดังขึ้นเมื่อแต่ละกลุ่มเดินไปยืนรวมกลุ่มกัน ผมมองเห็นดงเฮที่ยืนอยู่ทำตาละห้อยมาที่กลุ่มของผมด้วย แต่เสียงหึหึของอาจารย์ทำให้ผมเรื่อมเสียวหลังวาบๆ
เราจะให้ทุกคน ข้ามแม่น้ำนั่นไป โดยที่สัมภาระเราจะเอาไปให้ แต่ว่าตัวของพวกเธอทุกคนต้องลงไปในน้ำ” สิ้นคำประกาศ ผมก็เบิกตากว้าง ให้ลุยลงน้ำพร้อมกันสามคนทั้งๆที่มือติดกันแบบนี้อ่ะเหรอ คิดได้ยังไงเนี่ย บอกผมทีว่านี่โรงเรียนอะไร T_T
ปี๊ด
ยังไม่ทันที่ผมจะหาทางออกให้กับตัวเองได้ เสียงหวีดแหลมของนกหวีดที่อาจารย์คาบอยู่ก็ดังขึ้น ผมถูกซีวอนกระตุกมือให้เดินตามไปเงียบๆ
อ้อ ถ้าใครข้ามไปถึงแล้วเราจะปลดล๊อคให้คู่ละหนึ่งอัน” อาจารย์ตะโกนไล่ตามหลังมา นั่นเป็นแรงฮึดอย่างดีเลย
ลงเลยนะครับ” ซีวอนหันมาบอกผมอย่างสุภาพอีกครั้ง ผมได้แต่พยักหน้าน้อยๆโดยที่คยูฮยอนก้าวลงไปก่อน ผาลืมตาโพลงเมื่อเห็นว่าน้ำที่มีอยู่มันสูงเกือบถึงคางของคยูฮยอน แล้วผมล่ะ จะเอาอากาศหายใจจากไหน ไม่ต้องรอลุ้นว่าผมจะกล้าลงไป
จ๋อม
เพราะตอนนี้ตัวของผมลงไปอยู่ใต้น้ำซะแล้ว  แล้วผมจะขึ้นไปยังไงเนี่ย
พ่อจ๋า แม่จ๋า ช่วยหนูฮยอกด้วย

พรึ่บ
ยังไม่ทันที่ผมจะได้อ้อนวอนพระเจ้า ร่างของผมก็ลอยขึ้นมาเหนือน้ำซะก่อนโดยที่แขนซ้ายของผมพาดอยู่บนคอของคยูฮยอน ทั้งๆที่แขนขวาของผมยังคงอยู่ข้างลำตัวที่เดิม คยูฮยอนยอมที่จะให้แขนขวาของตัวเองไขว้อยู่แบบนั้นเพื่อทำให้ผมหายใจเหนือผิวน้ำได้
คยูฮยอน…” ผมครางเรียกอีกคนเสียงเบาอย่างคาดไม่ถึง
พระเจ้า
ไอ้เจ้าชายเอาแต่ใจคนที่มากับผม หายไปไหนแล้วนะ
เงียบเถอะน่า” เขาพูดกลับมามองตรงไปข้างหน้าเพื่อพาเราไปให้ถึงฝั่งที่อยู่อีกไกลเล็กน้อย ซีวอนเองก็ตั้งใจเดินเต็มที่ มีหลายกลุ่มที่ถึงฝั่งแล้ว ทำให้อาจารย์ถอดรหัสที่ติดข้อมือออกไปจนหลุดจากการเกาะกุมหนึ่งคน ผมเองก็คงต้องรับชะตากรรม
เพราะผมอยู่ตรงกลาง
อาจารย์ปลดให้แค่ด้านเดียว นั่นแสดงว่าผมต้องอยู่กับใครอีกคนต่อไป
นี่พยายามเงยหน้าไว้นะ ฉันคิดว่าข้างหน้าน้ำจะลึกอีก” คยูฮยอนหันมาบอกผมอีกครั้ง ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไร ร่างของคยูฮยอนกับซีวอนก็จมหายไปในน้ำ ส่วนผมน่ะเหรอยังคงลอยหน้าอยู่เหนือน้ำ คยูฮยอนกับซีวอนพยายามใช้มือดันผมขึ้นเหนือน้ำ
แล้วเมื่อไหร่จะถึงฝั่งล่ะเนี่ย
พวกนาย ขึ้นมาก่อน” ผมตะโกนลงไปในน้ำ แต่ไม่มีทีท่าว่าทั้งสองคนจะโผล่ขึ้นมาแต่อย่างใด ผมเห็นเพื่อนอีกหลายๆคนที่ถึงฝั่งแล้วนอนหมดสภาพอยู่บนนั้น
คยูฮยอน ขึ้นมานะ” ผมตะโกนเรียกอีกคนสุดเสียงพยายามสะบัดมือด้วย นี่มันนานเกินไปแล้วที่ทั้งสองคนหายใจอยู่ใต้ผิวน้ำ
ซีวอน” ผมเรียกอีกครั้งหวังว่าเขาจะได้ยินบ้าง
พรึ่บ
ทั้งสองคนโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำพร้อมกัน
ฮึก…” ผมน้ำตาไหลออกมาอย่างดีใจ พร้อมๆกับที่อาจารย์เข้ามาช่วยดึงซีวอนขึ้นไป ผมไม่รู้ว่าข้อมือของผมกับซีวอนหลุดออกจากกันเมื่อไหร่ ผมยืนร้องไห้อยู่ข้างๆร่างของคยูฮยอนที่ตอนนี้ยกแขนของผมลงมาที่เดิมแล้ว
ร้องไห้ทำไม” คยูฮยอนถามผมเสียงนุ่มในขณะที่ซีวอนยืนมองอยู่ใกล้ๆ
ไม่รู้อ่ะ ฮือๆ” ผมยิ่งร้องไห้มากไปอีก ผมเห็นซีวอนทำท่าจะเข้ามาหาผม แต่ผมถูกคยูฮยอนดึงเข้าไปกอดเอาไว้ก่อน ผมเลยร้องไห้ออกมาเต็มที่กับอกกว้าง
ผมกลัว
กลัวว่าคยูฮยอนจะได้รับอันตราย….


เอาล่ะ เราเดินกันต่อได้เลย” เสียงของอาจารย์ดังขึ้นอีกครั้ง ผมยังคงซุกหน้าอยู่กับแขนของคยูฮยอน
ฮยอกไหวไหม” ซีวอนออกปากถามผม ถึงเขาจะหลุดออกจากพันธนาการนั้นแล้วแต่เขาก็เดินข้างผมไม่ห่าง อีกข้างของคยูฮยอนก็มีดงเฮเดินตามมาด้วย
นี่พวกนายสองคน มาคู่กันเร็ว” เสียงของอาจารย์ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ผมมองออกไปตรงหน้า ทำให้เห็นอาจารย์ถือเชือกผูกข้อมือตรงมาที่ซีวอน
ให้ผมคู่กับใครครับ” ซีวอนถามออกไปงงๆ แต่เมื่อมองไปตรงหน้ากลับเห็นนักเรียนที่หลุดออกจากกลุ่มสามคนต้องมาจับกันเองเป็นคู่ซะแล้ว
กับคุณดงเฮน่ะ” อาจารย์หนุ่มตอบกลับมา
ไม่เอานะฮะ ผมจะคู่กับคยูฮยอน อาจารย์แกะข้อมือของคยูฮยอนมาผูกกับผมสิฮะ” ดงเฮร้องโวยวายออกมาแทนที่จะเป็นซีวอน ร่างเล็กดิ้นเร่าๆอยู่ตรงนั้นผมได้แต่หันไปมองหน้าคยูฮยอนที่ยิ้มน้อยๆมาให้ผมอยู่ก่อนแล้ว
ถามความสมัครใจของคยูฮยอนก่อนดีกว่า” อาจารย์พูดขึ้นหันมามองหน้าคยูฮยอนแทน ผมได้แต่ยืนรอนิ่งๆหนาวก็หนาวยังจะต้องมายืนรอการตัดสินใจไร้สาระแบบนี้อีก
ผมจะอยู่แบบเดิมครับ” คยูฮยอนตอบออกมา ก่อนที่จะลากผมออกไปอีกทาง ผมเลยทำได้แค่เดินตามทางไปเรื่อยๆ ไม่ได้หันกลับไปมองด้านหลังเลยแม้แต่น้อย ที่ผมได้ยินก็คงจะเป็นเสียงของดงเฮที่เอาแต่โวยวายใส่ซีวอน
น่าสงสารซีวอนจริงๆ
เพื่อนๆหายไปไหนหมดแล้วล่ะ” ผมออกปากถามทันทีเมื่อยิ่งเดิน เพื่อนที่เดินนำหน้าเราก็หายไปทีละคน จนตอนนี้ผมมองไม่เห็นใครเลย
ฉันกำลังจะบอกนายพอดี” คยูฮยอนพูดขึ้น
บอกอะไรล่ะ” ผมถามกลับอย่างหมดแรง รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว เสื้อผ้าที่เปียกซกเริ่มจะแห้งขึ้นมาบ้างแล้วแต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกสบายตัวขึ้นมาเลย
ฉันว่าเราหลง
หลง!” ทันที่คำบอกของคยูฮยอนหลุดออกมาผมก็ร้องเสียงดังลั่นเช่นกัน
ใช่น่ะสิ จะเสียงดังทำไมเล่า” ดูเหมือนว่าคยูฮยอนก็จะหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยเลย
ก็นายนั่นแหละ พาฉันหลงได้ไง” ผมเถียงกลับทันที
ดูซะก่อนว่าใครกันแน่ที่เดินนำอยู่” ร่างสูงพูดออกมาอีกครั้ง ผมได้แต่มองกลับหลังไปเล็กน้อย แน่นอนว่าตลอดทางที่ผ่านมาผมเป็นคนลากให้เขาเดินตาม โดยที่ผมเดินนำอย่างล่องลอย
เอ่อ…”
เงียบซะแล้วมาช่วยกันหาทางออก” เขาตวาดออกมาอีกครั้ง ผมสะดุ้งเฮือกก่อนที่ผมจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
ฮึก
ขอโทษ” เสียงอะไรแว่วๆดังขึ้นมาข้างหูผม
ฮึก” ยังคงก้มหน้าก้มตาร้องไห้ต่อไป
เลิกร้องเถอะน่า” แขนแกร่งข้างที่ไม่ได้ถูกพันธนาการโอบล้อมตัวผมเข้าหา ใบหน้าของผมซุกอยู่บนอกกว้าง มืออบอุ่นของเขายังคงลูบศรีษะของผมไปด้วย
เราจะทำยังไงดีล่ะ” ผมถามอู้อี้อยู่กับอกของเขา ไม่ปฏิเสธเลยว่าอกของคยูฮยอนอุ่นจริงๆ อุ่นจนผมอยากจะหลับไปเดี๋ยวนี้เลย
ฮยอก
“…”
เฮ้ย ฮยอกแจ

Part KyuHyun…

ผมร้องเรียกสุดเสียง ร่างนุ่มนิ่มนั้นหล่นอยู่ในอ้อมกอดของผม มันดูทุลักทุเลไม่น้อยที่ข้อมือของเราติดกัน ใบหน้าหวานซีดเผือด จนผมต้องก้มลงไปใช้หน้าผากวัดอุณหภูมิที่หน้าผากมน
อ่า ตัวเขาร้อนจี๋เลย
เขาบอบบางมาก ผมรู้
เขาอ่อนแอเกินกว่าผู้ชายคนไหน ผมรู้
เขาน่าทะนุถนอมมาก ผมรู้
เขาเป็นคนสวยที่ใครๆต่างชอบมอง ผมรู้
เขาทำให้ใครต่อใครหลงใหลได้ไม่ยาก ผมรู้
เขาทำให้ใครต่อใครหลงรักได้ ผมรู้
เพราะผมก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน ผมหลงรักเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น จนผมรู้ว่าเขาต้องมาเรียนกแลกเปลี่ยนทีเดียวกับผม ผมยิ่งเก็บอาการตื่นเต้นเอาไว้แทบไม่ไหว หากเด็กนักเรียนในโรงเรียนรู้ว่าเจ้าชายที่ใครๆต่างหมายปองอย่างผม ไม่กล้าบอกรักนักเรียนตัวน้อยๆอย่างฮยอกแจ
ผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
อืม…” เสียงครางของเขาทำให้ผมยิ่งกอดร่างเล็กที่กำลังหนาวสั่นเอาไว้แน่น ทำไมโรงเรียนนี้ถึงได้ทำอะไรบ้าๆแบบนี้นะ
ฮยอกแจ นายไหวไหม” ผมถามเขาเสียงนุ่ม ถ้าเป็นทุกทีผมคงใช้น้ำเสียงกระชากตามสไตล์แต่นี่เขาคงไม่รู้เรื่องอะไร
อืม ไหวสิ” ปากอิ่มที่แห้งผากตอบผมออกมาเสียงเบา ตาหวานๆของเขาปรือขึ้นมาน้อยๆราวกับลืมตาไม่ขึ้นเท่าไหร่นัก
ฮยอกแจ นายไม่สบายทำไมถึงไม่บอกฉัน” ผมถามเขาออกไปเสียงเบา
ขอโทษนะ” เขาพูดออกมาแผ่วเบา ตากลมของเขาค่อยๆปิดลงอย่างเชื่องช้า
ฮยอกแจ อย่าหลับนะ” ผมรีบเรียกสติของเขาเอาไว้ ร่างบางเองก็พยายามทำตามที่ผมพูดเช่นกันแต่ด้วยพิษไข้ทำให้เขาแทบจะทำไม่สำเร็จ
คยู ฉันเหนื่อย” เสียงหวานๆเปล่งออกมาอีกครั้ง ผมโน้มใบหน้าลงไปจนใกล้ลมหายใจร้อนๆของเขาเป่ารดแก้มของผมก่อนที่ปากของผมจะประกบจูบลงไปบนปากอิ่มนั้น ผมค่อยๆบดขยี้ริมฝีปากลงไปเล็กน้อยใส่ความรักของผมลงไปเรื่อยๆ จนลิ้นของเราพัวพันกันในโพรงปากร้อนผ่าว
ผมอยากจะช่วยแบ่งเบาพิษไข้ของเขาบ้าง
ผมไม่อยากให้เขาเจ็บป่วยเลย
ให้ตายเถอะ!

อื้อ” ผมลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับมองเพดานสีขาว ก่อนที่จะกระพริบตาปริบๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่ ที่ผมจำได้คือเราหลงป่า
แล้ว..
คะ คยูฮยอนจูบผม
สายตาอบอุ่นของเขาเหมือนฝันไม่มีผิด
การกระทำที่แสนอ่อนโยนและอบอุ่นไปถึงหัวใจของเขาทำให้ผมลืมไม่ลง ผมกำลังแยกแยะว่ามันคือความฝันหรือความจริง
แต่ทำไมตอนนี้ผมยังรู้สึกอบอุ่นอยู่
ผมค่อยๆหันไปมองด้านข้างเพื่อหาต้นตอความอบอุ่นของผม แขนแกร่งของคยูฮยอนกำลังโอบพาดรอบเอวผมเอาไว้ ใบหน้าหล่อของเขาวางอยู่ใกล้กับหน้าของผมเพียงแค่ลมหายใจขั้นเท่านั้น คยูฮยอนคนที่อยู่ในความฝันของผม ออกมาข้างนอกได้ด้วยเหรอ
ทำไมหัวใจของผมถึงได้เริ่มเต้นแรงจนผมได้ยินเลยล่ะ
นี่ผมกำลังเขินงั้นเหรอ
คยูฮยอน” ผมเรียกออกมาเสียงเบา ตาคมค่อยๆปรือขึ้นมามอง
นายเป็นไงบ้าง ยังปวดหัวอยู่ไหม เจ็บตรงไหนรึเปล่า นายได้ยินฉันใช่ไหม” เสียงทุ้มถามออกมารัวเร็ว ผมขมวดคิ้วมุ่นเพราะไม่รู้ว่าควรตอบคำถามไหนของคนข้างกายผมก่อนดี
“…”
ฮยอกแจ นายยังปวดหัวอยู่เหรอ” น้ำเสียงอบอุ่นที่ผมได้ยินชัดเจนดังขึ้น ผมไม่ทำอะไรนอกจากกระพริบตามองเขาเหมือนไม่เคยเห็น
“…”
ปวดมากเหรอ” คยูฮยอนยังคงใช้น้ำเสียงอบอุ่นดังเดิม ผมไม่ตอบแต่กลับเขยิบตัวเข้าไปซุกใบหน้าลงที่อกกว้างของอีกฝ่าย แขนของผมที่เป็นอิสระเมื่อไหร่ไม่รู้ยกขึ้นโอบรอบตัวของเขาเอาไว้แน่น
ผมไม่อยากตื่นจากความฝันนี้เลย
คยูฮยอน ถ้านี่เป็นความฝันขอร้องล่ะอย่าเพิ่งปลุกฉันเลย” ผมพูดเสียงเบา ก่อนจะค่อยๆหลับตาลงไปอีกครั้ง
ขอร้องล่ะ
อย่าให้ใครมาปลุกผมเลย
ขอผมมีความสุขกับเขาต่อไปเรื่อยๆ
เพราะถ้าตื่นขึ้นมา ผมไม่รู้ว่าจะกล้าบอกเขาออกไปไหมว่า ผมเริ่มรักเขาแล้ว
ผมรักไอ้เจ้าชายขี้เก๊ก
ฝันดีนะครับ” น้ำเสียงอบอุ่นบอกออกมาอีกครั้ง พร้อมกับสัมผัสอบอุ่นบนข้างขมับส่งผมให้เขานอนอย่างฝันดีอีกรอบ


Part Kyuhyun

ฝันดีนะครับ” ผมบอกเขาด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ก่อนจะแอบฉวยโอกาสเล็กน้อยด้วยการจูบไปที่ข้างขมับเล็กอย่างรักใคร่ ตัวของเขายังคงส่งไอร้อนออกมาเป็นระยะ นั่นยิ่งทำให้ผมกอดเขาแน่นมากขึ้นแต่คงจะกอดแรงมากไม่ได้เพราะผมกลัวว่าเอวบอบบางนั้นจะหักลงไป
แอด
เสียงเปิดประตูดังขึ้น ทำให้ผมผงกศรีษะขึ้นไปดูผู้มาเยือนเล็กน้อย
เป็นยังไงบ้าง” ซีวอนออกปากถาม ผมเพียงแค่พยักหน้ามาทางคนตัวเล็กที่เอาแต่ซุกหน้ากับอกผมด้วยรอยยิ้ม
บอกเขาไปรึยังล่ะ คยู” ดงเฮอีกคนที่ส่งเสียงสดใสเข้ามาถาม พร้อมกับถลามานั่งอีกด้านของฮยอกแจ มือเรียวอังไปที่หน้าผากมน
ยังหรอก” ผมบอกเขาออกไปเสียงเบา ผมลืมบอกไปใช่ไหมว่าผมกับดงเฮน่ะเป็นญาติกัน แล้วดงเฮก็เป็นคนเจ้ากี้เจ้าการทุกอย่างให้มันเป็นแบบนี้
ทำอะไรอยู่วะ” ซีวอนถามผมออกมาอีกคน ใบหน้าหล่อของมันยกยิ้มกวนประสาทมาให้
ใครจะไวเหมือนแกวะ” ผมเถียงกลับ เมื่อเห็นซีวอนเพื่อนสนิทของผม กำลังโอบเอวของดงเฮเข้าหาตัว ทั้งคู่มีรอยยิ้มให้แก่กันและกันเหมือนเคย
พวกมันคบกันมาได้สองปีแล้วล่ะ
 “ไวอะไรของแกวะ นี่เราคบกันมาสองปีแล้วนะ” ดงเฮเถียงกลับเสียงดัง ผมยกมือไปปิดหูเล็กของฮยอกแจพร้อมกับส่งสายตาดุๆมาห้ามดงเฮ
เอ่อ ขอโทษที ลืมไปยาหยีแกนอนอยู่” ดงเฮบอกกลับมาเสียงอ่อย ก่อนจะหันไปส่งสายตารู้ทันให้กับซีวอนสองคน
พวกมันนี่มันเจ้าแผนการจริงๆ
คยูฮยอน ถ้าแกอยากได้ตัวเล็กเป็นแฟน
ตัวเล็ก…” ผมย้อนถามทันทีที่ซีวอนพูดจบ
ก็ยาหยีของแกนั่นแหละ” ซีวอนสวนกลับมา แล้วส่ายหน้าอย่างระอาให้ผม
แล้วใครอนุญาตให้มันเรียกฮยอกแจว่าตัวเล็กกันล่ะ
แล้วจะเอาไง” ผมถามออกไปเสียงเบา นี่พวกมันสองคนพูดเหมือนกับว่าฮยอกแจไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้นเลย ถ้าเขาได้ยินผมจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย
แกก็มาเป็นแฟนกับฉันสิ” ดงเฮตอบกลับเสียงใส ส่วนได้แต่เบิกตาค้าง
แล้วมันจะช่วยให้ฉันกับฮยอกเป็นแฟนกันยังไง
เชื่อพวกเราซักครั้งไม่ตายหรอกน่า!”

Part Hyukjae

ผมลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับอาการเมื่อยล้าที่หายไป รอบข้างของผมว่างเปล่า ไม่มีเขา ไม่มีคยูฮยอน นั่นเป็นการตอกย้ำได้ดีว่าทั้งหมด
ผมเพียงแค่ฝันไป
หิวไหมฮยอก รู้สึกเป็นไงบ้าง” ซีวอนที่เพิ่งเดินออกมาจากทางห้องครัวออกปากถามผม ผมเพียงแค่ส่ายหน้าไปมาน้อยๆเป็นคำตอบ
ทำไมผมถึงได้รู้สึกอยากร้องไห้ขนาดนี้
แค่ตื่นมาแล้วผมไม่เห็นเขา ผมก็ผิดหวัง ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาให้หัวใจของผมอบอุ่นเป็นเพียงแค่ความฝันที่ผมคิดไปเองคนเดียว
นายปวดหัวไหม” ซีวอนลงนั่งข้างเตียงแล้วถามผมอีกครั้งอย่างใจดี
ไม่แล้วล่ะ สงสัยจะนอนเยอะไปหน่อย” ผมตอบเขาด้วยรอยยิ้ม
งั้นเดี๋ยวฉันไปหาอะไรเบาๆมาให้นายกินดีกว่า” เขาขยับยิ้มอีกครั้ง ก่อนจะลุกหายไป ไม่นานนักประตูห้องก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง พร้อมกับคยูฮยอนและดงเฮที่จับมือกันเข้ามา ผมรู้แล้วว่าความจริงคืออะไร ใครหลายๆคนเคยบอกผมว่า ความจริงคือสิ่งที่เจ็บปวด
ผมเองก็เพิ่งรู้วันนี้เอง
เป็นไงบ้างฮยอกแจ หายรึยัง” ดงเฮวิ่งเข้ามาเกาะเตียงถามผม มืออีกข้างของเขายังคงจับกับคยูฮยอนอยู่อย่างนั้น
ดีขึ้นแล้วแหละ” ผมตอบเสียงเบา หลบตาดงเฮไปอีกทาง
เป็นอะไรรึเปล่าหน้าซีดๆนะ” ดงเฮยังคงซักผมอยู่อย่างนั้น ในขณะที่คยูฮยอนเดินไปยืนพิงกับกำแพงห้องพักมองดูอยู่ห่างๆ ไม่มีแววตาแห่งความห่วงใยฉายออกมาแม้แต่น้อย ที่ผมมองเห็นผมมองเห็นเพียงแค่ความเย็นชา
ไม่หรอก ฉันดีขึ้นแล้ว” ผมตอบออกไปอีกครั้ง
ดาร์ลิ่ง งั้นเรากลับกันดีกว่า ฮยอกแจไม่เป็นอะไรแล้ว” ทันทีที่ได้คำตอบ ดงเฮก็เดินเข้าไปกอดเอวของคยูฮยอนเอาไว้ทันที พร้อมรอยยิ้มที่เขามีให้กันและกัน
ครับผม” คยูฮยอนรับคำดงเฮ
งั้นเรากลับก่อนนะ” ดงเฮหันมาบอกผมอีกครั้ง ผมก้มหน้าลงไม่ยอมสบตากับใครทั้งนั้น จนกระทั่งซีวอนยกข้าวต้มหอมกรุ่นออกมา
ทานข้าวหน่อยนะ” ซีวอนบอกผมอีกครั้ง
ฮึก…” ผมไม่ตอบเขา แต่ผมกลับปล่อยเสียงสะอื้นออกไปแทน ผมก้มหน้าปล่อยให้น้ำตาหยดลงมาบนตักของผมเรื่อยๆ
เฮ้ย ฮยอกแจเป็นอะไร” ซีวอนเองก็คงจะตกใจไม่น้อย ผมเองยังตกใจเลย มือกว้างของเขาคอยลูบหลังผมไม่ห่าง ผมยกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาโดยไม่คิดจะห้าม มือของซีวอนที่คอยลูบหลังผมถูกผละออกไป ไม่นานนักเสียงปิดประตูก็ดังตามมา ผมเองก็อยากอยู่คนเดียวเหมือนกัน
จะได้ทบทวนว่าหัวใจของผมเป็นอะไรกันแน่
.
.
.
.
.
.
.
หมับ
อ้อมกอดอบอุ่น พร้อมกับแขนแข็งแรงที่สวมกอดผมเอาไว้ เรียกให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมองได้ไม่ยากนัก
ร้องไห้ทำไม” น้ำเสียงคุ้นเคยดังขึ้นพร้อมกับใบหน้าตื่นตระหนกของคยูฮยอน ยิ่งทำให้ผมร้องไห้ออกมาหนักมากกว่าเดิม
ผมฝันอีกแล้วงั้นเหรอ

Part  Kyuhyun

ผมตกใจมากที่ซีวอนวิ่งตามมาเรียกผมเสียงดัง แล้วประโยคของเขาก็ทำให้ผมยืนนิ่งไปในทันที ฮยอกแจร้องไห้ ผมทำเขาร้องไห้งั้นเหรอ
แกทำเขาร้องไห้เหรอ” ผมพาลถามซีวอนเสียงดัง
จะบ้าเหรอ เขาร้องไห้เพราะแกกับดงเฮ” ซีวอนเถียงผมดังลั่น คำตอบนั้นทำให้ผมออกวิ่งอย่างไม่รอช้า แค่ผมเปิดประตูเข้ามาในห้อง ผมก็เห็นว่าฮยอกแจนั่งร้องไห้อยู่บนเตียง มือเล็กถูกยกขึ้นมาปิดหน้าของตัวเองกลั้นเสียงสะอื้น ผมรีบสาวเท้าเข้าไปกอดเขาเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างไม่รอช้า
ร้องไห้ทำไม” ผมถามเขาเสียงนุ่ม
ผมอยากภาวนาเหลือเกินว่าเขาร้องไห้เพราะผม
ร้องไห้เพราะรักผม
ฮึก..” เขาไม่ตอบผมเอาแต่ร้องไห้อยู่กับอกของผม มือของผมลูบกลุ่มผมนิ่มไม่ขาด
เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม หืม” ผมถามเขาอีกครั้ง
นายเข้าฝันฉันอีกแล้ว” เสียงหวานบอกออกมาพร้อมกับสั่นน้อยๆ ตากลมที่มองมาที่ผมเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา
เข้าฝันเหรอ
ออกไปจากความฝันของฉันซะ แล้วออกไปจากหัวใจของฉันด้วย” เสียงใสเอ่ยขึ้นอีกครั้งพร้อมๆกับออกแรงผลักอันน้อยนิดมาที่อกของผม
ฮยอกแจ” ผมครางเรียกเขา สมองของผมค่อยๆประมวลผลก่อนจะยิ้มออกมา นิ้วเรียวของผมเกลี่ยหยาดน้ำตาใสออกจากใบหน้าน่ารักนั้น
ทำไมยังไม่ไปอีก ฉันเจ็บนะรู้ไหม
“…”
นายคือคนไหนกันแน่ คนที่เดินเคียงคู่กับดงเฮ หรือคนที่อ่อนโยนกับฉัน” เสียงใสพูดออกมาอีกครั้งอย่างสับสน มือเล็กขยุ้มเสื้อผมจนยับ ผมจับคางมนให้เงยขึ้นก่อนจะค่อยๆโน้มใบหน้าลงไปเพื่อสัมผัสริมฝีปากอิ่ม กดย้ำเพื่อให้เขามั่นใจว่ามันไม่ใช่ความฝัน ส่งคำบอกรักผ่านลิ้นร้อนของผมสู่โพรงปากของเขา
ฉันคนนี้คือความจริง
“…”
ส่วนฉันคนที่อยู่กับดงเฮ คือความฝัน
ไม่จริง…” ฮยอกแจย้อนกลับทันทีอย่างสับสน ผมจับใบหน้าหวานให้มองหน้าผมตรงๆ
งั้นลองฟังอะไรหน่อยไหม” ผมถามเสียงนุ่ม ค่อยๆโอบกอดร่างเล็กเข้ามาแนบกาย ปากของผมก็ค่อยๆเล่าความจริงออกไปด้วย


คยู คนบ้า” ทันทีที่ฟังจบ หมอนหนุนใบนุ่มก็ย้ายที่มาแปะที่หน้าของผม จะโกรธก็โกรธไม่ลงเพราะคนปาดันปาเสร็จแล้วกลับหน้าแดงขึ้นมาเองซะนี่
ถ้าไม่ทำแบบนี้แล้วจะได้ใกล้ชิดกับนายเหรอไง” ผมหลบหมอนอีกใบแล้วตรงเข้าไปกอดร่างบางเอาไว้เต็มอ้อมแขน จมูกของผมกดลงไปบนแก้มนิ่มๆของคนป่วยที่ตอนนี้ยิ่งหน้าแดงเข้าไปใหญ่
เจ้าเล่ห์ที่สุด” เขาว่าผมอีกครั้ง
เขาเรียกว่าฉลาดต่างหาก” ผมเถียงแล้วยกร่างของเขาขึ้นมาไว้บนตักของผม
เชอะ” ใบหน้าหวานสะบัดงอนไปอีกทาง
ไม่เอาน่า นายอยากให้ฉันอยู่แค่ในความฝันเหรอไง” ผมถามเขาออกไปอีกครั้ง คนบนตักของผมรีบส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธ
รักนะครับ ยาหยี
รู้แล้ว
ไม่คิดจะบอกเหรอไง
ไม่หรอก
โอเค ไม่บอกก็ไม่บอก เอาเป็นว่ารู้แล้วกัน” ผมเลิกเซ้าซี้เขา แค่นี้เขาก็เขินจนหน้าแดงไปทั้งแถบแล้ว ประตูห้องพักถูกเปิดออกอีกครั้ง ซีวอนกับดงเฮเยี่ยมหน้าเข้ามาเพียงนิดหน่อยพอเห็นภาพที่ฮยอกแจนั่งอยู่บนตักของผม พวกมันสองคนก็แอบยกนิ้วโป้งให้ผมแล้วปิดประตูออกไปอย่างเบาที่สุด
ยังไงผมก็ต้องขอบคุณทั้งดงเฮแล้วก็ซีวอน
และอีกหนึ่งคนที่ลืมไม่ได้เลย
คือซองมิน
ถ้าไม่มีซองมินคอยช่วยแบบลับๆ ผมคงไม่มีลูกไก่น้อยมานอนกอดแบบนี้
ขอบคุณทุกคนด้วยนะครับ ที่คอยให้กำลังใจเสมอมา


 end.

No comments:

Post a Comment