Wednesday, September 17, 2014

You and me

 วันนี้ไม่เหมือนทุกวัน สถานที่ที่พวกเราเรียกว่า -บ้าน- แตกต่างไปจากที่เคย ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการที่วันนี้เป็นวันพักผ่อน และอีกหลายๆ ส่วนคงมาจาก...ใครคนหนึ่งที่นั่งอยู่สุดมุมห้อง
 
 
 
                จะเรียกว่าวันพักผ่อนเสียทีเดียวคงไม่ได้แต่คงเรียกได้ว่าวันนี้คือวันที่ผมได้พักมากกว่าทุกวันหลังจากกรำงานหนักมา ตลอดสามเดือนกับอีกครึ่งเช้า ในที่สุดพวกเราก็ได้อยู่เฉยๆ ตลอดช่วงบ่ายโดยไม่ต้องกังวลกับเรื่องโปรโมท ตารางซ้อมคอนเสิร์ต หรือคิวงานอื่น สมาชิกในบ้านมีวิธีพักต่างกันออกไป พี่จองอุนกำลัง ขะมักเขม้นกับคอมพิวเตอร์เสียจนปลายจมูกแทบจะแตะกับหน้าจอแอลซีดีใหญ่ยักษ์ รยออุคหายเงียบเข้าไปในห้องนอนได้สักพัก พี่ซองมินดูเหมือนจะกำลังขลุกอยู่กับคู่หูที่หน้าจอทีวี...ผมน่าจะเรียกว่า ขลุกหรือควรจะเรียกว่าคลุกกันนะเพราะศีรษะที่โผล่พ้นพนักพิงขึ้นมามองไกลๆ แทบแยกไม่ออกว่าไหนคือพี่ซองมินหรือว่าพี่ทงเฮ หึ ดีจังนะคนน่ารักทำอะไรก็ดูไม่น่าเกลียด
 
 
                   พื้นที่ภายใต้กรอบการมองเห็นของผมมีอยู่แค่นี้ อ้อ...น่าเห็นใจพี่อีทึกกับพี่คังอินเพราะเป็นแค่สองคนที่ยังต้องอยู่ทำงานต่อ
 
 
 
                “คุณคยูฮยอนครับช่วยสนใจกระผมด้วย แม้คุณจะเป็นเจ้ายุทธภพแต่ก็ไม่ต้องอ่อนให้ถึงขนาดนี้หรอกนะครับ กระผมก็พอมีฝีมืออยู่บ้าง...สนใจกูด้วย!” เสียงสบถตบท้ายประโยคเต็มไปด้วยอารมณ์ ผมตวัดหางตามองอีฮยอกแจคู่มือดวลเกมส์ที่ไม่แม้แต่จะยอมละสายตาไปจากจอโทรทัศน์
 
 
 
                “ก็พี่อ่อนจริงๆ นี่...
 
 
 
                “...............”
 
 
 
 
 
                Game Over
 
 
 
 
 
          ไอ้ @$#@$@&$^*^&*(*^%&$%” ผมปล่อยให้ลิงตัวขาวร่ายคำด่าจนสาแก่ใจ คนแพ้มักจะเก็บกดและมีแนวโน้มว่าจะอารมณ์แปรปรวนได้ง่าย ยิ่งเฉพาะกับคนที่...แพ้มาตลอดอย่างฮยอกแจฮยองความอัดอั้นย่อมสูงเป็นหลายเท่าของคนทั่วไป
 
 
 
                “เล่นเต็มฝีมือ อย่าให้รู้ว่าอ่อนให้อีกนะไอ้มักเน่คนที่ภายนอกดูเอวบางร่างน้อยแต่กลับอุดมไปด้วยมัดกล้ามชันเข่าข้างหนึ่งขึ้นอย่างเตรียมพร้อม ผมรับจอยเกมส์มาถือไว้อย่างไม่ขัดข้อง สองตาจับจ้องหน้าจอราวกับกำลังทุ่มเทความสนใจอยู่แค่นั้น ทว่า...ผมไม่ได้สนุกเลยสักนิด แม้แต่รอยยิ้มที่แตะแต้มอยู่บนริมฝีปากในยามนี้ก็หลอกลวง สมองผมมีแค่เรื่องบางเรื่องที่ยังค้างคาอยู่ในใจ ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าอารมณ์ของผมจะกำลังเบี่ยงเบนไปในทิศทางใด
 
 
 
                ผมกำลังหงุดหงิด และโมโหร้ายอย่างที่สุด!
 
 
 
 
 
 
 
                Game Over
 
 
 
 
                อ๊ากกกกกกก...ไอ้เวรคยู!” ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำอะไรลงไป พอนึกถึงสิ่งที่สั่งสมอยู่ในใจสมองมันก็สั่งงานให้หาหนทางระบายออก และมือก็ปฏิบัติการลงไปอย่างรวดเร็วกว่าทุกครั้ง ผมจบเกมส์ด้วยเวลาไม่ถึงสองนาทีทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังใจเย็นทนเล่นเป็นเพื่อนอีฮยอกแจได้ถึงเกมส์ละกว่าสิบนาที
 
 
 
                “จะไปไหนวะ นั่งเลยๆ ชนะแล้วคิดจะชิ่งเหรอ
 
 
 
                “พี่ไม่เคยพัฒนาฝีมือเลย ผมเบื่อแล้วคนที่เคยติดเกมส์อย่างหนัก และแม้จะถอดถอนตัวเองออกมาจากคำนั้นได้แล้วแต่ก็ไม่เคยสามารถพูดได้เต็มปากว่า-เบื่อ-มาวันนี้ผมเซ็งเอาจริงๆ จังๆ ไอ้ที่หวังใจว่าจะใช้เรื่องที่ชอบ สิ่งที่รักในการผ่อนคลายความตึงเครียดเป็นอันพอกันที...
 
 
 
 
               ในเมื่อมันไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง ไม่ใช่สาเหตุของความหงุดหงิดที่แท้จริงต่อให้ผมเล่นเกมส์ชนะพี่ฮยอกแจอีกสักร้อย พันครั้งมันก็ดับความงุ่นง่านในใจผมไม่ได้
 
 
 
 
 
                “ไอ้เด็กเวรกลับมาก่อน กลับมาเดี๋ยวนี้เลย...แมร่ม!” ผีเกมส์เมอร์กำลังเข้าสิงอีฮยอกแจจนถ้อยคำที่ผ่านริมฝีปากสีสวยออกมาเต็มไปด้วยภาษาดอกไม้อย่างที่เวลาปกติจะไม่กล้าใช้ โดยเฉพาะต่อหน้าพี่อีทึก นอกจากจะไม่สนใจปฏิบัติตามคำขอร้องแกมบังคับจากคนขี้แพ้แล้ว ผมยังเดินหนีไปในทิศทางที่คิดว่าน่าจะดีที่สุด...ห้องนอน
 
 
 
                  กึ่ก
 
 
                กึ่ก
 
 
                กึ่ก
 
 
                เกิดเป็นโจคยูฮยอนช่างลำเค็ญนัก! ผมคิดแล้วก็พร่างพรูลมหายใจ...พร่างพรูเหรอ ไม่สิคำนั้นดูดีเกินไป...ผมกระแทกลมหายใจออกจากนั้นก็สูดเอาออกซิเจนเข้าไป ใหม่พร้อมกับหมุนตัวมุ่งไปยังเส้นทางใหม่
 
 
 
                “นายจะไปไหน
 
 
 
                “ห้องน้ำ...ระดับความสูงของคนตรงหน้าไม่ได้ด้อยกว่าผมการจะยืนต่อตากันเลยทำได้ง่าย แต่ผมเบนสายตาลงต่ำ
 
 
 
                “นายควรจะเรียกให้ใครช่วย ไม่ใช่เดินไปไหนมาไหนเองตามใจชอบแบบนี้
 
 
 
                “ห้องน้ำอยู่แค่นี้เอง น่าจะพอดูแลตัวเองได้
 
 
 
                “แต่นายกำลังไม่สบาย
 
 
 
                “พี่ไม่ได้ป่วย
 
 
 
                “ฉันหมายถึงขา
 
 
 
                “อ้อ...คนที่กลายเป็นบุคคลทุพลภาพชั่วคราวลากเสียงยาว ผมต่อตากับคนตรงหน้าได้แล้ว แต่ก็แค่สามวินาทีแล้วมือมันก็ยกขึ้นประสานที่อก หน้าก็เชิดมองไปทางอื่นโดยอัตโนมัติ...เว้ย ผมละเกลียดจริงๆ เวลาที่ตัวเองเป็นแบบนี้
 
 
 
                “...............”
 
 
 
                “หลบหน่อยได้ไหม พี่จะไปห้องน้ำเพิ่งรู้ว่าตัวเองยืนขวางทางเดินไว้ทั้งหมดก็ตอนที่เสียงทุ้มต่ำนั้นร้องเตือน แผ่วเบาแต่ทรงอำนาจจน...ผมยอมฉากหลบให้นิดหน่อยอย่างที่เจ้าตัวเขาขอ
 
 
 
                “ฉันจะช่วย
 
 
 
                “ไม่เป็นไรนายไปนอนเถอะ
 
 
 
                “รู้ได้ยังไงว่าฉันจะไปนอน
 
 
 
                “ก็เห็นเดินไปที่ห้อง
 
 
 
                “ฉันอาจจะไม่ได้อยากนอนก็ได้
 
 
 
                แต่ปกติเวลานายหงุดหงิด หรือ...โกรธ นายชอบหลบไปนอน ปล่อยคนพิการให้ล้มหน้าคว่ำจูบพื้นห้องนี่ผิดบาปมากไหม ผมละอยากจะลองดูสักครั้ง!
 
 
 
                “นายโกรธจริงๆ ด้วย
 
 
 
                เปล่า!”
 
 
 
                “งั้นหงุดหงิด
 
 
 
                เปล่า!”
 
 
 
                “ไปนอนเถอะ พี่ดูแลตัวเองได้มีตั้งสี่ขา รับรองไม่ล้มถึงแม้สถานการณ์จะไม่เอื้อแต่ผมรู้ว่าริมฝีปากหยักโค้งได้รูปของคิมคิบอมกำลังแย้มเป็นรอยยิ้มสวย ดวงตาสีจัดก็คงกำลังทอแสงอ่อนละมุนเหมือนน้ำเสียงที่เปล่งออกมา อบอุ่น อ่อนโยน คือคำจำกัดความของผู้ชายคนนี้
 
 
 
 
 
                ซะเมื่อไหร่ละ! ที่พูดออกมาน่ะประชดกันชัดๆ
 
 
 
 
                “พระเอกเวลาพิการก็ไม่ได้น่ามองนักหรอกนะเอาสิคิมคิบอมประชดเป็นคนเดียวที่ไหน โจคยูฮยอนก็เก่งไม่แพ้ใครหรอกนะ!
 
 
 
                “พี่ดูแย่มากไหม
 
 
 
                “แย่
 
 
 
                “มากไหม
 
 
 
                “มาก
 
 
 
                “นั่นสินะ...พี่คงดูแย่จนแม้แต่หน้านายก็ไม่อยากมองมือที่คอยจับประคองอยู่ที่แขนข้างหนึ่งคลายออกด้วยความรวดเร็ว เกือบจะได้เห็นพระเอกล้มคว่ำลงไปกองกับพื้นจริงๆ คิบอมเซถลาเพราะถ่วงสมดุลร่างกายได้ไม่ทันกับสองมือที่ผละออก
 
 
 
                เฮ้ย... สองมือขาวจัดสอดเข้ารัดรอบเอวสอบ แรงปะทะและน้ำหนักตัวของคนพิการ(ชั่วคราว) ทำให้คยูฮยอนเสียหลัก แทนที่จะได้ช่วยเลยกลายเป็นตัวเองที่ถูกพระเอกประคองไว้แทน ไม้เท้าข้างหนึ่งหล่นกระแทกพื้นเสียงดังแต่ไร้ซึ่งวี่แววแห่งความสนใจใคร่ดีจากพี่คนอื่นๆ ถ้าคยูฮยอนถูกคิบอมล้มทับแขนเดาะ สะโพกครากไปอีกคนคราวนี้คงยิ่งกว่าสนุกละ!
 
 
                เจ็บหรือเปล่า เสียงทุ้มนุ่มนวลกระซิบถาม ใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมร้อนที่รินรดลงบนซอกคอ ใกล้เสียจนสัมผัสได้ถึงจังหวะที่ริมฝีปากขยับปะทะผิวเนื้ออ่อน
 
 
 
                “เจ็บ!...คิมคิบอม ฉันเจ็บ!” ผมกระชากเสียงเต็มอารมณ์หงุดหงิด เจ็บแปลบที่ซอกคอ
 
 
 
                “เจ็บตรงไหนเสียงอู้อี้ฟังไม่ถนัดแต่ก็ยังพอจับใจความได้เพราะกระซิบอยู่ไม่ไกล
 
 
 
                คอ...ปล่อย!”
 
 
 
                “ฉันล้มทับเลยทำให้นายเจ็บสินะ...ซอกหลืบหน้าประตูห้องน้ำรวมมิดชิดและมืดสลัว แต่...มันไม่ได้มากพอที่คิบอมจะทำอะไรตามอำเภอใจได้เสียหน่อย ผมดันร่างสูงที่กำลังทาบทับสุดแรงได้ช่องว่างแค่มดเดินผ่าน แผ่นอกเรียบตึงและน้ำหนักตัวของคิบอมกำลังจะทำให้กระดูกข้อมือของผมเดาะอีกหนึ่งอย่าง
 
 
 
                “คิมคิบอม ปล่อยสิ ฉันจะลุกขึ้น!” อารมณ์หวิววับในอกเริ่มมีอิทธิพลเหนือกลุ่มหมอกควันของความหงุดหงิด ริมฝีปากคู่นั้นหยุดการรุกรานแล้วก็จริง แต่ไม่ใช่เรื่องดีเลย...ตอนนี้ผมถูกบังคับให้สบตาสีดำจัดแฝงแววหวานแสนเจ้าเล่ห์แทน
 
 
 
                โกรธอะไรพี่หรือครับ ใครบอกว่าคิมคิบอมแสนดี คนดีที่ไหนจะมานอนทับคนอื่นแถมยังก้มหน้าลงมาจนริมฝีปากจะประกบกันอยู่หน้าห้องน้ำอยู่แล้ว
 
 
 
                “ลุกขึ้นได้หรือยัง ฉันอึดอัด!”
 
 
 
                “บอกมาก่อนว่าโกรธอะไร
 
 
 
                “ไม่ได้โกรธอะไรทั้งนั้น!” เอาละ เขายั่วจนผมเริ่มเก็บอารมณ์ตัวเองไม่อยู่แล้วตอนนี้ เสียงที่พยายามให้เบาแสนเบาเริ่มดังขึ้นทีละน้อย
 
 
 
                “โกรธสิ นายโกรธพี่
 
 
 
                “เอ๊ะ ก็บอกว่าเปล่า
 
 
 
                โจ... ผมเม้มปากแน่นเบี่ยงหน้าหลบสายตามองไปทางอื่นที่ไม่ใช่ผิวเข้มและปลายจมูก โด่งเป็นสันของคนที่เพิ่งสะกดชื่อสกุลของผมด้วยสุ้มเสียงทอดอ่อน
 
 
 
                โจ... ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่เป็นผลพวงมาจากการเรียกครั้งที่สอง ทั้งที่พยายามทำแข็งใจ สู้อุตส่าห์วางตัวเงียบขรึม โกรธขึ้งมาได้ตั้งเกือบสองวัน แต่...แค่สองชั่วโมงที่คิมคิบอมมาอยู่ร่วมบ้านผมก็คิดอะไรไม่ออกเสียแล้ว ทำไมใจง่ายจังวะโจคยูฮยอน
 
 
 
                “นายไม่รู้ว่าฉันโกรธเรื่องอะไร แล้วรู้ได้ไงว่าฉันโกรธคำถามฟังดูงงๆ แต่ผมเริ่มคิดอะไรไม่ออกแล้วจริงๆ คิบอมใช้ท่อนแขนข้างหนึ่งยันพื้นไว้สำหรับทรงตัว แต่อีกมือเกาะแกะอยู่แถวปลายนิ้วเรียวของผม
 
 
 
                “รู้สิรู้...รู้...รู้ คิมคิบอมบอกว่ารู้แต่ผมสงสัย...เขารู้อะไร และรู้ได้อย่างไร
 
 
 
                “จะพูดแค่นี้ใช่ไหม...ฉันอยากลุกขึ้นแล้ว
 
 
 
                นายแทนตัวเองว่า ฉัน และเรียกพี่ว่า นาย... ผู้ชายคนนี้ทำให้ผมร้อนผ่าวที่หน้า ลมหายใจก็ติดขัดเพราะเสียงทุ้มที่ทอดต่ำ ไม่ได้ตัดพ้อต่อว่า แต่ตรงไปตรงมาเสียจนโจคยูฮยอนหน้าหงาย
 
 
 
                “ปกตินี่ไม่มีอะไรแปลกเสียหน่อย....ใครๆ ก็รู้ถ้าได้ยืนตัวตรงเป็นตัวของตัวเองจะแถมท่ายักไหล่เท่ห์ๆ แบบไม่แยแสอะไรให้ด้วย แต่ตอนนี้ทำได้แค่เลิกคิ้วน้อยๆ กับเบ้ปากนิดๆ
 
 
 
               เฉพาะเราสองคน ไม่เกี่ยวกับคนอื่น
 
 
 
                “แต่ตอนนี้ไม่ได้มีแค่เราสองคน ยังมีคนอื่น
 
 
 
                “พี่ไม่เห็นใครอื่นนอกจากเราสองคน คุณพระเอกเขาเริ่มท่องบทละครอีกแล้วหรือเนี่ย แต่ เอ เท่าที่รู้...ช่วงนี้คิบอมไม่มีละครนะ
 
 
 
                “พี่จองอุนกำลังเล่นคอมพิวเตอร์ พี่ซองมินกับพี่ทงเฮกำลังนั่งดูละคร พี่ฮยอกแจ...เล่นเกมส์ รยออุค...ถ้าพี่ยังไม่ยอมลุกขึ้น อีกเดี๋ยวอาจจะมีใครมาเจอเราเข้าก็ได้ประโยคขาดๆ หายๆ เพราะกำลังใจถูกปั่นทอนให้ลดต่ำด้วยสัมผัสนุ่มหยุ่นที่คลอเคลียอยู่บนกลีบปากสดฉ่ำ แค่จูบเดียวคยูฮยอนก็ลืมสรรพนามห่างเหินที่จงใจใช้เว้นระยะห่างเสียสิ้น คิบอมยิ้มอย่างคนเป็นต่อ
 
 
 
               นายกลัวคนอื่นจะรู้เรื่องของเรา หรืออายที่ถูกพี่จูบ
 
 
 
                “แล้วพี่ชอบให้ตัวเองถูกผู้ชายจับกดหน้าห้องน้ำไหมละ คนเป็นพี่หัวเราะในคอ ผมเห็นกระเดือกที่ขยับขึ้นลงแล้วก็นึกอยากบีบให้แหลกคามือ...ถ้ามือผมว่างพอจะทำอย่างนั้นได้นะ
 
 
 
                “งั้นนั่งคุยกันคนแทนตัวว่าพี่พูดแล้วก็ขยับลุกขึ้นพร้อมกับดึงคนที่ต้องรับสภาพของน้องอย่างผมให้ลุกนั่งประจันหน้ากันที่เดิม
 
 
 
                “ไม่เอาหน้าห้องน้ำคิบอมมองตามร่างสูงโปร่งที่ขยับลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องออกปากขอความช่วยเหลือแค่เอื้อมมือดึงไม้เท้าความช่วยเหลือก็ถูกหยิบยื่นแทบจะทันที
 
 
 
                “พี่อยากคุยกับนาย ที่ไหนก็ได้ผมถูกคนพิการแค่ชั่วคราวทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดให้เป็นภาระสุดท้ายก็ถูกดันจนแผ่นหลังเบียดชิดกับผนัง ครั้งนี้ไม่ได้โดนกด แต่ถูกกักไว้ด้วยร่างหนา
 
 
 
                 เห็นหรือยัง...คิมคิบอมน่ะเจ้าเล่ห์แค่ไหน
 
 
 
                “ผมไม่ชอบถูกกักตัวเป็นนางเอกละครหลังข่าวด้วยเหมือนกันคิบอมยิ้มเรื่อย รู้ว่าต่อให้ไม่ชอบเพียงไรแต่คนในอ้อมกอดอย่างผมก็จะไม่มีวันทำอะไรรุนแรงอย่างแน่นอน...ใช่สิ คิมคิบอมเป็นคนเจ็บนี่นะ
 
 
 
                “ขาพี่เจ็บอยู่นะ
 
 
 
                “ก็ไหนบอกว่ามีตั้งสี่ขาเท่านั้นแหละไม้เท้าทั้งสองข้างก็ถูกผลักออก คราวนี้ไม่ใช่แค่ร่างกายที่บดเบียดแต่วงแขนก็กางกั้นปิดทางหนี
 
 
 
                “โจ...บอกได้หรือยังว่าโกรธพี่เรื่องอะไรเลี่ยงมาได้สองวัน อึดอัด อัดอั้น หงุดหงิด เคืองขุ่นจนพาลเหวี่ยงใส่คนนู้นคนนี้ไปทั่ว ส่วนต้นเหตุแค่ถามไม่กี่คำอารมณ์เหล่านั้นของผมก็คล้ายจะมลายสูญหายไปพร้อมเสียงเรียกชื่อสกุลในแบบที่เจ้าตัวเขาชอบนักหนา
 
 
 
 
 
 
 
               เจ็บหนักทำไมไม่บอก จะไปพักฟื้นที่อเมริกาทำไมไม่บอก แล้วผมจะทำอะไรได้ ในเมื่อไม่เหลือมาดให้ต้องรักษาอีกต่อไปสิ่งที่เก็บกักไว้ก็ล้นออกมาง่ายๆ คิบอมคงแปลกใจที่ผมหยุดเอาเฉยๆ เขามองหน้าผมอย่างรอคอยแต่ไม่ละผมจะไม่ยอมให้เขาสมหวังมากไปกว่านี้อีกแล้ว
 
 
 
                “รู้หมดแล้วนี่
 
 
 
                “ผมรู้จากคนอื่นคิบอมอาจจะคิดว่าไม่สำคัญ แต่คยูฮยอนเห็นว่าสำคัญอย่างยิ่ง
 
 
 
                “เรื่องอาการพี่ตั้งใจจะบอกเราแต่ช้ากว่าซึงฮวานฮยอง ส่วนเรื่องไปอเมริกาฮยองก็เป็นคนจัดการทั้งหมดแค่ประโยคเดียวคิบอมก็สรุปรวบใจความได้ครบถ้วนจนหาช่องมาโจมตีต่อไม่ได้เลย แต่ระดับคยูฮยอนมันต้องมีสักทางละน่า
 
 
 
                “ทำไมต้องไปไกลด้วย
 
 
 
                “ฮยองคงกลัวไม่มีใครดูแลมั้ง ทุกคนกำลังยุ่ง
 
 
 
                “ก็มาอยู่เสียด้วยกัน คนเยอะแยะช่วยๆ กันดูก็ได้...ผมแค่เป็นห่วง สภาพแบบนี้เดินทางลำบากร้อนรนปกป้องตัวเองเสร็จสรรพ แต่ช้าไปไหมโจคยูฮยอน
 
 
 
                พี่จะเก็บความห่วงใยของนายใส่กระเป๋าไปด้วย
 
 
 
 
 
 
 
อ่า...
 
 
 
ต้องไปจริงๆ หรือครับคิบอมพยักหน้ารับแทนคำพูด ผมถอนหายใจแรงๆ อยากจะโกรธต่อแต่สีหน้าของคนเป็นพี่ทำให้คิดอะไรไม่ออกแล้ว ผมหมดข้ออ้างจะโกรธคิบอมแล้วนี่
 
 
 
นานไหม
 
 
 
พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะ...ไม่นานมั้ง
 
 
 
นานแน่ๆ หมอบอกให้พักหกสัปดาห์ เกือบสองเดือนเลยนะผมอดแปลกใจตัวเองไม่ได้ ทั้งที่ปกติก็ไม่ได้เจอกันบ่อยๆ แต่พอรู้ว่าคิบอมจะไปไกลถึงอเมริกาผมกลับรู้สึก...เหงาจัง
 
 
 
นานจัง
 
 
 
อืม นาน...ผมไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้ายังไง แต่ผมเห็นคิบอมยิ้มรื่น หน่วยตาดำจัดเปล่งประกายวาววับให้อกใจผมพลอยหวีดหวิวไปด้วย
 
 
 
ต้องบอกหรือเปล่าว่าจะคิดถึง คนพูดน่ะตาวาวคาดหวังคำตอบที่คล้ายคลึงกัน คิดถึงน่ะคงคิดถึงอยู่หรอก...แล้วผมต้องพูดด้วยเหรอ
 
 
 
ไม่ต้องก็ได้ ผมคงไม่ค่อยว่างเท่าไหร่คราวนี้ตาคมหรี่ลงและผมรู้สึกตัวช้าไปกว่าจะสำนึกถึงอันตรายของคิมคิบอม ริมฝีปากที่แต่งแต้มรอยยิ้มอบอุ่นอ่อนโยนอยู่เสมอก็บดคลึง ฉกชิง เก็บกลืนลมหายใจ กวาดต้อนดูดกลืนและถ่ายเทรสชาติหวานผ่านปลายลิ้นจนตัวผมอ่อนระโหย ดีเหลือเกินที่แผ่นหลังยังกดติดอยู่กับผนังหนามิเช่นนั้นผมก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าตัวเองจะพยุงร่างกาย และไม่เผลอทิ้งน้ำหนักเป็นภาระให้คนพิการชั่วคราวต้องลำบาก จูบของพี่คิบอมโหมกระหน่ำ รุกไล้ ระรานจนต้องยอมแพ้พอถูกเสียงทุ้มกระซิบคาดคั้นผมก็พลั้งปากตอบตกลงไปเสียหมดทุกอย่าง...นี่เจ็บจริงใช่ไหม?
 
 
 
ทีนี้พอจะหาเวลาว่างได้แล้วใช่ไหมพอไม่ได้รับคำตอบที่พอใจใบหน้าคมก็ก้มต่ำ แต่ครั้งนี้ผมใช้ส้นมือดันปลายคางหนาไว้ได้สำเร็จ
 
 
 
จะพยายามครับมือหนาแข็งราวคีมเหล็กหนีบข้อมือของผมออกจากปลายคางแล้วเป้าหมายเดิมก็ถูกกระชับเข้าหาริมฝีปากร้อนพร้อมแรงงับหนักๆ ให้พอรู้สึก
 
 
 
ว่างแล้วเนาะ
 
 
 
ว่าง(ก็ได้)ครับจมูกโด่งฝังเน้นๆ ลงมาบนแก้มอย่างไม่กลัวรอยช้ำจะปรากฏอวดสายตาใครต่อใคร มือหนากุมมือผมไว้แน่นราวกับกลัวว่าถ้าเบามือกว่านี้ผมจะปล่อยทิ้งไม่ใยดี
 
 
 
พอใจหรือยังครับ
 
 
 
อืม
 
 
 
งั้นก็ปล่อย
 
 
 
ยังก่อน
 
 
 
อ้าว...
 
 
 
พอใจแค่คำตอบคนพูดน้อยถ้าไม่ถามไถ่ก็อย่าหวังว่าจะได้คำตอบ
 
 
 
แล้วยังจะเอาอะไรอีก
 
 
 
จูบ...ยังไม่พอ ขออีกนะ
 
 
 
พวกคุณคิดเหมือนผมไหม คิมคิบอมน่ะร้ายกาจที่สุด!
 
 
.
 
.
 
.
 
 
 
โจ
 
 
 
ครับ...
 
 
 
ยืนไหวไหม
 
 
 
หือ...ว่าไงนะครับคิบอมต้องกำลังยิ้มอยู่แน่ๆ เพราะริมฝีปากของเขาคลี่ออกจากกัน ผมมองไม่เห็นแต่...รู้สึกได้
 
 
 
ยืนไหวหรือเปล่า...ดูเหมือนมีใครสักคนกำลังเดินมาทางนี้ พี่ซองมินหรือไม่ก็พี่ทงเฮ...อาจจะทั้งคู่ผมลืมตากว้าง ใจเต้นแรงจนเจ็บในอกได้ยินเสียงเคลื่อนไหวใกล้เข้ามาจริงๆ
 
 
 
พี่ปล่อยก่อนผมจะหยิบไม้เท้าให้ในยามปกติคิบอมน่ะแรงมากกว่าผมนิดหน่อย แต่ขณะที่คิบอมป่วยเรี่ยวแรงผมกลับไม่ได้เพิ่มขึ้นจนเหนือกว่าเขาได้เลย...ผมไม่กล้าออกฤทธิ์กับคนป่วย ไม่กล้าทำรุนแรงเพราะกังวลว่าจะกระทบกระเทือนกับขาที่เจ็บ
 
 
 
ถ้าปล่อยพี่ก็ล้มสิ
 
 
 
ขยับมาก่อนแล้วเอาหลังพิงผนังไว้ อย่าเพิ่งถ่ายน้ำหนักมาบนขาข้างที่เจ็บนะผมพยายามช่วยให้คิบอมขยับตามขั้นตอนที่บอกกล่าว แต่ร่างหนากลับไม่เขยื้อน
 
 
 
ไม่เป็นไร เกาะนายไว้แบบนี้ก็ได้
 
 
 
ไม่ได้...เดี๋ยวใครเห็นเข้าก็เป็นเรื่อง!”
 
 
 
ใครที่ว่าคงเข้าใจว่านายกำลังช่วยพยุงพี่
 
 
 
คิมคิบอม...!”
 
 
 
 
 
ปวดฉี่ๆ ขอทางหน่อยปวดจะแย่แล้วใครคนนั้นตะโกนให้เสียงมาตั้งแต่ก่อนจะโผล่พ้นมุม กระต่ายสีชมพูตัวอวบขาวก้มหน้าก้มตามองแต่พื้นปากก็พร่ำคำเดิมราวกับมองไม่ เห็นผมที่พยายามเบี่ยงทิศทางให้ดูไม่เป็นรองจนเกินไป ให้เข้าใจไว้ก่อนว่าผมกำลังช่วยเหลือเพื่อนร่วมวง ไม่ใช่...ดิ้นรนเอาตัวรอด
 
 
 
เสียงประตูปิดตามหลังร่างพี่ซองมินกระตุ้นให้ผมออกแรงดันตัวเองออกจากวงแขนแกร่ง หักใจไม่สนว่าจะทำให้คนเจ็บหนักกว่าเดิมหรือไม่ ตอนนี้ศักดิ์ศรีผมก็มีค่าไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ผมได้ยินเสียงหัวเราะขลุกขลักดังมาจากลำคอของคนตรงหน้า แล้วก็แทบไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ เพราะคิบอมยอมปล่อยง่ายดายจนผมได้แต่ยืนคว้าง คนเจ็บถอยไปยืนพิงผนังอย่างที่ผมแนะนำในตอนแรกพร้อมรอยยิ้มสุขสมใจ ส่วนผมก็ทำได้แค่กัดฟันจนกรามขึ้นเป็นสันนูน...สนุกจังเลยนะคิมคิบอม!
 
 
 
ไม้เท้า...นายคงเดินกลับเองได้ใช่ไหม
 
 
 
ถ้าฉันบอกว่าไม่ไหวละ
 
 
 
ซองมินฮยอง...ช่วยพาคิบอมกลับไปด้วยนะครับ ผมมีธุระด่วนต้องไปทำอีซองมินทำแก้มพอง แต่ก็ยอมขยับเข้าช่วยเหลือทว่าคิบอมร้องห้ามเสียงนุ่ม
 
 
 
ผมไม่เป็นไรครับ มาเองได้ก็กลับเองได้
 
 
 
อ่า...เอางั้นเหรอพระเอกของบ้านยิ้มตาหยี ซองมินก็ว่าง่ายเหลือทนพอไม่เป็นที่ต้องการของใครกระต่ายตัวขาวก็เขย่งก้าวกระโดดกลับไปในทิศทางเดิม พอคิบอมก้าวเข้ามาใกล้ผมก็ถอยฉากเรียกเสียงหัวเราะจากคนอารมณ์ดีได้อีกครั้ง
 
 
 
พี่ไม่ได้จะทำอะไร
 
 
 
ผมก็แค่จะหลีกทางให้ผมเปิดทางให้คนเจ็บเดินผ่านแต่คิบอมกลับหยุดเอาแต่จ้องหน้านิ่ง
 
 
 
 
 
 
 
โจ... อยู่ใกล้แค่นี้ถึงไม่ขานรับคิบอมก็คงรู้ว่าผมได้ยินชัดเจน
 
 
 
แน่ใจนะว่าอยากให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆผมวางท่าเหมือนต้องค่อยๆ ทำความเข้าใจกับประโยคนั้นทั้งที่เข้าใจแจ่มแจ้ง สีหน้าของคิบอมจริงจัง แต่ภายใต้ความนิ่งเฉยเครียดขรึมนั้นผมรู้ดีว่าคิบอมจะยอมตามใจผมเสมอใน เรื่องนี้
 
 
 
ไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่าคำว่า -เรา- พี่เคยบอกผมแบบนี้ -เรา- ที่หมายถึง พี่กับผม คิบอมยิ้ม...เห็นไหมว่าเขาตามใจผมเสมอละ
 
 
 
ถ้าเป็นความต้องการของโจคยูฮยอน คิมคิบอมก็ไม่ขัดข้องครับ ปกติคนขาเจ็บทั่วไปเคลื่อนไหวได้เร็วแค่ไหนกัน พอผมเผลอคนมีสี่ขาก็กอดกระชับขโมยความหวานไปจากเนื้อตัวผมอีกยก
 
 
 
คงมีแต่เรื่องนี้ละมั้งที่คิบอมไม่เคยยอมตามใจผมสักครั้ง...ผมโดนเอาเปรียบตลอดเลย ^^
 
 
 
 
 
 
 
 
 
END...


No comments:

Post a Comment